jos55 instaslot88 Pusat Togel Online สบาย สบาย สไตล์เกษม : บันทึก”นักข่าวไดโนเสาร์” - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

สบาย สบาย สไตล์เกษม : บันทึก”นักข่าวไดโนเสาร์”

บันทึก”นักข่าวไดโนเสาร์”
เกษม อัชฌาสัย

เรื่องต่อไปนี้ เป็นการเขียนถึงความทรงจำ”บางส่วน”เท่าที่นึกได้จากการทำงานสื่อสารมวลชน มาอย่างต่อเนื่องรวม ๕๐ ปี(เริ่มเป็นนักข่าวประจำ”สยามรัฐ”ตั้งแต่ปี ๒๕๑๑) ซึ่งใคร่หยิบยกมาเล่าให้ท่านที่สนใจได้รู้ว่า คนที่ทำงานใน”สามสื่อ”นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์เป็นขั้นเป็นตอนอย่างผมได้เจอะเจออะไรน่าสนใจที่อยู่เบื้องหลังผลงานมาบ้าง รวมทั้งในประเด็น”รับสินบน”และ”ตบทรัพย์”
ทั้งนี้หลังจากเปิดเผยไปบางส่วนในคอลัมน์”เจาะโลก”เรื่อง”ย้อนดูสื่อก่อนเสื่อม”ออกเผยแพร่ใน”สำนักข่าวเจ้าพระยา”เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคมที่ผ่านมา(ปิดกิจการลงตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์) แล้วก็มาเขียนต่ออีกสามตอนใน”เฟสบุก”จนจบกระแสความในชื่อหน้าปกว่า”เกษม อัชฌาสัย”
คราวนี้ ประเด็นที่จะเน้นอยู่ที่”การรับสินบน”เริ่มแต่”คนข่าว”,ผู้บริหารสื่อ”ไปจนถึง”เจ้าของสื่อ”ว่าเขาทำกันอย่างไร พอเป็นสังเขป
คาดว่า”คนนอก”วงการสื่อซึ่งหมายถึง“ผู้อ่าน”,“ผู้ฟัง”และ”ผู้ชม”ที่ไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้ นอกจากคำเล่าลือ จะได้รับรู้ในบางส่วนบางเสี้ยวในกรรรมวิธี
ในปีแรกๆ ที่ผมหัดทำข่าว ก็ต้องติดตาม”พี่นักข่าว”ในโรงพิมพ์(สยามรัฐ)ซึ่งแบ่งงานสายประจำการ ในรูปแบบของ”นักข่าวประจำกระทรวง”เวียนหัดงานไปจนครบกระทรวงต่างๆ และรัฐวิสาหกิจด้วยการไปพบปะ”แหล่งข่าว”ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ผู้ว่าการฯ อธิบดีกรมต่างๆ ไปจนกระทั่ง”เจ้ากระทรวง”คือรัฐมนตรีให้รู้จักหน้าค่าตาและทำความมักคุ้นกันเข้าไว้
จากนั้นก็หัดเขียนข่าวส่ง”พี่นักข่าว”เพื่อตรวจแก้ว่าใช้ได้หรือไม่จับประเด็นถูกต้องและครบหรือไม่
ทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าจะได้รับการลงตีพิมพ์ ซึ่งบางที่หากมีคุณค่าด้านข่าวพอ “พี่นักข่าว”ก็จะส่งต่อไปให้”หัวหน้าข่าว”แต่ละฝ่ายเพื่อนำไป”เขียนใหม่”เพื่อเชื่อมต่อกับ”ข่าวหลัก”ในสาระเดียวกัน (ตามข้อความที่ต้องการ)เพียงไม่กี่บรรทัด
ความที่เคยฝึกการเขียนข่าวลงในหนังสือพิมพ์”มหาวิทยาลัย”ซึ่งเป็น”หนังสือพิมพ์ฝึกหัด”รายสัปดาห์สมัยเรียนอยู่ปีชั้น ๓ และปี ๔ ในแผนกวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้เรียนรู้การเขียนตามสไตล์สากล”ของ”สยามรัฐ”ช่วยทำให้การฝึกงานในอาชีพจริง รวดเร็วขึ้นและไม่ค่อยจะถูกหัวหน้าข่าว”จ้ำจี้จ้ำไช”
ข่าวไหนไร้คุณค่าก็จะทิ้งตะกร้าไป
จึงพูดกันเล่นๆ ว่า “ตะกร้าสร้างนักข่าว”
เพราะรู้มาอย่างดีแล้ว ในวิธีจับประเด็น เรียบเรียงประเด็นให้ต่อเนื่อง อธิบายประเด็น โดยเขียนเป็น”ย่อหน้า”จัดประเด็นที่มี”ความสำคัญ”จากมากไปหาน้อย ด้วยการเอาประเด็นที่คิดว่าสำคัญน้อยที่สุดไว้ตอนท้าย
ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการตัด”สาระที่สำคัญไม่มาก”ทิ้งไปเลย โดยไม่ต้องเสียดาย หรือเกรงว่าจะเกิดอาการ”สะดุดข่าว”
ข่าวแรกที่ลงตีพิมพ์(เต็มที่เรื่อง)จำได้ว่าอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยความภูมิใจและตัดเก็บใส่แฟ้มไว้ แต่สูญหายไปเสียแล้ว
กระทรวงแรกที่ผมประจำการคือ”กระทรวงเศรษฐการ(ปัจจุบันคือกระทรวงพาณิชย์) โดยประจำการควบกระทรวงการคลังซึ่งอยู่ในสำนักพระราชวังด้วย รวมทั้งงานธุรกิจต่างๆ ซึ่งรวมทั้งหอการค้าไทย ตอนนั้นยังไม่มีตลาดหลักทรัพย์
จนในที่สุดก็ได้รู้จักกับนักข่าวรุ่นพี่ป้าน้าอาจากหนังสือพิมพ์อื่นๆ ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้องกัน ให้ความเคารพและนับถือ โดยทุกๆเช้าจะไปพบปะกันอย่างไม่เป็นทางการที่ใต้ถุนกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อตรวจสอบป้ายกรมประชาฯว่าวันนี้ที่ไหนแถลงข่าวบ้าง หากน่าสนใจก็จะไปกัน เพื่อทำ”ข่าวหมู่” แม้ไม่ค่อยจะมีคุณค่าไม่มากนักเท่า”ข่าวเดี่ยว”(ทำเอง)
แต่การไป ก็จะทำให้ได้รู้จัก”แหล่งข่าว”ใหม่ๆ สะสมเอาไว้ เพื่อเป็น”แหล่งข่าวส่วนตัว”ในอนาคต
มาถึงตอนนี้ก็เข้าเรื่องว่าการติดสินบนนักข่าวนั้น เขาทำกันอย่างไร
ในการหาข่าวนั้น ถ้าอยากได้ข่าวดีมีคุณภาพ ก็ต้องคิดประเด็นเอง ไปทำข่าวคนเดียว ไม่ต้องแบ่งคนอื่นๆ
แต่บางครั้งก็จำเป็นเหมือนกัน ที่จะต้องไปทำ”ข่าวหมู่” ซึ่งเป็นข่าวที่ส่งผลกระทบหรือข่าวที่สาธารณชนจะต้องรู้
คราวหนึ่งผมขึ้นรถเมล์ไปทำ”ข่าวหมู่”กับเพื่อนจากหนังสือพิมพ์อื่นเพียงสองคน เพราะรู้อยู่แล้วว่า จะมีนักข่าวไปเยอะ เนื่องจากเป็นการแถลงข่าวเรื่องปุ๋ยสำหรับชาวนา ซึ่งมีผลกระทบไปทั่วประเทศ
แถลงเสร็จ ซักเรื่องที่ข้องใจเสร็จ จากนั้น เขาก็แจกซองนักข่าวทุกคน
ผมกับเพื่อนที่ไปด้วยกันมองหน้ากันด้วยความเข้าใจว่า จะต้องเป็นแจกเงินแน่ๆ แต่ก็รับไว้ เพราะเกรงคนอื่นๆ ที่รับจะ”เสียหน้า”น่าแปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมบริษัทที่ว่าจึงหาญกล้าแจกเงินเพื่อเป็นหลักประกันว่าข่าวจะได้ลงตีพิมพ์
กลับมาถึงโรงพิมพ์เขียนข่าวเสร็จก็แจ้งหัวหน้าข่าวซึ่งแนะนำให้ไปปรึกษาบรรณาธิการใหญ่ คือคุณประจวบ ทองอุไร
บอกท่านว่าน่าจะเป็น”ซองขาว”(หมายถึงเงินในซอง”)แกะออกมา พบเงิน ๑๐๐ บาท ถามบรรณาธิการว่าจะทำอย่างไรดี ท่านบอกว่า “เอาไปใส่ตู้ทำบุญวัด จะได้พ้นๆ ตัวไป”
ผลที่เกิดขึ้นติดตามมาก็คือ นักข่าวรุ่นพี่ๆ หลายคนเริ่มหมางเมินไม่ยอมให้ผมไปไหนมาไหนด้วย บางครั้งก็ขึ้นกระดานดำหลอกผมว่ามีการแถลงข่าวที่นั่นที่นี่ เมื่อผมไปตามเวลา ปรากฏว่าไม่มีการแถลงข่าว
สิ่งนี้กลับกลายเป็นเรื่องดี คือช่วยฝึกให้ผมเดินหา”ข่าวเดี่ยว” โดยไม่ต้องแบ่งใครตั้งแต่นั้นมาและในที่สุด ก็ไปประจำกระทรวงการต่างประเทศอีกแห่งหนึ่ง (“ว่าการ”ทีเดียวสามกระทรวงเลย)
ผมถามใจตนเองว่าหากเป็นเงินมาก ๆ เป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนจะทำอย่างนี้ หรือไม่และถามต่อว่า หากเป็นข่าวที่สำคัญมากๆ ของหน่วยงานที่ให้ข่าวและได้รับการตีพิมพ์นักข่าวน่าจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มในราคาที่สมน้ำสมเนื้อหรือไม่
ตอบตัวเองว่า ยังไงก็ต้องคืน เพราะ”ผิดจริยธรรม”เพราะเป็นการให้เพื่อหวังการตอบแทน ไม่ใช่ให้โดยเสน่หา
เจ้าของ”สยามรัฐ”คือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช”ท่านเคยสอนสั่งพวกเรานักข่าว”สยามรัฐ”ว่า“อย่ารับเงินของใคร อย่าไปเอาของเขา ไม่ว่าจะเท่าไร หากคุณมีปัญหาทางการเงิน ก็ให้บอกกันตรงๆ เพื่อหาทางแก้ไข”
ท่านไม่ได้บอกว่า นั่นคือการรักษาจริยธรรมหรือ”จรรยาบรรณ” แต่ท่านบอกว่า เราเป็นนักข่าว มีเงินเดือนกิน จะมากจะน้อยก็ช่างเถอะ แต่เราไม่มีสิทธิจะไปรับเงินจากผู้อื่น ในเมื่อตัดสินใจ มาทำอาชีพด้วยความเสียสละอย่างนี้แล้ว ก็จะต้องรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีเอาไว้ อย่าให้ใครดูถูก
นั่นเป็นครั้งแรกที่เกิดการติดสินบนซึ่งผมมีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
เป็นการติดสินบนต่อหน้า โดยไม่เกรงใจนักข่าวเลยแม้แต่น้อย
ครั้งที่ ๒ เกิดขึ้นในสมัยที่ผมทำหน้าที่”หัวหน้าข่าว” ซึ่งจะต้องรวบรวมข่าวในแต่ละวันจากโต๊ะข่าวฝ่ายต่างๆที่เสนอมา เรียงลำดับความสำคัญเพื่อเลือกนำมาขึ้นหน้า ๑ ที่เรียกเป็นภาษาฝรั่งว่า Front Page ซึ่งถือว่าเป็นงานเกียรติยศในงานหนังสือพิมพ์ หากมีโอกาสได้ทำหน้าที่นี้ คือการทำหน้าที่”ตรวจ-ตัด-ต่อ”ข่าว
ผมทำหน้าที่นี้อยู่นานทีเดียว หลังจากทำ ๆ หยุดๆ ตามแต่บรรณาธิการใหญ่จะแต่งตั้งใครมาทำหน้าที่นี้ แต่พอขาดคน ผมจะเข้าทำหน้าที่นี้ทันทีโดยอัตโนมัติและรักที่จะทำ เพราะถือว่าเชี่ยวชาญชำนาญยุทธ์และคุ้นเคยกับ”ขนบธรรมเนียม”ของ”สยามรัฐ” โดยที่คนข้างนอกไม่รู้ นึกว่าผมเป็นเพียงแค่คนแปลข่าวต่างประเทศเท่านั้น
เอาเป็นว่าหากเมื่อไรขาดแคลนหัวหน้าข่าวหน้า ๑ ผมก็จะต้องรักษาการณ์แทบจะทุกครั้งไป จนมีความชำนิชาญไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะในเรื่องของการตี”ดัมมี”(จัดรูปแบบการเข้าหน้า ตกแต่งหน้า ๑ เพราะเคยเรียนวิชานี้มาในมหาวิทยาลัย)การพาดหัวข่าวใหญ่ หัวข่าวรอง เลือกภาพประกอบหน้า ๑ เพื่อแข่งขันกับฉบับอื่นๆ ว่าพาดหัวข่าวอย่างไรใช้คำและภาษาเตะตาหรือไม่ หนังสือพิมพ์จึงจะขายดี
ในบางช่วง ก็ทำติดต่อกันมาเป็นปีๆ โดยไม่ทิ้งการแปลข่าวและวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศไปด้วย
งานหนักหนาเพียงไหน โปรดพิจารณา เพราะในหนึ่งวันของสัปดาห์ จะต้องเข้าเวร เขียนบทบรรณาธิการ(บทนำ)ด้วย
ยังจะเขียนเรื่องนี้ต่อครับ ว่าการ”ติดสินบน”ในขั้นต่อๆ ไปเขาทำกันอย่างไร

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *