ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของวอลมาร์ทนโปเลียนแห่งการค้าปลีก
เมื่อสิ้น ค.ศ 2003 วอลมาร์ท ได้กลายเป็นบริษัทใหญ่ที่สุุดของโลก การประเมินมูลค่าทางตลาดสูงกว่า 400 ล้านเหรียญ พนักงาน 1.4 ล้านคน ร้านค้า
4, 800 แห่งภายในอเมริกาและต่างประเทศ 75% อยู่ภายในอเมริกา รายได้รวมภายในอเมริกาเมื่อ ค.ศ 2004 256.3 พันล้านเหรียญ 2. 3% ของ GDP ของอเมริกา ครอบครัวของชาวอเมริกันมากกว่า 90% ได้ซื้อสินค้า ณ วอลมาร์ททุกปีด้วยความคาดหวังว่า บริษัทได้รักษาคำมั่นสัญญาว่า “ราคาต่ำสุดอยู่เสมอ” วอลมาร์ทเป็นบริษัทเอกชนที่มีระบบการสื่อสารทางดาวเทียมใหญ่ที่สุดของโลก ระบบการเชื่อมโยงการค้าปลีกของวอลมาร์ทเป็นฐานข้อมูลเอกชนใหญ่ที่สุดรองลงมาจากเพนตากอน- กระทรวงกลาโหมของอเมริกาเท่านั้น ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของวอลมาร์ทนโปเลียนแห่งการค้าปลีก เกิดขึ้นจากความเป็นผู้นำและหลักการทางธุรกิจของแซม วอลตัน ผู้ก่อตั้งวอลมาร์ท ที่กลัวการสัมภาษณ์ และทีมผู้บริหารของเขาตั้งแต่การเปิดร้านค้าแห่งแรกชื่อ เบ็น แฟรงคลิน ของเขาขึ้นมา ณ นิวพอร์ต อาร์คันซอ เมื่อ ค.ศ 1945
เมื่อ ค.ศ 1961 แชม วอลตัน ได้ห่วงใยต่อการแข่งขันจากร้าสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เขาได้ศึกษาแนวโน้มของการค้าปลีก และได้วางแผนร้านค้าส่วนลดของเขาเอง ร้านวอลมาร์ทแห่งแรกได้ถูก
เปิดขึ้นมา ณ โรเจอร์ อาร์คันซอ เมื่อ ค.ศ 1962
วารสารฟอร์บ ไ้ด้ระบุว่าแซม วอลตัน ร่ำรวยที่สุดภายในอเมริกา ครอบครัวของแซม วอลตันมีความมั่งคั่งมากที่สุด และควบคุมเกือบ 40% ของบริษัทใหญ่ที่สุดภายในโลก ทรัพย์สินของครอบครัวมูลค่าประมาณ 100 พันล้านเหรียญ มากกว่าบิลล์ เกตต์ และวอร์เร็น บัฟเฟตต์ รวมกัน หรือมากกว่า GDP ของสิงคโปร์ และพวกเขาได้บริจาคเงินการกุศลมากกว่า 700 ล้านเหรีญ 80% เป็นการศึกษา
การให้ความสำคัญต่อบุคคลไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงาน และการมุ่งความประหยัดและความเรียบง่ายคือรากฐานวัฒนธรรมองค์การของวอลมาร์ท เพื่อนร่วมงานทุกคนมีจิตสำนึกของประหยัด ความเรียบง่าย และคุณค่าของเงิน
แม้ว่าวอลมาร์ทได้เจริญเติบโตและมีฐานะการเงินที่เข้มแข็ง แซม วอลตัน ได้มุ่งการรักษาต้นทุนให้ต่ำอย่างเข้มงวด เพี่อที่จะสร้างข้อได้เปรียบทางต้นทุนต่ำเหนือคู่แข่งขัน ผู้บริหารวอลมาร์ทต้องพักโรงแรมห้องคู่เมื่อเดินทาง แซม วอลตันขับรถปิคอัพฟอร์ดรุ่นเก่าที่สุด ตระเวนไปเยี่ยมเยียนร้านค้าวอลมาร์ทอยู่เสมอ เขาจะเดินไม่นั่งรถแทกซี่
แม้ว่าบางครั้งคำถามที่น่าห่วงใยได้ถากถางบริษัทว่า อะไรจะเกิดขึ้น ภายหลังจากแซม วอลตัน ออกไปจากวอลมาร์ทแล้ว ในที่สุดแซม วอลตัน ได้ก้าวลงจากซีอีโอ และได้มอบหมายให้เดวิส กลาสขึ้นมา
เป็นซีอีโอ แม้ว่าแซม วอลตันได้ก้าวลงจากซีอีโอ แต่เขาไม่ได้สละการเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เขายังคงเป็นประธานบริษัทอยู่ และเป็นประธานการประชุมผู้บริหารตอนเช้าวันเสาร์อยู่ต่อไป และได้คาดหวังจะไปเยี่ยมเยียนร้านค้าวอลมาร์ทเหมือนกับที่ได้เคยทำมาแล้วในอดีตด้วย งานอดิเรกนอกเหนือจากการยิงนกคือการทำงานเท่านั้น
เราต้องยอมรับว่าบารมีส่วนบุคคลของแซม วอลตัน มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของวอลมาร์ท เพื่อนร่วมงานจงรักภักดีต่อเขามาก เขาคือหางเสือของเรือวอลมาร์ท ยิ่งกว่านั้นบุคลิกภาพของแซม วอลตัน และการเชิื่อมโยงของเขากับวอลมาร์ท เทียบเคียงได้กับวิถีทางที่บุคลิกภาพของวอลท์ ดิสนี่ย์ ผู้ก่อตั้งวอลท์ ดิสนี่ย์ เชื่อมโยงกับบริษัทของเขา ภายหลังจากการเสียชีวิตของวอลท์ ดิสนี่ย์ บริษัทของเขาได้ตกต่ำลงอยู่นานหลายปี
เราไม่สงสัยเลยว่าวอลมาร์ทคือผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลก ถ้าวอลมาร์ทสามารถบุกเบิกความคิดใหม่ และรักษาความจวรักดีของทั้งลูกค้าและเพื่อนร่วมงานไว้อย่างต่อเนื่อง บริษัทควรจะเจริญเติบโตได้ดีภายในศตวรรษที่ 21 แต่กระนั้นการเจริญเติบโตและขนาดไม่ควรจะกลายเป็นสิ่งสุดท้าย แซม วอลตันได้กล่าวว่า การเป็นหมายเลขหนึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่เราจะห่วงใยมากกว่าต่อการทำสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง และต้องดีที่สุด ณ สิ่งที่เราทำ
เมื่อ ค.ศ 1993 ชื่อเสียงของวอลมาร์ท ได้ถูกโจมตี เมื่อสถานีโทรทัศน์ได้รายงานข่าวว่า แรงเด็กภายในบังคลาเทศกำลังผลิตสินค้าวอลมาร์ท เด็กได้รับค่าจ้างต่ำมากภายในประเทศที่ไม่มีกฎหมายแรงงาน สินค้าที่ถูกผลิตภายนอกอเมริกากำลังถูกขายภายใต้ฉลาก “Made in USA” เป็นส่วนหนึ่ง “Buy American Plan” ของแซม วอลตัน เดวิด กลาส ซีอีโอ ได้กล่าวว่า เขาไม่รู้การใช้แรงงานเด็กของบริษัท แต่เขาได้กล่าวคำขอโทษแก่ประชาชน
แม้ว่าบางครั้งคำถามที่น่าห่วงใยได้ถากถางบริษัทว่า อะไรจะเกิดขึ้น ภายหลังจากแซม วอลตัน ออกไปจากวอลมาร์ทแล้ว ในที่สุดแซม วอลตัน ได้ก้าวลงจากซีอีโอ และได้มอบหมายให้เดวิส กลาสขึ้นมา
เป็นซีอีโอ แม้ว่าแซม วอลตันได้ก้าวลงจากซีอีโอ แต่เขาไม่ได้สละการเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เขายังคงเป็นประธานบริษัทอยู่ และเป็นประธานการประชุมผู้บริหารตอนเช้าวันเสาร์อยู่ต่อไป และได้คาดหวังจะไปเยี่ยมเยียนร้านค้าวอลมาร์ทเหมือนกับที่ได้เคยทำมาแล้วในอดีตด้วย งานอดิเรกนอกเหนือจากการยิงนกคือการทำงานเท่านั้น
เราต้องยอมรับว่าบารมีส่วนบุคคลของแซม วอลตัน มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของวอลมาร์ท เพื่อนร่วมงานจงรักภักดีต่อเขามาก เขาคือหางเสือของเรือวอลมาร์ท ยิ่งกว่านั้นบุคลิกภาพของแซม วอลตัน และการเชิื่อมโยงของเขากับวอลมาร์ท เทียบเคียงได้กับวิถีทางที่บุคลิกภาพของวอลท์ ดิสนี่ย์ ผู้ก่อตั้งวอลท์ ดิสนี่ย์ เชื่อมโยงกับบริษัทของเขา ภายหลังจากการเสียชีวิตของวอลท์ ดิสนี่ย์ บริษัทของเขาได้ตกต่ำลงอยู่นานหลายปี
เราไม่สงสัยเลยว่าวอลมาร์ทคือผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลก ถ้าวอลมาร์ทสามารถบุกเบิกความคิดใหม่ และรักษาความจวรักดีของทั้งลูกค้าและเพื่อนร่วมงานไว้อย่างต่อเนื่อง บริษัทควรจะเจริญเติบโตได้ดีภายในศตวรรษที่ 21 แต่กระนั้นการเจริญเติบโตและขนาดไม่ควรจะกลายเป็นสิ่งสุดท้าย แซม วอลตันได้กล่าวว่า การเป็นหมายเลขหนึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่เราจะห่วงใยมากกว่าต่อการทำสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง และต้องดีที่สุด ณ สิ่งที่เราทำ
เมื่อ ค.ศ 1993 ชื่อเสียงของวอลมาร์ท ได้ถูกโจมตี เมื่อสถานีโทรทัศน์ได้รายงานข่าวว่า แรงเด็กภายในบังคลาเทศกำลังผลิตสินค้าวอลมาร์ท เด็กได้รับค่าจ้างต่ำมากภายในประเทศที่ไม่มีกฎหมายแรงงาน สินค้าที่ถูกผลิตภายนอกอเมริกากำลังถูกขายภายใต้ฉลาก “Made in USA” เป็นส่วนหนึ่ง “Buy American Plan” ของแซม วอลตัน เดวิด กลาส ซีอีโอ ได้กล่าวว่า เขาไม่รู้การใช้แรงงานเด็กของบริษัท แต่เขาได้กล่าวคำขอโทษแก่ประชาชน
ก่อนที่เราจะมีแลร์รี่ย์ เพจ และเซอร์เกย์ บริน ผู้ก่อตั้งกูเกิ้ล เรามีแซม วอลตัน ผู้ก่อตั้งวอลมาร์ท ที่สง่างามและอ่อนน้อมถ่อมตนมากที่สุด แซม วอลตัน เชื่อมั่นต่อการบันดาลใจและจูงใจบุคคล ณ วอลมาร์ท ด้วยวิถีทางที่เพิ่มประสิทธิภาพและความเป็นเจ้าของหุ้นของบริษัท
แซม วอลตัน ได้กล่าวว่า ภายใต้อาชีพงานค้าปลีกของผม ผมได้ยึดหลักการนำทางข้อหนึ่งอยู่เสมอ ความลับของการค้าปลีกที่บรรลุความสำเร็จคือ การให้สิ่งที่ลูกค้าของเราต้องการ แม้แต่คำพูดอ้างอิงจากเขาถึงความสำคัญของลูกค้าว่า : เรามีนายคนเดียวเท่านั้น – ลูกค้า และพวกเขาสามารถไล่ออกบุคคลทุกคนภายในบริษัท ตั้งแต่ประธานบริษัทลงมา เพียงแต่ด้วยการใช้เงินของเขา ณ ที่อื่น นี่คือสิ่งจำเป็นที่สุดที่แซม วอลตัน ต้องการ การทุ่มเทอย่างแท้จริง เพื่อที่จะให้สิ่งที่ลูกค้าต้องการ ตั้งแต่ราคาต่ำสุดไปจนถึงการบริการลูกค้าดีที่สุด
แซม วอลตันเชื่่อว่าการบริหารธุรกิจให้บรรลุความสำเร็จต้องสรุปให้เป็นกฏที่เรียบง่าย ดังนั้นเขาได้กำหนดแห่งความสำเร็จของวอลมาร์ทขึ้นมา 10 ข้อ
ครั้งหนึ่งผู้บริหารคนหนึ่งได้มาเยี่ยมเยียนสำนักงานใหญ่ของวอลมาร์ท ณ เบ็นตันวิลล์ กล่าวว่า เมื่อเขาได้เดินเข้าไป-ภายในห้องประชุมเรียกว่า กฏแห่งความสำเร็จ 10 ข้อของนายแซม ขนที่แขนของเขาลุกชันขึ้นมาทันที เมื่อเขาได้อ่านรากฐานแห่งความสำเร็จของผู้ก่อตั้งบริษัทใหญ่ที่สุดภายในโลก บริษัทที่เจริญเติบโตจากร้านค้าปลีกเพียงแห่งเดียว กลายเป็นร้านค้าปลีก ทั่วโลกได้อย่างไร เขาเชื่อว่าวอลมาร์ทบรรลุความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง เนื่องจากความแตกต่างระหว่างวอลมาร์ท และบริษัทอื่นเกือบทุกบริษัทคือ วอลมาร์ท ได้ใช้กฏ 10 ข้อเหล่านี้ และมีชีวิตอยู่กับพวกมันทุกวัน แซม วอลตัน เป็นตัวอย่างของกฏทุกข้อเหล่านี้ ด้วยพฤติกรรมส่วนบุคคลของเขา
และยืนยันว่ากฏ 10 ข้อนี้เลือกไม่ได้เลย
Made in America เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของแซม วอลตัน บางทีคนรุ่นใหม่ได้พลาดโอกาสที่จะถามแซม วอลตัน เกี่ยวกับการเริ่มต้นและการสร้าง
วอลมาร์ทขึ้นมาได้อย่างไร และเขาคิดว่าอะไรคือหัวใจแห่งความสำเร็จ เพื่อการชดเชย แซม วอลตัน และจอห์น ฮิวอี้ ได้ร่วมกันเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาไม่นานก่อนที่แซม วอลตัน ได้เสียชีวิตไปเมื่อ ค.ศ 1992
Made in America ไม่ได้เป็นแต่เพียงหนังสือเล่มหนึ่ง แต่เป็นบางสิ่งบางอย่างที่ลึกซึ้ง บุคคนบางคนได้กล่าวว่าแซม วอลตัน คือหัวหน้าพ่อครัว ที่เต็มใจจะแบ่งปันสูตรลับของการทำอาหารแก่เราทุุกคน ไม่ว่าอายุ เชื้อชาติ การศึกษา หรือเพศ อะไรก็ตาม ผู้แสวงหาความรู้ – กระหายที่จะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่าสร้างความพอใจแก่ลูกค้า – ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้เขียนได้ติดดินมาก ไม่มีคำศัพท์ทางวิชาการที่เข้าใจยาก เรามีบทเรียนและคำพูดอ้างอิงมากมายจากหนังสือเล่มนี้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการบริหารธุรกิจของเราได้
ไม่มีหน้าไหนของหนังสือเล่มนี้เลยที่ไม่มีการเรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง การแสดงถึงมุมมองของแซม วอลตัน ที่เป็นประสบการณ์ทางธุรกิจระหว่างการปฏิวัติอุตสาหกรรม คุณค่าบางอย่างที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากแซม วอลตัน คือ ความคิดสร้างสรรค์ ความประหยัด ความเชื่อมั่น จิตวิญญานการแข่งขัน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ลูกค้าต้องเป็นหนึ่งเสมอ
เรามีบทเรียนและคำพูดอ้างอิงที่น่าสนใจมากมายจาก Made in America
1 การมองหาการกระทำที่เราสามารถทำได้วันนี้
แซม วอลตัน ได้กล่าวว่า เรามุ่งการกระทำอย่างเข้มแข็งอยู่เสมอ ด้วยคำขวัญว่า ” ทำมัน พยายามกับมัน แก้ไขมัน” ตั้งแต่การเปิดร้านค้า
วอลมาร์แห่งแรก แซม วอลตันมุ่งการสร้างความก้าวหน้าและการปรับปรุง เขาได้พยายามกับสิ่งใหม่และการทดลองอย่างต่อเนื่อง การทดลองหลายอย่างนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของยอดขาย และการทดลองบางอย่างกล้าเพียงพอที่ทำให้ทั้งเมืองต้องพูดถึง
ตัวอย่างที่ดีมากที่แซม วอลตัน จำได้คือ การประกวดกินขนมพายมูน ย้อนหลังกลับไปเมื่อ ค.ศ 1985 เมื่อจอห์น เลิฟ ผู้ช่วยผู้จัดการร้านค้าคน ได้สั่งซื่อขนมมูนพายมากเกินไปโดยไม่ตั้งใจ เนื่องจากเป็นสินค้าที่เสียได้ง่าย ดังนั้นเขาได้เกิดความคิดการประกวดการกินขนมมูนพายได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ไม่เพียงแต่มันจะช่วยรับรองว่าขนมมูนพายจะไม่เสียแล้ว และขนมมูนพายจำนวนมากขายได้ มันได้กลายเป็นประเพณีประจำปีของเมืองไปด้วย
2 การเรียนรู้จากบุคคลทุกคน
แซม วอลตัน ได้กล่าวว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้กระทำ เราได้ลอกเลียนแบบจากบุคคลบางคน สิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งของแซม วอลตัน เมื่อเขาได้เข้ามาสู่ธุรกิจการค้าปลีกคือ การเดินไปยังร้านค้าของคู่แข่งขัน และได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เขาไม่ละอายใจเลยต่อการเดินเข้าไปภายในร้านค้าด้วยเครื่องบันทึกเทปหนรือสมุดพก หรือแม้แต่การถามพนักงานของร้านค้า
ความคิดที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งที่แซม วอลตันได้ “ขโมย” คือ ธุรกิจคลังสินค้าส่วนลด เขาไดยินว่าธุรกิจนี้กำลังดี และได้ไปพบผู้บุกเบิกรายหนึ่ง ต่อมาไม่นานแซม วอลตัน ได้เปิดร้านค้าทดลองขึ้นมา ในที่สุดสิบปี แซมโฮลเซลคลับ ได้กลายเป็นธุรกิจ 10 พันล้านเหรียญต่อปี
3 การให้ความเป็นเจ้าของและความเป็นอิสระแก่บุคคล
แซม วอลตัน ได้กล่าวว่า บทบาทของเราคือ การเลือกบุคคลที่ดี และการให้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างเต็มที่แก่พวกเขา
เมื่อวอลมาร์ทเปิดร้านค้าใหม่ การเงินมักจะตึงตัว นอกเหนือจากการขอเงินกู้จากธนาคาร และเปิดวงเงินสินเชื่อแล้ว แซม วอลตันได้มองไปที่ผู้จัดการร้านค้าใหม่ ด้วยการให้โอกาสแก่พวกเขาที่จะลงทุนภายในร้านค้าใหม่ วอลมาร์ทได้ใช้การแบ่งกำไรและความเป็นเจ้าของหุ้นแก่เพื่อนร่วมงานทุกคน เพื่อที่จะสร้างความเป็นเจ้าของแก่พวกเขา
เราได้มองเห็นแล้วว่าความสำเร็จของการประกวดมูนพาย เกิดขึ้นจากการให้ความเป็นอิสระ ครั้งแล้วครั้งเล่าการทดลองส่งเสริมการขายช่วยทำให้ยอดขายและดึงลูกค้าได้มากขึ้น
ปัญหาใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของร้านค้าปลีกคือ การขโมยสินค้า แซม วอลตัน ต้องการให้การขโมยสินค้าอยู่ภายใต้การควบคุม ดังนั้นเขาได้ใช้การมีส่วนร่วมของเพื่อนร่วมงาน ทุกครั้งที่ตัวเลขการขโมยสินค้าลดลงต่ำกว่าเป้าหมายของวอลมาร์ท เพื่อนร่วมงานทุกคนจะได้โบนัสที่อาจจะสูงถึง 200 เหรียญ
4 การดูแลบุคคลของเรา
แซม วอลตัน ได้กล่าวว่า ถ้าเราต้องการให้บุคคลภายในร้านค้าดูแลลูกค้า เราต้องแน่ใจว่าเราได้ดูแลบุคคลภายในร้านค้า สิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่กี่อย่างของการกระทำของแซม วอลตัน ภายในร้านค้าคือ
– เขาได้ให้สิทธิการซื้อขายหุ้นแก่เพื่อนร่วมงานทุกคน เพื่อที่จะสร้างความเป็นหุ้นส่วน และความเป็นเจ้าของ เมื่อ ค.ศ 1992 80% ของเพื่อนร่วมงานเป็นเจ้าของหุ้นมากกว่า 1.8 พันล้านเหรียญ
– การต้อนรับมาสู่บ้านของเรา ทุกปีร้านค้าวอลมาร์ทแต่ละแห่งได้คัดเลือกเพื่อนร่วมงานมาที่เบนตันวิลล์ เพื่อการประชุมประจำปี แซม วอลตัน ได้เชิญพวกเขาทุกคนมาเลี้ยงอาหารเย็นที่ยิ่งใหญ่ ณ บ้านของเขา
– การนำโดนัทมาฝาก แซม วอลตันตื่นนอนเช้ามาก เขานำกาแฟและโดนัทมาฝากคนขับรถบรรทุกของวอลมาร์ท ณ ศูนย์กระจายสินค้า เขาได้เรียนข้อมูลที่มีคุณค่าจากพวกเขา และคนขับรถบรรทุกต่างตกตะลึงที่ได้พบแซม วอลตัน
5 การยกย่องเป็นเครื่องมือที่สำคัญของผู้นำ
แซม วอลตัน ได้กล่าวว่า บุคคลทุกคนชอบการยกย่อง และเขาได้มองดูทุกโอกาส เพื่อที่จะยกย่องบุคคลบางคน เขารู้พลังของการยกย่อง โอกาสที่สำคัญอย่างหนึ่งเพื่อการยกย่องคือ การประชุมเช้า
วันเสาร์ ผู้บริหารทุกคนร่วมกันอภิปรายผลลัพธ์ ปัญหา และโอกาส นี่คือโอกาสเพื่อการยกย่องด้วย
เราบอกได้ว่าแซม วอลตัน รับความเชื่อนี้ไว้ที่หัวใจ เมื่อเขาได้มองหาโอกาสภายในหนังสือของเขาที่จะยกย่องบุคคล เช่น เขาได้เวลาเขียนเรื่องนี้เกี่ยวกับคนขับรถบรรทุกที่เขาได้ไปเยี่ยมเยียนตอนตีสี่
ผมเพียงแต่พูดว่าเรามีคนขับรถบรรทุกที่แย่มากภายในอเมริกา ความจงรักภักดีและทัศนคติสามารถทำได้ของพวกเขา ได้สร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่แก่บริษัทนี้ เราจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเราเป็นคนขับรถบรรทุกของวอลมาร์ท ได้อ่าน ซีอีโอเขียนเกี่ยวกับ
เราภายในหนังสืออัตชีวประวัติของเขา
กฏข้อ 1 การผูกพันกับธุรกิจของเรา ความผูกพันของแซม วอลตัน ต่อธุรกิจของเขาคือตำนาน วอลมาร์ทคือ ชีวิตของเขา เราต้องเชื่อมั่นกับธุรกิจมากกว่าใครก็ตาม ถ้าเรารักงานของเรา
เราจะออกไปทำงานทุกวัน พยายามทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ และในไม่ช้าบุคคลทุกคนที่รายรอบจะติดความลุ่มหลงจากเรา – คล้ายกับพิษไข้
แซม วอลตัน มีความทะเยอทะยาน และชอบการทำงานหนักมาก เขาเริ่มต้นทำงานตอนเช้า 4.30 น และทำงานตลอดวัน ทุกคร้งที่นางเฮเลน ภรรยาของเขา ได้บังคับให้เขาหยุดการเปิดร้านค้าใหม่ คำตอบของเขาคือ ผมขอเปิดร้านค้าใหม่อีกแห่งหนึ่งเท่านั้น
แซม วอลตัน ได้กล่าวว่า ถ้าเราต้องการให้ธุรกิจบรรลุความสำเร็จ บุคคลของเราต้องรู้สึกว่าเรากำลังทำงานให้พวกเขา ไม่ใช่พวกเขากำลังทำงานให้กับเรา
กฏข้อ 2 การแบ่งกำไรแก่เพื่อนร่วมงานของเราทุกคน และปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเป็นหุ้นส่วน เมื่อเราปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเป็นหุ้นส่วน พวกเขาปฏิบัติต่อเราเหมือนเป็นหุ้นส่วนด้วย การสนับสนุนเพื่อนร่วมงานของเราให้มีส่วนได้เสียภายในบริษัท การขายหุ้น ณ ราคาส่วนลด และการให้หุ้นแก่พวกเขาเมื่อเกษียณ
เริ่มแรกแซม วอลตัน ต้องการใช้การแบ่งกำไรกับผู้บริหารของเขาเท่านั้น แต่นางเฮเลนภรรยาของเขาได้ชักจูงว่า เขาควรจะใช้การแบ่งกำไรกับพนักงานด้วย แม่แต่พนักงานไม่เต็มเวลา เธอได้แนะนำว่าการแบ่งกำไรจะกระตุ้นบุคคลทุกคนให้คิดและทำเหมือนกับเป็นหุ้นส่วนของธุรกิจ ไม่ใช่เป็นแต่เพียงพนักงานคนหนึ่งเท่านั้น
แซม วอลตัน ได้กล่าวถึงการบริหารบุคคลว่า เราให้ความรับผิดชอบและความไว้วางใจแก่พวกเขา และเราต้องตรวจสอบพวกเขา ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างเพื่อนร่วมงานและวอลมาร์ท หมายถึงการร่วมตัวเลข วอลมาร์ทได้ใช้การบริหารแบบเปิดบัญชี(Open Book Management) ด้วยการปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่สำคัญแก่เพื่อนร่วมงานทุกคน เช่น ยอดขายต้นทุน หรือกำไร
กฏข้อ 3 การจูงใจหุ้นส่วนของเรา ครั้งหนึ่งแซม วอลตัน ได้กล่าวว่า บุคคลไม่ชนะ ทีมเท่านั้นที่ชนะ
ถ้าเราทำงานกับวอลมาร์ท แซม วอลตันคือหุ้นส่วนของเรา ไม่ใช่นายของเรา วอลมาร์ท ได้ใช้ความพยายามทุกอย่าง เพื่อที่จะทำให้บุคคลรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ดังนั้นแซม วอลตันได้ใช้คำว่า “เพื่อนร่วมงาน” ไม่ใช่ “พนักงาน” เรียกบุคคลทุกคน การทำให้บุคคลผูกพันกับบริษัทมากขึ้น นอกจากนี้วอลมาร์ทได้เรียกเพื่อนร่วมงานทุกคนด้วยชื่อตัวแรก และแสดงชื่อตัวแรกบนบัตรประจำตัวเท่านั้น
แซม วอลตัน ได้กล่าวถึงการจูงใจว่า เงินและความเป็นเจ้าของโดยลำพังจะไม่เพียงพอ เราต้องกำหนดเป้าหมายที่สูง การกระตุ้นการแข่งขัน และการเก็บคะแนน เพื่อนร่วมงานต้องทำงานที่ไม่ง่าย การมอบหมายงานที่ท้าทายแก่พวกเขา วอลมาร์ท ได้กระตุ้นการแข่งขันระหว่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อที่จะให้พวกเขาตื่นตัวและทำงานหนัก
เราต้องคิดถึงวิธีการใหม่และน่าสนใจมากขึ้น เพื่อที่จะจูงใจและท้าทายหุ้นส่วนของเราทุกวัน ผู้บริหารวอลมาร์ทเป็นผู้บริหารแบบทฤษฎี Y อย่างมาก พวกเขาได้สร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้บุคคลใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่
วอลมาร์ท ได้ถูกยกย่องว่าเป็นบริษัทดีที่สุด 100 บริษัทของการทำงานภายในอเมริกา บริษัทได้ว่าจ้างพนักงานมากกว่าล้านคน และได้กลายเป็นนายจ้างใหญ่ที่สุด ตามหลังรัฐบาลกลาง และเจ็น
เนอรัล มอเตอร์ เท่านั้น บริษัทไม่มีสหภาพแรงงาน เพื่อนร่วมงานได้ถูกจูงใจด้วยความรับผิดชอบ และการยกย่องที่สูงกว่าคู่แข่งขันมาก พวกเขาทุ่มเทชีวิตกับการทำงานเพื่อชื่อเสียงของวอลมาร์ท
วารสารไทม์ ได้กล่าวถึงแซม วอลตันว่าเขาเป็นบุคคลที่มีความสามารถอย่างประหลาดของการจูงใจบุคคล และการลดค่าใช้จ่าย เขาเป็นพลังศูนย์กลางของบริษัท นักวิเคราะห์คนหนึ่ง ได้กล่าวว่า แซม วอลตัน ใช้การบริหารแบบการยกย่องและสรรเสริญ ตรงกันข้ามกับการบริหารแบบข่มขู่ ดังนั้นเขาได้รับฟังความคิดเห็นจากบุคคลอยู่เสมอ ความคิดเห็นที่ดีส่วนใหญ่ได้มาจากบุคคลระดับล่างที่วอลมาร์ทเรียกด้วยคำว่ารากหญ้า
กฏข้อ 4 การสื่อสารทุกสิ่งทุกอย่างแก่หุ้นส่วนของเรา พวกเขายิ่งรู้มากเท่าไร พวกเขายิ่งเข้าใจมากขึ้นเท่านั้น พวกเข้าใจมากขึ้นเท่าไร พวกเขายิ่งดูแลมากขึ้นเท่านั้น เมื่อพวกเขาได้ดูแลแล้ว พวกเขาจะไม่หยุดเลย
เราต้องปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงาน และการให้อำนาจแก่พวกเขาด้วยการร่วมข้อมูล ผู้บริหารต้องสนับสนุนการสื่อสารที่เปิดกว้าง และการร่วมข้อมูลการปฏิบัติงานประจำวัน การให้อำนาจแก่เพื่อนร่วมงาน การช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าการมีส่วนช่วยของพวกเขาสร้างความแตกต่างได้อย่างไร
แซม วอลตัน ได้กล่าวว่า ความเต็มใจที่ผิดธรรมดาของเรา เพื่อที่จะร่วมตัวเลขทางธุรกิจกับเพื่อนร่วมงานของเรา……มันเป็นวิถีทางเดียวเท่านั้นที่เพื่อนร่วมงานจะทำงานด้วยความสามารถที่ดีที่สุดของพวกเขา…..การรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นภายในธุรกิจ…….การร่วมข้อมูลและความรับผิดชอบคือหัวใจของการเป็นหุ้นส่วน การทำให้บุคคลรู้สึกรับผิดชอบและมีส่วนร่วม
ร้านวอลมาร์ทแต่ละแห่งมีการประชุมต้อนเช้าทุกวันศุกร์ เพื่อนร่วมงานสามารถถามและคาดหวังคำตอบที่ตรงไปตรงมา เช่น ยอดขาย กำไร และต้นทุน จากผู้จัดการร้านค้าได้ ที่จริงแล้วบริษัทส่วนใหญ่ไม่เต็มใจจะเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เลย
กฏข้อ 5 การชื่นชมทุกสิ่งทุกอย่างที่เพื่อนร่วมงานของเราได้กระทำต่อธุรกิจ เราไม่สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง แซม วอลตัน ได้กล่าวว่า เราควรจะปฏิบัติต่อบุคคลด้วยวิถีทางที่เราต้องการให้ถูกปฏิบัติ การกำหนดความคาดหวังที่สูงภายในทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เราได้กระทำ บุคคลของเราสร้างความแตกต่าง
เพื่อนร่วมงานส่วนใหญของวอลมาร์ทติดกระดุมมีคำขวัญว่า “บุคคลของเราสร้างความแตกต่าง” แซม วอลตัน เชื่อมั่นว่าการปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานอย่างเคารพ และการดูแลพวกเขาจะจูงใจให้พวกเขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และผูกพันต่อบริษัทสูงสุด บุคคลของเราสร้างความแตกต่างอย่างแท้
จริง
รายได้และสิทธิการซื้อขายหุ้นสร้างความจงรักภักดีได้ แต่เราทุกคนอยากจะรู้ว่าใครคนหนึ่งชื่นชมมากน้อยแค่ไหน ต่อสิ่งที่เราได้กระทำแก่พวกเขา เราชอบได้ยินอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเราได้กระทำบางสิ่งบางอย่าง เราจะรู้สึกภูมิใจอย่างแท้จริง คำพูดยกย่องที่จริงใจไม่มีอะไรทดแทนไ้ด้เลย แซม วอลตัน พูดอยู่เสมอว่า ถ้าเราได้ดูแลบุคคลของเรา บุคคลของเรา
จะดูแลลูกค้า และธุรกิจจะดูแลตัวมันเอง
กฏข้อที่ 6 การเฉลิมฉลองความสำเร็จของเรา การเล่าเร่องตลกภายในครอบครัวของเรา เราอย่าเคร่งเครียด เราต้องผ่อนคลาย และบุคคลทุกคนรอบตัวเราจะผ่อนคลายด้วย เราต้องสนุกสนาน
เมื่อ ค.ศ 1984 แซม วอลตัน อายุ 66 ปี ใส่กระโปรงหญ้าเต้นระบำฮาวาย ณ วอลสตรีท นิวยอรค เพื่อที่จะทำตามคำมั่นสัญญา เนื่องจากเขาได้พนันกับเพื่อนร่วมงานทุกคนของวอลมาร์ทว่า ถ้าวอลมาร์ทสามารถทำกำไรก่อนภาษีได้ 8 % เขาจะยอมเต้นระบำฮาวาย ในที่สุดวอลมาร์ทสามารถบรรลุการทำไรก่อนภาษี 8% เมื่อ ค.ศ 1983 การเฉลิมฉลองทางสาธารณะที่ยิ่งใหญ่ของความสำเร็จ แม้ว่านี่อาจจะไม่ใช่สไตล์ของเรา
กฏข้อ 7 การรับฟังบุคคลทุุกคนภายในบริษัทของเรา แซม วอลตัน ยืนกรานการรับฟังจากเพื่อนร่วมงานทุกคน การค้นหาวิถีทางที่จะให้พวกเขาพูด บุคคลที่ได้พูดอย่างอย่างแท้จริงกับลูกค้า รู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น
แซม วอลตัน ชอบไปเยี่ยมเยียนร้านค้าวอลมาร์ทอยู่เสมอ เขาได้ทักทายกับลูกค้า และเพื่อนร่วมงานภายในร้านค้า เขาได้จัดวางสินค้า และอยู่จุดเก็บเงินด้วยตัวเอง เขาได้ใช้เวลาอย่างมากเท่าที่จะเป็นไปได้ภายในร้านค้า แซม วอลตัน ได้เรียกสไตล์การบริหารของเขาว่า การบริหารแบบเดินดูรอบๆ – MBWA แซม วอลตันเป็นแรงบันดาลใจแก่เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนร่วมงานรู้สึกว่าพวกเขากำลังทำงานให้กับแซม วอลตันไม่ใช่วอลมาร์ท
ความหลงใหลกับราคาต่ำสุดทุกวัน และการรักษาราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่งขัน ทำให้เขาต้องตรวจสอบร้านค้าของเขาและคู่แข่งขันอยู่เสมอ
แซม วอลตัน เคยนับจำนวนรถยนต์ภายในลานจอดรถยนต์ของคู่แข่งขัน – เคมาร์ท และใช้เทปวัดพื้นที่ชั้นวางสินค้าและดูราคาขายของเคมาร์ท แซม วอลตัน รู้คู่แข่งขันของเขาละเอียดมาก
แซม วอลตัน นั่งเครื่องบินของเขาไปเยี่ยมเยียนร้านค้าหลายแห่งเท่าที่จะทำได้ หรือแม้แต่การนั่งพูดคุยรับฟัง และดื่มกาแฟกับคนขับรถบรรทุกสินค้าภายในห้องพัก ผู้จัดการร้านค้าคนหนึ่งได้กล่าวว่า 80% ของเวลาของเขาต้องใช้ไปกับการเดินดูรอบร้าน การสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน การยกย่องการทำงานที่ดี และการแสวงหาข้อเสนอแนะ
ณ สำนักงานใหญ่ของวอลมาร์ท เบนตันวิลล์ อาร์คันซอ เราจะพบผู้บริหารอาวุโสน้อยมาก เนื่องจากผู้บริหารอาวุโสต้องออกภาคสนาม ด้วยการไปเยี่ยมเยียนร้านค้าเหมือนกับแซม วอลตัน ด้วย
กฏข้อ 8 การทำเลยพันความคาดหวังของลูกค้าของเรา ถ้าเราได้กระทำแล้ว พวกเขาจะกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า การทำให้ลูกค้ารู้ว่า พวกเขามีบุญคุณต่อเรา จงอย่าแก้ตัวข้อผิดพลาดของเรา เราต้องขอโทษเท่านั้น
วิถีทางการบริการลูกค้าของวอลมาร์ทมีสามอย่างคือ กฏพระอาทิตย์ตกดิน หมายความว่าวอลมาร์ทได้กำหนดมาตรฐานการทำงานให้สำเร็จภายในวันเดียว การตอบสนองคำร้องของขอลูกค้าภายในหนึ่งวัน กฏ สิบฟุต หมายความว่า ถ้าเพื่อนร่วมงานภายในร้านค้าอยู่ห่างจากลูกค้าสิบฟุต พวกเขาต้องมองตาลูกค้า และถามว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ ราคาต่ำสุดทุกวัน หมายความว่าการลดกำไรขั้นต้นลง เพื่อที่จะให้ราคาต่ำสุดทุกวัน
กฏข้อ 9 การควบคุมค่าใช้จ่ายของเราให้ดีกว่าคู่แข่งขัน เราสามารถค้นหาข้อได้เปรียบทางการแข่งขันได้ ณ ที่นี่ อยู่เสมอ ยี่สิบห้าปีของการดำเนินงาน – ก่อนที่วอลมาร์ทจะกลายเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของประเทศ – เราอยู่ลำดับหนึ่งภายในอุตสาหกรรมของเรา อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายต่ำที่สุด
เราอาจจะทำผิดพลาดหลายอย่าง แต่ยังคงชดเชยได้ ถ้าเราได้ดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าเราเป็นบุคคลที่ฉลาด แต่อาจจะต้องออกไปจากธุรกิจ ถ้าเราขาดประสิทธิภาพจนเกินไป
กฏข้อ 10 การว่ายทวนน้ำ การสร้างความแตกต่างและการท้าทายฐานะเดิม ด้วยการใช้วิถีทางอย่างอื่น วอลมาร์ทละเลยภูมิปัญญาดั้งเดิม บุคคลหลายคนมองว่าความคิดของแซม วอลตัน ทำไม่ได้ บุคคลเหล่านี้ไม่ถูกต้อง การทดสอบกับความคิดที่แตกต่าง และความพยายามกับสิ่งใหม่จะคุ้มค่า แซม วอลตันไม่ยอมรับความเชื่อดั้งเดิมว่าเมืองที่มีประชาชนน้อยกว่า 50,000 คน ไม่สามารถสนับสนุนร้านค้าปลีกส่วนลดได้นาน ดังนั้นการมุ่งเมืองเล็กของวอลมาร์ท เกิดขึ้นจากมันสมองของแซม วอลตัน ที่เชื่อว่าถ้าวอลมาร์ทเสนอราคาที่ดีกว่าร้านค้าภายในเมืองใหญ่ที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเดินทางด้วยรถยนต์ บุคคลย่อมจะซื้อสินค้า ณ บริเวณแถวบ้านของพวกเขามากกว่า
แม้ว่าแซม วอลตันได้มองตัวเองว่าค่อนข้างอนุรักษ์นิยม แต่เขาคือบุคคลที่สวนกระแส ภายในโลกธุรกิจ เขาได้ค้นหาวิถีทางใหม่และแตกต่างของการกระทำอยู่เสมอ เนื่องจากสถานการณ์บังคับให้แซม วอลตันต้องแตกต่างและว่ายทวนน้ำ ทำไมเราไม่พยายามกระทำสิ่งเดียวกันด้วยวิถีทางที่แหวกแนว เขาเชื่อว่าถ้าเราได้ใช้วิถีทางที่สวนกระแสนี้ เรามักจะพบข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน
ณ เบนตันวิลล์ อาคันซอร์ เมืองเล็กของอเมริกา เป็นทำเลที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของวอลมาร์ท รูปร่างคล้ายกับกล่องสี่เหลี่ยมอาคารคลังสินค้าสามชั้นด้านหน้าเป็นอิฐ เมื่อ ค.ศ 2545 วอลมารท ได้กลายเป็น
บริษัทใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว รายได้รวมมากกว่า
246 พันล้านเหรียญ นำหน้าเจ็นเนอรัล มอเตอร์ และเอ็กซ์ซอนโมบิล ที่เคยมีรายได้สูงที่สุดของโลก สำนักงานใหญ่ของวอลมาร์ทตกแต่งภายในสีเทามัว พรมปูพื้นขาดหลุดลุ่ย ผู้บริหารมีห้องทำงานแคบมาก
Cr : รศ สมยศ นาวีการ