jos55 instaslot88 Pusat Togel Online การทำลายอย่างสร้างสรรค์ - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

การทำลายอย่างสร้างสรรค์

โจเซฟ ชุมปีเตอร์ นักเศรษศาสตร์ ได้สร้างถ้อยคำที่ดูเหมือนข้ดแย้งกันคือ การทำลายอย่างสร้างสรรค์ ภายในหนังสือของเขาชื่อ Capitalism, Socialism, and Democracy 1942 เขาได้มองการเป็นผู้ประกอบการเป็นกระบวนการอย่างหนึ่งของการทำลายอย่างสร้างสรรค์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ได้ถูกทำลายไป และทดแทนด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ดังนั้นการเป็นผู้ประกอบการจะมุ่งการค้นพบและการแสวงหาประโยชน์จากโอกาสที่มีกำไร การเป็นผู้ประกอบการเป็นกลไกที่สำคัญ เพื่อที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง บริษัทที่กระตุ้นการเป็นผู้ประกอบการต้องยอมรับความเสี่ยงภัย ผูกพันกับนวัตกรรม และใช้การกระทำเชิงรุก ไม่ใช่การรอคอยโอกาสที่สร้างโดยบริษัทอื่น
  เรามีความแตกต่างระหว่างธุรกิจขนาดย่อมและธุรกิจผู้ประกอบการคือ ธุรกิจขนาดย่อมมีขนาดเล็ก และไม่ครอบครองตลาด สมาคมธุรกิจขนาดย่อมของอเมริกาได้กำหนดว่าธุรกิจขนาดย่อมมีพนักงานไม่เกิน 100 คน ธุรกิจขนาดย่อม ไม่เจริญเติบโตเป็นธุรกิจขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ นักธุรกิจขนาดย่อมเป็นผู้ประกอบการ แต่ไม่ใช่นักธุรกิจขนาดย่อมทุกคนเป็นผู้ประกอบการ ประวัติได้แสดงให้เห็นว่านวัตกรรมที่สำคัญเกิดขึ้นจากธุรกิจขนาดย่อมเหมือนกับธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น ธุรกิจขนาดย่อมได้คิดค้นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มีดโกนสแตนเลส วิทยุทรานซิสเตอร์  และเครื่องถ่ายเอกสาร สมาคมธุรกิจขนาดย่อมของอเมริกาได้กล่าวว่า ธุรกิจขนาดย่อมได้สร้าง 55% ของนวัตกรรมทุกอย่างภายในตลาดของอเมริกา
  การเจริญเติบโตของธุรกิจผู้ประกอบการอาจจะเกิดขึ้นระยะเริ่มแรก กลายเป็นธุรกิจขนาดกลางที่มีพนักงาน 100 ถึง 500 คน กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีพนักงาน 500 คนขึ้นไป วอลมาร์ท ไมโครซอฟท์ หรืออินเทล  ได้เริ่มต้นจากการเป็นผู้ประกอบการด้วยเป้าหมายของการเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ภายในตลาดของพวกเขา ณ จุดเริ่มต้น ธุรกิจขนาดย่อมและธุรกิจผู้ประกอบการอาจจะแยกจากกันได้ยาก ตามมุมมองของผู้ประกอบการแล้ว การเจริญเติบโตและการปรากฏที่ยิ่งใหญ่คือเป้าหมายที่สำคัญของพวกเขา
   เรามักจะรับรู้ความสำเร็จของการเป็นผู้ประกอบการ แต่ความล้มเหลวจะเป็นส่วนสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการด้วย ภายใต้ความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการได้เรียนรู้บทเรียนบางอย่างที่อาจจะนำไปสู่การสร้างธุรกิจที่บรรลุความสำเร็จในที่สุด โนแลนด์ บุชเนลล์ ผู้ก่อตั้งบริษัทอตาริ วีดีโอเกม  ได้ล้มเหลวภายในธุรกิจหลายอย่าง แต่เขาได้มุ่งมั่นและเรียนรู้ความผิดพลาดของเขาเอง การเริ่มต้นธุรกิจของริชาร์ด แบรนด์สัน ผู้ก่อตั้งเวอร์จิน กรุ็ป มีทั้งธุรกิจที่ล้มเหลวด้วย เช่น  ธุรกิจนิตยสาร เวอร์จิ้น กรุ็ป เป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่มากของอังกฤษ ไม่แพ้กลุ่มธุรกิจใหญ่มากของญี่ปุ่น เช่น มิตซูบิชิ กร็ุป หรือกลุ่มธุรกิจใหญ่มากของเกาหลี เช่น  ซัมซุง กรุ็ป   ธุรกิจของเวอร์จิ้น กรุ็ป มีตั้งแต่ดนตรี วิทยุ โรงแรม สายการบิน การค้าปลีก  อินเตอร์เน็ต หนังสือ ธนาคาร ไปจนถึง การดูแลสุขภาพ ธุรกิจทุกอย่างของบริษัท ได้ใชัชื่อตราสินค้าอย่างเดียวกันคือ  “Virgin
  เมื่อพูดถึงธุรกิจแบบครอบครัว  เรามักจะมองว่าเป็นธุรกิจขนาดย่อม  ธุรกิจแบบครอบครัวอาจจะเป็นหรือไม่เป็นธุรกิจผู้ประกอบการ ที่จริงแล้วธุรกิจแบบครอบครัวอาจจะมีขนาดย่อมหรือขนาดใหญ่ได้  ธุรกิจแบบครอบครัวเป็นเจ้าของและบริหารโดยโดยบุคคลส่วนใหญ่ที่เกี่ยวพันกันทางสายเลือดและหรือการสมรส  ธุรกิจแบบครอบครัวมักจะต้องเผชิญกับปัญหาของการสืบทอด การสืบทอดความเป็นผู้นำจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง คำถามคือ ทรัพย์สินจะแบ่งกันอย่างไร และใครคือผู้สืบทอดคนต่อไป  ธุรกิจแบบครอบครัวประมาณ 30% เท่านั้นจะอยู่รอดถึงสองช่วงอายุคน และเพียง 15% เท่านั้นจะอยู่รอดถึงสามช่วงอายุคน ช่วงอายุคนแรกจะสร้างธุรกิจ ช่วงอายุคนที่สองจะสืบทอดมรดก และ ช่วงอายุคนที่สามจะทำลาย
  จอห์ เดวิส  นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้สร้างโมเดลวงกลมสามวงของธุรกิจแบบครอบครัวขึ้นมา เพื่อที่จะอธิบายการทับซ้อนระหว่างครอบครัวและธุรกิจ สมาชิกของครอบครัว แต่ไม่มีความเป็นเจ้าของ(6) อาจจะได้รับความลำเอียงจากการจ้างงาน และโอกาสความก้าวหน้ามากกว่าสมาชิกของครอบครัว และมีความเป็นเจ้าของ แต่ทำงานอยู่ที่อื่น(4) หรือพนักงานที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของครอบครัวและความเป็นเจ้าของ(2) ผลประโยชน์ที่แตกต่างกันจะทำให้การบริหารธุรกิจแบบครอบครัวยุงยาก ซับซ้อน และตึงเครียด
ธุรกิจครอบครัวมีอัตราความล้มเหลวสูง สมาคมธุรกิจขนาดย่อมของอะมริกาได้รายงานว่าธุรกิจใหม่ประมาณ 60% ถึง 80% ล้มเหลวภายในห้าปีแรกของการดำเนินงาน เจ้าของอาจจะเสียชีวิตหรือเกษียณ การขายธุรกิจแก่บุคคลบางคน หรือธุรกิจไม่ทำกำไร ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งคือ การเริ่มต้นของธุรกิจครอบครัวจำนวนมากล้มเหลว เนื่องจากเจ้าของขาดการควบคุมทางการเงินที่ดี  การบริหารที้ผิดพลาด การขาดความเชี่ยวชาญ และการขาดความผูกพัน
  การสำรวจชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงเป็นเจ้าของมากกว่าเก้าล้านธุรกิจภายในอเมริกา  สัดส่วนประมาณ  38%  ของธุรกิจทุกอย่าง  ผู้หญิงมักจะเผชิญกับเพดานแก้วภายในบริษัท ประตูความก้าวหน้าของบริษัทได้ถูกปิดลง  เนื่องจากความลำเอียงทางเพศต่่อผู้หญิง ดังนั้นพวกเธอได้ลาออก และกลายเป็นผู้ประกอบการ การเป็นผู้ประกอบการได้ให้โอกาสแก่ผู้หญิงต่อสู้ด้วยตัวเอง
  เรามักจะมีความเชื่อว่าผู้ประกอบการเป็นโดยกำเนิดจากพันธุกรรม การวิจัยยืนยันว่าไม่เป็นความจริง บุคคลทุกคนมีศักยภาพเป็นผู้ประกอบการได้ แต่ผู้ประกอบการมีคุณลักษณะทางบุคลิกภาพบางอย่างร่วมกันอยู่ อายุที่กระตือรือร้นมากที่สุดของผู้ประกอบกานอยู่ระหว่าง 25 ถึง 34 ปี ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องร่ำรวย เช่น ฮิวเลตต์-แพคการ์ด บริษัทอีเล็คโทรนิคระดับโลก ได้เริ่มต้นขึ้นมาภายในโรงเก็บรถยนต์ ของนักศึกษามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดสองคน พวกเขามีเงินทุนไม่กี่ร้อยเหรียญ และคำสั่งซื้ออุปกรณ์เสียงจากบริษัทวอลท์ ดีสนี่ย์เท่านั้น ผู้ประกอบการมองว่าเงินไม่ใช่เป็นเหตุผลพื้นฐานของการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ผู้ประกอบการบางคนเตือนว่า การมุ่งเงินอาจจะไขว้เขวได้ เท็ด เทิรนเนอร์ ผู้ก่อตั้งซีเอ็นเอ็น ได้กล่าวว่า ถ้าเราคิดว่าเงินเป็นเงื่อนไขที่สำคัญแล้ว เราอาจจะกลัวเกินไปกับการสูญเงินที่จะได้เงิน เด็บบี้ ฟิลด์ ผู้ก่อตั้งมิสซิส ฟิลด์ คุกกี้ กล่าวว่า  ถ้าเราจะแสวงหาเงิน เราจะไม่ได้เงิน ผู้ประกอบการหลายคนได้หลีกเลี่ยงการกล่าวขวัญและไม่ดึงดูดความสนใจจากประชาชน  ที่จริงแล้วผู้ประกอบการบางคนอาจจะชอบความโด่งดัง เราจะรู้จักชื่อของผู้ประกอบการที่โด่งดังไม่กี่คน เช่น บิลล์ เกตต์ ของไมโครซอฟท์  ไมเคิล เดลล์ ของเดลล์ คอมพิวเตอร์ หรือสตีฟ จ้อป ของแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์เท่านั้น
  การเป็นผู้ประกอบการได้กลายเป็นความสนใจไปทั่วโลก มหาวิทยาลัยบาบสันได้วิจัยการเป็นผู้ประกอบการภายใน 35 ประเทศรวมทั้งอเมริกา พบว่าบุคคลวัยหนุ่มสาวประมาณ 30 ล้านคนหรือ 14% ของประเทศที่ได้ศึกษา ยุ่งเกี่ยวกับการสร้างธุรกิจใหม่ บุคคลหลายคนมองการเป็นผู้ประกอการการเป็นงานอาชีพที่ดึงดูด จำนวนหนังสือการเป็นผู้ปรกอบการได้ชี้ให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของการเป็นผู้ประกอบการ อเมซอน ดอทคอม ได้ระบุว่าหนังสือผู้ประกอกการมีมากกว่า 1,900 เล่ม
  การเสียชีวิตของผู้ประกอบการยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก สตีฟ จ้อป ผู้ก่อตั้งแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ เมื่อ ค.ศ 2011  ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ผู้นำประเทศ ได้กล่าวถึงการเป็นผู้ประกอบการเป็นวิถีทางอย่างหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจ แม้แต่คณะกรรมการรางวัลโนเบิลได้ยกย่องผลกระทบของการเป็นผู้ประกอบการทางสังคม การให้รางวัลโนเบิลสาขาสันติภาพแก่มูฮัมมัด ยูนุส นักเศรษฐศาสตร์ ผู้ก่อตั้งธนาคารคนจนของบังคลาเทศ เพื่อการให้สินเชื่อแก่ผู้ยากจน(ไมโครเครดิต)
  ผู้นำธุรกิจไม่ได้เป็นข้อกำหนดเบื้องต้นของการเป็นผู้ประกอบการ เรื่องราวของผู้ก่อตั้งธุรกิจหลายคนเป็นนักศึกษาที่ลาออกจากมหาวิทยาลัย ปีเตอร์ ดัคเกอร์ นักวิชาการบริหารแนวหน้าของโลก ได้กล่าวไว้ดีมาก การเป็นผู้ประกอบการเป็นของขลัง ? การเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่เวทมนต์คาถา  การเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่ความลึกลับ และการเป็นผู้ประกอบการไม่ได้เป็นกรรมพันธุ์  การเป็นผู้ประกอบการเป็นสาขาวิชา  และทุกสาขาวิชาสามารถเรียนรู้ได้  ใช่ บุคลบางคนได้ยืนยันว่าการเป็นผู้ประกอบการเป็นศิลปมากกว่าศาสตร์
   ผู้ประกอการที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกหลายคนได้เลิกเรียนมหาวิทยาลัย เนื่องจากพวกเขามองว่าการศึกษาไม่มีประโยชน์ หรือวิชาที่แสวงหาอยู่สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ทั้งมาร์ค ซัคเกอร์เบิรคและบิลล์ เกตต์ ได้เริ่มต้นธุรกิจในขณะที่อยู่ภายในมหาวิทยาลัย บุคคลทั้งสองยังวัยหนุ่มเพียงพอที่จะกลับไปเรียนต่อได้ถ้าธุรกิจล้มเหลว และพวกเขามีฐานะทางครอบครัวที่ดีด้วย แต่นักศึกษาบางคนได้ถูกบังคับให้เลิกเรียน เนื่องจากพวกเขาขาดแคลนเงินทุนหรือปัญหาส่วนตัว ทั้งริชาร์ด แบรนสัน และสตีฟ จ้อป   ได้เผชิญกับทางเลือกระหว่างการเลิกเรียน และการทำให้พ่อแม่ต้องยากจนลงไปอีก ดังนั้นพวกเขาได้เลือกการเลิกเรียน
  ผู้ประกอบการเหมือนเช่นไมเคิล เดลล์ จากเดลล์ คอมพิวเตอร์ เจอร์รี่ย์ ยาง จากยาฮู หรือ แลร์รี่ย์ เพจ และเซอร์จี บริน จากกูเกิ้ล มีรายได้หลายร้อยล้านเหรียญจากการสร้างธุรกิจของพวกเขา แต่บุคคลเหล่านี้ยืนยันว่าเงินไม่ใช่สิ่งจูงใจลำดับแรก มาร์ค แอนเดรสเซ็น ผู้ก่อตั้งเน็ตเคป ได้กล่าวว่า  เงิน ไม่ได้เป็นสิ่งจูงใจหรือแม้แต่เครื่องวัดความสำเร็จของผมเลย ผู้ประกอบการบางคนได้กล่าวว่า รางวัลทางการเงินจากการเป็นผู้ประกอบการอาจจะเป็นรสหวานขมได้ ถ้าตามมาด้วยการสูญเสียการควบคุมธุรกิจของพวกเขา ภายหลังจากการขายธุรกิจเวอร์จิน เรคคอร์ด ไป ริชาร์ด แบรนสัน ได้กล่าวว่า ผมเดินอยู่บนถนน ผมกำลังร้องให้ น้ำไหลอาบแก้ม และผมกำลังถือเช็คหลายพันล้านเหรียญ ถ้าคุณเห็นผม คุณอาจจะคิดว่าผมบ้า  มันไม่ใช่เงินหลายพันล้านเหรียญ แต่มันคือการสูญเสียธุรกิจ
  การเป็นผู้ประกอบการมีความสำคัญต่อทั้งบริษัทใหญ่และบริษัทเล็ก บริษัทต้องสร้างนวัตกรรม เพื่อที่จะอยู่รอดภายในตลาดโลก สภาพแวดล้อมการแข่งขันใหม่บังคับให้บริษัทต้องมีความเสี่ยงภัยของการเป็นผู้ประกอบการ ชาวจีนได้กล่าว่า วิกฤตกาลมีคุณลักษณะสองอย่าง ประการแรกวิกฤตจะเป็นอันตราย และประการที่สองวิกฤตจะเป็นโอกาส คำพูดนี้จะคล้ายกับการเป็นผู้ประกอบการ การเป็นผู้ประกอบการเป็นทั้งวิกฤตและโอกาส บริษัทกำลังใช้การเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น
การสร้างธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง
  การเป็นผู้ประกอบการจะกระตุ้นและแนะนำผลิตถัณฑ์ใหม่ ด้วยการสร้างนวัตกรรม นวัตกรรมเกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของผู้ประกอบการ การเป็นเป็นผู้ประกอบการจะบุกเบิกเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้เทคโนโลยีเดิมล้าสมัย แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ได้พัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมาครั้งแรก ท้าทายต่อเมนเฟรม คอมพิวเตอร์ ของไอบีเอ็ม คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่เหนือกว่า และได้กระตุ้นตลาดที่ใหญ่โตแก่ซอฟท์แวร์
 โดยพื้นฐานแล้วนวัตกรรมคือ การสร้างบางสิ่งบางอย่างที่ใหม่ ไมเคิล ทัชแมน นักวิชาการ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้อธิบายว่า นวัตกรรมอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน หรือการเปลี่ยนแปลงส่วนเพิ่ม นวัตกรรมพื้นฐาน(Radical Innovation) คือ การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้ทดแทนผลิตภัณฑ์เดิมหรือเทคโนโลยีเดิมอย่างสิ้นเชิง  เช่น เวิรลด์ ไวด์ เว็บ คือนวัตกรรมพื้นฐาน นวัตกรรมส่วนเพิ่ม(Incremental Innovation) คือ การสร้างผลิตภัณฑ์จากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมที่ไม่ได้ทำให้เทคโนโลยีเดิมล้าสมัย เช่น โทรศัพท์ไร้สายที่เล็กลง

การพัฒนาหน่วยธุรกิจใหม่ภายในโครงสร้างของบริษัทใหญ่ เพื่อที่จะใช้ทรัพยากรของบริษัทสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่แก่ตลาดคือ การเป็นผู้ประกอบการภายใน บริษัทใหญ่บางบริษัทได้วัฒนธรรมองค์การที่กระตุ้น และการเลี้ยงดูธุรกิจใหม่  3 เอ็ม ได้กำหนดเป้าหมายของบริษัทไว้ว่า มากกว่า 30% ของยอดขายของบริษัทต้องได้มาจากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอายุไม่เกินสี่ปี สายงานเทคนิค(นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย) ของ 3 เอ็ม ได้ถูกกระตุ้นให้ใช้เวลาการทำงาน 15%  เพื่อการทดลองใหม่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สนใจส่วนตัวได้  3 เอ็มเรียกว่าเป็นนโยบายการแอบทำ(Bootlegging Policy)
  เมื่อ ค.ศ 1968 สเปนเซอร์ ซิลเวอร์ นักวิจัยของ 3 เอ็ม ได้คิดค้นกาวเหนียวที่ติดได้ทนทาน แต่โชคไม่ดีเขาได้ค้นพบกาวที่ไม่เหนียวพอ แม้แต่ทิ้งรอยบนพื้นที่ติดเลย ต่อมาเพื่อนร่วมงานของเขา อาร์เธอร์ ฟราย ที่ต้องไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ พบว่าที่คั่นหนังสือเพลงสวดมักจะหล่นง่าย ดังนั้นเขาได้นึกถึงกาวที่ไม่หนียวของสเปนเซอร์ ซิลเซอร์ เพื่อที่จะนำมาเคลือบกระดาษเป็นที่คั่นหนังสือ ติดและดึงออกจากหนังสือเพลงสวดได้ และไม่ทิ้งรอยไว้เลย อาร์เธอร์ ฟราย ได้ใช้
  เมื่อแอปเปิล คอมพิวเตอร์ ได้แสดงแก่โลกว่า เราจะมีตลาดที่ใหญ่โตของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไอบีเอ็มได้มองเห็นโอกาสของการออกแบบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของบริษัทเอง เพื่อที่จะท้าทายแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ไอบีเอ็มได้สร้างหน่วยธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมา และสามารถนำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของไอบีเอ็มออกสู่ตลาดเพียง  12ิ เดือนเท่านั้น  ไอบีเอ็มได้ใช้ชิ้นส่วนประกอบอีเล็คโทรนิคมาตรฐาน ไม่ได้มีส่วนประกอบที่ผลิตจากไอบีเอ็มเลย
  เครื่องชี้อย่างหนึ่งของความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการต่อบุคคลหรือบริษัทคือ ระดับความพยายามของการเป็นผู้ประกอบการ บริษัทที่มุ่งการเป็นผู้ประกอบการได้ค้นหาวิถีทางกำจัดระบบราชการอยู่เสมอ และปลูกฝังจิตวิญญานของการเป็นผู้ประกอบการ เวอร์จิน
คือชื่อตราสินค้าที่ถูกยอมรับมากที่สุดลำดับสามของอังกฤษ  เวอร์จิน กรุ็ป ดำเนินธุรกิจที่หลากหลายตั้งแต่สายการบิน ไปจนถึงดนตรี ริชาร์ด แบรนสัน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ได้กล่าวว่า บริษัทของเขาดำเนินธุรกิจด้วยวิถีทางการเป็นผู้ประกอบการอย่างไร  ” ตามธรรมเนียมที่ชี้ให้เห็นว่า ยิ่งใหญ่ยิ่งสวยงาม”
  แต่ทุกครั้งเมื่อธุรกิจของเราใหญ่จนเกินไปแล้ว เราจะแบ่งธุรกิจเหล่านี้เป็นหน่วยธุรกิจที่เล็กลง ผมจะไปพบผู้บริหารระดับสูงและกล่าวว่า  ขอแสดงความยินดี ปัจจุบันคุณคือผู้บริหารสูงสุดของบริษัทใหม่ เมื่อเราได้รวมกลุ่มธุรกิจดนตรี : เวอร์จิน มิวสิค เรามีบริษัทเพลง 50 บริษัท ภายในกลุ่มธุรกิจดนตรี  บริษัทเพลงแต่ละบริษัทมีพนักงานไม่เกิน 60 คน
  สตีฟ จ้อป คือ หัวใจวัฒนธรรมแบบผู้ประกอบการของแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ เขาได้จูงใจและบันดาลใจจินตนาการของบุคคล ณ แอปเปิ้ล เมื่อบริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง จงพิจารณาการยึดครองตลาดของแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ด้วยการสร้างนวัตกรรม เพื่อนของเราหลายคนต้องใช้โทรศัพท์มือถือไอพอดของแอปเปิ้ล

กริฟฟอร์ด พินชอต  ได้สร้างถ้อยคำหนึ่งขึ้นมา : Intrapreneurship  จากเอกสารที่เขาและภรรยา
เขียนไว้เมื่อ ค,ศ  1978  ชื่อ Intra-Corporate Entrepreneurship  แปลว่า การเป็นผู้ประกอบการภายใน หรือ การเป็นผู้ประกอบการบริษัท(Corporate Entrepreneurship) การเป็นผู้ประกอบการภายในคือ การกระทำหรือการมีพฤติกรรมที่คล้ายกับผู้ประกอบการในขณะที่ทำงานอยู่ภายในบริษัทใหญ่ 
ผู้ประกอบการภายในคือ  “Dreamers Who Do”  บุคคลที่มุ่งนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ภายในสภาพแวดล้อมขององค์การ บริษัทควรจะสนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการภายในของบุคคล เพื่อที่จะสร้างนวัตกรรมและการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง   ริชาร์ด แบรนสัน ผู้ก่อตั้ง เวอร์จิ้น กรุ็ป กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของอังกฤษ ได้กล่าวว่า  เวอร์จิ้น กรุ็ป  ได้เจริญเติบโตจนกลายเป็นกลุ่มของบริษัทมากกว่า 200  บริษัทได้ เนื่องจากบริษัทได้สนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการภายในที่มุ่งแสวงหาโอกาสด้วยการใช้ความพยายามที่สวนกระแสอย่างต่อเนื่อง บริษัทที่เจริญเติบโตเต็มที่จนบริษัทใหญ่มากมักจะมีข้อเสียเปรียบจากการกลายเป็นความล่าช้าแบบระบบราชการ เหมือนเช่น ไอบีเอ็ม ในอดีตที่ผ่านมา บริษัทได้เผชิญกับความเฉื่อยชา การสร้างนวัตกรรมจะเกิดขึ้นช้าหรือไม่ค่อยจะมี  ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทเล็กที่มีข้อได้เปรียบทางความคล่องตัวสูงและสร้างนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว ไอบีเอ็ม บริษัทใหญ่มากขนาดเท่าเรือไืทนานิคเลยทีเดียว ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทเล็ก เช่น เดลล์ คอมพิวเตอร์ หรือ คอมแพค คอมพิวเตอร์ ได้  ดังคำพูดเปรียบเปรยที่ว่า เด็กน้อยผู้ฆ่ายักษ์ ในที่สุด ไอบีเอ็ม ต้องขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแก่บริษัทจีนที่ใช้ชื่อตราสินค้าใหม่ว่าเลเนโว  ดังนั้นบริษัทใหญ่เหล่านี้ได้พยายามจะลดขนาดลง   หรือบริษัทใหญ่เหล่านี้ได้ใช้การสร้างผู้ประกอบการภายใน  เพื่อที่จะกระตุ้นและสร้างนวัตกรรมได้มากขึ้น

การบ่มเพาะทางธุรกิจ(Business Incubation) คือ การช่วยเหลือที่จะเร่งการเจริญเติบโตแก่ผู้ประกอบการ การจัดหาและการบริการทรัพยากรทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ  การเลี้ยงดูและการพัฒนาผู้ประกอบการ   และการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้อยู่รอดและเจริญเติบโต ณ ช่วงเวลาของการเริ่มต้นที่ไม่มั่นคงอยู่ เป้าหมายของการบ่มเพาะทางธุรกิจคือ การสร้างงานแก่ท้องที่ การกระตุ้นบรรยากาศทางธุรกิจแก่ชุมชน การรักษาธุรกิจภายในภูมิภาคเอาไว้ และการเร่งการเจริญเติบโตของธุรกิจภายในอุตสาหกรรม  การสร้างสภาพแวดล้อมที่เลี้ยงดูผู้ประกอบการที่เพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจได้ก่อให้เกิดศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจขึั้นมา
   ศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจคือ องค์การที่ถูกออกแบบ เพื่อที่จะเร่งการเจริญเติบโตและความสำเร็จของผู้ประกอบการที่เริ่มต้นธุรกิจระยะแรก  ศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจได้ให้การสนับสนุนทรัพยากร และการบริการทางธุรกิจที่มีทั้งพื้นที่การทำงาน การฝึกอบรม การสอนงาน  การบริการ รวมไปถึงการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจเป็นเสันทางที่ดีของการเข้าไปสู่แหล่งเงินทุน เช่น สถาบันการเงิน รัฐบาล และนักลงทุน
  ศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจจะมีประโยชน์หลายอย่างแก่ผู้ประกอบการที่เพิ่งจะเริ่มต้น  เช่น การเสนอค่าเช่าสำนักงานและโรงงานที่ต่ำ และการมีผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจหรือนักธุรกิจให้คำแนะนำการวางแผนธุรกิจ และการจัดหาเงินทุนแก่ผู้ประกอบการใหม่  โดยทั่วไปผู้ประกอบการควรจะใช้เวลาเฉลี่ยสองปี ณ ศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจ ณ เวลานี้ิ ผู้ประกอบการจะรวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างตั้งแต่ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์ รวมไปถึงค่าเช่าสำนักงาน  เพื่อที่จะลดต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการทุกคน  ศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจมักจะเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัย เพื่อที่จะให้การบริการทางวิชาการและเทคนิคแก่ผู้ประกอบการใหม่ด้วย
  ศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจที่น่าตื่นเต้นมากทื่สุดของโลกคือ ซิลิคอน แวลลี่ย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย 20 % ของบริษัทอีเล็คโทรนิคและซอฟท์แวร์ใหญ่ที่สุด 100 บริษัทของโลกจะเกิดขึ้นจากที่นี่  มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด  นักลงทุน และโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค ได้ทำให้ ซิลิิคอน แวลลี่ย์  เป็นสภาพแวดล้อมที่พิเศษ เพื่อการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางปัญญาของผู้ประกอบการ การวิจัยข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศของไมเคิล พอร์เตอร์  นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยืนยันว่า บริษัทคอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกได้รวมกลุ่มอยู่ ณ ซิลิคอน แวลลี่ย์  และถ้าเป็นศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุดของเอเชียแล้วคือ บังกะลอร์ เมืองใหญ่ของอินเดีย ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นซิลีคอน  แวลลี่ย์ แห่งเอเซีย  ณ ที่นี่  เป็นการรวมกลุ่มบริษัทคอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์ของทั้งอินเดีย และข้ามชาติจำนวนมาก  แหล่งผลิตคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ และโปรแกรมเมอร์  ใหญ่ที่สุดของเอเชียเลยทีเดียว   การสื่อสาร ณ ที่นี่ ใช้เป็นภาษาอังกฤษ

ผู้ประกอบการที่บรรลุความสำเร็จต่างมีความลุ่มหลงกับธุรกิจของพวกเขามาก ความลุ่มหลงได้เกิดขึ้นจากความเชื่อของผู้ประกอบการว่า การสร้างธุรกิจของพวกเขามีอิทธิพลต่อชีวิตของมนุษย์ หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงโลกได้ ทำไมบิลล์เกตต์ ไมเคิล เดลล์ หรือ แลร์รี่ย์ และเซอร์จี้ บริน บุคคลที่เหล่านี้ได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าพวกเขาได้ร่ำรวยระดับโลกแล้ว
  ผู้ประกอบการสามารถค้นพบและมองเห็นโอกาสได้ดีกว่าบริษัทใหญ่ และแสวงหาประโยชน์จากโอกาสได้อย่างรวดเร็ว เดอร์เร็ค เอเบลล์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเรียกโอกาสเหล่านี้ว่า หน้าต่างเชิงกลยุทธ์(Strategic Window)  หรือหน้าต่างแห่งโอกาส โอกาสทางตลาดที่หามาได้ภายในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เขาได้กล่าวว่าบริษัทมีช่วงเวลาที่จำกัดระหว่างความสอดคล้องอย่างดี่ที่สุด ระหว่างความต้องการของตลาดและทรัพยากรและความสามารถของบริษัท การลงทุนผลิตภัณฑ์ต้องอยู่ภายในช่วงเวลานี้ที่หน้าต่างเชิงกลยุทธ์ได้เปิดอยู่   เขาได้สนับสนุนแนวคิดการมีสายตาสั้นทางการตลาดของ ธีโอดอร์  เลวิทท์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จากการระบุขอบเขตทางธุรกิจไว้แคบเกินไป บริษัทที่ระบุภารกิจไว้แคบเกินไป มักจะสูญเสียการมองเห็นหน้าต่างแห่งโอกาสไป

Cr:  รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *