มนุษยธรรมสู่อารยธรรมที่(ถูก)ผันผวน
มนุษยธรรมสู่อารยธรรมที่(ถูก)ผันผวน
โดยปกติเป็นการยากที่จะอธิบายให้เข้าใจความหมายของนามธรรมต่างๆ หรืออธิบายรูปที่มีมวลจำนวนมากเกินคำจำกัดความได้ชัดเจนทั้งหมด สำหรับในเรื่อง “มนุษยธรรมสู่อารยธรรมที่(ถูก)ผันผวน” นั้น มีทั้งสองส่วนที่กล่าวถึง จึงขออธิบายเชิงเปรียบเทียบโดยอ้างจากประสบการณ์ตรง เป็นนิทานเรื่องเล่า น่าจะเป็นการสะดวกในการนำเสนอหรือแลกเปลี่ยนด้วยสื่อบทความฉบับนี้
เป็นที่เกินความคาดหมายของการเปลี่ยนแปลงทางอากาศปลายปี พศ. 2560 – ต้นปี พศ. 2561 มีอากาศที่หนาวเย็น ยาวนานมากกว่าปกติ คละด้วยกระแสฝนในบางห้วงเวลา ทำให้ภาคเหนือของประเทศไทยมีเสน่ห์ เพิ่มขึ้นดั่งเมืองแมน ดินแดนแห่งความฝัน ความผันผวนของบรรยากาศ เป็นเรื่องที่ “จำต้องเป็น” สามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ และโหราศาสตร์ อื่นๆ ไม่ว่าจะผันผวนเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม มนุษย์ ยังคงมีทุกข์ มีสุข กับบรรยากาศ อุฌหภูมิ เหล่านั้นได้ชั่วอายุขัย คลื่นมนุษย์หลากหลายคน และหลากหลายสังคมไหลเคลื่อน เข้าสัมผัสอากาศที่ผันผวนด้วยการแสวงหา เรียนรู้ และเสพสุข ในสิ่งที่เป็นตัวของมันเอง ไม่ได้มีใครทำให้เกิดขึ้น เป็นส่วนหนึ่งในความสมบูรณ์แห่งธรรม ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติ ทำให้หวนนึกคิดถึงมนุษยธรรมที่ผันผวนในปัจจุบัน เป็นไปในทางตรงกันข้ามที่มนุษย์สร้าง ทำ ให้ผันผวน ในความหมายของมนุษยธรรมโดยรวมแล้ว มักจะเข้าใจว่าเป็นการกระทำให้เกิดความพึงพอใจและไม่สร้างความเดือดร้อน โกรธเคือง หรือมีความเสียหายใดๆ แต่ทางศาสนามีนักการศาสนาหลายๆคนได้ให้ความหมายว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่สัมผัสได้เหล่านั้นเป็น “อารยธรรม” ไม่ใช่ “มนุษยธรรม” ซึ่งหมายถึง ความคิด จิตใจ ที่กำหนดสิ่งเหล่านั้นให้เกิดการกระทำขึ้นมาเป็นอารยธรรม ในขณะที่มี “อานารยธรรม” เป็นสิ่งตรงกันข้าม เมื่อมีฐานความเข้าใจเช่นนี้แล้ว ก็จะขอเข้าเรื่องนิทานที่จะเล่าในบทความนี้
เรื่องมีอยู่ว่าก่อนถึงฤดูหนาวในปีพศ. 2560 นี้ มีนักศึกษาในมหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่ง จากภูมิลำเนาใต้สุดของประเทศไทย คุ้นเคยกับความร้อนชื้น มีความต้องการเรียนรู้ ด้วยการแสวงหาอากาศหนาวเย็นในภาดเหนือสุดของประเทศไทย จึงได้เริ่มจับกลุ่มชุมนุมปรึกษาหารือในการแสวงหาประสบการณ์ชีวิต และด้วยจิตบริสุทธิ์(มนุษยธรรม) การประชุมเตรียมการจึงเกิดขึ้นในเวลาต่อมา โดยมีข้อสรุปที่มากล้นด้วยมนุษยธรรม มีการคาดการณ์ความเดือดร้อนของเด็กๆ และผุ้สูงอายุ ที่ต้องผจญกับความผันผวนของอากาศ จึงมีมติที่ประชุมในการหาทุนเพื่อ เดินทาง ยังชีพ จัดหาของกำนัลในลักษณะของผ้าห่ม ผ้าพันคอ เสื้อกันหนาว ฯลฯ ให้กับเด็กๆในพื้นที่ ตามความเข้าใจของมนุษย์ที่มีภูมิลำเนาจากเขตร้อนชื้น ขณะที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงซึ่งสะดวกกับการจัดหาของกำนัลได้โดยง่ายตามสไตล์ ตลาดเมืองหลวง ที่มีรูปแบบที่ฟุ้งเฟ้อ แต่ด้วยจิตบริสุทธิ์(มนุษยธรรม) ที่ไม่รอบรู้ในความเป็นอยู่ที่แท้จริง(อารยธรรมในพื้นที่เป้าหมาย)ทางภาคเหนือ การที่จะไปบรรเทาความหนาวเย็นให้กับเด็กๆนั้นเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น จึงได้จัดหาอุปกรณ์กันหนาวด้วยผ้าชาวเมืองที่มีทั้งขนสัตว์เทียม เสื้อผ้าที่บุด้วยใยสังเคราะห์ ผ้าที่มีน้ำหนักเบาแต่หนา ซึ่งเป็นผ้าที่ซักล้างได้ยาก แต่หมักหมม สะสมเชื้อโรคต่างๆได้ง่ายและยาวนาน เสื้อผ้าเหล่านั้นจะต้องทำความสอาดด้วยสารเคมี และเครื่องอบผ้า ที่ชาวดอยในพื้นที่เป้าหมายไม่รู้จัก ในขณะที่วิถีชีวิตธรรมชาติ(อารยธรรม)ของเขามีการผิงไฟในยามหนาวจัด เข้าอาศัยหลับนอนในบ้านที่สร้างด้วยดินอบความร้อนให้พอดีอุ่นภายในบ้านจากไฟที่ผิงก่อนนอน ดื่มกิน และใช้น้ำจากต้นน้ำธรรมชาติมาหลายชั่วอายุคน เป็นสิ่งยืนยันความสมดุลย์ของธรรมชาติที่ปราศจากสารเคมี การมองจากตัวตนที่มีวัตถุครอบอยู่รอบชีวิตนักศึกษากลุ่มนี้ เป็นการทำร้ายด้วยจิตสำนึกที่ดี อย่างคาดไม่ถึง (ผันผวนอารยธรรมเป็นมนุษยธรรม) และเชื่อว่าบุคคลอีกหลายๆกลุ่ม จำนวนไม่น้อยที่คิดเช่นนี้ อันตรายที่เกิดขึ้นกับความหวังดี(มนุษยธรรม) ควรเป็นความหวังดีในการปฏิบัติตัวให้ดีก็เพียงพอกับการสร้างสรรค์โลกให้สวยงาม มีเพียงมนุษยธรรม ต่อเพื่อนมนุษย์ แต่เคารพในอารยธรรมของเพื่อนมนุษย์ก็เพียงพอ หากมีการร้องขอ(อารยธรรม)และจัดสนองตามการร้องขอด้วยจิตบริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ(มนุษยธรรม) สันติสุขของมนุษยชาติก็จะเกิดขึ้นโดยทั่วไป อย่างไร้ “อานารยธรรม”
cr. ปีศาจสุรา (เอก มงคล)