โอปราห์ วินฟรีย์ ราชินีแห่งสื่อ
โอปราห์ วินฟรีย์ ราชินีแห่งสื่อ
การนั่งสมาธิได้กลายเป็นกิจวรรตประจำวันของผู้ประกอบการที่บรรลุความสำเร็จมากที่สุดของโลกหลายคน เช่น แจ็ค ดอร์ซี่ย์ ซีอีโอของทวิตเตอรฺ และสแควร์ แล้ว เรามีพิธีกรทอลค์โชว์ ราซีนีแห่งสื่อ โอปรา วินฟรีย์ ปฏิบัตินั่งสมาธิตอนเช้าก่อนเริ่มต้นวันทำงานของเธอ ดังที่มันได้ช่วยเหลือเธอทำงานด้วยศักยภาพเต็มที่ตลอดวัน
ถ้อยคำที่คุณจะไม่เคยได้ยิน “โอปราห์ ใคร” คุณไม่ต้องถามกลับต่อชื่อ
ครอบครัว คุณไม่ต้องสงสัยเธออาจจะเป็นใคร คุณไม่ต้องแสร้งว่าคุณรู้เธอเป็นใคร เพราะว่าเราทุกคนรู้เธอคือใคร เมื่อเราคิดถึงโอปราห์ วินฟรีย์
เราคิดถึงการสัมภาษณ์ทางอารมณ์ผู้มีชื่อเสียงของเธอ ตั้งแต่การจัดรายการทอลคโชว์ของเธอเองตลอด 25 ปี ไปถึงการปล่อยธุรกิจหลายอย่างภายใต้ตราสินค้าโอปราห์ มีทั้ง ฮาร์โป โปรดักชั่นส์ โอ แมกกาซีน และเดอะ โอปราส์ วินฟรีย์ ฟาวเดชั่น โอปราห์ ได้กลายเป็นชื่อครอบครัวและ
ไอคอนทางวัฒนธรรม
โอปราห์ วินฟรีย์ เป็นพิธีกรทอลคโชว์อเมริกันไอคอน และบุคคลสำคัญภายในอุตสาหกรรมความบันเทิง ตั้งเเต่ ค.ศ 1986 ถึง ค.ศ 2011 เธอจัดรายการโอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ ทอลคโชว์ติดลำดับสูงสุดของประวัติศาสตร์ เธอเป็นซีอีโอของฮาร์โป โปรดักชั่นส์ และซีอีโอของเครือข่ายโอปราห์ วินฟรีย์ – ช่องโทรทัศน์อเมริกัน
โอปราห์ วินฟรีย์ กล่าวว่า เธอตื่นประมาณเจ็ดโมงสิบนาทีเช้า สถานที่ชอบของเธอที่จะตื่นนอนล้อมรอบด้วยธรรมชาตภายในบ้านมอนเตซิโต แคลิฟอร์เนียของเธอเอง เธอได้อ้างว่าเป็นแผ่นดินแห่งพระสัญญา
เพราะว่ามันรู้สึกคล้ายกับของขวัญทางจิตวิญญานจากพลังทุกอย่าง
ของชีวิต มันทำให้ฉันคิดถึง “The Wizard of Oz” นินายอเมริกันของ
เด็ก โดโรธี เกล ได้เรียนรู้ว่า ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้าน ฉันจะไม่มองอะไรก็ตามไปไกลกว่าหลังบ้านของฉันเอง
ภายในตอนเช้า ฉันแปรงฟันของฉัน และนำหมาห้าตัวออกไป ภายหลังฉันพาหมาไปเดินเล่นรอบสนาม ฉันต้มกาแฟเอสเพรสโซที่ชอบของฉัน ในขณะที่ฉันรอมันกลั่นออกมา ฉันดึงการ์ดจากกล่องรวบความจริง 365 มาอ่าน ฉันอ่านห้าใบทุกเช้า เพื่อการสร้างแรงบันดาลใจ
ต่อจากนั้นโอปราห์ นั่งสมาธิประมาณ 20 นาที ถ้าอากาศภายนอกดีเธอจะนอนอยู่ที่เก้าอี้สนามด้วยการหลับตาของเธอ เพียงแค่การสะท้อนวันที่ผ่านมา และการคิดถึงเป้าหมายของเธอวันนี้ โอปราห์ วินฟรีย์ มองว่าการเริ่มต้นวันของเธอได้ค่อยให้โอกาสแก่ใจของเธอที่จะตื่นขึ้น และกลายเป็นจุดมุ่งต่อวันข้างหน้า ภายหลังการนั่งสมาธิ โอปราห์ วินฟรีย์ใช้หนึ่งชั่วโมงออกกำลังกาย น้ำหนักของเธอขึ้นลงตลอดหลายทศวรรษ เธอกินอาหารทะเล ผักและผลไม้จำนวนมาก เเละเธอชอบขนมปังและพาสต้า
กิจวรรตตอนเช้าของโอปราห์ – เธอทำจากบ้านมอนเตซิโต แคลิฟอร์เนีย
เกี่ยวกับการใช้เวลาภายในธรรมชาติ ออกกำลังกาย และมุ่งที่สุขภาพของเธอ เธอตื่นเช้าทุกวันโดยไม่มีนาฬิกาปลุก ฉันไม่เคยตั้งนาฬิกาปลุก ฉันไม่เชื่อภายในมัน ฉันใส่ตัวเลขภายในใจของฉัน และฉันตื่นก่อนนั้น เธอตื่นทุกเช้าตอนเจ็ดโมงสิบนาที
ทุกวันที่ฉันสามารถตื่นล้อมรอบด้วยธรรมชาติภายในบ้านของฉันเอง
เป็นวันที่สมบูรณ์ ฉันเรียกมัน ดินแดนแห่งพระสัญญา มันรู้สึกคล้ายกับของขวัญทางจิตวิญญานจากพลังทุกอย่างของชีวิต เธอดูเหมือนรู้ว่ามันสำคัญอย่างไรที่จะเริ่มต้นวันของเธออย่างเหมาะสม เพื่อที่จะลงไปสู่ธุรกิจ ต่อฉันแล้ว วันที่สมบูรณ์ ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งเดียว มันเป็นลำดับของสิ่งเล็กน้อย
โอปราห์ วินฟรีย์ ให้ความสำคัญต่อการดูแลตัวเองภายในกิจวัตตอน
เช้า ความลับของเธอ การนั่งสมาธิประจำวัน เธอเริ่มต้นวันของเธอด้วย
การนั่งสมาธิ 20 นาที และเธอได้ยืนยันเกี่ยวกับประโยชน์ของมัน เธอ
เชื่อมั่นว่าการนั่งสมาธิเป็นหัวใจต่อชีวิตที่บรรลุความสำเร็จ โอปราห์
วินฟรีย์ ได้ปฏิบัติการนั่งสมาธินานหลายปี มันช่วยให้เธออยู่อย่างมั่นคงท่ามกลางตารางเวลาที่วุ่นวายของเธอ
โอปราห์ วินฟรีย์ ไมใช่เจริญเติบโตเป็นผู้ประกอบการหญิงที่ดีที่สุดคนหนึ่งภายในโลกเท่านั้น เธอได้กลายเป็นราชินีของสื่อด้วย เรื่องราวของความยากจนสู่ความร่ำรวย ได้ยืนหยัดเป็นพินัยกรรมต่อข้อเท็จจริงว่าความเป็นผู้นำที่กล้าหาญสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ มันเรื่องราวของเด็กหญิงผิวดำคนนี้เกิดภายในรัฐมิสซิปซิปปีทางใต้
ณ หัวใจของทุกสิ่งทุกอย่างที่โอปราห์ วินฟรีย์ ทำ เรามีถ้อยคำที่ยึดมั่น
– บุคคลควรจะรับผิดชอบส่วนบุคคลชีวิตของพวกเขา และปรับปรุงโลกให้ดีขึ้น โอปราห์ วินฟรีย์ถูกเลี้ยงดูโดยยายของเธอภายในคอสซิอัสโก มิสซิปซิปปี แม้ว่าด้วยความเป็นเด็กยากจน เธอได้กลายเป็นผู้หญิงมีพลัง
มากที่สุดคนหนึ่งภายในโลก
มันไม่สำคัญคุณคือใคร คุณมาจากที่ไหน ความสามารถที่จะได้ชัยชนะ
เริ่มต้นกับคุณอยู่เสมอ – โอปราห์ วินฟรีย์ โอปราห์ วินฟรีย์ เป็นผู้ประกอบการ นักแสดงหญิง ผู้ผลิตโทรทัศน์ ผู้ช่วยเหลือมนุษย์ ผู้เขียน และพิธีกรทีวีโชว์ เธอเป็นเจ้าของและผู้บริหารฮาร์โป อิงค์ เธอดำเนินงานเครือข่ายของโอปราห์ วินฟรีย์ เธอถูกรู้จักกันดีที่สุดต่อทอลค โชว์ของเธอ
โอปราห์ วินฟรีย์ เป็นชื่อครัวเรือนที่บุคคลเกือบทุกคนรู้จัก โอปราห์ เป็นไอคอนโทรทัศน์ การใช้ชื่อเสียงและเงินช่วยเหลือบุคคลรายรอบเธอ
เเต่กระนั้นเธอเป็นนักธุรกิจหญิงที่บรรลุความสำเร็จด้วย และเธอเป็นผู้หญิงร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งภายในโลก โอปราห์ วินฟรีย์ ไม่ได้มองตัวเธอเองเป็นผู้ประกอบการ แต่แน่นอนเธอเป็นผู้ประกอบการที่บรรลุความสำเร็จมาก ทอลค โชว์ ภาพยนตร์ วารสาร และธุรกิจอื่นของเธอ สามารถทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกเป็นมหาเศรษฐี บุคคลทุกคนรู้เกี่ยวกับโอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ ด้วยการมองเป็นทีวี โชว์ที่บรรลุความสำเร็จมากที่สุดภายใประวัติศาสตร์
สก็อตต์ เทสตา อาจารย์คณะการบริหารธุรกิจ ณ มหาวิทยาลัยคาบรินิ
ภายในฟิลาเดลเฟีย เพนซิลวาเนียได้กล่าวว่า เธอเป็นผู้นำธุรกิจที่สร้างตัวเองอย่างแน่นอน ความเป็นผู้นำของเธอมีประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อและไม่มีใครเสมอเหมือน ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าโอปราห์ วินฟรีย์ เป็นผู้นำที่จะถูกเลียนแบบ
รากฐานกลยุทธ์ธุรกิจของโอปราห์ วินฟรีย์ การเกี่ยวพันระหว่างกันและตราสินค้าส่วนบุคคลที่เข้มเเข็งคือ ความเข้าใจผู้อื่น รู้จักกันเป็นความสามารถของเธอที่จะเชื่อมโยงกับผู้ชมของเธอและผู้รับเชิญทอลคโชว์
ของเธอ ทักษะอ่อนนี้เป็นรากฐานความสำเร็จของอาชีพและตราสินค้าส่วนบุคคลของเธอ
ความเข้าใจผู้อื่นเป็นความสามารถที่จะเข้าใจและร่วมประสบการณ์และ
ความรู้สึกของบุคคลอื่น ในขณะที่ความเข้าใจผู้อื่นสำคัญต่อการรักษา
ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และการเกี่ยวพันระหว่างกันทุกวันของเรา ความ
เข้าใจผู้อื่นเป็นทักษะอ่อนที่สำคัญภายในสถานที่ทำงานด้วย ด้วยความ
สามารถที่จะปรับปรุงความเป็นผู้นำและความสัมพันธ์กับบุคคลของเรา บุคคลทุกคนต้องการเป็นโอปราห์ วินฟรีย์หรือเป็นเพื่อนกับเธอ บทเรียน
อะไรที่โอปราห์ วินฟรีย์ ได้สอนเราเกี่ยวกับความเห็นใจผู้อื่น
การต่อสู้ของชีวิตของฉันสร้างความเข้าใจผู้อื่น ฉันสามารถสัมพันธ์ต่อ
ความเจ็บปวด การถูกทอดทิ้ง และบุคคลที่ไม่รักฉัน โอปราห์ วินฟรีย์
ได้เอาชนะความเป็นเด็กที่ลำบาก การแสดงการฟื้นตัว เมื่อเธอกลับไปสู่สภาพปรกติด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือบุคคลอื่น โอปราห์ วินฟรีย์ได้ยกย่องความทุกข์ยากเธอเผชิญตอนชีวิตเริ่มแรกของเธอต่อความเข้าใจ
ผู้อื่นของเธอ
เมื่อตอนเธอเป็นเด็ก โอปราห์ วินฟรีย์ ทุกข์ทรมานอย่างมากจากความยากจน ดังนั้นเมื่อเธอกลายเป็นมีชื่อเสียง เธอได้พยายามทำให้โลกเป็นสถานที่ดีขึ้นเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยการบริจาคเงินต่อความยากจน วันนี้เธอเป็นผู้ช่วยมนุษย์ผิวดำยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง ตลอดหลายปีเธอได้บริจาคเงินของเธอเองหลายล้านเหรียญ แม้ว่าเธอเกิดจากความยากจน มูลนิธิโอปราห์ วินฟรีย์ สนับสนุนการบันดาลใจ การให้อำนาจ และการศึกษาแก่ผู้หญิง เด็ก และครอบครัวทั่วโลก
ด้วยถ้อยคำของเธอ ปรัชญาการช่วยเหลือมนุษย์ของโอปราห์ วินฟรีย์ แสดงความผูกพันต่อการให้ของเธอ “คิดเกี่ยวกับอะไรที่คุณต้องให้ ไม่ใช่
ในเเง่ของจำนวนเงิน เพราะว่าฉันเชื่อว่าชีวิตของคุณเกี่ยวกับบริการ มัน
เกี่ยวกับอะไรที่คุณให้โลก ลูกของคุณ ครอบครัวของคุณ เมื่อ ค.ศ 2012 เราได้ประมาณว่าเธอได้บริจาคประมาณ 400 ล้านเหรียญต่อการศึกษา
โอปราห์ วินฟรีย์ เชื่อว่ามันจำเป็นที่จะให่คุณค่ากลุ่มบุคคลที่สำคัญ
สองกลุ่ม : บุคคลของเธอ และผู้ชมของเธอ เธอล้อมรอบตัวเธอเองด้วยบุคคลดีที่สุด บนพื้นฐานความสามารถของพวกเขา และความสอดคล้องกับค่านิยมขององค์การ เธอบันดาลใจพวกเขาด้วยวิสัยทัศน์ของเธอ และให้รางวัลพวกเขา เพื่อการทำงานหนัก และความจงรักภักดีของพวกเขา
ครั้งหนึ่งเธอได้ให้บุคคลและครอบครัวของพวกเขาค่าใช้จ่ายทุกอย่าง
เดินทางไปฮาวาย ขอบคุณต่อบริการของพวกเขา ไม่ว่าธุรกิจใดก็ตามลูกค้าของคุณเป็นความสำคัญลำดับที่หนึ่งของคุณ โอปราส์ วินฟรีย์ไม่เคยลืมสิ่งนี้
ฉันไม่มีความคิดว่าการเป็นตัวเองที่แท้จริงของคุณสามารถทำให้ฉัน
ร่ำรวยดังที่ฉันได้กลายเป็น ถ้าฉันมีแล้ว ฉันทำมันมากก่อนหน้านี้แล้ว ความสำเร็จที่ผิดธรรมดาของโอปราห์ วินฟรีย์ อ้างได้จากเธอบริหารค่านิยมของเธอสอดคล้องกับความฝันของเธอ เธอเป็นผู้สนับสนุนที่เข้มแข็งของการมีกรอบความคิดทางบวก และการเป็นตัวเองดีที่สุดของคุณ และเธอเชื่อว่าการมีชีวิตอยู่สอดคล้องกับค่านิยมของคุณจะวางเราบนเส้นทางชีวิตที่เราควรจะเป็น
โอปราห์ วินฟรีย์เชื่อต่อคุณค่าของการทำงานหนัก และได้ทำงานอย่าง
ไม่รู้จักเหนื่อยตลอดปี สร้างอาณาจักรสื่อ ในขณะเดียวกันเธอให้คุณค่า
การคืนกลับ และการมีส่วนช่วยบริจาคของเธอเป็นพินัยกรรมต่อความ
ต้องการของเธอที่จะสร้างความแตกต่างภายในชีวิตของบุคคลที่มีสิทธิ
พิเศษน้อย
โอปราห์ วินฟรีย์ พูดแล้วทำ และความสอดคล้องของค่านิยมของเธอกับ
ความฝัน ได้ดึงดูดบุคคลจิตใจชอบมาทำงานภายในองค์การของเธอ
ความแท้จริงของเธอที่เธอได้สร้างผู้ชมมากมายอย่างไรด้วย บุคคลเชื่อ
คำพูดและความคิดของเธอ เพราะว่าเธอเชื่อมันอย่างชัดเจน ผู้ชมของ
คุณสามารถรู้สึกถ้าคุณเป็นจริง ไม่ใช่เพียงแค่พูดขายผลิตภัณฑ์มาก
ขึ้น
ในฐานะของผู้นำ ถ้าคุณสามารถสอดคล้องความฝันของคุณกับค่านิยม
ของคุณ คุณสามารถบันดาลใจบุคคลรอบตัวคุณ และผลักดันองค์การ
ไปสู่ความสำเร็จ ลูกค้าของคุณสามารถรู้สึกถึวความแท้จริงของคุณ และ
เต็มใจยอมรับคุณมากขึ้น
โอปราห์ วินฟรีย์ เกิดเมื่อ ค.ศ 1964 ภายในมิสซิปซิปปี เธอมีความเป็นเด็กที่ลำบาก เธอได้เจริญเติบโตภายในความยากจน และทรมานจากการข่มขืนทางเพศ เธอมีความสัมพันธ์ยุ่งยากกับแม่ที่เข้มงวด และเป็นวัยรุ่นที่ดื้อรั้น พ่อของเธอได้กระตุ้นเธอทำดีภายในโรงเรียน ดังนัั้นโอปราห์ วิน
ฟรีย์ ได้กลายเป็นนักเรียนเรียนดี และได้ทุนไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยเทนเนสซี่ สเตรท ด้วยการชนะการแข่งขันคำปราศัย เธอจบมหาวิทยาลัยด้วยปริญญาการสื่อสาร
เมื่อเราคิดกี่ยวกับผู้นำที่ดีถ้อยคำการเข้าใจผู้อื่นมาสู่จิตใจทันที การเข้าใจผู้อื่นเป็นประสบการณ์ของความเข้าใจสภาพของบุคคลอื่นจากมุุมมองของพวกเขา บุคคลต้องการเดินตามบุคคลบางคนที่พวกเขารู้ว่าใส่ใจเพียงพอ เข้าใจพวกเขารู้สึกอย่างไร และพวกเขาต้องการอะไร การเข้าใจผู้อื่นเป็นความตระหนักของความรู้สึกและอารมณ์ของบุคคลอื่น มันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของความฉลาดทางอารมณ์ การเชื่อมโยง
ตัวเราเองเเละบุคคลอื่น เนื่องจากเราเข้าใจอะไรที่บุคคลอื่นกำลังเผชิญอยู่ ราวกับเรารู้สึกมันตัวเราเอง
แดเนียล โกลแมน ผู้เขียนหนังสือ “Emotional Intelligence” ได้กล่าวว่า
ความเข้าใจบุคคลอื่นโดยพื้นฐานเป็นความสามารถที่จะเข้าใจความรู้สึก
ของบุคคลอื่น โอปราห์ วินฟรีย์ เป็นผู้นำหญิงมีพลังมากที่สุดคนหนึ่งของโลก เธอมีพลังด้วยความรู้สึกว่าบุคคลหลายล้านคนจะดูเธอภายในเวลาที่ต้องการ ไม่เพียงแต่โอปราห์ วินฟรีย์นำทางด้วยคำแนะนำที่ฉลาดของเธอเท่านั้น แต่เธอจะเเสดงความเข้าใจผู้อื่นแต่ละคน และบุคคลทุกคนที่เธอได้พบ
โดยข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ว่าโอปราห์ วินฟรีย์เห็นด้วยกับบุคคลหรือไม่ก็ตาม เธอจะซาบซึ้งใส่ตัวเธอเองภายในรองเท้้าของพวกเขา การช่วยเหลือพวกเขา การค้นหาทางออกต่อปัญหาอะไรก็ตามของพวกเขา ด้วยถ้อยคำทางเทคนิค โอปราห์ วินฟรีย์ แสดงความฉลาดทางอารมณ์ มันเป็นเพราะว่าความสามารถของเธอที่จะเข้าใจและดูแลบุคคล ด้วยการรับฟังบุคคลอย่างรอบคอบ และให้การป้อนกลับอย่างจริงใจ โอปราห์ วินฟรีย์ สามารถ
จูงใจบุคคล เพื่อการเปลี่ยนแปลงและการบรรลุความสำเร็จ
ถ้าเราเคยชมหรือฟังโอปราห์ วินฟรีย์ ทำการสัมภาษณ์ทางทีวีโชว์ คุณน่าจะมีประสบการณ์นี้ : คุณกำลังหัวเราะ แล้วคุณกำลังร้องให้ แล้วคุณทันทีอยากจะบอกเธอความลับดำมืดของคุณ ดังนั้นมันเกี่ยวกับอะไรที่โอปราห์ วินฟรีย์ สร้างแก่เราทุกคน มันเป็นความฉลาดทางอารมณ์ของเธอ
โอปราห์ วินฟรีย์ ใช้อะไรที่เธอได้เรียนรู้จากแดเนียล โกลเเมน และเธอคิดว่าบุคคลทุกคนสามารถเรียนรู้จากผลงานของเเดเนียล โกลแมน นั่นคือทำไมเธอได้นั่งกับแดเนียล โกลแมนเพื่อการสัมภาษณ์บนซุปเปอร์โซล ซันเดย์ แดเนียล โกลแมน กล่าวว่า ความแตกต่างระหว่างไอคิวและอีคิวคืออะไร ความรู้ทางปัญญาสามารถพาเราไปสู๋ประตูเพื่องาน แต่ความฉลาดทางอารมณ์คืออะไรที่รักษาคุณไว้ที่นี่และบรรลุความสำเร็จ
โอปราห์ วินฟรีย์ กล่าวว่า ความเป็นผู้นำเกี่ยวกับการเข้าใจผู้อื่น มันเกี่ยวกับการมีความสามารถที่จะสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับบุคคล เพื่อความมุ่งหมายของการบันดาลใจและการให้อำนาจชีวิตของพวกเขา ดังที่
แดเนียล โกลแมน กล่าวว่า ถ้าความสามารถความฉลาดทางอารมณ์
ของคุณไม่ได้อยู่ภายในมือ ถ้าคุณไม่มีความตระหนักตัวเอง…..ถ้าคุณ
ไม่มีความเข้าใจผู้อื่น…..ดังนั้นไม่ว่าคุณฉลาดอย่างไร คุณไม่สามารถ
ไปได้ไกล
แดเนียล โกลแมน ผู้เขียน “Emotional Intelligence” อยู่บนรายชื่อหนังสือขายดีที่สุดของนิวยอรค ไทม์ หนึ่งปีครึ่ง และขายได้มากกว่า
5,000,000 เล่มทั่วโลกด้วย 40 ภาษา ฮาร์วาร์ด บิสซิเนส รีวีว เรียก
ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นตัววัดเดียวของความสามารถของบุคคล
“เขาได้เปิดสายตาของเราต่อวืถีทางใหม่ของการคิดเกี่ยวกับความแตก
ต่างระหว่างไอคิวและอีคิว แดเนียล โกลเเมน ได้คลี่คลายความสัมพันธ์
ระหว่างสมองของเราและอารมณ์ของเรา” โอปราห์ วินฟรีย์ กล่าว
แดเนียล โกลแมนได้แตกความฉลาดทางอารมณ์เป็นส่วนประกอบห้าอย่างคือ การตระหนักตัวเอง การควบคุมตัวเอง การจูงใจ การเข้าใจ
ผู้อื่น และทักษะทางสังคม ความฉลาดทางอารมณ์สามารถถูกเรียนรู้
และประยุกต์ใช้ที่จะสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่มีความสุขและสุขภาพ
โอปราห์ วินฟรีย์ มีการเลี้ยงดูที่ลำบาก ด้วยแม่วัยรุ่นคนเดียวทำงานเป็นสาวใช้ เธออยู่กับยายของเธอจนกระทั่งอายุหกปี ด้วยความยากจน เธอไปโรงเรียนแต่งตัวใส่กระสอบมันฝรั่ง ตั้งแต่ตอนอายุน้อย เธอได้แสดงพรสวรรค์ต่อการปราศัยและการจดจำ และกลายเป็นรู้จักกันต่อความสามารถท่องบทกวีไบเบิ้ล
ชีวิตตัวมันเองได้กล่าวว่า ชีวิตไม่ได้สุขสบาย แต่ใครที่ต่อสู้ความเจ็บปวดสามารถทำให้ชีวิตสุขสบายตัวมันเอง แม้ว่านักเรียนเพื่อนของเธอได้ล้อเล่นต่อความยากจนและสีผิวของเธอ เธอไม่เคยยอมแพ้มัน โอปราห์
วินฟรีย์เรียนอย่างหนัก และใช้การพูดสาธารณะ เธอได้ถูกเลือกเป็นประธานโรงเรียนด้วย เธอได้ชนะการแข่งขันการพูดสาธารณะ และได้
ทุนเพื่อการศึกษามหาวิทยาลัยของเธอ
เมื่อเธอเริ่มต้นอาชีพของเธอเป็นผู้ประกาศข่าวทีวี ไม่มีใครคาดคะเน
ว่าโอปราห์ วินฟรีย์จะกลายเป็นไอคอนระหว่างประเทศ เธอเป็นผู้หญิง
วัยสาว งุ่มง่าม ผิวดำ ภายในยุคตรงที่คนผิวขาววัยชราสร้างและบังคับ
กฏภายในอเมริกา เธอได้ถูกสร้างเพื่อความล้มเหลว ดังที่ใครสามารถ
ทำนายได้ เมื่อทีวีโชว์ล้มเหลว การตำหนิจะมีต่อโอปราห์ วินฟรีย์ ไม่ใช่พิธีกรร่วมคนผิวขาวของเธอ เธอได้ถูกลดตำแหน่งลง ไปสู่ตำเเหน่่งการเขียนและการรายงาน
แต่เธอได้รับรู้อย่างรวดเร็วว่าลักษณะความเข้าใจผู้อื่นของเธอเป็นจุดอ่อนของเธอต่อการเป็นผู้สื่อข่าว โอปราห์ วินฟรีย์ไม่ยอมแพ้ เธอตัดสินใจทำให้จุดอ่อนเป็นจุดเเข็ง ความเข้าใจบุคคลอื่นของเธอสอดคล้องกับเรื่อง
ราวความสนใจของมนุษย์ จนทำให้เธอบรรลุความสำเร็จเป็นพิธีกรของ
ทอลคโชว์ในที่สุด
ด้วยการใช้ทักษะอ่อน เช่น ความเข้าใจผู้อื่น การรับฟัง และความช่วยเหลือ โอปราห์ วินฟรีย์ ได้จัดรายการโชว์ทีวีหยิ่งใหญ่ที่สุดและบรรลุ
ความสำเร็จตลอดกาล โอปราห์ วินฟรีย์เป็นตัวอย่างปรากฏการณ์หนึ่งของพลังของความฉลาดทางปัญญา
ภายในอดีตแล้ว ผู้หญิงรู้สึกต้องรับเอาคุณลักษณะของเพศชาย เช่น
ความก้าวร้าว เพื่อที่จะนำหน้าภายในโลกบริษัทและความเป็นผู้นำ การเหมารวมผู้นำที่บรรลุความสำเร็จมักจะถูกระบุด้วยถ้อยคำเพศชาย ความเป็นผู้นำได้ถูกเทียบเท่าความเป็นผู้ชาย และผลตามมาผู้หญิงภายในความเป็นผู้นำมักจะถูกวิจารณ์อย่างรุนเเรง
เธอคือราชินีแห่งความฉลาดทางอารมณ์ ความยิ่งใหญ่ที่สุดของโอปราห์
วินฟรีย์ สามารถระบุโดยความเข้าใจผู้อื่นของเธอ ความต้องการของเธอที่จะรับฟังเรียนรู้ และช่วยเหลือบุคคลอื่น โอปราห์ วินฟรีย์ แสดงต่อประเทศว่าการดูแลและการแสดงอารมณ์ของเราถูกต้อง และมันเป็นทำไมวันนี้เราคิดถึงของการไปสู่ “โซฟาของโอปราห์” และหลั่งน้ำตาที่ดีและปลดปล่อยอารมณ์ออกมา
บุคคลมากกว่า 17 ล้านคนได้ชมเจ้าชายแฮรี่และเมแกน มาร์เคิล ดัชเชส
แห่งซัสเซกซ์นั่งกับโอปราห์ วินฟรีย์ คืนวันอาทิตย์ และเทหัวใจของพวกเขาออกมา เพื่อการสัมภาษณ์บอกเล่าทั้งหมดเกี่ยวกับจิตวิญญานของพวกเขาจากครอบครัวราชวงศ์ พวกเขาได้สัมผัสถึงหลายหัวข้อที่สำคัญ ตั้งแต่สุขภาพทางจิต ไปจนถึงสมการภายในครอบครัวราชวงศ์ องค์ประกอบที่น่าตะลึงอย่างหนึ่งของการสัมภาษณ์คือ การเปิดเผยของเจ้าชายเเฮรี่เกี่ยวกับการต่อสู้ทางความคิดและอารมณ์ของเขาเอง
ดุคแห่งซัสเซกซ์ ยังคงอยู่ลำดับที่หกภายในแถวมงกุฏของอังกฤษ ได้แสดงคำพูดอย่างลึกซึ้ง และการสนับสนุนที่
ยึดมั่นต่อภรรยาและครอบครัวของเขา และพูดตรงไปตรงมาเกี่ยวกับ
ความเจ็บปวดที่เขาทรมานภายในความสัมพันธ์ของครอบครัวของเขา
ผมหวังทั้งชีวตของผู้ขายคนหนึ่งสามารถทำอย่างเดียวกัน การแสดง
อารมณ์ของเจ้าชายแฮรี่สามารถกระตุ้นทั้งชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่จะ
พูดอย่างเปิดอกด้วย
เจ้าชายแฮรี กล่าวว่าการแยกจากครอบครัวราชวงศ์อังกฤษยุ่งยากมาก
ต่อเขาเเละภรรยาของเขา ความห่วงใยยิ่งใหญ่ที่สุดของผมคือ ประวัติ
ศาสตร์ซ้ำรอยเดิม การอ้างถึงแม่ของเขาเจ้าฟ้าหญิงไดอานาถูกไล่ตาม
โดยสื่ออังกฤษ และเสียชีวิตตอนอายุ 36 ปีจากรถยนต์พุ่งชนภายในปารีส ผมเพียงแค่โล่งอกและสุขใจได้นั่งที่นี่พูดคุยกับคุณด้วยภรรยาของผมนั่งข้างผม
ทั้งสองได้ก้าวออกมาจากหน้าที่ราชวงศ์ ไม่พอใจเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อ
เมแกน มาร์เคิล ของแทบลอยด์อังกฤษ พวกเขาได้อ้างอะไรที่พวกเขาอธิบายเป็นการกลั่นแกล้ง และทัศนคติเหยียดผิวต่อดัชเชสเป็นอัฟริกัน
อเมริกัน ในขณะนี้ พวกเขาอยู่ภายในมอนเตซิโต แคลิฟอร์เนียตรงที่พวกเขาเป็นเพื่อนบ้านของโอปราห์ วินฟรีย์ ด้วย เมแกน มาร์เคิล ได้เปิดเผยชีวิตของเธอภายในครอบครัวราชวงศ์อยู่คนเดียวและเปล่าเปลี่ยว การ
สัมภาษณ์ไม่เพียงแค่บรรลุความสำเร็จเพียงหัวข้อเท่านั้น แต่มันบรรลุความสำเร็จเพราะว่าความฉลาดทางอารมณ์อย่างไม่น่าเชื่อของโอปราห์
วินฟรีย์ ด้วย
ถ้าเป็นผู้บริหารระดับสูงแล้ว แดเนียล โกลแมน ได้กล่าวว่า การศึกษาของเราได้แสดงว่าความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะเกิดจากความฉลาดทางอารมณ์ 85% และความฉลาดทางปัญญาและทักษะทางเทคนิคเพียง 15% มันจะมีเหตุผลเพราะว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ณ จุดนั้น ไม่ได้เป็นการใช้ทักษะทางเทคนิคของเรา สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือการบริหารบุคคล และศิลปของความเป็นผู้นำคือ การทำงานให้สำเร็จโดยบุคคลอื่น
แดเนียล โกลแมน ได้เริ่มต้นเป็นนักข่าวของนิวยอร์ค ไทม์ ปัจจุบันนี้เขาคือกูรูของกูรูความฉลาดทางอารมณ์ เขาพูดอยู่เสมอว่าความลุ่มหลงต่อจิตวิทยาของเขาจะมาจากแม่ของเขา นักสังคมสงเคราะห์ที่เชี่ยวชาญทางจิตเวช แดเนียล โกลแมน บิดาของความฉลาดทางอารมณ์ ได้กล่าวว่า ความฉลาดทางอารมณ เป็นความสามารถของการรู้อารมณ์ของเรา และอารมณ์ของบุคคลอื่น อีไอได้ถูกสร้างจากกลุ่มของความสามารถทางอารมณ์ : การรู้อารมณ์ของเรา การจูงใจตัวเราเอง การรับรู้อารมณของบุคคลอื่น และการสร้างความสัมพันธ์
แดเนียล โกลแมน ผู้เขียน “Emotional Intelligence” หนังสือที่มีอิทธิพลมากที่สุดเล่มหนึ่งต่อชีวิตขององค์การ แดเนียล โกลแมน ได้อ้างรากฐานความเป็นผู้นำถึงมิติทางอารมณ์ของความเป็นผู้นำ งานรากฐานของผู้นำจะเป็นอารมณ์อย่างหนึ่ง ความฉลาดทางอารมณ์มักจะเป็นตัวชี้วัดยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของความสำเร็จของความเป็นผู้นำ มันจะเป็นตัวสร้างความแตกต่างแก่ผู้นำภายในการเลื่อนตำแหน่ง การวิจัยได้ยืนยันว่าความฉลาดทางอารมณ์ และความเป็นผู้นำที่บรรลุความสำเร็จ ณ ระดับสูงมีความ
สัมพันธ์สูง ไม่ใช่ว่าบุคคลทุกคนจะเกิดมากับมัน แต่เราสามารถปรับปรุงความฉลาดทางอารมณ์ของเราด้วยการปฏิบัติได้
หนังสือ ค.ศ 1955 “Emotional Inteligence” ของแดเนียล โกลแมน จะเป็นรายการหนังสือขายดีที่สุดของนิวยอร์ค ไทม์ นานถึงหนึ่งปีครึ่ง ด้วยยอดขายมากกว่า 5 ล้านเล่มทั่วโลก การวิจัยได้ระบุว่า 71% ของนายจ้างให้คุณค่ากับความฉลาดทางอารมณ์ สูงกว่าความฉลาดทางปัญญา : ไอคิว แต่ไม่ใช่ไอคิวต่อสู้กับอีคิว ทั้งสองอย่างจะมีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่
บิลล์ จอร์จ ได้กล่าวว่านิวยอร์คไทม์ได้ประเมิน” Authentic Leadership” หนังสือเล่มแรกของผม ณ เวลานั้น “ความแท้จริง” ภายในความเป็นผู้นำ
ไม่ได้เป็นความคิดที่มีฐานมั่นคง บุคคลหลายคนถาม ผู้นำที่แท้จริงคืออะไร แม้ว่าแนวคิดดูเหมือนชัดเจนตัวมันเองต่่อผมเป็นความจริงใจ เเท้จริงต่อเราคือใคร ภายในปีเหล่านี้ความแท้จริงได้เป็นที่นิยมแพร่หลายโดย
โอปราห์ วินฟรีย์และบุคคลอื่น เมื่อบุคคลได้ค้นหาสิ่งที่เป็นจริง
การกลายเป็นผู้นำแบบแท้จริงต้องการการสร้างอุปนิสัยของคุณ ดังที่
วอร์เรน เบนนิส ได้เขียนว่า ความเป็นผู้นำเป็นอุปนิสัยไม่ใช่สไตล์มันเป็นเราคือใครในฐานะของมนุษย์ กระบวนการกลายเป็นผู้นำเป็นอย่างเดียวกับการกลายเป็นมนุษย์ ครั้งหนึ่งบุคคลได้ถามวอร์เรน เบนนิส เขาได้เคย
สร้างข้อความต่อไปนี้หรือไม่ ความเป็นผู้นำเป็นอุปนิสัย 85% วอร์เรน
เบนนิส หยุดชะงักและตอบ น่าจะเป็น แต่ผมขอเปลี่ยนแปลงมันเดี๋ยวนี้
ความเป็นผู้นำเป็นอุปนิสัย 100%
การกลายเป็นผู้นำแแบบเเท้จริง ความเป็นผู้นำคือความแท้จริงไม่ใช่
สไตล์ ผลงาน “On Becoming a Leader” ของวอร์เรน เบนนิส พิมพ์เริ่มแรกเมื่อ ค.ศ 1989 ได้วางรากฐานว่าผู้นำต้องเป็นแท้จริง เขาเชื่อว่าช่วงเวลาทุกข์ยากเป็นพลังของผู้นำที่ดีที่สุด ผู้นำถูกสร้างด้วยเบ้าหลอม ร่องรอยที่สำคัญภายในชีวิตของพวกเขา
นักจิตวิทยา อับราฮัม มาสโลว์พบว่าความเศร้าสลดและความเจ็บปวดทางจิตเป็นประสบการณ์เรียนรู้ของมนุษย์ที่สำคัญที่สุด นำไปสู่ความสมหวังของชีวิต เบ้าหลอมสอนบุคคลว่าชีวิตไม่แน่นอน และพวกเขาควบคุมได้จำกัด ผ่านทางเบ้าหลอม คุณได้เรียนรู้บทเรียนลำบากที่สุดของชีวิต ชีวิตไม่ยุติธรรมอยู่เสมอ และสิ่งไม่ดีสามารถเกิดขึ้นต่อบุคคล
ที่ดี
ภายในการวิจัยหนังสือเล่มใหม่ของผม “Discover Your True North” เราได้สัมภาษณ์ผู้นำแบบเเท้จริง 170 คน ตั้งเเต่โอปราห์ วินฟรีย์ ถึงโฮวาร์ด
ชูลท์ พวกเขาทุกคนเดินตามเส้นทางที่ลำบากไปสู่ความสำเร็จและความ
แท้จริง แต่ยังมั่่นคงด้วยการสร้างเรื่องราวบนชีวิตของพวกเขา ด้วยความเข้าใจประสบกาณ์สร้างตัวของพวกเขา พวกเขาได้สร้างกรอบใหม่เรื่องราวของพวกเขา และสร้างความเป็นผู้นำเดินตามทิศเหนือทีแท้จริงของ
พวกเขา
ผู้นำที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงค้นพบทิศเหนือแท้จริงของพวกเขา – พวกเขาคือใคร และค้นหาดาวเหนือของพวกเขา – ความมุ่งหมายของ
ความเป็นผู้นำของพวกเขา การเดินทางของการสะท้อนตัวเองและการ
เจริญเติบโตนี้ต้องการความลุ่มหลง ความเห็นอกเห็นใจ และความกล้า
หาญทางศีลธรรม ทิศเหนือแท้จริงนำทางการกระทำและระบุความเป็น
แท้จริง มันได้มาจากความเชื่อ ค่านิยม และหลักการของบุคคล ดาวเหนือ
ของคุณเป็นความมุ่งหมายที่คุณติดตามทำให้โลกนี้ดีขึ้นต่อบุคคลทุกคน
บิลล์ จอร์จ ได้สรุปว่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้ความสามารถของพวกเขาโดยบังเอิญ แต่โดยทำใจยอมรับข้อเท็จจริงที่เจ็บปวดของชีวิตของพวกเขาเอง พวกเขาถูกกำหนดโดยเรื่องราวชีวิตเฉพาะของพวกเขา และวิถีทางที่พวกเขาสร้างกรอบเรื่องราวของพวกเขา ค้นหาความลุ่มหลงของพวกเขา และความมุ่งหมายของความเป็นผู้นำของพวกเขา
โอปราห์ วินฟรีย์ รู้จักกันเป็นต่อการเป็นแท้จริงและความโปร่งใส เธอได้สร้างอาชีพบนความจริงต่อตัวเธอเอง และร่วมเรื่องราวของเธอกับบุคคลอื่น บิลล์ จอร์จ ได้ย้อนรอยการเจริญเติบโตของเธอจากวัยเด็ก การมุ่งที่เธอได้ค้นพบเสียงแท้จริงของเธอเป็นอย่างไรและเมื่อไร และความแท้จริง
นั้นได้กระตุ้นความสำเร็จทางอาชีพของเธออย่างไร
บิลล์ จอร์จ กล่าวว่าเธอเจริญเติบโตจากครอบครัวที่ยากจนมากภายใน
มิสซิปซิปปี เเละสิ่งที่รักษาเธอไว้เป็นอะไรที่เธอเรียกว่าบีทียู องค์การฝึกอบรมแบบติสท์ เธอไปโบสถ์ตอนอายุสามหรือสี่ปี เธอท่องกวีไบเบิล และ
พี่สาวทุกคนนั่งแถวหน้าของโบสถ์อเมริกันอัฟริกัน พวกเธอกล่าวว่า เด็กหญิงคนนี้มีพรสวรรค์ และเธอได้เกิดความคิดว่าเธอเป็นบางสิ่งบางอย่าง
ที่พิเศ สิ่งที่ได้เปิดชีวิตของเธอต่อโลกภายนอกคือ การเรียนรู้ที่จะอ่านอย่างไรเพราะว่าเธอไม่มีการเปิดเผยต่อโลกภายนอกของความยากจนภายในมิสซิปซิปปี
เมื่อโอปราห์ วินฟรีย์ อายุเก้าปี เธอได้ตามแม่ของเธอไปมิลวอคี และมัน
ได้กลายเป็นประสบการณ์ไม่ดี เธอถูกข่มขืนทางเพศจากญาติพี่น้อง มากจนเธอต้องคิด มันเป็นเพียงแค่วิถีทางที่ชีวิตเป็น มันเป็นความเศร้าสลดอย่างแท้จริง ตอนอายุ 14 ปี เธอมีลูกที่ไม่ต้องการ แต่ลูกเสียชีวิตตอนเกิด กรณีนี้ให้การมองเห็นบางอย่างต่อคุณสามารถจัดการกับความเจ็บปวดทางจิตใจที่ไม่น่าเชื่ออย่างไร
เธอได้พยายามเอาชนะ และพลิกจากเบ้าหลอมไปสู่อะไรที่เราเรียกการก้าวผ่านความเจ็บปวดของบุคคล : พีทีจี อะไรที่อยู่บนจิตใจของเธอรับผิดชอบต่อชีวิตของเธอ และเธอใช้เบ้าหลอมของเธอเพื่อการเจริญเติบโตส่วนบุคคลบรรลุชีวิตที่ยิ่งใหญ่อย่างไร
คุณเคยได้ยินอาการความเครียดทางจิตใจหรือไม่ บุคคลหลายคนกลับจากสงคราม และไม่เคยคืนสู่สภาวะเดิม และ……ฆ่าตัวตาย แต่ผมคิดว่าคุณสามารถพลิกความเจ็บปวดทางจิตใจนั้นเป็นการเจริญเติบโต การก้าวผ่านความเจ็บปวดทางจิตใจของบุคคล คุณสามารถกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่เหมือนเช่นโอปราห์ วินฟรีย์ ประตูนั้นเปิดแก่เราทุกคน
บิลล์ จอร์จ ได้กล่าวถึงประสบการณ์เบ้าหลอมหลายอย่างของเขาเองมีทั้งการเสียชีวิตของแม่ของเขา การเสียชีวิตของคู่หมั้นสามสัปดาห์ก่อนแต่งงาน และไม่มีความสุขในขณะที่ทำงาน ณ ฮันนี่เวลลย์ เบ้าหลอมของคุณทดสอบคุณต่อแกนของการเป็นอยู่ของคุณ มันผลักดันคุณที่จะมองตัวคุณเอง คุณลักษณะของคุณ และค่านิยมของคุณภายในแสงสว่างใหม่ และมาสู่ที่จะยึดกับคุณเป็นใคร
นักจิตวิทยา อับราฮาม มาสโลว์ พบว่าความเศร้าสด และความเจ็บปวด
ทางจิตใจเป็นประสบการณ์เรียนรู้ของมนุษย์สำคัญที่สุด เบ้าหลอมสามารถทำให้บุคคลเรียนรู้ชีวิตเป็นความไม่แน่นอน และพวกเขาควบคุมเหตุการณ์ได้จำกัด
ไม่นานมานี้ ความเป็นจริงใหม่กำลังเกิดขึ้นที่ให้อำนาจบุคคลมองดูที่เบ้าหลอมและประสบการณ์ลำบากของพวกเขาเป็นโอกาสการเจริญเติบโต เราใช้ถ้อยคำวิถีทางนี้ว่า การก้าวผ่านความเจ็บปวดจิตใจ : พีทีจี
จงคิดถึงช่วงเวลาท้าทายที่สุดภายในชีวิตของคุณ บางทีมันเป็นเวลาที่
เมื่อบุคคลที่รักเสียชีวิต หรือคุณมีวิกฤติทางสุขภาพ หรือคุณสูญเสียงาน
หรือครอบครัวของคุณ ไม่ว่ามันเป็นอะไรก็ตาม มันเป็นเวลาวิกฤติต่อคุณ
แต่เป็นช่วงเวลาที่ทำให้คุณสะท้อนลึกลงไปเกี่ยวกับคุณคือใคร และอะไรสำคัญอย่างแท้จริงภายในชีวิตของคุณ
การวิจัยใหม่แสดงว่าประสบการณ์ความเจ็บปวดทางจิตใจสามารถทำให้
เกิดการก้าวผ่านความเจ็บปวดทางใจ – พีทีจี เริ่มต้นด้วยการรับรู้ความ
ไม่แน่นอนของชีวิต และการรับเอามันเป็นหลักการพื้นฐานของการดำรง
อยู่ของมนุษย์ มันต้องการความตระหนักตัวเองที่จะรับรู้ความรับผิดชอบ
ส่วนบุคคลของคุณต่อการเลือกที่คุณทำภายในชีวิต ควบคู่กับความต้อง
การที่จะผ่านการปฏิรูปส่วนบุคคล
คินสึงิ ปรัชญาความงามของบาดแผลเเห่งชีวิต เป็นศิลปการซ่อมแซมเครื่องปั้นดินเผาที่แตกของญี่ปุ่นนานเป็นร้อยปี เทคนิคเกี่ยวพันกับการรวมกันใหม่ของชิ้นที่แตก ด้วยการใช้ครั่งผสมกับผงทองคำผสานรอยแตกร้าวของเครื่องปั้นดินเผา
บุคคลหลายคนสงสัย ณ เวลานี้ภายในประวัติศาสตร์ เราจะมีชีวิตที่สองหรือไม่ วิชาการเสนอแนะว่าการเจริญเติบโตภายหลังความเจ็บปวดทางจิตใจเป็นส่วนหนึ่งของความสามารถของมนุษย์ตามธรรมชาติที่จะสร้างความหมาย รักษา และเรียนรู้จากความทุกข์ทรมาน ทฤษฎีพีทีจีได้ถูกพัฒนาเมื่อ ค.ศ 1990 โดยริชาร์ด เทเดสชิ และลอร์เรนซ์ คาลูน ทฤษฎีได้กล่าวว่า ตามมาทีหลังของความทุกข์ยากหรือวิกฤติ บุคคลมักจะมองเห็นการเจริญเติบโตทางบวก
บิลล์ จอร์จ กล่าวว่า การเจริญเติบโตเป็นผู้นำ เหมือนกับการเจริญเติบโตของบุคคล หมายถึงการเรียนรู้จากเวลาที่ลำบาก ผมเรียกว่าเวลาเหล่านี้ว่า “เบ้าหลอม” ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้เรียนรู้ที่จะพลิกความยุ่งยากให้เป็นทรัพย์สิน ผมถูกบันดาลใจโดยผู้นำหลายคนผมสัมภาษณ์ภายใน “Discover Your True North” ดังที่พวกเขาบอกผมเกี่ยวกับเบ้าหลอมที่เจ็บปวดอย่างไม่น่าเชื่อ และพวกเขาใช้มันเป็นโอกาสที่จะเรียนรู้และเจริญเติบโตอย่างไร
ความจริงของคุณได้มาจากเรื่องราวชีวิตของคุณ และคุณเท่านั้นสามารถ
กำหนดมันควรจะเป็นอะไร เมื่อคุณสอดคล้องกับคุณคือใคร คุณจะพบ
ความสอดคล้องระหว่างเรื่องราวชีวิตของคุณ และความเป็นผู้นำของคุณ
ความสอดคล้องนั้นเป็นทิศเหนือแท้จริงของคุณ
อะไรเกิดขึ้นจากเรื่องราวเหล่านี้คือ ผู้นำทุกคนที่สัมภาษณ์พบความลุ่ม
หลงของพวกเขาที่จะนำผ่านทางความเป็นเอกลักษณ์ของเรื่องราวชีวิตของพวกเขา ไม่ใช่พวกเขาเกิดเป็นผู้นำ ไม่ใช่พวกเขามีสไตล์ของผู้นำ
ไม่ใช่พวกเขาพยายามเลียนแบบผู้นำที่ยิ่งใหญ่
โอปราห์ วินฟรีย์ เจริญเติบโตอย่างยากจนเเละถูกข่มขืน ตอนอายุ 14 ปี เธอมีลูกเสียชีวิต อยู่ได้สองสัปดาห์เท่านั้น วันนี้เธอมีอาณาจักรสื่อ มันง่าย
ต่อโอปราห์ วินฟรีย์ ที่จะติดอยู่ภายในความรู้สึกของความเป็นเหยื่อ แต่เธอลอยขึ้นเหนือมัน ด้วยการสร้างกรอบใหม่เรื่อวราวชีวิตของเธอภายในแง่บวก
ด้วยการมีความรับผิดชอบต่อชีวิตของเธอก่อน แล้วด้วยการรับรู้ภารกิจของเธอที่จะให้อำนาจ และความเข้าใจบุคคลอื่น การปฏิรูปของโอปราห์ วินฟรีย์ เข้ามาตอนอายุ 30 ปีของเธอ บ่อยครั้งมันใช้เวลานานที่จะมองเห็น ตรงที่เราสอดคล้องภายในโลก และช่วยเราเข้าใจ
โอปราห์ วินฟรีย์ เป็นผู้นำแบบเเท้จริงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เธอมาจาก
ครอบครัวที่ยุ่งยาก ตอนวัยรุ่น โอปราห์ วินฟรีย์ ได้ถูกข่มขืนทางเพศ
จากญาติและเพื่อนของแม่ของเธอ แต่เธอสามารถก้าวผ่านอตีตนั้นและกลายเป็นเข้มแข็งขึ้น ตอนอายุ 32 ปี โอปราห์ วินฟรีย์ ได้จัดรายการทีวีโชว์ ครั้งแรกของเธอ ตลอดอาชีพของเธอ เธอได้กลายเป็นไอคอนและโมเดลบทบาทอเมริกันแก่บุคคลจำนวนมาก
โอปราห์ วินฟรีย์ ได้ถูกยกย่องโดยวารสารไลฟ์ เป็นผู้หญิงมีอิทธิพลมากที่สุดของรุ่นของเธอ และเป็นเครือข่ายนางฟ้าที่ได้รายได้การบริจาคมาก
กว่า 51 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ เธอได้สนับสนุนต่อสิทธิของเด็ก ตลอด
อาชีพของเธอ เธอได้รับความเคารพและความชื่นชมการเป็นแท้จริงโดย
บุคคลจำนวนมาก พฤติกรรมของเธอสอดคล้องกับค่านิยมของเธอ และ
ความลุ่มหลงของเธอได้แสดงผ่านภายในความพยายามที่แตกต่างกัน
ของเธอ
ครั้งหนึ่งโอปราห์ วินฟรีย์ ได้กล่าวว่า อย่ากังวลเกี่ยวกับกลายเป็นความสำเร็จ แต่ทำงานไปข้างหน้าเป็นความสำคัญ และความสำเร็จะตามมาอย่างธรรมชาติ
เธอกล่าวว่า ความเป็นผู้นำเกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจ มันเกี่ยวกับการมีความสามารถที่จะเกี่ยวพันและเชื่อมโยงกับบุคคล เพื่อความมุ่งหมายของ
การบันดาลใจและการให้อำนาจชีวิตของพวกเขา การสร้างความสัมพันธ์
ที่เข้มแข็งเป็นมุมหนึ่งของความเป็นผู้นำแบบแท้จริง ผู้นำแบบแท้จริงให้
ความสำคัญต่อการสร้างความไว้วางใจกับบุคคลของพวกเขา
ถ้าโอปราห์ วินฟรีย์ ยอมให้การเริ่มต้นอย่างถ่อมตัวของเธอระบุอะไรที่เธอสามารถบรรลุความสำเร็จ เธอจะไม่เคยกลายเป็นความสำเร็จและ
อิทธิพลอย่างที่เธอเป็นอยู่วันนี้ แต่เธอใช้ประโยชน์พลังของการศึกษา
ของเธอ และพบอาชีพที่เธอลุ่มหลงนั้น
แม้ว่าครั้งหนึ่งเธอพบความสำเร็จกับโอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ เธอมีความ
กล้าความฝันที่ใหญ่ขึ้น เธอได้มุ่งต่อทอลคโชว์เป็นหมุดของตราสินค้า
ของเธอ แต่ได้เข้าไปสู่ด้านที่เกี่ยวพันอื่นเหมือนเช่นการพิมพ์และการ
ผลิต ในที่สุดมันได้นำไปสู่ช่องโทรทัศน์ของเธอเอง : โอปราห์ วินฟรีย์
เน็ตเวิรค
Cr : รศ สมยศ นาวีการ