jos55 instaslot88 Pusat Togel Online เรื่องเล่า วันที่ ๙ ตค. ๖๒ - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

เรื่องเล่า วันที่ ๙ ตค. ๖๒

เรื่องเล่า วันที่ ๙ ตค. ๖๒

การดำเนินชีวิตของเรามักจะเป็นรูปแบบที่คล้ายๆกัน คือ เริ่มเรียนหนังสือตั้งแต่วัยเด็ก เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวัยทำงาน แล้วก็พบกับความรัก พร้อมที่จะแต่งงานสร้างครอบครัว มีลูกมีหลาน แล้วก็แก่เฒ่าจากไป การแต่งงานเป็นกิจกรรมที่สำคัญของชีวิต เป็นการเฉลิมฉลองการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ที่โตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แล้วร่วมกันตั้งครอบครัวขึ้น แตกออกจากครอบครัวเดิม

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ไปร่วมงานแต่งงาน ของลูกชาย ของเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันมากคนหนึ่ง ผมดีใจที่ได้ไปแสดงความยินดี และได้ร่วมในงานเลี้ยงแต่งงานที่สมบูรณ์ที่สุดที่พบเห็นในปัจจุบันนี้ ซึ่งแน่นอน ย่อมจะต้องมีกิจกรรมอะไรที่รุ่น พ่อแม่ ไม่มีในสมัยนั้น เช่นการจุดเทียนมงคล การตัดเค้ก การโยนดอกไม้ให้กับเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว เพื่อทำนายว่าจะได้เป็นเจ้าสาวในครั้งต่อไป ซึ่งทุกอย่างในงานนี้ล้วนแต่มีความหมายที่ดี แขกที่มา มีส่วนร่วมแล้วกลับบ้านไป ก็ประทับใจกันทุกคน

นอกจากเจ้าของงาน และแขกที่มาในงาน ซึ่งต่างก็แต่งตัวสวยงามเด่นแล้ว ยังมีดนตรีไพเราะขับกล่อม อาหารเลิศรส และสาวๆบริการโต๊ะอาหารที่แต่งตัวกระชับ สะอาด สวยงาม ทุกอย่างที่สัมผัสเหมือนอยู่บนวิมาน ทั้งๆที่ไม่อยากกลับ แต่เมื่องานเลิก เราก็ต้องจากลา เป็นสัจธรรมที่เราชาวพุทธรู้ดีอยู่แล้ว ทั้งนี้ ขอให้ เจ้าบ่าว เจ้าสาว และคุณพ่อคุณแม่ของทั้งคู่ จงได้ประสบแต่ความสุข พลานามัยแข็งแรง อยู่เลี้ยงลูกๆหลานๆ ที่จะมาในอนาคตต่อไปอีกนานๆมากๆ

สำหรับการไปร่วมงานแต่งงานนั้น เป็นโอกาสอันดี ที่จะได้พบ ผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน รุ่นน้องๆที่อยู่ทำงานด้วยกันมาหลายๆปี นอกจากนั้น ยังได้พบเพื่อนของคุณแม่เจ้าบ่าว ซึ่งเป็นน้องของผมคนหนึ่ง และรุ่นน้องๆที่มีกิจกรรมร่วมกันมาเสมอๆ ทำให้วันนั้นเป็นวันที่ดีวันหนึ่งของผม

หลังจากร่วมงานแต่งงานแล้ว ผมก็ได้อยู่กรุงเทพฯต่ออีก ๓-๔ วัน จนถึงวันอาทิตย์ที่ ๖ ตค . ก็ได้เวลาขับรถไปเชียงใหม่ เป็นการขับรถออกตอนกลางคืนเหมือนกับสมัยหนุ่มๆ ที่ต้องเดินทางกลางคืนเสมอ ซึ่งเคยเสี่ยงอันตรายมาหลายครั้ง ในสมัยก่อนนั้น รถไม่มาก แต่ถนนเลนเดียว ยังต้องกะระยะแซงรถคันหน้าซึ่งมองเห็นไม่ชัดเจน ตอนนี้ ไม่ต้องกลัวเรื่องรถสวนอีกแล้ว ขับไปช้าๆ ดึกๆวันอาทิตย์รถว่างๆ สบายๆ ถึงเชียงใหม่เวลา ตี ๓ ครึ่ง

ออกจากบ้านบ่าย ๔ โมง แทนที่จะขึ้น toll way เกิดเปลี่ยนใจคิดว่าวันอาทิตย์ รถคงไม่หนาแน่นมาก แต่พอเลยทางขึ้น toll way ไปนิดเดียว รถติดเป็นแถว ค่อยๆไป จนเลยรังสิต เกือบถึงประตูน้ำพระอินทร์ ถนนจึงโล่งขึ้น สรุปแล้ว กว่าจะผ่านพ้นรถติดตรงนี้ได้ ก็ใช้เวลาไปชั่วโมงกว่า แต่ยังไงก็ตั้งเป้าว่าจะไปกินอาหารเย็นที่ร้านทองพันชั่ง อยู่ในปั๊ม ปตท.ที่ สิงห์บุรี

เมื่อไปถึงปั๊ม ปตท. ดังกล่าว ในเวลา ๒ ทุ่มเศษๆ ปรากฏว่าร้านปิดหมด เหลือแต่ ร้านเซเว่นฯ จึงขับเลยไปสักพัก ก็ที่สิงห์บุรีนั่นเอง เห็นศูนย์การค้าใหญ่เปิดไฟสว่าง ชื่อ TOPS ซึ่งเราเป็นลูกค้าประจำคุ้นเคยอยู่แล้ว จึงแวะเข้าไป ที่นั่น กว้างขวางมาก มีตลาดซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของ และร้านขายอาหารอยู่พร้อม นับว่าโชคดีที่ศูนย์การค้านี้ยังเปิดอยู่ ทั้งๆที่เกือบ ๓ ทุ่มแล้ว ผมสั่งข้าวไข่เจียว แกงเห็ด ๑ ชุด ที่ศูนย์อาหารคูปอง รสชาติดี และอิ่มพอดี

การเดินทางในช่วงต่อไป ผมอาศัยหล่อเลี้ยงประสาทให้ตื่นตัว ด้วยน้ำแข็งที่เหลือจากการสั่งโค๊กมาพร้อมอาหารดังกล่าว จนน้ำแข็งหมดถ้วย ก็ต่อด้วยน้ำเปล่าที่เป็นขวด ขับไปเรื่อยๆ ดื่มไปทีละอึกจนหมด สลับกับ ลูกอมเมนทอสทีละ ๒ เม็ด แล้วก็แวะเข้าห้องน้ำ หรือแวะ ข้างทางเป็นระยะๆ ตอนที่ออกจากจังหวัดตาก มีปั๊มปตท. ใหม่ ที่ตอนดึก เปิดแต่ร้านสะดวกซื้อ ก็ได้กาแฟถ้วยกึ่งสำเร็จรูปมาถ้วยหนึ่ง แต่ชงไม่เป็น ปรุงไม่ถูก ทนดื่ม จนหมดถ้วยได้เหมือนกัน

เห็นร้านปิดกันทั่วไปหมด ทำให้คิดถึงรูปภาพทางไลน์ ที่ส่งภาพร้านปิด มาให้ดูเล่นๆ แล้วเขียนว่า “ sorry it’s close “ บรรทัดต่อมา ก็อธิบายว่า “ because it is not open” รู้สึกขำดี นอกจากนั้น ได้เห็นรถบรรทุกจอดนอนเป็นระยะๆตลอดทาง ตรงที่ทำทางเว้าเข้าไปให้จอดรถได้ ทำให้คิดถึงเรื่อง ผี ที่เคยฟังสนุกๆ ทางยูทู้ป ที่คนขับรถบรรทุกเจอผีในขณะที่จอดนอนแบบนี้ ซึ่งตอนเด็กๆ ก็เชื่อว่า ผีมีจริง แต่ตอนนี้คิดใหม่แล้ว ว่าจะมีผี ได้อย่างไร ในเมื่อร่างกายของผู้ที่ล่วงลับต่างก็ถูกเผาทำลายไปหมด เหลือแต่อากาศธาตุ ถ้ามีวิญญาณเหลืออยู่ วิญญาณ ก็คงจะไม่มีความศักดิ์สิทธิ์หรือพลังงาน ทำให้แปลงร่าง ปรากฏกายได้หรือจะเนรมิตสิ่งต่างๆได้เหมือนกับตอนที่มีชีวิตอยู่ ถ้าวิญญาณทำได้ ก็จะมีผีเต็มไปหมดแล้ว

ความจริง การขับรถตอนกลางคืนวันอาทิตย์นี้ ถ้าไม่คิดเรื่องง่วงนอนแล้ว การขับรถไปช้าๆ ส่วนใหญ่วิ่งประมาณ ๘๐ เพราะความมืด ไม่เห็นทางข้างหน้าที่ไกลๆ ยกเว้น เมื่อถนน ผ่านตัวเมืองหรือตัวจังหวัด ที่มีไฟริมทางส่องสว่าง หรือบางครั้งก็ขับตามรถข้างหน้าที่นำทาง จะเพิ่มความเร็วได้นิดหน่อย ไม่ค่อยมีรถเก๋งแซง มีแต่รถปิคอัพที่ขนของ รถทัวร์ และรถบรรทุกที่เราจะต้องแซง เมื่อถึงปั๊มน้ำมันที่จะจอดรถ ก็เงียบสงบ มีแต่ร้านสะดวกซื้อ ไม่มีคนเข้าห้องน้ำ หรือมีแค่ คนหรือ ๒ คน บางปั๊ม ก็มีคนแวะนั่งๆนอนๆที่เก้าอี้ที่ตั้งไว้ กลุ่มนี้คงจะเดินทางเป็นประจำ เมื่อขับไปเกือบถึง เถินซึ่งเป็นจุดแวะก่อนถึงลำปาง รู้สึกวูบไป ๒-๓ ครั้ง จึงได้ให้ภรรยาเป็นผู้ขับ แล้วผมก็หลับพักผ่อน จนถึงทางขึ้นขุนตาล (ห้างฉัตร ) จึงได้เปลี่ยนขับอีกครั้ง ไปเรื่อยๆจนถึงเชียงใหม่

เมื่อมาถึงเชียงใหม่ใกล้บ้านแล้ว คิดว่าจะแวะกิน Mc Donald ก็ขับรถเลยไป เพราะสมองเริ่มล้า เห็นที่จอดไม่ชัดเจน พอจะแวะร้านเซเว่น ก็เลยอีก เพราะ ขับเร็วเกินไปจอดไม่ทัน เลยต้องมาแวะเซเว่นที่อยู่หน้าบ้านเพื่อหาของกินรองท้องหน่อย เมื่อมาถึงบ้าน ก็ไม่ทันได้นอน มัวแต่เดินไปมา ก็สว่างซะแล้ว ได้มานอนจนอิ่มเอาอีกคืนต่อมา

ในขณะที่เดินทางมากลางคืนครั้งนี้ ไม่ได้คิดถึงที่นอน ไม่ได้คิดถึงใครๆที่กำลังนอนอุตุอยู่ ใจคิดอยู่อย่างเดียว คือ จุดต่อไปเป็นระยะๆที่กำลังมุงหน้าไป ต้อง ถึงเชียงใหม่ให้ได้เพราะขี้เกียจพักค้างที่ใด นอนที่ไหนก็ไม่เหมือนที่ๆตัวเองคุ้นเคยอยู่ การเดินทางครั้งนี้ เป็น adventure เล็กๆของชายอายุเกือบ ๗๔ ปี และหญิงอายุ ๖๖ ปีคู่หนึ่ง ตอนนี้ ก็ เริ่มนับวันเวลาที่จะกลับกรุงเทพฯต่อไป สวัสดีครับ

บู๊ คนเคยหนุ่ม เชียงใหม่ ๙ ตค. ๒๕๖๒

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *