การยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์ของสหรัฐกับอิหร่านจะก่อให้เกิดสงครามขนาดใหญ่ในตะวันออกกลาง
การยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์ของสหรัฐกับอิหร่านจะก่อให้เกิดสงครามขนาดใหญ่ในตะวันออกกลาง:
ประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐกำลังพยายามผลักดันให้รัฐสภาสหรัฐประกาศไม่รับรองข้อตกลงนิวเครียร์กับอิหร่านและจะตามมาด้วยการแซงค์ชั่นทางเศรษฐกิจกับประเทศนี้
ด้วยข้อกล่าวหาเดิมๆคืออิหร่านเป็นผู้ส่งออกการก่อการร้าย และ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งสาธารณรัฐอิหร่านคือองค์กรการก่อการร้าย แต่ในความเป็นจริงสหรัฐนั่นแหละคือผู้สนับสนุนองค์กรการก่อการร้าย อย่าง อัลกออิดะฮ์ และ ไอเอส
แม้การกระทำดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอิสราเอล ไซออนีสต์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเมืองสหรัฐ และกลุ่มขวาจัดหัวรุนแรง แต่ได้รับการคัดค้านจากหลายประเทศที่ร่วมลงนามในข้อตกลง เช่น รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ ตลอดจนจีนที่ขยายความร่วมมือทางธุรกิจกับอิหร่านมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศได้เข้าไปลงทุน เช่น นอร์เว และกลุ่มอียู
ประเด็นสำคัญคือจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสหรัฐฉีกสัญญา
1. กลุ่มประเทศในยุโรปย่อมไม่ทำตาม เท่ากับโดดเดี่ยวสหรัฐ
2.รัสเซีย กับจีน และอีกหลายประเทศ ก็จะเพิ่มความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอิหร่านมากขึ้น เป็นการรุกทางการเมืองระหว่างประเทศต่อสหรัฐ
3.อิหร่านที่ได้พัฒนาขีปนาวุธในระดับสูงได้แล้ว อาจจะใช้โอกาสนี้บอกเลิกสัญญา ที่ตนเองไม่เคยละเมิดข้อตกลง จึงมีความชอบธรรมที่จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องตนเอง
4.อิสราเอลและซาอุดิอารเบียย่อมจะมีปฏิกริยาเพราะถือเป็นภัยคุกคามตนเอง
จากสาเหตุดังกล่าวสหรัฐก็คือต้นเหตุของการสร้างความตึงเครียดในตะวันออกกลางจนอาจเกิดสงครามใหญ่อันจะเป็นผลต่อการผลิตน้ำมัน ที่เป็นแหล่งใหญ่ของโลก ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงและจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะประเทศผู้นำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งประเทศไทย ในขณะที่สหรัฐจะได้ประโยชน์จากการผลิตและขายน้ำมันที่สกัดจากหินน้ำมันเพราะมีต้นทุนต่อหน่วยถูก ได้กำไรมหาศาล แต่ทั่วโลกเดือดร้อน
ประเทศไทยจึงต้องมีท่าทีที่ชัดเจนในการชี้นำกลุ่มสมาชิกอาเซี่ยน ให้ร่วมมือกันคัดค้านสหรัฐเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเราเอง และเพื่อความสงบสุขของโลก
ประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐกำลังพยายามผลักดันให้รัฐสภาสหรัฐประกาศไม่รับรองข้อตกลงนิวเครียร์กับอิหร่านและจะตามมาด้วยการแซงค์ชั่นทางเศรษฐกิจกับประเทศนี้
ด้วยข้อกล่าวหาเดิมๆคืออิหร่านเป็นผู้ส่งออกการก่อการร้าย และ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งสาธารณรัฐอิหร่านคือองค์กรการก่อการร้าย แต่ในความเป็นจริงสหรัฐนั่นแหละคือผู้สนับสนุนองค์กรการก่อการร้าย อย่าง อัลกออิดะฮ์ และ ไอเอส
แม้การกระทำดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอิสราเอล ไซออนีสต์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเมืองสหรัฐ และกลุ่มขวาจัดหัวรุนแรง แต่ได้รับการคัดค้านจากหลายประเทศที่ร่วมลงนามในข้อตกลง เช่น รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ ตลอดจนจีนที่ขยายความร่วมมือทางธุรกิจกับอิหร่านมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศได้เข้าไปลงทุน เช่น นอร์เว และกลุ่มอียู
ประเด็นสำคัญคือจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสหรัฐฉีกสัญญา
1. กลุ่มประเทศในยุโรปย่อมไม่ทำตาม เท่ากับโดดเดี่ยวสหรัฐ
2.รัสเซีย กับจีน และอีกหลายประเทศ ก็จะเพิ่มความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอิหร่านมากขึ้น เป็นการรุกทางการเมืองระหว่างประเทศต่อสหรัฐ
3.อิหร่านที่ได้พัฒนาขีปนาวุธในระดับสูงได้แล้ว อาจจะใช้โอกาสนี้บอกเลิกสัญญา ที่ตนเองไม่เคยละเมิดข้อตกลง จึงมีความชอบธรรมที่จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องตนเอง
4.อิสราเอลและซาอุดิอารเบียย่อมจะมีปฏิกริยาเพราะถือเป็นภัยคุกคามตนเอง
จากสาเหตุดังกล่าวสหรัฐก็คือต้นเหตุของการสร้างความตึงเครียดในตะวันออกกลางจนอาจเกิดสงครามใหญ่อันจะเป็นผลต่อการผลิตน้ำมัน ที่เป็นแหล่งใหญ่ของโลก ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงและจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะประเทศผู้นำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งประเทศไทย ในขณะที่สหรัฐจะได้ประโยชน์จากการผลิตและขายน้ำมันที่สกัดจากหินน้ำมันเพราะมีต้นทุนต่อหน่วยถูก ได้กำไรมหาศาล แต่ทั่วโลกเดือดร้อน
ประเทศไทยจึงต้องมีท่าทีที่ชัดเจนในการชี้นำกลุ่มสมาชิกอาเซี่ยน ให้ร่วมมือกันคัดค้านสหรัฐเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเราเอง และเพื่อความสงบสุขของโลก
ศาสตราจารย์ พลโท ดร. สมชาย วิรุฬหผล
Lt.Gen.Somchai Virunhaphol Rt.
Facebook Comments