สำนักปรัชญาฮิกมะตุลมะตะอาลียะฮ หรือสำนักปรัชญาปรีชาญาณสูงส่ง
สำนักปรัชญาฮิกมะตุลมะตะอาลียะฮ
หรือสำนักปรัชญาปรีชาญาณสูงส่ง
โดย ดร.ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน
ศูนย์อิสลามศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม
การวิวัฒนาการทางศาสตร์ปรัชญาอิสลามได้เข้าสู่ยุคฟื้นฟูหลังจากที่ปรัชญาอิสลามได้รับกระแสการต่อต้านมาช้านาน และเกือบที่จะสาบสูญหรือสูญหายไปจากโลกของอิสลามไปทีเดียว จนกระทั้งท่านมุลลา ศ็อดรอได้ลุกขึ้นและนำเนื้อหาทางปรัชญาอิสลามมาวิเคราะห์และพิเคราะห์จนเกิดความสัมพันธภาพระหว่างปรัชญาแบบเหตุผลนิยามจัด(มัชชาอียะฮ์)และปรัชญาแบบการหยั่งรู้ชั่วคณะจิต(อิชรอกียะฮ์)อีกทั้งได้ประสานความกลมคลืนให้เข้ากับแนวคิดแบบรหัสยวิทยา(อีรฟานียะฮ์) ในที่สุดความขัดแย้งและการต่อต้านจากนักนิติศาสตร์หรือจากนักเทววิทยาได้ลดน้อยลงไป อีกทั้งยังทำให้นักเทววิทยาหันมาศึกษาปรัชญาอย่างเอาจริงเอาจัง และแล้วปรัชญาอิสลามได้ฟื้นฟูขึ้นมาเป็นปรัชญาในอัตลักษณ์ใหม่และรูปแบบใหม่ คือไม่เป็นศัตรูกับศาสตร์ใดๆ และศาสตร์ต่างๆยังเกื้อกูลต่อปรัชญาและปรัชญายังเกื้อกูลต่อศาสตร์ต่างๆ และนั่นคือปรัชญาในสำนักฮิกมะตุลมุตะอาลียะฮ์ หรือ เรียกว่า ปรัชญาอุตระอันสูงส่ง
สำนักปรัชญาปรีชาญาณสูงส่งหรือสำนักฮิกมะตุลมุตะอาลียะฮ์ได้รับการยอมรับโดยทั่งไปจากผู้รู้และนักปรัชญาในยุคปัจจุบันเพราะนั่นคือความสำเร็จและเป็นการบรรลุความสำเร็จระดับสูงสุดในการสังเคราะห์ความรู้ของมนุษย์โดยการเพ่งพินิจและการไตร่ตรองทางการะบวนการทางความคิดปรัชญาโดยสามารถรวมพลังและประสานความกลมกลืนระหว่างความรู้จากวิวรณ์และการประจักษ์แจ้งจากการถูกเปิดเผยทางจิตวิญญาณขั้นสูงและทฤษฎีทางปรัชญาและอภิปรัชญาอันล้ำลึกจนปรากฏเป็นหลักปรัชญาแนวฮิกมะตุลมุตะอาลียะฮ์หรือปรัชญาสำนักปรีชาญาณสูงส่ง
ในโลกอิสลามการวิวัฒนาการทางความคิดและการพัฒนาทางกระบวนทัศน์นั้นแบ่งออกได้ ๔ กระบวนทัศน์ คือ
ก.กระบวนทัศน์แบบปรัชญาเหตุผลนิยมจัด(คือการกำเนิดปรัชญาสำนักมัชชาอียะฮ์)
ข.กระบวนทัศน์แบบปรัชญาประจักษ์แจ้งชั่วคณะจิต(การกำเนิดสำนักปรัชญาอิชรอกียะฮ์)
ค.กระบวนทัศน์แบบอัตญัตติญาณ คือการเกิดสำนักซูฟีและสำนักรหัสยนิยม
ง.กระบวนทัศน์แบบเทววิทยา ของแต่ละสำนักคิด
ก่อนสมัยของท่านมุลลาศ็อดรอบริบททางศาสนาและวัฒนธรรมได้มีความขัดแย้งและไม่ลงรอยต่อกันในระหว่างสำนักทางความคิดเหล่านั้นที่มีกระบวนทัศน์แตกต่างจนกระทั้งมุลลาศ็อดรอได้พยายามและใช้การเพ่งพินิจต่อองค์ความรู้ของศาสตร์ต่างๆทั้งสี่ จนหาจุดร่วมระหว่างกระบวนทัศน์ทั้งสี่นั้น และสามารถเข้าด้วยกันได้และยังเกื้อกูลต่อกันและกัน
มุลลาศ็อดรอได้นำประเด็นปัญหาทางปรัชญาของสำนักก่อนๆที่มีความขัดแย้งหรือมีทัศนะที่แตกต่างกันมากล่าวและแก้ไขหาคำตอบได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังได้สร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างนักเทววิทยากับนักปรัชญา โดยการนำทฤษฎีทางปรัชญามาแก้ปัญหาทางเทววิทยา จนได้ผลเกินคาดทีเดียว
มุลลาศ็อดรอยังได้นำองค์ความรู้หรือสารัตถะจากคัมภีร์อัลกรุอานหรือจากวจนะของศาสดาอีกทั้งเนื้อหาด้านอภิปรัชญาจากคำสอนของบรรดาอิมามแห่งอะลุลบัยต์ศาสดาโดยเฉพาะการนำบทวิเคราะห์จากหนังสือนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ซึ่งเป็นสุนทโรวาทของอิมามอะลี บินอะบีฏอบเล็บ(อ) และจุดเด่นของปรัชญามุลลาศ็อดรอ คือการนำปรัชญาเข้ามาใกล้ชิดศาสนามากยิ่งขึ้นและสามารถนำปรัชญามาตีความศาสนาและแสดงให้เห็นถึงการเกื้อกูลปรัชญาต่อศาสนาอย่างมีบทบาทสูงทีเดียว
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นจุดเด่นทางปรัชญาปรีชาญาณสูงส่งคือการนำองค์ความรู้ด้านรหัสยวิทยาหรือการเปิดเผยองค์ความรู้ทางจิตวิญญาณ(กัชฟ์)โดยการประจักษ์ที่เกิดขิ้นจากจิตขั้นสูงแล้วนำมาเปิดเผยและอธิบายเป็นหลักปรัชญาเป็นทฤษฎีทางปรัชญาอย่างน่าสนใจนั่นหมายความว่าท่านมุลลาศอ็ดรอได้นำเอากระบวนทัศน์ทางรหัสยวิทยาซึ่งเป็นพื้นฐานจากการประจักษ์แจ้งทางจิตวิญญาณและเปิดเผยออกมาโดยผ่านการพิสูจน์และการอธิบายเชิงปรัชญาที่ลงตัวและน่าทึ่งทีเดียวกล่าวคือการสำแดงให้เห็นว่ารหัสยวิทยาขั้นสูงได้สนับสนุนปรัชญาเชิงลึกและทั้งสองศาสตร์นั้นต่างเกื้อกูลกันและกันไม่ได้เป็นปรปักษ์กันเหมือนกับนักปราชญ์ในยุคต้นๆอิสลามเชื่อกันและดังที่กล่าวผ่านมาแล้วว่ามุลลาศอ็ดรอยังได้นำหลักคำสอนจากวิวรณ์วะฮ์ยูจากพระคัมภีร์อัลกุรอานมาตีความเนื้อหาปรัชญาอย่างชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเขาพยายามจะชี้ให้เห็นว่าปรัชญาและศาสนาและรหัสยวิทยานั้นเป็นเนื้อหาเดียวกันและต่างก็เกื้อกูลกันและกันเพียงแต่ระดับความถี่ของแต่ละศาสตร์ต่างกันเท่านั้น ต่างก็สนับสนุนกันและกันไม่ได้เป็นปรปักษ์หรือขัดแย้งใดๆ
ปรัชญาปรีชาญาณสูงส่งหรือฮิกมะตุลมุตะอาลียะฮ์ เป็นสำนักปรัชญาที่ได้เปิดเผยหลักการต่างๆระดับสูงขององค์ความรู้ที่ถูกปกปิดไว้หรือเปิดเผยความลี้ลับต่างๆของความจริงสูงสุด และยังได้แสดงออกถึงการนำเอาเหตุผลและการหยั่งรู้ทางด้านปัญญา และการแสดงออกถึงความสว่างที่เกิดขึ้นจากการเพ่งพินิจการใคร่ครวญและยังได้รวบรวมแนวคิดทางปรัชญาที่เกี่ยวข้องกันและสร้างความสัมพันธภาพเกิดข้นต่อกันและกัน ซึ่งเป็นผลในทางบวกที่สร้างความแจ่มแจ้งส่องสว่างขึ้นในจิตใจอันเป็นเรื่องราวตามหลักการพื้นฐาน ซึ่งเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์และเป็นโครงสร้างของความเป็นจริง จนสามารถเข้าถึงธรรมชาติดั้งเดิมแก่นแท้ของมนุษย์และเข้าถึงพระเจ้าโดยธรรมชาติแห่งความเป็นพระเจ้า ตลอดถึงการเข้าใจต่อจุดหมายปลายทางของการสร้างสรรค์หรือการสังสรรค์ทั้งหลายของพระเจ้าหรือเรื่องการแต่งตั้งศาสดาและเรื่องชีวิตอย่างละเอียดอ่อนมาก
ปรัชญาของมุลลาศอ็ดรอเน้นนักในเรื่องจิตและพระเจ้าเป็นอย่างยิ่งถ้าเราพินิจในตำราทางด้านปรัชญาของมุลลาศอ็ดรอ เช่น หนังสือ อัลฮิกมะตุลมุตะอาลียะฮ์ หรือรู้จักในนามของอัลอัสฟาร อัลอัรบะอะฮ์ หรือหนังสือ ชะวาฮิดุลรุบูวียะฮ์กิตาบมับดะวัลมะอาดและอื่นๆในตำราเหล่านั้นได้กล่าวถึงจุดหมายปลายทางของจิตวิญญาณและการจาริกของจิตวิญญาณสู่จุดสูงสุดและการประจักษ์แจ้งต่อมันอีกทั้งกล่าวถึงการเข้าถึงความจริงสูงสุด
เอกลักษณ์สำนักปรัชญาปรีชาญาณสูงส่ง
จากบริบททางประวัติปรัชญาอิสลามชี้ให้เห็นว่าความเปลี่ยนแปลงต่างๆและการเกิดสำนักปรัชญาอิสลาม บ่งบอกถึงความพัฒนาทางปัญญาและการเข้าถึงความจริงสูงสุดมากขึ้นทุกวินาที นั่นเป็นการส่งสัญญาณที่ดีว่าศาสตร์ปรัชญาไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ดังนั้นท่านมุลลาศ็อดรอได้เริ่มบริบทใหม่ทางปรัชญาอีกครั้ง ด้วยการพัฒนาศาสตร์ปรัชญาถึงขั้นสูงสุด นั่นหมายความว่ามุลลาศ็อดรอ พยายามจะนำทฤษฎีและแนวคิดทางปรัชญาทั้งปรัชญาของนักคิดต่างชาติ ไม่ว่าจะมาจากซีกตะวันตกอย่างเช่น ปรัชญาสำนักกรีกโบราณ เช่น แนวคิดทางปรัชญาหรือทางอภิปรัชญาของเพลโต หรือ อริสโตเติล และท่านอื่นๆที่มีอิทธิพลในโลกปรัชญา หรือแม้แต่ในซีกโลกตะวันออก ท่านมุลลาศ็อดรอก็ได้นำมาศึกษาและเปรียบเทียบ หาจุดอ่อนและจุดแข็งของแต่ละสำนัก ไม่ว่าจะเป็นปรัชญาของศาสนาฮินดู ปรัชญาของศาสนาพุทธ ปรัชญาศาสนาเต๋า
มุลลาศ็อดรอได้ชื่นชมและนิยมในตัวของอริสโตเติลอย่างมาก และได้เขียนคำนิยมในตำราของท่านเองเกี่ยวกับความปรีชาสามารถทางสติปัญญาของอริสโตเติลที่น่าพิศวงที่เดียว เป็นบุคคลที่อัจริยะ มีพรสวรรค์ทางด้านการเสนอความคิดและทฤษฎีทางปรัชญาอย่างล้ำลึก นั่นเป็นการชี้ให้เห็นว่า ปรัชญาสำนักปรีชาญาณสูงส่งของมุลลาศ็อดรอไม่ได้ปฏิเสธหลักคิดเชิงลึกทางอภิปรัชญา และยังสื่อให้เห็นว่า เขานั้นเห็นด้วยกับนักปรัชญามุสลิมในยุคต้นๆ ไม่ว่า อัลกินดีย์ ท่านฟารอบีย์ ท่านอิบนุสีน่า เพราะว่านักปรัชญามุสลิมในยุคต้นๆนั้นได้นิยมปรัชญาแบบฝั่งซึกตะวันตก คือนิยมในอภิปรัชญาของอริสโตเติลหรืออภิปรัชญาของเพลโต
แต่ทว่ามุลลา ศ็อดรอก็ได้วิพากษ์ปรัชญาอิสลามในยุคต้นๆ โดยเฉพาะปรัชญาสำนักมัชชาอียะฮ์ ที่อยู่ในปรัชญาเหตุผลนิยมชัด ว่า แท้จริงแล้วจุดอ่อนของปรัชญาสำนักนี้ยังต้องพึ่งพาและผ่านการพัฒนาไปอีกระดับหนึ่งอีก ถึงจะสามารถบรรลุขั้นสูงทางอภิปรัชญาที่แท้จริง นั่นคือการ การให้ความสำคัญด้านการจาริกทางจิตวิญญาณและการแสวงหาความจริงด้วยการประจักษ์แจ้งทางจิต โดยผ่านการปฎิบัติธรรมและนั่งสมาธิตามวิถีแห่งสำนักรหัสยนิยม เพราะว่าการเข้าหาด้านรหัสยนิยมนั้นเป็นำการประจักษ์แจ้งที่ไม่มีวันจะผิดพลาด ส่วนการผ่านกระบวนการคิดและการเพ่งพินิจทางปรัชญาอาจจะตั้งสมมติฐานที่ผิดพลาด และผลสุดท้ายก็จะได้ผลลัพท์ที่ผิดพลาดตามไปด้วย และนั่นคือจุดอ่อนของสำนักปรัชญาอิสลามมัชชาอียะฮ์
มุลลา ศ็อดรอได้กล่าวชื่นชมอิบนุสีน่า ว่าเป็นความภาคภูมิและเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับโลกอิสลามทีมีนักปรัชญาอย่างอิบนุ สีน่า และมุลลา ศ็อดรอชี้ให้เห็นว่า แม้แต่บั้นปลายชีวิตของอิบนุ สีน่า ก็ยังได้กล่าวถึงตำแหน่งและระดับขั้นของนักรหัสยนิยมไว้ในหนังสือ”อัลอิชารอต วัตตัลบีฮาต” อย่างน่าสนใจทีเดียว
และในขณะเดียวกันก็ได้แสดงความชื่นชมต่อสำนักปรัชญาอิชรอกียะฮ์ของเชคอิชรอ็ก และยอมรับว่าเชคอิชร็อกได้พยายามจะสร้างความสมดุลย์ระหว่างปรัชญากับรหัสยวิทยา แต่ก็ยังไม่บรรลุเป้าหมาย เพราะหลายเหตุผลและหลายปัจจัย มุลลาศ็อดรอได้ชื่นชม อิบนุอารอบีย์เป็นอย่างยิ่งและถือว่าเป็นบิดาแห่งนักซูฟีทั้งหลาย แต่ท่านก็ได้วิพากษ์ว่า สำนักอิชรอกียะฮ์หรือสำนักซูฟีแบบอิบนิอารอบีย์ ยังขาความเชื่อมั่นต่อนักเทววิทยา เพราะทำให้นักเทววิทยาและนักนิติศาสตร์อิสลามได้ถล่มและต่อต้านอย่างหนัก เนื่องจากเนื้อหาหรือคำสอนนั้นในภาพภายนอกเป็นที่ตั้งข้อสังเกตของนักเทววิทยาและดูจะออกนอกลู่นอกทาง
ดังนั้นมุลลา ศ็อดรอได้พยายามจะหาจุดอ่อนและจุดแข็งของแต่สำนักปรัชญา อีกทั้งหาจุดร่วมกันและกัน และในอีกมุมหนึ่งพยายามจะสร้างความเข้าใจระหว่างนักเทววิทยาและนักนิติศาสตร์อิสลาม ด้วยการหยิบยกคำอ้างอิงที่เป็นตัวบทจากคัมภีร์อัลกุรอานและฮะดีษของศาสดา และจุดเด่นหนึ่งของมุลลา ศ็อดรอคือการนำอัลกุรอานและฮะดีษจากบรรดาอิมามแห่งอะลุลบัยต์ศาสดามาตีความปรัชญาแนวปรีชาญาณสูงส่ง จนปรากฏเป็นพยานหลักฐานว่า อัลกุรอานกับปรัชญามิได้ขัดแย้งต่อกัน และทำความเข้าใจว่าอัลกุรอานและปรัชญาต่างเกื้อกุลต่อกันและกัน และนั่นเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงโลกปรัชญาอิสลามครั้งสำคัญและครั้งยิ่งใหญ่ทีเดียว
บรรณานุกรม
ภาษาต่างประเทศ
اسلام درجهان سير فلسفه :
فخری ما جد: مولف -1387 طهران -ايران
فلسفه فلسفه اسلامی : عبد الحسین خسروپناه قم- ايران 1392
آموزش فلسفه : آیه الله مصباح یزدی قم- ايران 1387
کلام عرفان وحکمت عملی : شهید مطهری قم- ايران-1382
تاریخ فلسفه اسلامی : هانری کوربن قم- ايران1388
در جستجوی عرفان اسلامی : مصباح یزدی قم- ايران 1391