มันมาให้เราเรียนรู้
มันมาให้เราเรียนรู้
ภาวัน
กาลาปากอส เป็นเกาะแถบอเมริกาใต้ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักธรรมชาติวิทยา ตอนที่ชาลส์ ดาร์วินไปเยือนเกาะนี้ครั้งแรกเมื่อ ๑๘๐ ปีก่อน เขาพบว่าสัตว์บนเกาะนี้ไม่กลัวมนุษย์เลย แม้แต่สุนัขจิ้งจอกก็ยอมให้เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอาค้อนตีหัวมันได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมันไม่เคยเจอมนุษย์เลย เนื่องจากเกาะนี้อยู่ไกลจากฝั่งมาก มันจึงไม่รู้ว่ามนุษย์ทำร้ายมันได้
สัตว์ในทวีปอเมริกาเหนือและใต้ก็เช่นกันไม่เคยพบเห็นมนุษย์มาเลยตลอดเวลาอันยาวนานนับแสนนับล้านปี จนเมื่อ ๑๕,๐๐๐ ปีนี้เองที่มนุษย์ได้อพยพจากเอเชียมายังทวีปทั้งสอง สัตว์เหล่านี้คงมีพฤติกรรมไม่ต่างจากสัตว์ในกาลาปากอส คือยอมให้มนุษย์เข้าไปใกล้ ๆ ผลก็คือถูกฆ่าอย่างง่ายดาย ไม่เว้นแม้กระทั่งสัตว์ใหญ่ นี้คือเหตุผลว่าทำไมสัตว์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือและใต้สูญพันธุ์ในอัตราที่สูงมากในช่วงเวลาดังกล่าว
ตรงข้ามกับทวีปแอฟริกาที่สัตว์ขนาดใหญ่สูญพันธุ์น้อยกว่ามาก ทั้ง ๆ ที่มีมนุษย์(และบรรพบุรุษ)อยู่ในทวีปนั้นมานานนับล้านปี ดูเผิน ๆ ข้อเท็จจริงประการหลังน่าจะทำให้สัตว์เหล่านั้นสูญพันธุ์มากกว่า เพราะยิ่งอยู่นานมนุษย์ก็ยิ่งสังหารสัตว์ได้มากขึ้น แต่การณ์กลับเป็นว่า ยิ่งเจอมนุษย์นาน ๆ สัตว์เหล่านั้นได้เห็นอันตรายของมนุษย์มากขึ้น จึงหวาดกลัวจนฝังลึกในสัญชาตญาณ ไม่ยอมให้มนุษย์เข้าใกล้ ขณะเดียวกันก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ ให้สามารถรับมือกับมนุษย์ได้ ส่วนใหญ่จึงอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้
ขณะที่สัตว์ขนาดใหญ่สูญพันธุ์มากมายเพราะมนุษย์ มนุษย์ก็ล้มตายมากมายเพราะสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เรียกว่าเชื้อโรค ทั้งนี้ด้วยสาเหตุเดียวกันก็ว่าได้ นั่นคือ ความไม่รู้ หากคนเราเจอเชื้อโรคที่ไม่เคยพานพบมาก่อน ก็สามารถตายได้ง่าย ๆ เพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายเราไม่รู้จักเชื้อโรคเหล่านั้น ผลก็คือคนในทวีปอเมริกาใต้เมื่อ ๕๐๐ ปีก่อนล้มตายกันเป็นเบือเพียงเพราะติดหวัดจากชาวยุโรปซึ่งไปสร้างอาณานิคมที่นั่น ส่วนคนยุโรปก็ล้มตายไม่น้อยเพราะติดซิฟิลิสจากคนพื้นเมืองในอเมริกาใต้ ในทำนองเดียวกันคนหลายสิบล้านทั่วโลกก็ตายเพราะเชื้อเอชไอวีซึ่งมีต้นตอมาจากลิงในแอฟริกา
พาหะของเชื้อโรคดังกล่าวมักไม่เป็นอะไร หรือไม่ถึงกับล้มตาย เพราะมีภูมิคุ้มกันโรค อันเป็นผลจากการเผชิญกับเชื้อโรคเหล่านั้นมานานหลายชั่วอายุ สัตว์และมนุษย์ล้วนมีความสามารถในการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่สำคัญเกิดจากการได้ประสบสัมผัสกับภัยคุกคามครั้งแล้วครั้งเล่าจนรู้วิธีรับมือกับมัน หรือเอาตัวรอดจากมันได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ภัยคุกคามทั้งหลายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ มันมาเพื่อให้เราได้เรียนรู้ หากเรารอดจากมันได้เราก็จะเข้มแข็งขึ้น คนที่รอดตายจากไข้ทรพิษจะไม่ป่วยเพราะโรคนี้อีกเลย ในทำนองเดียวกันคนที่เป็นหวัดชนิดใดก็ตาม เมื่อหายแล้วจะไม่เป็นหวัดชนิดนั้นอีก (แต่อาจป่วยเพราะหวัดชนิดใหม่แทน ซึ่งมีมากมาย) จะว่าไปแล้ว มิใช่แต่ภัยคุกคามเท่านั้น อุปสรรคหรือปัญหาต่าง ๆ ก็ช่วยให้เราเข้มแข็งและฉลาดกว่าเดิม มีความจัดเจนมากขึ้นในการจัดการกับมัน
อย่างไรก็ตามน่าสังเกตว่ามีปัญหาอย่างหนึ่งที่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกี่ครั้ง ๆ ก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนรู้จากมันเลย ยังปล่อยให้มันเล่นงานจนเป็นทุกข์ บางครั้งถึงกับล้มป่วย หรือฆ่าตัวตาย นั่นคือ อารมณ์ฝ่ายลบ เช่น ความโกรธ เศร้า คับแค้น พยาบาท รู้สึกผิด น้อยเนื้อต่ำใจ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกความโกรธเล่นงานมาทั้งชีวิต อายุที่มากขึ้นไม่ได้ช่วยให้โกรธน้อยลงเลย กลับโกรธบ่อยขึ้นด้วยซ้ำ
อันที่จริงอารมณ์ฝ่ายลบหากเกิดขึ้นบ่อย ๆ น่าจะช่วยให้เรารู้จักมันดีขึ้น รู้ทันมันฉับไวขึ้น ธรรมชาติได้ให้สติแก่เราซึ่งช่วยให้เราสามารถจัดการกับอารมณ์เหล่านั้นได้ เป็นแต่เราไม่ค่อยได้ใช้มัน ผลก็คือ แทนที่เราจะรู้เล่ห์กลของอารมณ์เหล่านี้และพาจิตห่างไกลจากมัน มันกลับรู้วิธีควบคุมและบงการจิตของเราให้เป็นไปตามอำนาจของมัน กลายเป็นว่ายิ่งนานวันมันก็ยิ่งฉลาดกว่าเรา
ลองหมั่นสังเกตอารมณ์ของเราบ่อย ๆ อย่าเพิ่งเชื่อหรือทำตามมันอยู่ร่ำไป การสังเกตจะช่วยให้จิตเราไหวตัวทันเมื่อมันโผล่มาแต่ไกล และไม่เปิดโอกาสให้มันขยุ้มหรือทำร้ายจนบาดเจ็บได้เลย
ที่มา : http://www.visalo.org/article/Image255901.html