สุภาษิต คำพังเพย และปริศนา
สุภาษิต คำพังเพย และปริศนา
รศ.ดร.สมศักดิ์ แต้มบุญเลิศชัย
ในภาษาจีน มีสุภาษิตและคำพังเพยอยู่จำนวนมาก สุภาษิตและคำพังเพยของจีน สะท้อนถึงความคิดและความเชื่อของคนจีนตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน การศึกษาสุภาษิตและคำพังเพยของจีนจึงมีส่วนช่วยให้เราเข้าใจถึงวัฒนธรรมและความคิดของคนจีนได้ดีขึ้นในอีกระดับหนึ่ง สุภาษิตจีนประกอบด้วยคำไม่กี่คำ แต่ก็สามารถแสดงความหมายได้อย่างลึกซึ้ง ในการพูดหรือการเขียนของคนจีนจึงมีการใช้สุภาษิตอยู่บ่อยๆ ส่วนคำพังเพยนั้น เป็นถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวขานสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน และมีการใช้มากทั้งในภาษาพูดและภาษาเขียน
สุภาษิตและคำพังเพยจีนมีที่มาหลากหลาย เช่นจากเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ พงษาวดาร นิทาน บทประพันธ์ คำกลอน และจากคำสอนของนักปราชญ์ในสมัยโบราณ เช่น ขงจื๊อ เล่าจื๊อ เม่งจื๊อ และบักจื๊อ ในสมัยปัจจุบัน ก็มีคำพูดหรือวลีที่คนจีนทั่วไปนิยมนำมากล่าวขานกันที่มีลักษณะที่เหมือนกับสุภาษิตหรือคำพังเพย
สุภาษิตจีนจำนวนมากมีความหมายที่แฝงไปด้วยความคิดทางปรัชญา และสามารถนำมาใช้เป็นคติเตือนใจและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้ ชนชาติต่างๆในโลกมักมีสุภาษิตและคำพังเพยที่เป็นประโยคหรือวลีสั้นๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของตนเอง จีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน จึงมีการสะสมสุภาษิตและคำพังเพยเป็นจำนวนมาก สุภาษิตเหล่านี้สามารถนำมาใช้เป็นคติเตือนใจและการปรับปรุงพฤติกรรม ตัวอย่างเช่นคำกล่าวของขงจื๊อ ที่ว่า”สิ่งที่ตนเองไม่ชอบ ก็อย่าไปทำกับคนอื่น”(己所不欲 勿施于人)ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การสหประชาชาติว่าเป็นคำพูดที่ชนชาติต่างๆพึงนำไปปฏิบัติ
สำหรับนักธุรกิจและนายทหาร คำกล่าวของซุนอู่ที่บอกว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ก็ไม่เป็นอันตราย”(知己知彼 百战不殆)ก็เป็นคำที่มีการกล่าวขานกันมาก สุภาษิตที่มีการใช้สอนให้เด็กๆ มีความขยันหมั่นเพียร เช่น”ในวัยเด็กหรือวัยหนุ่มสาว ถ้าไม่มีความพยายาม ความขยันหมั่นเพียร ไม่พยามทำงานและศึกษาหาความรู้ ก็จะเสียใจในตอนแก่(少壮不努力 老大徒伤悲) ก็เป็นคำสอนที่มีการใช้อยู่บ่อยๆ
สุภาษิตและคำพังเพยเกิดขึ้นได้ในทุกยุคทุกสมัย และมีการสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ในช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์มีอำนาจปกครองประเทศจีนก็มีคำพูดที่มีลักษณะเหมือนสุภาษิตหรือคำพังเพยเกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ในแต่ละช่วงเวลา มีลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคิดทางการเมืองและสังคมในเวลานั้น เช่นในช่วง”ปฏิวัติวัฒนธรรม”ซึ่งมีความคิดทางการเมืองที่ซ้ายจัด และประเทศที่มีภาวะยุ่งเหยิงทางเศรษฐกิจและการเมือง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ที่กุมอำนาจรัฐอยู่ในขณะนั้นก็มีการปลุกระดมความคิดในหมู่ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนให้ต่อต้านขนบธรรมเนียมและการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับความคิดของผู้มีอำนาจ เช่น “การกบฏเป็นสิ่งที่ชอบด้วยเหตุผล”(造反有理) และประจานผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดของผู้นำประเทศว่าเป็นพวกปฏิกิริยาหรือพวกต่อต้านการปฏิวัติ(反动派,反革命)ต่อมา เมื่อมีการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ คำพูดของเติ้งเสี่ยวผิงที่กล่าวว่า”ไม่ว่าเป็นแมวขาวหรือแมวดำ ถ้าจับหนูได้ก็ถือว่าเป็นแมวที่ดี(不管是白貓黒猫,能枛到老鼠的就是好猫) ซึ่งแสดงว่าอะไรที่มีผลดีในทางปฏิบัติก็เป็นสิ่งดี ไม่ควรจะยึดถือทฤษฎีที่ตายตัว และคำพูดที่ว่า”ข้ามแม่นำ้โดยการคลำก้อนหิน(ที่อยู่ใต้น้ำ เพื่อให้รู้ถึงความลึกหรือตื้น)(摸着石头过河) ซึ่งแสดงถึงความคิดการลองถูกลองผิดเพื่อหาแนวทางที่ถูกต้อง คำกล่าวเหล่านี้ลักษณะเป็นคำพังเพยและเป็นคำพูดที่มีการใช้กันมากในหมู่ข้าราชการและประชาชนอย่างกว้างขวาง
ในปัจจุบันซึ่งมีการใช้เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่กันมาก ก็มีคำพูดหรือวลีขึ้นมาและมีความแพร่หลายอีกเป็นจำนวนมาก
จากการศึกษาคำพูดที่มีการนิยมกันในแต่ละช่วงเวลา แม้คำพูดเหล่านี้อาจไม่ใช่สุภาษิตหรือคำพังเพยในความหมายที่เคร่งครัด แต่ก็ทำให้เราเข้าใจถึงสภาพของสังคมจีนในแต่ละช่วงเวลาได้เป็นอย่างดี
ในภาษาจีน มีคำพังเพยที่ประกอบด้วยประโยคหรือวลีสองตอน ในลักษณะคล้ายกับการบอกเหตุและผล โดยส่วนแรกเหมือนกับคำปริศนา และส่วนที่สองคล้ายกับคำเฉลยหรือคำแก้ปริศนา คำพูดเหล่านี้ก็มีการใช้กันมากในภาษาพูดและภาษาเขียน เพราะสามารถแสดงเหตุผลอย่างมีสีสัน เช่น ส่วนแรกคือ”พระพุทธรูป(ที่ปั้นด้วยดิน)ข้ามแม่นำ้” ส่วนหลังคือ”แม้ตนเองยังไปไม่รอด”(泥菩萨过河-自身难保)ที่ประชดประชันคนที่จะไปพึ่งพาคนอื่น โดยคนที่เราจะพึ่งพานั้นยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองหรือเอาตัวรอดได้เลย แล้วเขาจะมาช่วยเราได้อย่างไร หรือคำพูดที่ว่า”เอาซาลาเปาใส้หมูไปขว้างหมา-ไปแล้วไม่กลับมา”(肉包子打狗有去无回)ซึ่งเปรียบเปรยว่า เอาของให้ใครแล้ว ก็อย่าหวังได้คืนมาเลย เป็นต้น
สิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง ในภาษาจีนคือคำปริศนา ปริศนาจีนมีลักษณะที่หลากหลาย โดยมีการทายทั้งตัวหนังสือหรือตัวอักษร ชื่อคนทั้งในสมัยโบราณ และในปัจจุบัน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ คำกลอนตอนหนึ่งหรือประโยคหนึ่ง ตลอดจนเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ และเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ปริศนาจีนมีความสลับซับซ้อน และบางทีก็มีความลึกซึ้งซ่อนเงื่อน และสามารถนำมาตำหนิหรือประชดประชันผู้อื่นได้ ซึ่งไม่ใช่ปริศนาที่ทายว่า”อะไรเอ่ย”เท่านั้น ปริศนาในภาษาจีนมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลานับพันปี และลักษณะที่หลากหลาย สามารถพลิกแพลงและเปลี่ยนแปลงได้ในหลายรูปแบบ และมีความยากง่ายที่แตกต่างกัน คนจีนทางผู้ที่มีความรู้และสามัญชนที่ไม่ได้เรียนหนังสือต่างก็สามารถมีส่วนร่วมในการทายปริศนาที่เหมาะสมกับภูมิความรู้ของตนได้
Facebook Comments