เร่งเรียนรู้กรณี”เจน-แซด”เผาเมืองที่เนปาล

สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
เร่งเรียนรู้กรณี”เจน-แซด”เผาเมืองที่เนปาล
ณ วันนี้สถานการณ์โลกที่คับขันและน่ากลัวอุบัติขึ้น เป็นที่น่าสังเกตในแง่สังคมจิตวิทยาครับ
ในรูปของการใช้กฎหมู่ที่ภาษาจิตวิทยาสังคม เรียกว่า Mob rule
นั่นคือปรากฏการณ์ที่เนปาล ซึ่งเกิดจลาจลเผาเมือง หลังจากรัฐบาลสั่งห้ามใช้”แพลตฟอร์มสื่อสังคมทั่วประเทศ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย๑๙ รายและบาดเจ็บหลายสิบ
ความวุ่นวายนี้เริ่มขึ้นโดยกลุ่มวัยรุ่น Gen-Z (คนรุ่นที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ถึง ๒๕๕๕ )แต่ในที่สุดอารมณ์ฝูงชนบ้าคลั่งก็กระจายไปสู่คนรุ่นอื่นๆด้วยจนแยกไม่ออกว่าความวุ่นวายนั้นเกิดจากอะไร เพราะผสมปนเปกันไปหมด
แต่ก็พอจะอธิบายได้ว่า เกิดจากประเด็นปัญหาลึกๆคือความไม่พอใจต่อปัญหาคอรัปชั่นในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐที่ชอบอวดความมั่งคั่งร่ำรวยให้เห็นท่ามกลางความยากจนของชาวบ้านส่วนใหญ่
และในปัญหาการจัดการใช้จ่ายกองทุนสาธารณะในหนทางที่ไม่ชอบมาพากลด้วยเป็นต้น
โดย“แพลตฟอร์มสื่อสังคม”ที่ว่านั้นก็ได้แก่ Facebook, X (Twiiter), Instagram, YouTube และ TikTok ฯลฯ เป็นต้น ครับ
ล่าสุดนายกรัฐมนตรี”เคพี ชาร์มา โอลี”ลาออกแล้วและวานนี้ (๙ กย.๖๘)ยังคงมีการประท้วงต่อเนื่อง
ไม่รู้ว่าจนขณะที่อ่านเรื่องนี้ ทหารสามารถจัดการจัดระเบียบเข้าสู่ภาวะปกติแล้วหรือไม่
มีการบุกเผาทำลายสถานที่ต่าง ๆ และเกิดเหตุปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกสามราย ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้
มีรายงานด้วยว่า ฝูงชนในกรุงกาฐมาณฑุได้เผาสำนักงานใหญ่ของพรรคเนปาลีคองเกรส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล และเผาบ้านของ เชอร์ บาฮาดูร์ เดอูบา ผู้นำพรรคด้วย และบ้านของเคพี ชาร์มา โอลี นายกรัฐมนตรีสี่สมัย วัย ๗๓ และหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ ก็ถูกเผาเช่นกัน
จำได้ไหมครับว่า การจลาจลเยี่ยงนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่บังกลาเทศและเหตุก็เกิดจากวัยรุ่น”เจน-แซด”เช่นกัน
โดยเมื่อ ๔ สค.๖๗ เกิดการประท้วงโดยรอบกรุงธากาแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลจัดโควต้ารับราชการให้แก่ลูกหลานทหารผ่านศึกมากกว่าลูกชาวบ้านทั่วไปมาตลอด
เลยเกิดประทะกับตำรวจเป็นวงกว้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
การประท้วงที่ว่าทำให้นายกรัฐมนตรี”ฮาซินะห์”ต้องหนีไปอินเดีย
การประท้วงอย่างรุนแรงนั้นกว่าจะยุติลงได้ด้วยฝีมือทหาร ก็หลังจากมีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย ๒๗๐ คน บาดเจ็บอีกหลายพันคน
ในที่สุดศาลสูงสุดของบังกลาเทศ มีคำตัดสินลดโควตาตำแหน่งงานภาครัฐของลูกหลายอดีตทหารผ่านศึกอยู่ที่เพียงร้อยละ ๕ จากเดิมที่ร้อยละ ๓๐ ความวุ่นวายจึงค่อยๆยุติลง
ข้อสังเกตก็คือในระยะหลังๆ นี้ “เจน-แซด”แสดงออกต่อสังคมที่เขาเห็นว่าไม่เป็นธรรมอย่างต่อเนื่องและด้วยความรุนแรงกว่าที่เคยประพฤติ ด้วยความก้าวร้าว ในความพยายามสร้างค่านิยมของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งพฤติกรรมทางการเมือง ที่อุบัติขึ้นในบ้านเรา ยกตัวอย่างตั้งแต่”กลุ่มทะลุแก๊ส” ตั้งแต่ปี๒๕๖๔
หรือกรณีที่เกิดพรรคอนาคตใหม่ ตามมาด้วยพรรคก้าวไกลพรรค มาจนเป็นพรรคประชาชน ทุกวันนี้
ดีที่ไม่เกิดความรุนแรงจนน่ากลัว เพียงแค่ก่อกวนค่านิยมเดิมๆ
จนเป็นที่หวาดเสียวของกลุ่มอนุรักษ์นิยมดั้งเดิมทั้งที่เป็นข้าราชการ ทหารและนายทุนที่มั่งคั่งที่คอยแสวงหาผลประโยชน์จากการเมือง
เพราะเช่นนั้นคนรุ่นเก่าอย่างท่านอย่างผม สมควรเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปรนี้ต่อไปในอนาคตด้วยความมีสติเถิดครับ
จงอย่าได้มองในทางลบสถานเดียว ว่าลูกๆหลานๆ ของเรานั้นล่วงละเมิดค่านิยมเก่าๆ ทีมีมาแต่ดั้งแต่เดิม
พวกเราที่เกิดในยุค”เบบี้บูมเมอร์”หรือหรือ Gen-B หมายถึงคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.๒๔๘๙ – ๒๕๐๗ หรือในยุคสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒ จึงพึงประพฤติดีประพฤติชอบต่อหลานๆด้วยความเมตตาอย่างยิ่ง
หากสักวันหนึ่งพวกเขาทนทานต่อแรงกดดันทางสังคมและการเมืองไม่ไหว ก็อาจจะก่อเหตุการณ์รุนแรง ที่อาจสร้างความพินาศย่อยับต่อสังคมชาติได้เช่นที่เกิดมาแล้ว ในบังกลาเทศและเนปาล
ก็ได้แต่เตือนกันมา เช่นนี้ละครับ







