เมื่อ“ทรัมป์”ใช้อำนาจเยี่ยงเผด็จการได้

สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
เมื่อ“ทรัมป์”ใช้อำนาจเยี่ยงเผด็จการได้
เมื่อผู้นำสหรัฐ”โดนัลด์ ทรัมป์”หายหน้าหายตาไปหลายวัน จากแวดวงข่าวสาร นับแต่ผิดหวังที่ตกลงอะไรไม่ได้กับผู้นำรัสเซีย”วลาดีมีร์ ปูติน”ในอลาสกา หมายชี้ชวนไปสู่การหยุดยิงกับยูเครน
ก็ลือกันไปทั่วว่า คงเกิดอะไรที่ไม่ดีงามกับตัว”ทรัมป์”จนอาจจะถึงตายก็ได้
ยิ่ง”เจ ดี แวนซ์”รองประธานาธิบดีออกมาพูดกับ“ยูเอสเอ.ทูเดย์ “ว่าเขาพร้อมจะขึ้นทำหน้าที่ผู้นำสหรัฐฯ หากเกิดเรื่องเลวร้ายอย่างถึงที่สุดกับ“ทรัมป์”
ก็กลับกลายเป็นประเด็นลือสะพัดราวไฟไหม้ป่าโดยสื่อสังคมว่าเขาตายแล้ว……..ฮา
เอาเป็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แม้ป่วยไข้บ้าง เพราะในที่สุดก็มีภาพข่าวเปิดเผยว่า ที่จริงเขาไปพักผ่อนตีกอล์ฟเท่านั้นเอง
แต่ล่าสุด”ทรัมป์”ตกเป็นข่าวฉาวอีกแล้ว โดยประกาศจะส่งกองกำลังพิทักษ์ชาติไปยังนครชิคาโก ในรัฐอิลลินอยส์
ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่ากองกำลังหน่วยนี้เป็นของรัฐบาลกลาง มีไว้ป้องกันประเทศเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ เขาก็ได้ส่งไปแล้วที่กรุง”วอชิงตัน ดีซี”เข้ากวาดล้าง ทำความสะอาดอาชญากรรมและคนไร้บ้านที่นั่น ตามบริเวณรอบที่ตั้งสำนักงานรัฐบาลและรัฐสภา
เพราะเห็นว่าตำรวจท้องที่แก้ไขปัญหาคาราคาซัง ไม่สำเร็จทันใจ
จำได้ไหมครับว่า ก่อนหน้านั้น“ทรัมป์”ส่งกองกำลังพิทักฺษ์ชาติไปรักษาความสงบเรียบร้อยที่แอลแอ
แต่ถูกต่อต้านอย่างแข็งขันว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน
การกระทำของ”ทรัมป์”ทั้งหมดนี้ แสดงความเป็นคนมีนิสัยชอบ”รวบอำนาจ”ไม่ฟังใครและไม่เคารพกติกาใดๆ
นับเป็นพฤติกรรมที่มาจากสันดานลึกๆ ประจำตัว
เลยต้องถูกบริภาษทั้งโดยตรงและลับหลังว่าเป็นเผด็จการประชาธิปไตย……ฮา
ถามว่า”ชิคาโก”มีปัญหาอะไรหนักหนามากเลยนักหรือ ที่ตำรวจท้องที่ไม่สามารถจัดการแก้ไขได้
ตอบว่ามีครับ ดังที่”ทรัมป์”แถลงว่า :-
“ที่นั่นเป็น”รูนรก” hell hole และว่ากำลังมองไปยังเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์อีกแห่งเพื่อปราบปรามอาชญากรรมที่นั่น
เออ….เอากะพ่อซี่
ล่าสุดเมื่อกว่า ๑๐ ชั่วโมงที่ผ่านมานี้(ขณะเขียนบทความนี้)ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯในซานฟรานซิสโก ก็เข้าจัดขวาง โดยชี้ขาดว่ารัฐบาล”ทรัมป์”จงใจละเมิดกฎหมายที่เรียกว่า Posse Comitatus Act
ไม่มีสิทธิใช้กำลังทหารของรัฐบาลกลางไปใช้ควบคุมฝูงชนในเมืองต่างๆ เช่น ลอสแองเจลีส
เพียงแต่ไม่แน่ใจว่า จะครอบคลุมมาถึง”ชิคาโก “ด้วยหรือไม่เท่านั้น
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ผมเพียงแต่อยากจะย้ำว่า ในความเป็นประชาธิปไตยนั้น ผู้นำมักจะฉวยโอกาสทำตัวเป็นเผด็จการ จัดการปัญหาบ้านเมืองเป็นครั้งคราวได้
แต่จะปฏิบัติเช่นนี้เป็นการถาวรไม่ได้
เพราะเช่นนั้น จงอย่าแปลกใจ หากความพยายามหมายเป็นเป็น”เผด็จการ”หมายรวบอำนาจเข้าครอบงำและครอบครอง จะไม่บังเกิดขึ้น เป็นที่น่าตระหนกในสยามประเทศเรา
ที่น่ากลัวมากก็คือ อยากเป็นเผด็จการรวบอำนาจอย่างถาวร ผ่านระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
เฉกเช่นการรวบอำนาจโดย”ระบอบฮุนเซน”ในกัมพูชา
แต่ความพยายามรวบอำนาจ ก็กำลังถูกต่อต้านอย่างแข็งขัน จากตัวแทนชาวบ้านหลายๆ กลุ่มในขณะนี้
พวกเขาเป็นชาวบ้าน ที่หมดความเลื่อมใสแล้ว ต่อบรรดานักการเมืองและพรรคการเมืองที่สมคบกัน”ผูกขาดชาติ”และ” ปล้นชาติ”
ในบางกรณีหนักหนาถึงขั้น”ขายชาติ”
ไม่สนใจดูแลรักษาผลประโยชน์หรือสนใจใน”ทุกข์-สุข”ของประชาชนอย่างจริงจัง
และกำลังจะกลับกลายเป็นกลุ่ม”เผด็จการ”อย่างถาวร ไปโดยปริยาย
จึงกล่าวได้ว่า ในที่สุดไม่ว่าจะระบอบประชาธิปไตยแบบสหรัฐหรือแบบไทยๆ
ต่างก็สามารถพลัดเข้าสู่ความเป็นเผด็จการได้ในอีหรอบเดียวกัน……นั่นแล







