การเมืองสหรัฐฯส่อเค้าไปสู่ความรุนแรง
คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
ทหารประชาธิปไตย
การเมืองสหรัฐฯส่อเค้าไปสู่ความรุนแรง
ในที่สุด RFK Jr. ก็ได้รับการคุ้มครองจากหน่วยสืบราชการลับหลังจากการพยายามลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์
โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอิสระของสหรัฐฯ จะได้รับความคุ้มครองจากหน่วยสืบราชการลับ ภายหลังเหตุการณ์พยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตามประกาศของรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ อเลฮานโดร มาเยอร์กาส เมื่อวันจันทร์ที่15สิงหาคมที่ผ่านมา
RFK Jr. ซึ่งพ่อของเขาBobby Kennedy ถูกฆาตกรรมอย่างฉาวโฉ่ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ได้ร้องขอความคุ้มครองมานานแล้วเนื่องจากเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยหลายครั้ง
Mayorkas กล่าวว่า “จากเหตุการณ์สุดสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดี Joe Biden ได้สั่งให้ข้าพเจ้าทำงานร่วมกับหน่วยสืบราชการลับเพื่อให้ความคุ้มครอง Robert Kennedy Jr.”
“ขอบคุณประธานาธิบดีไบเดนที่ให้ความคุ้มครองจากหน่วยสืบราชการลับแก่ผม” เคนเนดีกล่าวในแถลงการณ์ พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณต่อบริษัทรักษาความปลอดภัย Gavin de Becker & Associates ที่ “ทำให้ผมปลอดภัยตลอด 15 เดือนที่ผ่านมาของการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี”
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ทรัมป์เรียกร้องให้เคนเนดีได้รับความคุ้มครอง “เมื่อคำนึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกทุกวันนี้ ผมเชื่อว่ามีความจำเป็นที่ Robert F. Kennedy Jr. จะต้องได้รับความคุ้มครองจากหน่วยสืบราชการลับในทันที” อดีตประธานาธิบดีเขียนใน Truth Social “เมื่อพิจารณาจากประวัติความเป็นมาของครอบครัวเคนเนดีแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ!”
เคนเนดีพบกับทรัมป์เมื่อวันจันทร์เพื่อหารือเกี่ยวกับ “ความสามัคคีของคนในชาติ” และกล่าวว่าเขาหวังว่าจะได้พบกับ “ผู้นำประชาธิปไตยเกี่ยวกับเรื่องนั้นเช่นกัน” โดยไม่สนใจข่าวลือว่าเขากำลังวางแผนที่จะถอนตัวออกจากการแข่งขัน
ทรัมป์รอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารระหว่างการรณรงค์หาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันเสาร์ เมื่อมือปืนยิงปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 อย่างน้อย 5 นัดมาทางเขา โดยมีกระสุนหนึ่งนัดกระทบหูขวาของเขา ผู้สนับสนุนทรัมป์เสียชีวิต และอีกสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตี คนร้ายถูกเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับยิงเสียชีวิตในสถานที่เกิดเหตุ
โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ซึ่งลุงของเขา อดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ของสหรัฐฯ และบิดาซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภานิวยอร์กและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ต่างก็ถูกลอบสังหารเมื่อครึ่งศตวรรษก่อน ได้ยื่นคำร้องเพื่อขอรับความคุ้มครองจากหน่วยข่าวกรองเมื่อปีที่แล้ว แม้จะมีการติดตามผลหลายครั้ง แต่คำขอของเขาถูกปฏิเสธโดยทำเนียบขาว
เคนเนดีซึ่งในตอนแรกท้าทายไบเดนให้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครตก่อนเปิดตัวลงสมัครอิสระเมื่อปีที่แล้ว ประสบเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยหลายครั้งในเส้นทางการหาเสียงของเขา เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ชายติดอาวุธคนหนึ่งซึ่งแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางถูกควบคุมตัวในงานหาเสียงของเขา ในขณะที่ในเดือนตุลาคม ชายคนหนึ่งถูกจับในข้อหาบุกรุกที่บ้านของเขาในลอสแอนเจลิส
อย่างไรก็ตามมีการวิเคราะห์เปรียบเทียบกรณีการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี กับกรณีลอบยิงทรัมป์ว่าเหตุใดหน่วยรักษาความปลอดภัยจึงรีบลงมือสังหารมือปืน แทนยิงให้บาดเจ็บแล้วจับตัวมาสอบ ทั้งนี้ในกรณีJFK ในการสืบสวนพบว่ามือปืนมีมากกว่าหนึ่งคน ดังนั้นการเร่งปลิดชีวิตมือปืนอาจเป็นแผนสมคบคิดหรือไม่
นอกจากนี้ในกรณีJFK ยังมีข้อสงสัยว่าหน่วยความมั่นคงอาจมีส่วนเกี่ยวพันด้วย แล้วRFK Jr.จะได้รับการคุ้มครองที่มั่นใจได้หรือไม่ เพราะการลงสมัครอิสสระของเขาจะเป็นการไปตัดคะแนนไบเดน
มีการตั้งข้อสังเกตอีกมุมมองคือถ้าทรัมป์มีโอกาสที่จะได้เป็นประธานาธิบดี อาจทำให้ผู้มีผลประโยชน์วงในของไบเดนร่วมวางแผนก็ได้ โดยเฉพาะในเรื่องยูเครน
กล่าวโดยสรุปการเมืองสหรัฐฯต้นแบบประชาธิปไตยกำลังส่อเค้าไปสู่ความรุนแรงเหมือนประเทศด้อยพัฒนาบางประเทศ แต่ผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯจะยังส่งผลไปยังประเทศต่างๆ อีกด้วย
ประการแรกถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสงครามยูเครนน่าจะเข้าสู่โหมดการเจรจาและยุติศึกในที่สุดเพราะทรัมป์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับปูติน
ล่าสุดปูตินยังขอให้ประธานาธิบดีออบันจากฮังการีไปเยี่ยมทรัมป์เพื่อปูทางเจรจาปัญหายูเครน
แต่สงครามตะวันออกกลางมีแนวโน้มรุนแรงขยายวงมากขึ้น เพราะทรัมป์คือประธานาธิบดีที่สั่งให้ย้ายสถานทูตสหรัฐฯจากเทลอาวีฟมาเยรูซาเล็ม เพื่อเอาใจอิสราเอล ทั้งที่มันขัดกับมติสหประชาชาติ
อนึ่งความขัดแย้งสหรัฐฯและจีนจะตึงเครียดมากขึ้นถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี แม้ว่าสหรัฐฯจะระบุในยุทธศาสตร์ชาติถือว่าจีนคือภัยคุกคามที่เป็นระบบของสหรัฐฯแต่วิธีปฏิบัติของทรัมป์ต่อจีนจะแข็งกร้าวกว่า โดยเฉพาะนโยบายด้านภาษีนำเข้าสินค้าเช่นรถไฟฟ้าจากจีน และการห้ามขายหรือลงทุนด้านชิ๊ปหรือสินค้าไฮเทคบางชนิดแก่จีน
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่านโยบายที่แตกต่างกันของประธานาธิบดีสหรัฐฯย่อมมีผลกระทบต่อประเทศต่างๆและผลประโยชน์มหาศาลของอุตสาหกรรมที่ครอบงำการเมืองของสหรัฐฯนั่นคือDeep State ของขบวนการยิวไซออนิสต์ ซึ่งเคยก่อเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีมาแล้วในสมัยจอห์น เอฟ. เคนเนดี
ยิ่งการต่อสู้แข่งขันทางเศรษฐกิจรุนแรงมากเท่าไรความขัดแย้งทางการเมืองจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ยิ่งมีการผูกขาดของระบบทุนมากเพียงใด ระบอบประชาธิปไตยก็จะอ่อนแอมากยิ่งขึ้น เรื่องของผลประโยชน์จึงไม่เข้าใครออกใคร มันจึงเข่นฆ่ากันได้ง่ายๆ จบดื้อๆแค่นี้นะครับ