jos55 instaslot88 Pusat Togel Online รหัสยนิยมอิสลาม รู้จักแล้วจะเข้าใจ - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

รหัสยนิยมอิสลาม รู้จักแล้วจะเข้าใจ

รหัสยนิยมอิสลาม
รู้จักแล้วจะเข้าใจ

โดย  ดร. เชคชะรีฟ   ฮาดีย์
ศูนย์อิสสามศึกษา  วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม

    การแสวงหาความใกล้ชิดต่อพระผู้เป็นเจ้า การสร้างความพอใจต่อพระผู้ทรงเมตตา การทำตัวให้เป็นที่รักของพระองค์ คือเป้าหมายของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้มีกลุ่มต่าง ๆ ได้แสดงการมีความจงรักภักดีต่อพระองค์อัลลอฮด้วยวิธีต่าง ๆ นานา ถึงกับมีบางกลุ่มได้เลยเถิดออกนอกรีตในการปฏิบัติตัวเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับพระเจ้า
    แนวทางการทำให้จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ การขจัดอัตตา กิเลสตัณหา ถือว่าเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้มีความใกล้ชิดกับพระองค์อัลลอฮ และยังถือว่าเป็นวิธีที่ดีเลิศทีเดียว จากความมุ่งมั่นของศอฮาบะฮพระสาวกของศาสดามูฮัมมัด ต่อการสร้างจิตใจให้มีความบริสุทธิ์ ทำให้เป็นบ่อเกิดแห่งจุดสนใจของอนุชนรุ่นต่อมา ที่เห็นถึงความสำเร็จของพวกเขาในการจะใช้ชีวิตอย่างสมถะ ค้นคว้าหาแก่นแท้ของชีวิต  โดยที่ทำอย่างไรก็ได้ที่ทำให้เป็นที่รักยิ่งของพระองค์อัลลอฮ  จนในที่สุดเป็นที่ขานรับอย่างสูงในโลกอิสลามต่อการฝึกฝนจิตใจให้สู่ชั้นสูงสุด เพื่อสยบมารร้ายที่จะมายุแหย่เป็นที่ถูกรู้จัก ในนามของ “ลัทธิซูฟี”  หรือนักรหัสนิยมอิสลาม
    กระแสตอบรับในช่วงแรก ๆ นั้นค่อนข้างจะเบาบาง เพราะว่าภาพภายนอกที่ได้แสดงออกมาค่อนข้างจะแปลกประหลาดทีเดียว การดำเนินชีวิต การอิบาดฮ การกิน การดื่มของพวกเขา ดูแล้วสวนกระแสของส่วนมากที่ถือปฏิบัติกันมา  จนทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อ ลัทธิซีฟู ถึงกับกล่าวว่า พวกเขาเลหล่านั้นเป็นพวกนอกรีต เป็นผู้นอกสาสนา หรือร้ายแรงไปกว่านั้นกล่าวว่าเป็นผู้ปฏิเสธและทำลายโครงสร้างอิสลาม
    แต่การยึดมั่นต่อกรวิธีการแห่งการสร้างความบริสุทธิ์ และทำจิตใจให้สะอาดของพวกเขาได้เดินหน้าต่อไป ถึงแม้ว่า บางตอนของประวัติศาสตร์ถึงกับต้องรักษามันไว้ด้วยการเอาชีวิตเป็นเดิมพัน หรือต้องหลั่งเลือดก็ตาม เช่นท่านมันซูร  ฮัลลาจ ซึ่งเป็นนักซูฟี ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งที่ไม่ยอมทำการละทิ้งรูปแบบของซูฟี ที่กษัตริย์ในสมัยนั้นให้เขาทำการเตาบะฮ จนในที่สุดได้ถูกนำไปประหารชีวิต และอีกหลายคนที่ได้ดำรงรักษาแนวทางนั้นไว้  จนในที่สุดเป็นที่ยอมรับว่า แนวทางหนึ่งที่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของความจริง และสร้างความใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้าได้ดี  คือแนวทางแห่งรหัสนิยมแห่งทางซูฟีนั่นเอง

    ความหมายของคำว่า ซูฟี ตะซัววุ๊ฟ และอีรฟาน
    ความหมายขอคำว่า ซูฟี มาจากคำว่า  “เซาฟุน”  คือผู้สวมใส่เสื้อผ้าที่หยาบ หรือให้ความหมายว่า ความบริสุทธิ์ ความสะอาด
    ส่วนในเชิงวิชาการหมายถึง กลุ่มชนหนึ่งที่ได้นิยมความสันโดษ และอยู่อย่างสมถะ โดยใส่เสื้อผ้าที่แข็งกระด้าง หยาบ และมีวิธีการในการสร้างความบริสุทธิ์ใจให้เกิดขึ้น
    ท่านอะบุล กอซิม กุชัยรี (นักซูฟีเชื่อดังท่านหนึ่งในโลกอิสลาม ช่วงฮิจเราะฮที่ 500) ได้ให้คำนิยามของคำว่า ซูฟี ดังนี้
    “ชื่อซูฟีนี้ ได้เป็นที่รู้จัก ต่อกลุ่มหนึ่งที่ได้ปฏิบัติตัวอย่างสมถะและอยู่อย่างสันโดษ ซึ่งไม่ใช่เป็นชื่อของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นสร้อยนามของกลุ่มหนึ่งเท่านั้น” (รีซาละฮกุชัยรียะฮ เล่ม1/137-140)
    ท่านกุชัยรี ได้กล่าวว่า คำว่าซูฟี นั้นไม่ได้ให้ความหมายว่าเป็นกลุ่มชนที่ใส่เสื้อผ้าหยาบ ๆ แต่เป็นการกล่าวถึงกลุ่มชนที่ได้ยึดมั่นต่อศอฮาบะฮกลุ่มหนึ่ง ที่ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ) ได้เรียกขานพวกเขาว่า “อัซฮาบุลซุฟฟะฮ หรือ ซุฟฟะฮุร รอซูล”  มี ท่านซัลมาน ฟารซี ท่านอะบูซัร ท่านซุไอบ ท่านอัมมารบินยาซีร ต่อมาสาวกลุ่มนี้ได้ใช้ชีวิตอย่างเรียงง่าย มีความสมถะ
    บุคคลแรกที่ถูกเรียกขายว่า”ซูฟี” คือท่านอบูฮาชิม ซูฟี เสียชีวิตปี 150 แห่งฮิจเราะฮ อยู่ร่วมสมัยกับท่านซุฟยานซูรี และท่านอิบรอฮีม อัดฮัม ดังนั้นจากศตวรรษที่สองแห่งฮิจเราะฮ นามว่า ซูฟี หรือกลุ่มซูฟียะฮได้รู้จักไปทั่ว เหมือนกับกลุ่มอื่น ๆ เช่น นักนิติศาสตร์ นักเวทวิทยา นักปรัชญา
    และนักวิชาการบางท่านได้มีทรรศนะว่า คำว่าซูฟี ได้เริ่มเรียกตั้งแต่สมัยช่วงแรก ๆ ของศตวรรษที่ 2 แห่งฮิจเราะฮ นั่นก็คือในสมัยของท่านอะซัน บัศรี และถือว่าท่านอะซัน บัศรีเป็นบุคคลแรกที่ได้ใช้คำว่าซูฟี ดังคำรายงานจากคำพูดประโยคหนึ่งของฮะซันบัศรีว่า
    “ฉันได้เห็นนักซูฟีท่านหนึ่งได้เดินตอว๊าฟ(เวียนรอบวิหารกะบะฮ) และฉันได้มอบของอย่างหนึ่งต่อเขา  แต่เขาไม่รับของนั้นจากฉัน” (มิสบาฮุลฮิดายะฮ หน้า88)
ดังนั้นต่อไปนี้เรามาดูคำกล่าวของนักซูฟีเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าพวกเขาได้กล่าวไว้อย่างไร
    1.   ท่านอะบูซะอีด  อบุลฆัยร์  กล่าวว่า ตะซัววุฟนั้น ประกอบด้วยสองประการคือ   หนึ่ง มุมมองโลกทัศน์ (ที่ถูกต้อง)  สอง การเป็นอยู่(ที่ถูกต้อง) และคำว่าตะซัววุฟคือคำนามที่เกิดขึ้นจริง และเมื่อไปถึงเป้าหมายสูงสุดจะไม่พบสิ่งใดเลย นอกจากพระองค์อัลลอฮ (อัซรอรุตเตาฮีด ของท่านมุฮัมมัด บินมุเนาวีร หน้า 298 และหนังสือมะบานีอิรฟานว่าตะซัววุฟ หน้า 4 ของท่าน ดร. ดียาอุดดีน ซัดญาดี)
    2.   ท่านชับลี กล่าวว่า “ซูฟีคือผู้ที่ไม่มุ่งหวังยังสิ่งใด นอกจากพระองค์อัลลอฮเท่านั้น” (กัชฟลมะยูบของท่านชับลี หน้า 42)
    3.   ท่านยุนัยด์กล่าวว่า  ตะซัววุฟ หมายถึงผู้มีคุณลักษณะ 8 ประการ คือ มีความโอบอ้อมอารี มีความพอใจ มีความอดทน ไม่พูดมาก(ไร้สาระ) อยู่อย่างสันโดษ ใส่เสื้อผ้าที่หยาบกระด้าง เดินทาง(ไม่อยู่กับที่) มีความยากจน นั่นก็คือ ยึดมั่น ศาสดาทั้งแปด คือความโอบอ้อมอารีของนบีอิบรอฮีม ความพอใจของนบีอิสอิสฮาก(อ) มีความอดทนของนบีอัยยูบ การไม่พูดมากของนบีซะการียา รักสันโดษและอยู่อย่างโดดเดี่ยวของนบียะฮยา การใส่เสื้อผ้าที่หยาบกระด้างของนบีมูซา และการเดินทาง(ไม่อยู่กับที่)ของนบีอีซา และการแสดงออกถึงความจนของนบีมุฮัมมัด” (จากหนังสือกัชฟุลมะยูบ หน้า 4)
    4.   ในหนังสือ กัชชาฟุอิสติลาฮาติลฟุนิน  ได้นิยามคำซูฟีว่า “ซูฟี คือ ผู้ที่สลายตัวตนของตัวเองโดยคงอยู่แค่เพียงพระองค์อัลลอฮเท่านั้น และอิสระจากธรรมชาติ (ไม่ยึดติดกับสิ่งใด) และมุ่งสู่ความจริงแห่งแก่นแท้ทั้งหลาย” (อ้างจากหนังสือ มะบารีอัปฟานว่าตะซัววุฟ ของท่าน ดร.ซัจญาดีหน้า6)
    หลังจากที่ได้รับรู้ถึงความเป็นมาและความหมายของคำว่าซูฟีและตะซัววุฟแล้ว ยังมีอีกคำหนึ่งดูแล้วความหมายคล้ายและเหมือนกับคำว่าซูฟี นั่นก็คือคำว่า “อีรฟาน”  คำว่าอิรฟารในภาษาอะหรับให้ความหมายว่า “ผู้หยั่งรู้อย่างโปร่งใส” หรือให้ความหมายว่า “ผู้ที่รู้จักสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากชัดเจน ส่วนความหมายในเชิงวิชาการให้ความหมายคือ “แนวคิดหรือสำนักคิดหนึ่งทำให้มีวิธีการและทฤษฎีเฉพาะเพื่อการรู้จักพระผู้เป็นเจ้าและความจริงทั้งหลาย โดยไม่อาศัยทฤษฎีทางปรัชญา แต่ใช้หนทางญาณวิสัยในการค้นหาความจริง”
    ดังที่ท่านอบูอะลี อิบนิซีน่า กล่าวไว้ว่า.. ผู้ที่ละทิ้งความสุขสบาย ทรัพย์สินทางโลก เรียกว่า “ซาฮิด” (นักสมถะ)  ผู้เคร่งครัดทางบทบัญญัติทางศาสนา การอิบาดะฮ เช่น การนมาซ การถือศีลอด เรียกว่าอาบิดา “ผู้ภักดี” และผู้ใช้ความคิดต่อการมุ่งสู่ความบริสุทธิ์แห่งพระองค์อัลลอฮ  ด้วยกับรัศมีมีทางด้านใน(ด้วยการเห็นแจ้ง) ต่อรัศมีแห่งพระผู้เป็นเจ้า เรียกว่า “อาริฟ”
    ดังนั้นจากคำนิยามของคำว่า ซูฟีหรือตะซัววุฟ และคำว่าอาริฟหรืออิรฟานนั้นมีความแตกต่างอยู่ นั่นก็คือระดับขั้นความหยั่งรู้และเข้าถึงความจริงนั้น ผู้ที่เป็นอาริฟหรือมีญาณแห่งอิรฟานสูงกว่าผู้ที่เป็นนักซูฟี
    ส่วนคำว่าอาริฟและอีรฟานนั้นถูกนำเรียกใช้หลังจากคำว่าซูฟี นั่นก็คือเป็นการวิวัฒนาการทางด้านศาสตร์แห่งตะซัววุฟนั่นเอง ซึ่งคำว่าอาริฟได้ถูกเรียกใช้ในศตวรรษที่ 3 แห่งฮิจเราะฮ ซึ่งท่านบายาซีด บัสตอมิได้แทนคำว่าซีฟูเป็นอาริฟ ดังคำกล่าวของบายาซีด ว่า…
    “ความสมบูรณ์ของอาริฟคือการสลายตัวตนในการมอบความรักเหลือเพียงพระเจ้าเท่านั้น และขั้นต่ำที่สุกของอาริฟคือผู้ที่สลัดทิ้งจากทรัพย์สินและเงินทองออกจากตัวของเขา(โดยไม่ยึดติดอยู่กับสิ่งเหล่านั้น)  ดังนั้น อาริฟจะเห็นสิ่งที่ดีทั้งหลาย ส่วนอาลิมจะรู้สิ่งที่ดีทั้งหลาย และอาลิมจะพูดว่า ฉันจะทำอะไร? ส่วนอารฟจะพูดว่า เขาจะทำอย่างไร? (อ้างจากหนังสือตัชกิรอตุลเอาลียา หน้า 192 อ้างจากหนังสือมะบานีตะซัววุฟว่า อีรฟาน หน้า 9)

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *