สอบ“ทรัมพ์”ซ้ำทำไม-เรื่องอะไร

เกษม อัชฌาสัย
สอบ“ทรัมพ์”ซ้ำทำไม-เรื่องอะไร
นอกจากข่าวการเลือกตั้งไทย ที่สื่อสารมวลชนรายงานกับถี่ยิบ ชนิดอ่านกันแทบไม่ทัน ในขณะนี้แล้ว ก็เห็นจะมีข่าวผู้นำสหรัฐคือ”โดนัลด์ ทรัมพ์”เท่านั้น ที่น่าสนใจติดตาม อย่างกระชั้นชิด เพราะว่าเกี่ยวข้องกับแทบจะทุกเรื่องในโลกใบนี้ ตั้งแต่การเมืองระหว่างประเทศ ไปจนถึงการเมืองภายในของสหรัฐเอง
โดยเฉพาะ ในประเด็นที่โลกจับจ้องกันอยู่ว่า เขาจะ”ถูกกล่าวโทษเอาผิด”(impeach) จนถึงกับต้องพ้นจากตำแหน่งหรือไม่
ไม่ว่าใคร จะชอบเขาหรือไม่ชอบเชา แต่ก็จำเป็นต้องติดตามข่าวเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่งั้น…เชยแน่ หากชาวบ้านคุยกับเราแล้ว เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ ๔ มีนาคม ประธานคณะกรรมาธิการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐคือ”เจอร์รี แนดเลอร์”(ส.ส.เดโมแครต-รัฐนิวยอร์ก)แถลงว่าคณะกรรมาธิการฯจะสอบสวนเพื่อตรวจดูข้อเท็จจริง อย่างละเอียดถี่ถ้วน ในพฤติกรรมของ”ทรัมพ์”ที่น่าสงสัยหลายประการ ซึ่งว่าไปแล้ว ก็แทบจะทุกเรื่อง เช่น ฉ้อราษฎร์บังหลวง ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม จ่ายเงินปิดปากสตรี ร่วมมือกับรัสเซีย ใช้สำนักงาน(ทำเนียบขาว)แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
โดยจะมีบุคคล สำนักงานและหน่วยงาน ที่อาจถูกเชิญไปให้ปากคำหรือ”ให้ความร่วมมืออื่นๆต่อคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งขณะนี้มี ๘๑ รายด้วยกัน แต่ในขั้นแรกนี้ คงจะทำ แค่หาเบาะแสก่อนว่า ใครบ้างที่สมควรจะเจาะจงเชิญไปให้ปากคำ
ใครก็ตามที่ไม่ไปให้การ หรือไม่ให้ความร่วมมือ ในการจัดหาเอกสารข้อมูล ถือว่าผิดกฎหมาย (ในขณะที่ ตามหลักการของรัฐสภาไทยเรา ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ไปให้การหรือให้ความร่วมมือก็ได้)
ในจำนวนผู้ที่ถูกขอความร่วมมือด้านเอกสารทั้งหมดนี้ มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับ”ทรัมพ์” อาทิ ลูกชายสองคนคือ “เอริค ทรัมพ์”และ”โดนัลด์ ทรัมพ์ จูเนียร์”,ลูกเขยคือ”จาเรด คุชเนอร์”,ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์หาเสียง”แบรด พาร์สเกล”และอดีตผู้ช่วย(aids)”โฮป ฮิก”กับ”ดอน แม็คกาห์น” ฯลฯ เป็นต้น
“ทรัมพ์”จึงจะถูกตรวจสอบ มากยิ่งกว่าประธานาธิบดีคนไหนๆ ที่ผ่านมา
เป้าที่จะตรวจสอบนั้น ได้แก่ บริษัท”ทรัมพ์ ออร์แกไนเซชัน”,ลูกจ้างของ”ทรัมพ์”,การหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี,คณะกรรมการพิธีขึ้นสาบานตนของ”ทรัมพ์”,ทีมทำเนียบขาวของ”ทรัมพ์”และสมัครพรรคพวกร่วมสาบานในแก๊ง”ทรัมพ์”
ทั้งนี้ ด้วยความตั้งใจ ที่จะตรวจสอบอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมทั้งหมดตามที่ว่า
ดังนั้น จึงไม่แปลก ที่ต่อมา”ทรัมพ์”จะแถลงตอบโต้ ด้วยความเกรี้ยวกราดว่า”เดโมแครตเหวี่ยงแหหมายหยิบชิ้นปลามัน-ปลาตัวโต”
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ในแง่การตีความ พรรคเดโมแครตอาศัยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ เสาะหาจุดอ่อน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า”ทรัมพ์”ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำในการบริหารประเทศต่อไป
“แนดเลอร์”ชี้แจงเน้นว่า “เป้าหมายหนึ่ง ก็คือเสาะหาหลักฐานว่าคณะผู้บริหารชุดนี้ร่วมมือกัน”ขัดขวาง”กระบวนการยุติธรรม ใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบ และฉ้อราษฎร์บังหลวง”
โดยอ้างเหตุผลว่าที่ต้องสอบสวนว่า ก็เพื่อปกป้องการบังคับใช้กฎหมายของประเทศ ค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนำมากำหนดเป็นประเด็น ที่จะต้องเปิดเผยให้คนอเมริกันได้รับรู้กัน
คาดว่าส.ส.เดโมแครตคงได้รับการโน้มน้าวจนเชื่อว่า การกระทำเช่นนี้เท่านั้น จึงจะสามารถพบประเด็น ที่ทำให้”ทรัมพ์”เสื่อมเสีย แม้การสอบสวนนี้ เป็นมาตรการทางการเมืองที่อ่อนไหว ว่าจะมีทางเลือกอย่างไรเพื่อยุติข้อสงสัยนั้น ก็ยังมิอาจกล่าวได้
อย่างไรก็ดี”แนดเลอร์”ชี้แจงว่า การสอบสวนนี้ มิได้กระทำเพื่อ”กล่าวโทษเอาผิด”(impeach) ตามที่วิพากษ์วิจารณ์กัน แต่จะทำ(กล่าวโทษเอาผิด)ก็ต่อเมื่อ มีข้อพิสูจน์เท่านั้น
นี้คือการ”เลี่ยงบาลี”ตามประสานักการเมือง ที่ใครๆ ก็มองออกว่า พรรค”เดโมแคต”ทำเพื่ออะไร
ทำไมต้อง”เลี่ยงบาลี”
เหตุผลมีอยู่ว่า การเดินหน้าสอบสวนครั้งนี้ ถ้าพิจารณาในอีกแง่หนึ่ง ก็เป็นการ”เสี่ยงสูง”ของพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งใหญ่ ครั้งต่อไป ในปี ค.ศ.๒๐๒๐ หรือปี พ.ศ.๒๕๖๓
หากพิสูจน์ไม่ได้ชัดเจนกระจ่าง ว่า“ทรัมพ์”ผิดในข้อหนึ่งข้อใด ตามที่สงสัยและอยากพิสูจน์ ก่อนหน้าถึงกำหนดการเลือกตั้งคราวหน้า พรรคเดโมแครตก็จะต้องกับการเสื่อมความนิยมอย่างสูง ผู้คนลดความเชื่อถือ ซึ่งเท่ากับ ส่งเสริมความนิยมที่มีต่อพรรครีพับลิกันโดยตรง
การลงมือสอบสวน ของกรรมาธิการตุลาการฯ มีขึ้นในขณะที่เวลานี้ รายงานการสอบสวน ว่าด้วย”บทบาทของรัสเซียต่อการเลือกตั้งของสหรัฐปีค.ศ.๒๐๑๖ ซึ่งสรุปโดย ที่ปรึกษาพิเศษหรืออัยการพิเศษ”โรเบอร์ต มูลเลอร์”ที่นำเสนอต่ออัยการสูงสุด”วิเลียม บาร์”(ที่เพิ่งผ่านการแต่งตั้งมาใหม่ๆ)กำลังจะถูกนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะ
แต่ก็มีปัญหาอยู่ว่า จะเปิดเผยแค่บางส่วน เพื่อปิดบังความจริง ไว้ได้แค่ไหน
หากชี้ว่า รัสเซียเข้ามามีบทบาทจริง คนที่เดือดร้อนก็คือ “ทรัมพ์”ว่าเขาจะแก้ตัวอย่างไร หากรายงานบ่งชี้ว่า”ทรัมพ์”พยายาม”ขัดขวาง”กระบวนการสอบสวนของ”มูลเลอร์”
นี้จึงเป็นโอกาสอันดี ที่พรรคเดโมแครต จะฉวยโอกาส”ไล่บี้”นาย”ทรัมพ์”ต่อ
นี่ครับ ผลดีของประชาธิปไตย ซึ่งก็จะพบว่าภายใต้ระบบนี้ สามารถตรวจสอบกันได้ ในขณะที่ผู้ที่มีอำนาจกลับพยายามบ่อนทำลายระบบ เพื่อปกป้องความผิดพลาดและผลประโยชน์ของตน
เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ชาวโลกส่วนใหญ่ สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยมากกว่าระบอบอื่นๆ
โดยเฉพาะระบอบเผด็จการ







