jos55 instaslot88 Pusat Togel Online “ดับฝันมายาวี”: นิยายชี้ทางแก้ปัญหาใต้ - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

“ดับฝันมายาวี”: นิยายชี้ทางแก้ปัญหาใต้

สบาย สบาย สไตล์เกษม

เกษม อัชฌาสัย

“ดับฝันมายาวี”: นิยายชี้ทางแก้ปัญหาใต้

ที่จั่วหัวไว้อย่างนี้ ผมหมายถึงนิยายเรื่องหนึ่ง ตีพิมพ์ออกจำหน่ายสดๆ ร้อนๆ ตั้งแต่วันที่ ๕ ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งกว่าผมจะอ่านจบ ก็ต้องใช้เวลาหลายวัน เพราะตา(ไม่ใช่ผัวยาย-ขำได้ก็ดี)ไม่ดีเอามากๆ เลยครับ อ่านไป  น้ำตาไหลไป แค่ใช้ไฟส่อง อ่านไม่ไหว ต้องรออ่านด้วยแสงตอนกลางวัน ที่ชายคาบ้าน

เห็นว่า สาระที่อ่าน นอกจากได้รับความบันเทิงแล้ว ข้อมูลและความเห็น ที่ตัวละครแสดงออก สะท้อนรับกับปัญหาก่อการร้ายในสามจังหวัดภาคใต้ ที่ยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะๆ หนักบ้างเบาบ้าง ก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดจาก เกิดจากการก่อกวนของขบวนการแบ่งแยกดินแดน จริงๆ หรือว่าจากอิทธิพลท้องถิ่นกันแน่ หรือว่าทั้งสองอย่าง ทำให้ปัญหายืดเยื้อ รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณแยกออกไป ใช้เยียวยาและรักษาความมั่นคงปลอดภัยไว้มากมายในแต่ละปี โดยเฉพาะในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ อยู่ที่ ๑๐,๗๖๕.๕ ล้านบาท แทนที่จะเอาไปทำอย่างอื่น ก่อให้เกิดประโยชน์โภชน์ผลแก่ราษฎรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ขอย้ำว่า เป็นข้อมูลและข้อเสนอแนะที่รัฐบาลไม่ค่อยจะใส่ใจนัก ไม่เคยสนใจ”เจาะลึก”หาสมุหฐานให้ชัดเจนหรือโปร่งใส เมื่อเกิดการก่อการร้ายแต่ละครั้ง ก็ได้แต่ไปกล่าวโทษรวมๆ ว่าเป็นการก่อเหตุของขบวนการแบ่งแยกดินแดน เพราะง่ายที่จะตั้งข้อกล่าวหา

อีกอย่าง รัฐบาลแทบไม่แยแสว่าปัจจุบัน กระแสต่อต้านศาสนาอิสลาม ด้วยอคติ มีการปลุกปั่นกันส่งเดช ว่ามุสลิมจะยึดครองประเทศ เกิดถี่กระชั้นขึ้น ในรูปแบบของการต่อต้านมัสยิด กลัวเหตุการณ์ก่อกวนจากใต้จะลุกลามไปถึง โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือ แม้ความเคลื่อนไหวต่อต้าน ดูๆไปแล้วเหมือนกับจะการ”เสี้ยม”ให้ไทยพุทธกับไทยมุสลิมทะเลาะกันมากกว่า

ที่น่าสังเกตก็คือ รัฐแทบจะไม่ป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้ง การชี้แจงของกระทรวงมหาดไทยในกรณีต่อต้าน ก็ทำชนิดที่”เสียไม่ได้” ทั้งๆ ที่มีกรมประชาสัมพันธ์หรือสื่อวิทยุ-โทรทัศน์ของรัฐ เป็นเครื่องมือ ในการรณรงค์ เพื่อแก้ไขอคติและความไม่เข้าใจระหว่างกัน

สาระสำคัญของนิยายเล่มนี้ มีอย่างไร ผมใคร่สรุปตอบคร่าวๆว่า ผู้เขียนคือ”ภาณุมาศ ทักษณา”หยิบยกปัญหาภาคใต้ขึ้นมาเขียนเป็นนิยาย ด้วยความจงใจ ด้วยการตั้งสมมติฐานว่า ชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่ในภาคใต้ ไม่ได้มีความต้องการที่แบ่งแยกดินแดน เพื่อไปปกครองตนเองเลย เพราะขบวนการแบ่งแยกดินแดนโดยกลุ่มต่างๆ นั้น ได้กลายเป็นอดีตไปนานแล้ว จะที่เหลืออยู่บ้าง ก็ไร้น้ำยา  ความคิดแบ่งแยก จึงเจือจางเต็มที มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่พยายามอ้างสิทธิกู้ชาติเหนือดินแดน ซึ่งเคยเป็นอาณาจักรปัตตานี โดยใช้ศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือ ในการปลุกปั่นคนรุ่นใหม่ให้หลงผิด โดย”ภาณุมาศ”เชื่อว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ทั่วไปในภาคใต้ ปรารถนาที่จะอยู่กันอย่างสงบมากกว่า

ผู้เขียนคือ”ภาณุมาศ ทักษณา”จึงเขียนนิยายเรื่องนี้โดย”ฟันธง”เลยว่า การก่อการร้ายส่วนใหญ่ เกิดจากกลุ่มผลประโยชน์ ที่ใช้อิทธิพลทางการเงิน เหนือข้าราชการที่ซื้อได้ สร้างสถานการณ์ร้ายขึ้น แล้วโยนให้ให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนรับผิดชอบ

นับเป็นการ”เจาะลึก”ในประเด็นเดียว เพื่อนำเสนอเป็นตัวอย่างให้ภาครัฐเห็นชัดๆ จึงจะช่วยชี้ต้นเหตุในการก่อการรายแต่ละครั้งได้

ทั้งนี้ โดย”ภาณุมาศ ทักษณา”ใช้ประสบการณ์จริง จากการเป็น”นักข่าว”และ”สายลับ”ตีความปัญหา ด้วยความเชื่อของตัวเองอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่เพียงสะท้อนให้เห็นในนิยายเท่านั้น แต่ในชีวิตจริงของเขาด้วย

ที่ผมแน่ใจและกล้าเขียนอย่างนี้ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว รู้จักเขาดี ในช่วงที่เขาเข้าไปทำงาน เป็นเจ้าหน้าที่เรียบเรียงต้นฉบับข่าว(rewriter)ของ”สยามรัฐ” ซึ่งในตอนนั้น ผมทำหน้าที่บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ แต่ไม่เคยรู้เลยสักนิดว่า ในขณะเดียวกัน เขาเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวของศูนย์รักษาความปลอดภัย ที่แอบแฝงเข้ามาทำงาน เพื่อหาข่าวความเคลื่อนไหว ที่อาจกระทบความมั่นคง จากแวดวงสื่อสารมวลชน

แต่ผมก็ไม่มีอะไร จะต้องไปโกรธเคืองเขา เพราะเราต่างคนต่างทำงานเพื่อชาติเหมือนกัน แม้ว่าผมจะเคยถูกขึ้นบัญชีเป็น”คอมมิวนิสต์”มาระยะหนึ่ง พร้อมกับอีกหลายคนใน”สยามรัฐ”แต่นั่นก็เป็นฝีมือของนักข่าวอีกคน ที่แอบแฝงเข้ามา ไม่ใช่”ภาณุมาศ ทักษณา”แน่นอน

หากพิจารณาในแง่สากล”ดับฝันมายาวี”ไม่ใช่”นิยาย”ธรรมดาแต่เป็น”นิยายเชิงข้อมูล” หรือ”ข้อมูลเชิงนิยาย” เพราะให้รายละเอียดมากมาย ในกระบวนการข่าวกรองของหน่วย”รามสูร”ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่

แต่”ค่ายรามสูร”นั้นมีจริง ตั้งขึ้นมาโดยกองทัพสหรัฐ ที่อุดรธานีตั้งแต่ปี ๒๕๐๗ เป็นเครือข่ายติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย นัยว่าเป็นศูนย์สัญญานตรวจจับวิทยุ(ไม่ใช่เรดาร์)คอยดักฟังสัญญานจากแผ่นดินใหญ่จีน คุยกันว่าขนาดเข็มเล่มหนึ่งตกพื้นที่ปักกิ่ง สถานีดักฟัง”ค่ายรามสูร”สามารถรับรู้ได้ในทันที

แรกที่จะตั้ง”ค่ายรามสูร”นั้น ผมเองเขียนต่อต้านเต็มที่ใน”สยามรัฐ” ว่าละเมิดอธิปไตยไทย ถึงกับสำนักข่าวเอพี เอาไปเผยแพร่ทั่วโลกและผมก็ได้รับการขอร้อง ผ่านมาทาง”ผู้ใหญ่”(ถ้าบอกปั๊บ ก็จะรู้ปุ๊บ ว่าเป็นใคร)ขอให้หยุดเขียน เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคงปลอดภ้ยแห่งชาติร่วมกัน….ผมก็ต้องหยุดสิครับ

แต่”รามสูร”ในนิยายนั้น ระบุว่าเป็นหน่วยข่าวกรองไทยแห่งเดียวที่ได้รับช่วงเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันล้ำสมัยบางส่วนที่สหรัฐเหลือไว้ให้ หลังการขนกลับ เพื่อไทยเราจะได้นำมาใช้งาน หลังจากสหรัฐยุบเลิก”ค่ายรามสูร” ในปี ๒๕๑๙ แต่ไม่ให้เปล่า ต้องซื้อด้วยเงินเพียง”หนึ่งเหรียญสหรัฐ”

ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ปล้นปืน จากกองพันพัฒนาที่ ๔ หรือ”ค่ายปิเหล็ง”อำเภอเจาะไอร้อง นราธิวาส เมื่อปี ๒๕๔๗ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เหิมเกริมมาก

พระเอกของเรื่องคือ”ทิวา”ก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานข่าวกรอง”รามสูร”ซึ่งถูกส่งไปหาข่าวที่นั่นเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงให้ได้ว่า”เกิดอะไรขึ้น”กันแน่ ใครอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ แต่เขาไปในฐานะ”นักข่าว”หน้าใหม่ของ”ปิตุภูมิ”ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันประเภท”เพ่งคุณภาพ”ไม่เล่นข่าว”ตามกระแส”อย่างหนังสือพิมพ์ประเภท”ประชานิยม”(หนังสือพิมพ์”หัวสี”) ฉบับอื่นๆ

สำหรับผมแล้ว ความเป็น”นิยาย”ของ”ดับฝันมายาวี”นั้น เริ่มตั้งแต่บทที่ ๒๔ เป็นต้นไป เพราะแทบทุกบทก่อนหน้าล้วนเป็นการ”ปูพื้นฐาน”ความเข้าใจ ในเชิงโครงสร้างของหน่วยข่าวกรองและการบริหารข่าวหนังสือพิมพ์ พร้อมกับอธิบายวิธีการทำงานโดยละเอียด-อันที่จริงควรจะเขียนได้กระชับกว่านี้

แต่จะทำอย่างไรได้ เนื่องจากผู้เขียนเป็นทั้ง”นักข่าว”และ”สายลับ”ก็อยากจะให้คนอ่านเข้าใจแจ่มแจ้ง ในงานที่เขาเคยทำ

ข้อสังเกตประการหนึ่งก็คือ ผู้เขียน”ภาณุมาศ ทักษณา”เปิดใจกว้าง รับรู้ความเป็น”มุสลิม”ของคนในภาคใต้ไว้ได้ดีมากกว่าชาวพุทธทั่วๆไป เขาพยายามศึกษา จนมีความรู้ในศาสนาอิสลามจริงๆ ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ ความเชื่อและคำสอน แม้แต่ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ

รู้ถึงขนาดที่ว่า การที่อิสลามไม่มี”นักบวช”นั้น เพราะมุสลิมทุกคนต้องเรียนรู้ภาคบังคับในหลักศรัทธาและในหลักประพฤติปฏิบัติจนมีความสามารถที่จะสอนตนเองและผู้อื่นๆ ไปด้วย ทั้งนี้ เพื่อการดำรงอยู่ในสังคมส่วนรวมอย่างสงบสุขและพอเพียง ขณะที่ตั้งความหวังไว้ว่า จะมีชีวิตที่ดีกว่าในโลกหน้า(อันอมตะ) ยิ่งกว่าการทุ่มเทชีวิตเพื่อโลกนี้ ซึ่งอาศัยอยู่เพียงชั่วคราว ซึ่งส่งผลให้มุสลิมทั่วๆ ไป ดำรงชีวิตอย่างสมถะ

ผม(เกษม)เชื่อว่า สิ่งนี้นำมาซึ่งความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเขา(ภาณุมาศ)มีต่อชาวใต้ ที่ผู้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายใดๆ ไม่ว่าจะชาวพุทธหรือมุสลิม แต่กลับต้องได้รับผลกระทบ ไม่ในทางตรงก็ทางอ้อมจากความชั่วร้ายนั้น

ขณะเดียวกัน”ภาณุมาศ ทักษณา”ก็พยายามตีแผ่สาเหตุที่ทำให้เยาวชนมุสลิมต้องพลอยตกเป็นเครื่องมือของการก่อการร้าย ว่าโดยหลักๆ มาจากความยากจนและความด้อยการศึกษาทางโลก

เขาตีแผ่อิทธิพลที่เกิดจากนักฉวยโอกาสและจากนายทุนประเภทที่ไม่คำนึงถึงชาติ ศาสนาและคุณธรรม เอารัดเอาเปรียบชาวบ้าน  สร้างความวุ่นวาย เพื่อฉวยโอกาสแสวงหาประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมายในท้องถิ่น เพียงเพื่อสร้างความมั่งคั่งที่ไม่รู้จบ

นิยายเรื่องนี้ ไม่ได้บ่งชี้ทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้นตรงๆ แต่ใช้ตัวละครท้องถิ่น สะท้อนแต่ละปัญหาออกมา ให้คนอ่านคิด

ยกตัวอย่าง”ดร.โรจน์”นักวิชาการท้องถิ่นจากยะลา คือตัวละครที่”ภาณุมาศ ทักษณา”ผ่านความเห็นของเขาออกมาว่า การที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาไม่ได้ เพราะชาวบ้านไม่คิดว่าเป็นปัญหาของพวกเขา(ที่เกิดเหตุร้าย)อย่างหนึ่งและฝ่ายปกครองระดับสูงหวาดระแวงคนของรัฐระดับล่างที่ใกล้ชิดชาวบ้านอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.จนไปถึงอิหม่าม โต๊ะครู ว่าเป็นคนของฝ่ายตรงกันข้าม(หน้า ๓๒๐ สองย่อหน้าสุดท้าย)

ดังนั้น ทางแก้ไขก็ต้องด้วยการทำให้”ฝ่ายปกครองระดับสูง-คนของรัฐระดับล่าง-ชาวบ้าน”ได้เกิดความสำนึกรู้ร่วมกัน ที่จะแก้ไขปัญหา

ซึ่ง”พูดง่าย ทำยาก”….แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทำไม่ได้

หากทำได้ “การแยกปลาจากน้ำ”ก็จะง่ายขึ้น

ผม(เกษม)อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว เกิดความคิดบรรเจิดครับ ว่าน่าจะแก้ไขปัญหาใต้อย่างไร….นึกๆ ดูแล้ว พบว่ามีวิธีมากมายครับ

ปัญหาอยูที่ความจริงใจและความตั้งใจจริงของทั้งสามฝ่ายนั่นแหละครับ  ว่าจะสามารถร่วมมือกันได้ หรือไม่และอย่างไร

ท่านผู้อ่านลองไปช่วยคิด หาทางแก้ดู ก็แล้วกัน…คิดออกอย่างไร ช่วยบอกผม บอกท่านอื่นๆ รวมทั้งบอกรัฐบาลด้วยครับ

อ้อ…อย่าลืมซื้อหนังสือเล่มนี้ ไปอ่านด้วยนะครับ “ภาณุมาศ ทักษณา”จะได้มีกำล้งใจ เขียนเรื่องต่อๆไป….เชียร์กันซึ่งๆ หน้าอย่างนี้แหละ

————

ข้อมูลจำเพาะ:

“ดับฝันมายาวี”นิยาย : ๕๑๒ หน้า : ราคาปก ๓๕๐ บาท : ซีเอ็ดยูเคชัน จัดจำหน่าย

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *