จับตาทรัมป์กับแฮริสใครจะชนะ
คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
ทหารประชาธิปไตย
จับตาทรัมป์กับแฮริสใครจะชนะ
ผลโพลล่าสุดจากสำนักต่างๆออกมาค่อนข้างตรงกันว่าการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างทรัมป์กับแฮริสนั้นสูสีกันมาก และทั้งคู่ต่างพยายามหาเสียงมาเพิ่มเติมสนับสนุน
ด้านทรัมป์ ซึ่งมีลูกเขยเป็นยิวไซออนิสต์ คือจาเรท คุชเนอร์ ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับอิสราเอลและท่าทีของสหรัฐฯต่อประเทศมุสลิมในช่วงที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี และทำให้ทรัมป์ทันทีที่ได้เป็นประธานาธิบดีในช่วงปี 2017-2021 ได้ใช้อำนาจประธานาธิบดีสั่งห้ามผู้อพยพจากประเทศมุสลิม 6 ชาติ เข้าสหรัฐฯ ทั้งๆที่ผู้อพยพเหล่านั้นเกิดจากการแทรกแซงของสหรับฯ ทำให้เกิดการสู้รบกันขึ้น อีกเรื่องที่ทรัมป์สั่งการทันที โดยที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโอบามาไม่กล้าทำตามคำเรียกร้องของอิสราเอล คือการสั่งย้ายสถานทูตจากสหรัฐฯจากเทลาวีฟ มาเยรูซาเล็ม ซึ่งหลายประเทศไม่กล้าทำเพราะมันขัดกับมติของสหประชาชาติที่ให้เยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงของประเทศปาเลสไตน์ ส่วนตะวันตกเป็นของอิสราเอล
ทว่าทรัมป์ในการหาเสียงครั้งนี้ก็ไปเกลี่ยกล่อมผู้นำชุมชนมุสลิมในรัฐมิชิแกน ซึ่งเป็นสวิงสเตท คือ รัฐที่อาจเปลี่ยนแปลงไปเลือกพรรคดีโมแครต หรือรีพับลิกันได้ ในแต่ละครั้งของการเลือกตั้ง โดยทรัมป์ไปสัญญาว่าถ้าเขาได้เป็นประธานาธิบดีเขาจะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ประเด็นก็คือทรัมป์หมายถึงอะไร เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่าทรัมป์นั้นโปรอิสราเอลอย่างสุดตัว
มันอาจหมายถึงการที่สหรัฐฯจะสนับสนุนอิสราเอลให้สามารถจัดการกับกลุ่มต่อต้านอย่างฮิซบุลลอฮ์ ฮามาส หรือฮูตี ได้อย่างราบคาบ หรือแม้แต่ร่วมกับอิสราเอลโจมตีอิหร่านให้ย่อยยับก็ได้ นั่นคือข้ออ้างการสร้างสงครามเพื่อให้เกิดสันติภาพภายหลัง
ดังนั้นในตอนนี้นอกจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่คนอเมริกันถือเป็นประเด็นหลักประมาณ 40% แต่ประเด็นสงครามมันก็เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ ทรัมป์จึงประกาศว่าถ้าเขาชนะเขาจะสร้างสันติภาพ ในขณะที่โจมตีแฮริส ซึ่งจะสืบทอดนโยบายของไบเดน นั่นคือทำสงครามต่อไป อธิบายความก็คือ ถ้าทรัมป์ชนะเขาจะใช้งบของรัฐบาลไปฟื้นฟูเศรษฐกิจ งานนี้ทรัมพ์มีตัวช่วยคือ อีลอนมัสก์ ที่จะมาสร้างภาพในการตัดงบประมาณขาดดุลจากงบสงครามมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้วยการสร้างงานกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดการขาดดุล
ส่วนกมลา แฮริส ซึ่งมีสามีเป็นยิวไซออนิสต์ ก็หาเสียงโดยเกาะกลุ่มที่มีอิทธิพลทางการเมืองสูงในสหรัฐฯ นั่นคือการประกาศว่าจะสนับสนุนอิสราเอลเต็มที่ ซึ่งสร้างความไม่พอใจจากกลุ่มอเมริกันอาหรับ และกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจในพรรคเดโมแครต แฮรีสในฐานอดีตอัยการสูงสุดยังใช้วิธีขุดคุ้ย พฤติกรรมของทรัมป์ในการทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะคดีการล่วงละเมิดทางเพศ และการเหยียดเพศเหยียดผิว ถึงขั้นแสดงอาการโรคจิต และมีแนวโน้มการใช้ความรุนแรง เช่น การจะปราบปรามคนเห็นต่างด้วยกำลังทหาร
แฮริสมีจุดสำคัญที่จะได้รับคะแนนจากคนผิวสี สตรีเพศและผู้อพยพเข้าเมืองที่เดโมแครตมีนโยบายเปิดกว้าง ขณะที่ทรัมป์ประกาศปิดกั้นชายแดนอย่างแข็งขัน
อย่างไรก็ตามการตัดสินว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีนั้นมิได้นับคะแนนการโหวตของประชาชนที่เรียกว่า POPULAR VOTE แต่จะนับจาก ELECTORAL VOTE คณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งเป็นระบบเลือกตั้งที่ไม่แฟร์กับผู้สมัครที่ไม่ได้ลงสมัครในนามพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน เพราะมันเป็นการผูกมัดโดยฐานเสียงที่ใช้เวลาทำนาน
นอกจากนี้แต่ละรัฐยังดูว่าเป็นการผูกขาดของแต่ละพรรคอย่าง รัฐเท็กซัส โหวตให้รีพับลิกัน รัฐ แคลิฟอร์เนียโหวต ให้เดโมแครต จะมีอยู่ 7 รัฐ ที่เรียกว่าสวิงสเตท ที่อาจพลิกไปเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งคือ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลาเนีย และวิสคอนซิน
การตัดสินชัยชนะจึงขึ้นอยู่กับคณะผู้เลือกตั้งที่มีอยู่ 92 เสียงเท่านั้น เพราะถ้าใครชนะในการเลือกตั้งในรัฐใดก็จะได้คะแนนทั้งหมดของรัฐนั้น ไม่ว่าจะชนะ POPULAR VOTE กี่คะแนนก็ตาม ยกเว้นบางรัฐที่มีการแบ่งคะแนน แต่เป็นรัฐเล็กมีไม่กี่คะแนน
อย่างไรก็ตามตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจนั้นดูดี ซึ่งเป็นการสนับสนุนแฮริส แต่จากการสำรวจความรู้สึกของประชาชนต่างมองว่าเศรษฐแย่ เพราะเหตุว่าเงินเฟ้อมันนำหน้าการเพิ่มรายได้ ทำให้ประชาชนมองว่าตนเองยากจนลง
หากจะนับคะแนนผู้เลือกตั้ง 92 คน (ELECTORAL VOTE) มีคะแนนรวมกัน 270 คะแนน ผู้นั้นก็จะได้ชัยชนะจากคะแนนทั้งหมด 538 เสียง แต่ถ้าคะแนนเท่ากันต้องให้สภาผู้แทนเลือกโดย 1 รัฐ มี 1 คะแนน
จากการสำรวจพบว่ากมลา แฮริส มีคะแนนนำในการนับ ELECTORAL VOTE ที่กำหนดพื้นฐานพรรค แต่คะแนนตัดสินน่าจะมาจากสวิงสเตทที่ทำให้เกิดชัยชนะ
อนึ่งมีข้อมูลบางประการที่บ่งชี้ว่าทั้งทรัมป์ และ แฮริส ต่างก็ได้รับการสนับสนุนจากยิวไซออนิสต์ แต่เป็นคนละสาย กล่าวคือทรัมป์ได้รับการสนับสนุนจากไซออนิสต์สายรอธไซล์ ที่คุมธุรกิจการเงินเป็นหลักใหญ่ และมีฐานอยู่ที่ CITY OF LONDON ส่วนแฮริสได้รับการสนับสนุนจากไซออนิสต์สายร็อกเฟลเลอร์ ที่คุมธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันกับก๊าซ และธุรกิจอุตสาหกรรมอาวุธเป็นหลัก ที่มีฐานอยู่ที่วอลสตรีท
ดังนั้นหากใครชนะ นโยบายของธุรกิจของแต่ละสาย ก็จะกลายเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล เพราะเป็นผู้สนับสนุนหลัก
อย่างไรก็ตามถ้าทรัมป์แพ้การเลือกตั้ง ก็อาจเกิดจลาจลวุ่นวาย เพราะทรัมป์มักจะกล่าวหามาตลอดตั้งแต่แพ้เลือกตั้งไบเดน มาจนเริ่มการหาเสียงในครั้งนี้ ก็ยังมีการพูดถึงการกล่าวหาว่าไบเดนและเดโมแครตเตรียมการที่จะโกง จึงคงต้องจับตาดูว่าทรัมป์จะว่าอย่างไรหากแพ้อีกในครั้งนี้ ทั้งที่ผลโพลออกมาว่ามันสูสีกัน