jos55 instaslot88 Pusat Togel Online ปีใหม่นี้รู้สึกเป็นห่วงรัฐนาวาบิ๊กตู่เป็นอย่างยิ่ง - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ปีใหม่นี้รู้สึกเป็นห่วงรัฐนาวาบิ๊กตู่เป็นอย่างยิ่ง

คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ

ทหารประชาธิปไตย

ปีใหม่นี้รู้สึกเป็นห่วงรัฐนาวาบิ๊กตู่เป็นอย่างยิ่ง

 

ในวาระ ดิถีขึ้นปีใหม่ หวังใจว่าพี่น้องประชาชนทั้งหลาย คงจะมีความสุขกาย สบายใจกันทั่วหน้า

แต่ที่รู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง ก็คือรัฐนาวาของบิ๊กตู่ ซึ่งจะขอลำดับเป็นเรื่องๆดังนี้

ประการแรก ความอ่อนไหวทางอารมณ์ ของนายกรัฐมนตรี เป็นสิ่งที่ล่อแหลม ต่อการปกครองประเทศ ขนาดสื่อตั้งฉายาว่าอิเหนาเหมาหมัด และรัฐบาลเชียงกง ก็ยังแสดงความรู้สึกไม่พอใจ จนออกนอกหน้า มิหนำซ้ำยังนำมาอวดอ้าง ว่านี่แหละเป็นประชาธิปไตย เพราะตั้งฉายานายกฯและรัฐบาลได้ ซึ่งมันดูตื้นเป็นอย่างมาก ที่จะมาอ้างว่า เป็นประชาธิปไตยเพราะเหตุผลนี้

ประการต่อมา ซึ่งมีโอกาสจะเชื่อมโยง ไปถึงเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง ก็คือมีการออกมาให้ข่าวมดเท็จ ต่อเนื่องกันมาหลายปีแล้ว แต่มาโหมหนักในช่วงนี้ นั่นคือมีกลุ่ม พุทธสุดโต่ง จำนวนหนึ่ง โจมตีนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าแท้จริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับถือศาสนาอิสลาม แล้วก็เอารูปต่างๆ มา ตอกไข่ ไส่สี เช่น รูปนายกฯ สวมหมวกมลายู หรือ นายกฯยกมือ ขอพรแบบมุสลิม ซึ่งรูปเหล่านั้นเอามาจากงานต่างๆ ที่นายกฯ ไปร่วมเป็นประธานกับกลุ่มผู้นำทางศาสนาอิสลาม เช่น งานละศีลอด ที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ และได้มีคนมอบของที่ระลึก เป็นหมวกดังกล่าว นายกฯ ก็นำมาสวม เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศก็เท่านั้นเอง ไม่ได้พิสูจน์อะไรว่าท่านเป็นมุสลิม สักหน่อย รวมทั้งการยกมือขอพร เมื่อนักการศาสนาอิสลาม สวดขอพร มันก็เป็นแค่แบบธรรมเนียมเท่านั้น

ยังไม่พอ ยังลามปามไปถึง คู่ชีวิตของนายกฯ โดยปล่อยข่าว อาจารย์น้องเป็นมุสลิม โดยไม่มีหลักฐานอะไร ต่อมาก็เอารูปภรรยานายกฯ แต่งกายชุดผ้าไหมแบบสากล ติดเข็มกลัดเพชร เป็นรูปจันทร์เสี้ยว ก็เหมาเอาเลย นำมาเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ด้วยวิธีการเดียวกับที่โจมตีนายกฯ ว่าอาจารย์น้องเป็นมุสลิม และมีตำแหน่งเป็นถึง เลขาธิการใหญ่ ขององค์การมุสลิมภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ว่าเป็นตุเป็นตะ แต่มันเป็นเรื่องโกหก แต่เมื่อไม่มีการดำเนินการอะไร จากรัฐบาลหรือ บิ๊กตู่ บางคนก็เริ่มจะเชื่อ

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเลอะเทอะ ไปเหมารวมเอาว่าบุตรสาวฝาแฝดของนายกฯตู่ ก็เป็นมุสลิม โดยเอารูปใครก็ไม่รู้ที่สวมผ้าคลุมหัว 2 คน ที่ดูจะเป็นฝาแฝด และมาถ่ายรูปร่วมกับนายกฯ ในงานแต่งงานๆหนึ่งที่นายกฯไปร่วมงาน

จนเมื่อไม่นานมานี้นายกฯตู่ คงจะหงุดหงิด และมีนักข่าวไปถามท่านเรื่องนี้ ท่านก็โวยออกมาว่า บอกไปหลายครั้งแล้วว่านับถือศาสนาพุทธ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ทำไมท่านปล่อยให้เรื่องมันซ้ำซากวนเวียน กล่าวหามาหลายปีแล้ว ไม่เห็นดำเนินการอะไรทั้งๆ ที่มันผิดกฎหมายทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะกลุ่มผู้เผยแพร่ จงใจโยงท่านไปสู่การเผยแพร่ข่าวเท็จว่ามุสลิมจะมายึดครองประเทศไทย และท่านกับภรรยาเป็นผู้ปูทาง ให้เกิดการยึดประเทศไทย จากมุสลิม

ด้วยการให้ข่าวเท็จต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเดือนอิหม่ามซึ่งได้เงินเดือน 1,200 บาท ก็มาปั้นข่าวว่า ได้ตั้ง 20,000 – 30,000 บาท การให้เงินสร้างมัสยิดต่างๆจากรัฐบาลทั้งๆที่ส่วนใหญ่เป็นเงินบริจาคจากมุสลิม

อนึ่งยังมีการกล่าวหาว่ามุสลิมส่งสาวๆ ไปเป็นเมียน้อยผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อควบคุมการบริหารประเทศ และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ได้รับเงินเดือนเท่ากับนายอำเภอหรือสูงกว่าแล้วยังมีหน้าที่ควบคุม การบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัดอีกด้วย

แต่ทางราชการก็ยังอ้อมๆแอ้มๆ เวลาชี้แจง ก็ทำแบบ ขอไปที ทั้งๆที่ควรจะดำเนินการ ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะมันผิดกฎหมายโดยชัดแจ้ง แต่ก็ไม่เห็นทำอะไร ก็ไม่รู้ว่ามีใคร ต้องการหมกเม็ด ให้มันเป็นเรื่องหรือไม่

ที่ว่าจะเป็นเรื่อง และห่วงรัฐนาวาบิ๊กตู่ ก็ตรงที่ว่า กลุ่มสุดโต่งดังกล่าว ซึ่งน่าจะมีเบื้องหลังโยงกับลัทธิหนึ่งที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี พยายามจะจุดไฟ เพื่อก่อม็อบ ออกมาขับไล่บิ๊กตู่และรัฐบาล ด้วยข้อหาขายชาติและทำลายพุทธศาสนาเพราะไปรู้เห็นเป็นใจ กับกลุ่มมุสลิมที่มีเป้าหมาย จะยึดครองประเทศไทย

เรื่องโกหกอย่างนี้ ถ้าเป็นคนมีสติ ก็จะเห็นได้ชัดว่า ประชากรมุสลิม ในประเทศไทย มีไม่ถึง 5% คิดเป็นจำนวนประมาณ 3.5 ล้าน จะไปยึดครองประเทศ ที่มีคนนับถือศาสนาพุทธ ถึง 94 % ซึ่งมีจำนวนกว่า 50 ล้านได้อย่างไร ส่วนที่อ้างว่า จะร่วมมือกับมุสลิม ทั่วโลก ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะโลกมุสลิมมิได้เป็นเอกภาพ ขนาดที่ปาเลสไตน์ ถูกอิสราเอล กดขี่และยึดครองผืนแผ่นดิน แถมเข่นฆ่า ทำร้าย และจับกุมอยู่ทุกวัน โลกมุสลิมที่มีประชากร ประมาณ 2,000 ล้านคน ยังทำอะไร อิสราเอลไม่ได้ ยิ่งการประชุมกลุ่ม ประเทศอิสลาม ที่กัววาลัมเปอร์ ยิ่งเห็นชัด ว่าไม่มีเอกภาพเพราะซาอุดิอาระเบีย และปากีสถาน ไม่ยอมมาร่วมประชุม

แต่เมื่อนายกฯตู่ ไม่ดำเนินการอะไร ที่จะจัดการกับคนปล่อยข่าวเท็จโจมตีท่าน ครอบครัวท่าน และเชื่อมโยงไปสู่การยึดประเทศโดยมุสลิม พวกนี้ก็เหิมเกริม และต้องการปลุกม็อบออกมาขับไล่ ท่านและคณะรัฐบาล แม้จะมีจำนวนยังไม่มากนัก แต่ก็จะเป็นหัวเชื้อ ที่ไปรวมกับกลุ่มอื่น ที่ไม่พอใจรัฐบาลหลายเรื่อง เช่นกลุ่มเกษตรกร กลุ่มประมง กลุ่มสมัชชาคนจน

ล่าสุดก็มีกลุ่มแฟนคลับ ของพรรคอนาคตใหม่ และธนาธร ที่ถูกดำเนินคดีหลายเรื่อง และมีเค้าว่าจะถูกยุบพรรค รวมทั้งธนาธรกับแกนนำบางคน อาจถูกติดคุกด้วยข้อหาที่ดูไม่ยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม แม้การ แรลลี่ เพื่อปลุกม๊อบของอนาคตใหม่ จะไม่สามารถระดมผู้คนได้มาก เป็นเรือนแสนเรือนล้าน แต่เมื่อสมทบกันเข้า มันก็เป็นม็อบที่ใหญ่โต ถล่มรัฐบาลได้

อีกม็อบที่น่าจับตามอง คือการชุมนุม วิ่งไล่ลุง วันที่ 12 ม.ค.63  ที่จะจัดขึ้นที่สวนรถไฟ เขตสวนจตุจักร และจัดพร้อมกันอีกหลายที่ทั้งในและต่างประเทศ ขณะนี้มีคนลงทะเบียนหมื่นเศษ ซึ่งเขารับจำนวนจำกัด แต่ได้ผ่านการอนุญาต ทั้งของตำรวจ และเจ้าของสถานที่แล้ว ถ้าเกิดมีม็อบอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวแต่เข้ามาสมทบ รัฐบาลจะจัดการอย่างไร

หากเกิดความรุนแรงจนต้องใช้กำลังทหารเข้าปราบปราม ก็อาจ บานปลายออกไป กลายเป็นจลาจลมิคสัญญี เรื่องอย่างนี้ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ การเกิดม็อบใหญ่ และควบคุมไม่ได้ ก็อาจเป็นเหตุ ให้มีคณะทหารออกมายึดอำนาจ ซึ่งถ้าเป็นกำลังของรัฐบาลก็แล้วไป หากไม่ใช่ เก้าอี้นายกฯคงหลุดลอย และอาจต้องลี้ภัยก็ได้ จึงรู้สึกเป็นห่วงนายกฯตู่จริงๆ นอกจากนี้การที่นายสุเทพมาออกทีวีปลุกระดม อาจทำให้เกิดม็อบชนม็อบและควบคุมไม่ได้

ประการสุดท้าย ก็คือ ปัญหา เศรษฐกิจ ที่รัฐบาลนี้ ดูท่าไม่รู้จะแก้อย่างไรนอกจากแจกเงิน แต่จะแจกได้นานเท่าไร เพราะหนี้สาธารณะของรัฐบาลเพิ่มขึ้นทุกที แต่คลังจะเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เช่น ภาษีที่ดินและทรัพย์สิน เมื่อดูโครงสร้างแล้ว จะมีผลกระทบต่อคนชั้นกลางมากกว่า คนระดับสูงที่มีไม่กี่สิบตะกูล ถ้าจะไปเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีมูลค่า เพิ่มขึ้น 9% – 10 % คนจนและ คนส่วนใหญ่ ทั้งประเทศ ก็จะมีผลกระทบสูง ด้วยของแพงขึ้น จะไปสร้างความไม่พอใจ ให้เกิดการลุกลามเป็นม็อบใหญ่ได้

แม้ว่าส่วนหนึ่ง ของปัญหาเศรษฐกิจ จะเกิดจากสงครามการค้า และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่การมุ่งแจกเงิน เพื่อกระตุ้นการบริโภค ก็คงไม่สำเร็จ เพราะประชาชนมีหนี้ครัวเรือน สูงมาก เฉลี่ยก็ 70% ทีเดียว

นี่ยัง ไม่ได้พูดถึงปัญหา ในสภาที่มีการ ชักเข้าชักออก อยู่ในขณะนี้ และการเรียกร้อง จากพรรคการเมืองต่อรองเรื่องผลประโยชน์

แรงกดดันทั้งภายนอกภายใน เหล่านี้ ทำให้เกิดความเป็นห่วงรัฐนาวา บิ๊กตู่อย่างยิ่ง ทั้งนี้ยังไม่นับบทบาท ของมหาอำนาจ ที่จะเข้ามาแทรกแซง ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูง เช่น สหรัฐฯย้ายทูตจากฮ่องกงมาไทย ก็น่าจะมีนัยสำคัญหรือไม่ประการใด จึงเป็นห่วงจริงนะครับ

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *