เป็น สับปะรด
เป็น สับปะรด
เริ่มต้นด้วยคำว่า “ ไม่เป็นสับปะรด “ ซึ่งแรกๆ คงจะหมายถึงรสไม่ดี ต่อมา ก็กินความกว้างขึ้น ว่าอะไรที่ไม่เข้าท่า ก็น่าจะพูดได้ว่า “ ไม่เป็นสับปะรด “ ฉะนั้น ถ้าเป็นสับปะรด ก็คงจะดี หรือ รส ดี สับปะรดเป็นผลไม้ที่ขึ้นโต๊ะอาหารตลอดทั้งปี คู่กับมะละกอ และบางครั้งก็มีส้มโอ หรือแตงโมร่วมอยู่ด้วย ผลไม้เหล่านี้ พอปลูกได้อายุ ก็ออกผลให้ และเมื่อซื้อมาแล้ว ยังเก็บไว้ในรูปของผลสด ได้นานพอสมควร โดยเฉพาะสับปะรด
สับปะรด เป็นพืชล้มลุกใบเลี้ยงเดี่ยว ที่มีลักษณะเจริญเติบโตแตกหน่อ ต่อไปได้หลายปี มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ananas comosus ถิ่นกำเนิดมาจากอเมริกาใต้ ผมคิดว่า สับปะรดมีอยู่ ๒ กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มที่ ๑ คือสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย หรือที่เราเอามาทำสับปะรดกระป๋อง หรือ ที่ปลูกกันแถว เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี ( สับปะรดศรีราชา) ลำปาง หรือ ฉะเชิงเทรา สับปะรดนี้ รสชาติหวานฉ่ำ สำหรับกลุ่มที่ ๒ คือสับปะรด พื้นเมืองที่เราเรียกว่าพันธุ์อินทรชิต หรือสับปะรดภูเก็ต เป็นสับปะรดที่ลูกเล็ก ตาใหญ่ เนื้อหวานกรอบ ผมคิดว่า สับปะรดพันธุ์พื้นเมืองนี้ได้นำไปปลูกที่ไหนก็เรียกตามแหล่งที่ปลูกใหม่ เช่น สับปะรดสวี ตราดสีทอง นางแล หรือภูแล เป็นต้น ซึ่งคุณภาพของผลและเนื้อ ก็เปลี่ยนไปตาม สภาพดินฟ้าอากาศ แต่คงรสชาติหวานกรอบไว้เหมือนเดิม ถ้าดินอุดมสมบูรณ์ บางแห่งมีลักษณะแล้งๆ ดินค่อนข้างเค็ม และบางแห่งมีธาตุอาหารในดินอยู่สูง เช่นโปแตซเซี่ยม บริเวณเหล่านี้ก็จะส่งผลให้สับปะรดมีรสชาติดี
ตามที่มีโรงงานสับปะรดกระป๋องขึ้นในประเทศไทย คาดว่า ประมาณ ๕๐ ปีที่ผ่านมานี้ ทำให้มีการปลูกสับปะรด กว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะรอบๆโรงงาน แต่สับปะรดที่ใช้บรรจุกระป๋อง จะต้องมีขนาด ที่ปอกแล้ว ก็สามารถทำแว่น ลงกระป๋องได้ การคุมขนาดผล จะใช้จำนวนต้นต่อไร่เป็นเกณฑ์ เริ่มใหม่ๆ สมัยแรกๆจะใช้ประมาณ ๘,๐๐๐ ต้นต่อไร่ เรียงร่องละ ๑-๒ แถว ซึ่งสับปะรดต้นหนึ่ง จะให้มีผล ๑ ผล ระยะหลัง ทราบว่า ถ้าดินฟ้าอากาศอำนวย และใช้เทคนิคในการปลูกที่เหมาะสม สามารถจะใช้ระยะ ๑๒,๐๐๐ ต้นต่อไร่ มีข้อควรระวังเรื่องการใช้ปุ๋ยไนโตรเจน ซึ่งจะต้องให้ในปริมาณที่เหมาะสม และจะต้องเก็บเกี่ยวสับปะรดตอนที่แก่เต็มที่ เพราะสับปะรดอ่อนจะออกเปรี้ยว และ อาจจะมีไนโตรเจนหลงเหลืออยู่ เมื่อใส่กระป๋อง ทำให้กระป๋องดำ จำได้ว่าเคยมีนักวิชาการ กล่าวไว้ว่า ไนโตรเจนที่อยู่ในรูป ไนเตรท หรือ ไนไตรท์ ที่เกาะอยู่ตามผนังเซลล์ในผลสับปะรด อาจจะเป็นสารก่อมะเร็ง ก็ได้
เมื่อเก็บเกี่ยวผลสับปะรดแล้ว เพื่อให้สะดวก ก็รื้อแปลงปลูกใหม่น่าจะดีกว่า ปกติ เราใช้หน่อพันธุ์ มาเพาะปลูก แต่ ตะเกียง หรือ หัวจุกสับปะรด ก็ใช้ขยายพันธุ์ได้ ซึ่งวัสดุปลูกแต่ละอย่าง มีอายุให้ผลและเก็บเกี่ยวไม่เท่ากัน การใช้หน่อพันธุ์ จะให้ผลเร็วที่สุด คือประมาณ ๑ ปี หรือ ปีเศษๆ ก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว การเก็บสับปะรดทำได้ลำบาก เพราะที่ปลายใบมีหนามแหลม ต้องระวัง ในการเก็บเกี่ยว ในพื้นที่ปลูกบางแห่ง เกษตรกรปลูกไว้เพื่อขายผลสด ทิ้งสับปะรดไว้หลายปี หรือประมาณ ๕ ปี แล้วจึงรื้อปลูกใหม่ ซึ่งสับปะรดก็จะแตกหน่อ เจริญเติบโตให้ผลต่อไป แต่แปลงปลูกก็จะดูแน่นขึ้น ถ้ารื้อแปลงปลูกใหม่ น่าจะได้ผลขนาดที่เหมาะ สม่ำเสมอและเก็บเกี่ยวง่ายขึ้น
เมื่อหลายๆปีก่อน เคยมี ข้อแนะนำขององค์การสุขภาพโลก (WHO ) ว่า คนเราควรจะบริโภคผักผลไม้ ปริมาณ ๔๐๐ กรัมต่อคนต่อวัน หรือ ประมาณเกือบครึ่งกิโลกรัม ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งทางราชการและนักวิชาการก็แนะนำว่าไม่ควรบริโภคอะไรที่เป็นประจำและปริมาณมากทุกๆวัน เพราะทุกอย่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งสอดคล้องกับที่ เพิ่งดูทีวีมาไม่นานนี้ เขาบอกว่าไม่ควรบริโภคกล้วยทุกวันและ ต่อวันมากเกินไป เพราะมี โปแตซเซี่ยมสูง อาจจะเป็นอันตรายต่อไตได้ ซึ่งผม กินกล้วยวันละ ๕-๖ ใบ ทุกวันเพื่อระบายท้อง เมื่อได้ยินตรงนี้แล้วเกิดความกลัว สงสัยจะต้องเปลี่ยนแปลงนิสัยการกิน เพราะกลัวการล้างไตมากที่สุด นอกจากนั้น ผักผลไม้บางชนิด ยังมียาเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในปริมาณมากเกินอัตราที่ควบคุม กินสะสมเข้าไปมากๆ ก็เกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่ช่วยยืนยันว่าควรจะกระจายชนิดของผลไม้ที่กินประจำวันไว้ก่อน
สำหรับสับปะรดเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่บริโภคได้บ่อยๆ และมีประโยชน์มากกว่าโทษ ยกเว้นข้อจำกัดของบางคน และตอนท้องว่างๆ ก็ไม่ควรบริโภคมากเกินไป เพราะอาจจะเสาะท้อง ปกติ ถ้ากินสับปะรดหลังอาหาร โดยเฉพาะตอนเย็น สับปะรดจะช่วยย่อย เนื่องจากมีเส้นใยที่ช่วยหล่อลื่นนำกากอาหารที่ไม่ได้ย่อย ให้เคลื่อนไปสู่ลำไส้ใหญ่ ได้โดยง่าย นอกจากนั้น สับปะรดยังมีเอนไซม์ บรอมีเลน โดยเฉพาะที่แกนสับปะรด ช่วยย่อยอาหารที่กินเข้าไปอีกด้วย สำหรับการบำรุงสุขภาพของร่างกาย สับปะรด มี สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินต่างๆ โดยเฉพาะวิตามิน ซี เบต้าแคโรทีน ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้หลายประการ
ถึงแม้ที่ประเทศเราเป็นเมืองผ้าไหม และผ้าฝ้าย แต่ผ้าเส้นใยสับปะรดโดยเฉพาะจากฟิลิปปินส์ ก็ดูสวยงามมาก ที่จะมาตัดเสื้อผ้าใส่ ส่วนใหญ่ จะเป็นผ้าที่เนื้อแข็ง และโปร่งบาง ผู้ใดสรวมใส่จะทำให้ดูสวยสง่ามาก แต่ระวังเสื้อกล้ามที่ใส่ข้างในอย่าให้เป็นรูโบ๋ เพราะจะเห็นชัดมาก นอกจากนั้น สับปะรดยังมีประโยชน์อีกหลายส่วน เช่นเปลือก ฯลฯ ทำเป็นอาหารสัตว์เป็นต้น
เมื่อ ประมาณ ๕๐ ปีที่ผ่านมา ( ๒๕๐๙) ในขณะที่พวกเรา นิสิตเกษตรไปจับแมลงกันแถวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งการจับและเซ็ทแมลงเป็นส่วนหนึ่งของวิชากีฏวิทยาเบื้องต้น ที่จะต้องส่ง แมลงนับเป็นร้อยแฟมมีลี่ ให้กับอาจารย์ การจับแมลงครั้งนั้น ไปพักกันที่หาดวนกร และกลางคืน ได้ร่วมสนุก ล้อมวงกลางแจ้ง รอบกองไฟ มีการละเล่นต่างๆสนุกสนาน ได้ประทับใจเพลงบลูฮาวาย ที่เล่นโดยกีต้าฮาวาย ริมชายหาด เสียงโหยหวน ลอยต้านสายลมริมทะเล เป็นฝีมือเล่นของเพื่อน นักดนตรี เคยู แบน พอเริ่มเพลงรำวง เพื่อนผมคนหนึ่งรีบไปโค้งเพื่อนผู้หญิงออกมารำวง ความจริงก็ไม่ได้คิดอะไร ที่อยากรำวงกับเพื่อนคนนั้น เพราะเขาเป็นคนดัง น่ารัก ก็เพียงอยากให้เพื่อนๆล้อเท่านั้น ถ้าใครมีแฟนหรือจีบสาวได้ถือว่าเท่มาก แต่เพื่อนผู้หญิงคนนั้น ไม่ยอมออกไปรำวง บอกว่า จะกินสับปะรด เพื่อนเลยผิดหวัง ไปนั่งซึมริมชายหาดอยู่คนเดียว ก็แน่นอนที่ระดับกระจอกๆ แบบกลุ่มผม เพื่อนผู้หญิงคงไม่มีใครสนใจ เพื่อนรำพึงรำพันว่า เมื่อเรียนจบแล้ว จะไปทำไร่สับปะรด พอเจอผู้หญิงคนไหน จะยัดเยียดให้กินสับปะรดให้หมด คอยดู
หวนคิดถึงเรื่องเล่าเก่าๆสนุกๆ ที่เป็นวันเกิด โจรป่าคนหนึ่ง เขาได้ชักชวนชาวบ้านให้ไปร่วมฉลองวันเกิดของเขา แต่ห้ามเอาอะไรไปให้เพราะรู้ดีว่าชาวบ้านยากจน ปรากฏว่ามีคนอยากเอาใจโจรอยู่คนหนึ่ง เอากล้วยหอมไปให้ โจรป่าโกรธมาก บอกให้เอากล้วยหอมยัดก้น ชายคนนั้น ด้วยความเจ็บแสบมากๆ เขาร้องไห้เสียงดัง พอสักพัก ก็หัวเราะออกมา พวกโจรถามว่าหัวเราะอะไร เขาบอกว่า เดี๋ยวมีชาวบ้านอีกคน กำลังตามมา เขาเอาสับปะรดมา
ผมว่าผมเบื่อ กล้วย มะละกอ อยากจะกินสับปะรด แต่ปอกไม่เป็นแฮะ คิดถึงสมัยเด็กๆ ที่มีรถเข็นฝรั่งดอง มีมะม่วงดอง มันแกว และแน่นอนสับปะรดด้วย ทั้งหมด ใช้ไม้จิ้มคลุกกับพริกกะเกลือ หวานเค็ม เผ็ด ปะแล่ม ปะแล่ม เดี๋ยวนี้ ก็ยังมีรถเข็นแบบนั้น แต่ไม่ค่อยกล้าซื้อ เพราะคนขายที่ปอก เพิ่งวิ่งไปเข้าห้องน้ำ และก่อนออกมาก็ไม่รู้ว่าล้างมือสะอาดหรือเปล่า ด้วยจินตนาการนี้ เลยอดของอร่อยๆที่เคยกินสมัยเด็กๆไปแล้ว
ขอสรุปท้ายว่าผมไม่ใช่นักวิชาการสับปะรด แต่ได้เคยร่วมในการส่งเสริมสับปะรด กับเพื่อนๆที่ร่วมงาน และสมาคมชาวไร่สับปะรดซึ่งในระยะเวลาที่ผมทำงานอยู่ สมาคมฯได้ร่วมมือสามัคคี แน่นแฟ้น ทำให้งานส่งเสริมสับปะรดไปได้ด้วยดี และข้อมูลส่วนหนึ่งก็ดึงมาจากกูเกิ้ล ขอให้อ่านให้เพลิดเพลิน นอนหลับสบาย พอตื่นแล้ว ก่อนอาหารเช้า อาจจะจิ้มสับปะรดเข้าปาก สัก ๑-๒ ชิ้น เพื่อให้รางกายได้วิตามิน ซี ตอนท้องว่างๆ ขอบคุณมากๆครับที่อ่านจนจบ
จาก บู๊ (คนเคยหนุ่ม)