ใบบัวเป็นอาจารย์ที่ดีมากของมนุษย์
ใบบัวเป็นอาจารย์ที่ดีมากของมนุษย์ ให้ลองสังเกตดู ใบบัวไม่เคยหันไปทางที่มืดเลย มีแต่หันไปทางที่สว่าง ไสว ถ้าตรงไหนมืด เขาจะไม่หันไปเลย มีแต่จะหนีห่าง ตรงกันข้าม พระอาทิตย์ขึ้นตรงไหน ใบบัวก็จะ หันไปทางนั้น ถ้าหูหรือตาของเราเหมือนกับใบบัวเราก็จะมีความสุขทีเดียว อะไรที่ไม่ดีก็ไม่หันหูไปฟัง ไม่หันหน้าไปมอง รับฟังหรือมองแต่สิ่งดีๆ ที่เป็นธรรมะ เวลามีเงาทาบทับใบบัวจะหนีเลย จะเอนไปหาแสงสว่าง ไม่ยอมให้ความมืดเข้ามาครอบ แต่จะหันไปหาแสงสว่างตลอดเวลา … ถ้าคนเราเรียนรู้จากใบบัว คือนอกจากเลือกมองเลือกฟังแล้ว ยังพยายามหันจิตหันใจเข้าหาสิ่งดี หลีก เว้นความชั่วหรือสิ่งที่เป็นอกุศลก็มีโอกาสเป็นสุขไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว อีกครึ่งหนึ่งจะมาจากไหน ก็มาจาก การเปลี่ยนความทุกข์ให้กลายเป็นความสุข เหมือนกับดอกบัวนั้นเอง
ดอกบัวเกิดจากโคลนตม ใต้สระนี้เป็นโคลนตมทั้งนั้น ไม่น่าลงเลย แต่โคลนตมนี้แหล่ะ ที่ทำให้เกิดดอกบัว ที่สวยงาม เห็นแล้วเบิกบานใจ …….. เห็นอย่างนี้แล้วเราก็น่าจะพัฒนาตนเองเพื่อฉลาดในการ เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นสุข
โคลนตมหนาแค่ไหน ดอกบัวก็สามารถชูขึ้นมาจนพ้นน้ำได้ แล้วถ้าระดับน้ำสูงขึ้นเพราะฝนตกเยอะจะทำ อย่างไร แม้น้ำจะท่วมจนมิดแต่ใบบัวและดอกบัวก็ไม่ยอมนะ เขาจะยืดตัวขึ้นมาจนพ้นน้ำให้ได้ บัวจะไม่ ยอมจมอยู่ใต้น้ำเลย คนเราถ้าไม่ยอมจมอยู่กับความทุกข์ ไม่ยอมจมอยู่กับความโกรธความเศร้า ชีวิตจะผ่องใสมาก เราต้อง รู้จักยกจิตออกมาจากอารมณ์ที่หม่นหมองให้ได้ พอยกออกมาได้จิตใจก็จะปลอดโปร่งผ่องใส จะทำย่างนั้น ได้เราตองหมั่นฝึกฝน ให้ฉลาดในการกู้จิตออกจาอารมณ์ กู้ออกมาให้ได้ อย่าไปจมอยู่กับมัน”
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล