INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ทำไมต้องเยรูซาเล็ม

นครเยรูซาเล็ม

เอกสารรับรองการตั้งประเทศอิสราเอล ลงนามโดยทรูแมน

เอกสารรับรองการตั้งประเทศอิสราเอล ลงนามโดยทรูแมน

คลาร์ค คริฟฟอร์ด

จาเร็ด คุชเนอร์

คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
ทหารประชาธิปไตย
www.INEWHORIZON.NET

ทำไมต้องเยรูซาเล็ม
    จริงๆแล้วไม่น่าประหลาดใจเลย ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ จะประกาศว่าสหรัฐฯ รับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งค้านกับมุมมองของนานาประเทศ แม้แต่ในการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงทุกประเทศ ทั้งประเภทสมาชิกถาวร และสมาชิกหมุนเวียน ต่างโหวตเป็นเสียงเดียวกัน 14 ประเทศ โดยแม้แต่พันธมิตรอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และญี่ปุ่น ยังโหวตไม่เห็นด้วยกับการประกาศให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของรัฐยิว ทำให้สหรัฐฯถูกโดดเดี่ยว และต้องทำการวีโต้
    อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะต้องมีการนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมสมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อให้สมาชิกทั้งหมดทำการออกเสียง ซึ่งเชื่อแน่ว่ามติไม่เห็นด้วยกับสหรัฐฯในการรับรองให้เยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของรัฐยิวคงออกมาท่วมท้น แต่ถึงชาวโลกจะมีมติส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย อิสราเอลก็คงไม่สนใจ เพราะในอดีตมีมติของที่ประชุมใหญ่ หลายเรื่องแล้วที่ยิวไม่แยแส และเดินหน้าต่อไป เช่น การจัดแบ่งพื้นที่ให้ตั้งรัฐปาเลสไตน์ การห้ามชาวยิวมาตั้งถิ่นฐานในเขตยึดครอง หรือการอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์ที่อพยพลี้ภัยไปต่างประเทศกลับมาในดินแดนของตนเอง ในขณะที่รัฐบาลอิสราเอล ขนเอาชาวยิวจากยุโรปตะวันออก และที่อื่นๆเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพิ่มขึ้น แสดงว่าอิสราเอลไม่แยแสความรู้สึกของชาวโลกเลย ตราบใดที่สหรัฐฯยังหนุนหลังอิสราเอลอยู่
    คำถามก็คือ ทำไมประธานาธิบดีทรัมป์ถึงตัดสินใจอย่างนั้นทั้งๆที่ ประธานาธิบดีคนก่อนๆหลายท่านทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตต่างก็เลื่อนการตัดสินใจนี้ออกไป คำตอบก็ไม่ได้ยาก หนึ่งเพราะทรัมป์ถูกครอบงำโดยยิวไซออนิสต์ที่มีอิทธิพลทั้งด้านการเงิน และสื่ออย่างมากในสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังคุมเสียงสมาชิกรัฐสภาจำนวนมากด้วยการล็อบบี้ และการให้สิ่งตอบแทนไม่อั้น ประการที่สองที่สำคัญคือ นายทรัมป์ มีลูกเขยเป็นยิวไซออนิสต์ คือนายคุชเนอร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในรัฐบาลนี้
    ครั้นมองย้อนไปในอดีตสมัยที่ประธานาธิบดีทรูแมนเป็นผู้นำสหรัฐฯก็เคยประกาศสนับสนุนให้มีการจัดตั้งประเทศอิสราเอล ซึ่งในช่วงนั้นหลายฝ่ายคิดว่าสหรัฐฯเกรงใจอังกฤษที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการยกดินแดนที่ไม่ใช่ของตนให้กับชาวยิว เพราะไวซ์มานได้มีส่วนในการช่วยผลิตดินระเบิดให้อังกฤษ เพื่อใช้สู้รบกับเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามคำประกาศของ “อาเธอร์ เจมส์บัลโฟ” ที่ได้ตกลงกับลอร์ด รอทไซลด์ ผู้อาวุโสแห่งขบวนการไซออนิสต์ ที่มีส่วนสนับสนุนทางการเงินต่ออังกฤษด้วย
    แต่ในความเป็นจริง ยิวไซออนิสต์ได้มาฝังตัวอยู่ในสหรัฐฯเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว และประธานาธิบดีทรูแมนก็ให้บังเอิญมีเลขานุการชื่อ คลาร์ค คลิฟฟอร์ด ซึ่งเป็นยิวไซออนิสต์ และเขาเป็ฯคนที่คอยกำกับการตัดสินใจของประธานาธิบดี แฮรี่ ทรูแมน ในการประกาศรับรองการจัดตั้งรัฐอิสราเอล ขนาดพิมพ์คำประกาศให้แต่ตกหล่นการพิมพ์ชื่อประเทศ จนต้องมาให้ประธานาธิบดีลงมือเขียนเป็นลายมือลงไปในคำประกาศ ดังนั้นกุญแจสำคัญที่ควบกำกับทรัมป์ก็คือ นายจาเร็ต คุชเชอร์ ลูกเขยชาวยิวและผู้ช่วยคนสำคัญที่คอยกระตุ้นอยู่ตลอด
    คำถามที่คาใจก็คือ เหตุใดอิสราเอลจึงเร่งรัดที่ให้มีการตัดสินใจจากสหรัฐฯที่จะรับรองการย้ายเมืองหลวงจากเทลอาวีฟ มาเยรูซาเล็ม ทั้งที่ที่ประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติได้มีมติโดยชัดเจนให้เยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์ และยิวได้เข้ายึดครองเยรูซาเล็มโดยไม่ฟังมติ แถมพยายามจะย้ายเมืองหลวงมาที่เยรูซาเล็ม แต่นานาชาติไม่มีใครเอาด้วย แต่พอจังหวะนี้ทำไมถึงจุดชนวนความขัดแย้ง โดยเฉพาะกับโลกมุสลิมขึ้นมา คำตอบก็ไม่ยาก นายเบนจามิน เนทันยาฮู กำลังมีปัญหาภายในประเทศ เพราะถูกกล่าวหาว่าทำการทุจริตคอร์รัปชั่น มีการประท้วงจากคนอิสราเอลหลายหมื่นคน ส่วนนายทรัมป์ก็กำลังถูกไล่ตามจิกเรื่องที่ทีมงานหาเสียงเลือกตั้งของตนไปพัวพันกับการมาแทรกแซงการเลือกตั้งของรัสเซีย หากสาวถึงทรัมป์ก็มีหวังถูกปลดเช่นเดียวกับเนทันยาฮู เพราะฉะนั้นทั้งสองคนจึงต้องสร้างเงื่อนไขให้เกิดภายนอกประเทศ เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องภายในประเทศ ซึ่งก็สอดรับกับความต้องการของขบวนการไซออนิสต์ที่มีกลไกอยู่ทั้งในอิสราเอล สหรัฐฯ และแม้แต่อังกฤษ แต่คราวนี้อังกฤษไม่เอาด้วย เพราะไม่อยากไปมีเรื่องกับอาหรับ และกำลังมีโอกาสขายอาวุธให้พวกเศรษฐีน้ำมันมากขึ้น
    แต่สหรัฐฯและอิสราเอลมองอย่างไรถึงมาเปิดประเด็นนี้ ทั้งๆที่มีความเสี่ยงจะเกิดสงครามใหญ่ในภูมิภาคนี้ ประเด็นสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจทำอย่างนี้ก็เพราะทั้งสหรัฐฯและอิสราเอลมองว่ากลุ่มประเทศอาหรับกำลังแตกแยกอย่างหนัก ด้วยการเสี้ยมเขาควายของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้อิสราเอลก็ได้เปิดสัมพันธ์ในการติดต่อกับซาอุดิอารเบียมาเป็นระยะเวลานานพอควร แม้จะยังไม่เป็นทางการ และงานนี้ซาอุดิอาราเบียเปิดไฟเขียว โดยได้ไปเจรจาล่วงหน้ากับนายกอับบาส แห่งปาเลสไตน์ให้ยอมรับที่จะย้ายเมืองหลวงไปที่ใหม่ โดยสัญญาว่าจะจ่ายเงินมหาศาลเพื่อฟื้นฟูปาเลสไตน์ในเขตเลสแบงค์ แต่นายอับบาสปฏิเสธ เพราะกลัวเสียการนำปาเลสไตน์ให้แก่กลุ่มฮามาสที่มีอุดมการณ์เข้มแข็งกว่า
    นอกจากซาอุฯที่เป็นบันใดให้อิสราเอลแล้ว ทำให้ยิวขยายความร่วมมือไปยังสหรัฐอาหรับอิมิเรตและอียิปต์ จึงทำให้ทั้ง 3 ประเทศไม่ยอมส่งผู้นำไปร่วมประชุมโอไอซี ซึ่งเป็นองค์การของประเทศมุสลิม และมีตุรกีเป็นประธานในขณะนี้ ซึ่งประธานาธิบดีเออโดกอนได้เชิญประชุมฉุกเฉิน โดยได้รับความร่วมมือจากประเทศมุสลิมทั้งหลายที่ส่งผู้นำหรือหัวหน้ารัฐบาลไปประชุม ยกเว้น 3 ประเทศดังกล่าวที่ส่งแต่เจ้าหน้าที่ระดับล่างไปสังเกตการณ์เท่านั้น
    เมื่อโลกอาหรับแตกแยก ซึ่งรวมทั้งความขัดแย้งระหว่างประเทศกลุ่มอ่าวกับการ์ตา จึงมีผลทำให้โลกอิสลามไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร ดังนั้นสหรัฐฯและอิสราเอลเลยฉวยจังหวะนี้ จุดประเด็นเยรูซาเล็มขึ้น ทั้งนี้ทั้ง 2 ประเทศคาดว่าคงไม่เกิดสงครามใหญ่ และอย่างมากก็มีการประท้วงเกิดขึ้นในหลายประเทศ สุดท้ายก็จะอ่อนแรงไปเอง เช่นเดียวกับมติขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งหากรัฐยิวทำดื้อแพ่งก็ไม่มีน้ำยาทำอะไรได้ตราบเท่าที่สหรัฐฯหนุนหลังตนเอง
    แต่กระดูกชิ้นสำคัญคืออิหร่าน ซึ่งซาอุฯ สหรัฐฯ และอิสราเอลพยายามเสี้ยมเขาในโลกมุสลิมว่าเป็นตัวก่อการร้าย และเป็นนิกายซีอะห์ ซึ่งแตกต่างจากมุสลิมส่วนใหญ่ที่เป็นนิกายซุนหนี่ ประเด็นสำคัญคือในปัจจุบันอิหร่านมิได้โดดเดี่ยวหากแต่มีซีเรีย และตุรกีเป็นพันธมิตร นี่ยังไม่นับเยเมน ยิ่งไปกว่านั้นรัสเซียยังคอยเป็นแบคให้เพราะถ้ารัสเซียไม่เข้ามาหนุนก็จะทำให้ตนเองต้องสูญเสียพื้นที่ในตะวันออกกลาง และพื้นที่ใกล้เคียงอย่างอิหร่าน และตุรกีให้กับสหรัฐฯ
    อย่งไรก็ตามชาวคัมภีร์ทั้งหลาย คือ คริสต์ และอิสลาม ต่างก็อ้างถึงคำพยากรณ์ที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ยิวตั้งรัฐได้ และครอบครองเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเมืองที่ทั้ง 3 ศาสนาต่างก็ใช้ร่วมกันในการประกอบพิธีทางศาสนาแล้วไซร้ เมื่อนั้นเป็นสัญญาณของการสิ้นโลก ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่ามันจะเกิดสงครามใหญ่ และขยายตัวทำลายล้างกันจนเป็นสงครามนิวเคลียร โดยเฉพาะอิสราเอลมีระเบิดนิวเคลียรกว่า 200 ลูก ถ้ายิวงัดเอานิวเคลียร์มาใช้เชื่อว่าต้องมีการตอบโต้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนทำให้โลกแหลกสลายได้
    ส่วนอิสราเอลนั้นแน่นอนก็คงยืนยันอ้างกรรมสิทธิ์ในทางประวัติศาสตร์กว่าพันปี รวมทั้งการอ้างว่าเป็นดินแดนพันธสัญญาจากพระเจ้า ฉะนั้นงานนี้ยิวคงไม่ยอมถอย ก็คงขึ้นกับกลุ่มประเทศมุสลิมและพันธมิตรว่าจะเอาอย่างไร สู้หรือทำตัวเป็นนาโต้คือ NATO = NO ACTION TALK ONLY ได้แต่พูด(ส่งเสียงขู่) แต่ไม่กล้าทำอะไร
    ประการสุดท้ายที่สำคัญ คือ ยิวต้องการให้เกิดสงครามในขณะที่คิดว่าตนกำลังได้เปรียบ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือ อิสราเอลจะใช้สงครามในการขยายดินแดนไปยึดประเทศเพื่อนบ้านอย่างซีเรีย จอร์แดน เลบานอน และบางส่วนของอิรัก ตามแผน THE GREATER ISRAEL ของยีนอน ที่ฝ่ายยิวอ้างว่ามันคือคานาอัน ดินแดนในพันธสัญญา และสันติสุขจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยตราบใดที่ยิวไซออนิสต์ยังไม่ได้สิ่งที่ตนต้องการ

ขณะที่เขียนบทความในส่วนท้ายนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้ใช้ความเถื่อน ถ่อย ก้าวร้าว ข่มขู่ บรรดาชาติสมาชิกขององค์การสหประชาชาติทั้งหลาย ด้วยการประกาศว่าจะตัดเงินบำรุงสหประชาชาติหากที่ประชุมใหญ่มีมติไม่เห็นด้วยกับสหรัฐในการรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และทรัมป์ยังสั่งให้ทูตสหรัฐประจำยูเอ็นคอยติดตามตรวจดูการออกเสียงของชาติสมาชิก ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าผิดมารยาทอย่างร้ายแรงในทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นผู้เขียนจึงยิ่งเชื่อมันยิ่งขึ้นว่ามติจะต้องออกมาในทางคัดค้านสหรัฐ ด้วยคะแนนกว่า90% ทั้งนี้เพราะแต่ละประเทศย่อมจะยึดมั่นในเกียรติและศักดิ์ศรีของชาติตน นั่นคือแต่ละชาติย่อมไม่ใช่ขี้ข้าของสหรัฐที่จะมาข่มขู่หรือเอาเงินฟาดหัว ซึ่งถ้าชาติใดสนับสนุนสหรัฐก็เท่ากับว่าชาติของตนไร้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีโดยสิ้นเชิง ผู้เขียนจึงเขียนแปะฝาไว้เลย ว่าสหรัฐและอิสราเอลจะแพ้โหวดอย่างยับเยิน แม้ว่ามันจะไม่มีผลในทางปฏิบัติ แต่ปรากฏการณ์มันบ่งบอกโดยชัดเจนว่าสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ มาถึงจุดต่ำสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แค่ตัวอย่าง ใครไม่โดนอย่างนี้คงยากเข้าใจ ความรักในเพื่อนมนุษย์มันหายไปหมด

บัดนี้ผลการลงคะแนนเสียงในสมัชชาใหญ่สหประชาชาติปรากฎแล้วว่าเป็นไปตามที่ผู้เขียนคาดคะเนคือ ไม่เห็นด้วยกับสหรัฐ 129เสียง รวมทั้งไทย เห็นด้วยกับเมกา 9 เสียง ที่เหลืองดออกเสียง แต่เรื่องนี้ไซออนิสต์คงไม่วิตก คงเดินหน้าต่อ เพราะแผนต่อไปคือทำให้ราคาพลังงานเพิ่มสูง ด้วยการสร้างสถานการณ์สงคราม และโกยกำไรมหาศาล

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *