สงบที่แท้ คือ สงบจากความอยาก
สงบที่แท้ คือ สงบจากความอยาก
โดย พระไพศาล วิสาโล
หากว่าจิตใจมันไม่พบความสงบเย็น แม้อยู่ในที่ที่สงัด ไร้เสียง ก็ยังรู้สึกกระสับกระส่าย รู้สึกไม่เป็นสุข
คนจำนวนไม่น้อยก็หนีไปอยู่ในที่ที่ไม่มีเสียงรบกวน เสียงดัง ไปอยู่รีสอร์ทที่ไกลจากผู้คน แต่ก็สงบชั่วคราว เสร็จแล้วก็ว้าวุ่นขึ้นมาใหม่ ว้าวุ่นในจิตใจ เพราะอะไร เพราะว่าความอยาก ความวิตกกังวล มันรบกวน
สงบที่แท้ คือ สงบจากความอยาก ถ้าเรายังมีความอยากอยู่เรื่อยไป มันหาความสงบได้ยาก แล้วเดี๋ยวนี้มันก็มีสิ่งกระตุ้นให้เราอยาก สิ่งล่อเราเย้ายวนมันเยอะแยะไปหมดเลย
โดยเฉพาะจากโทรศัพท์มือถือ แต่ก่อนสิ่งที่ล่อเ้ราเย้ายวนเรามันก็จากโทรทัศน์ ซึ่งเราก็เปิดดูเป็นบางเวลา กลับมาบ้านจึงเปิดโทรทัศน์ เจอโฆษณาที่เขากระตุ้นให้เราอยากโน่นอยากนี่ แต่พอมาเข้านอนหรือไปทำงาน ไม่มีโทรทัศน์ดู สิ่งล่อเร้าเย้ายวนก็น้อยลง
แต่เดี๋ยวนี้สิ่งล่อเร้าเย้ายวนมันตามเราไปทุกที่เลยนะ เพราะมันมากับโทรศัพท์มือถือ แล้วมันไม่ได้มากับโฆษณาโต้งๆ อย่างเดียว มันมากับโซเชียลมีเดีย เห็นคนอื่นเขามี เราก็อยากมีบ้าง เห็นเพื่อนเขาไปเที่ยว เราก็อยากเที่ยวบ้าง เห็นเขาไปกินอาหารร้านดัง เราก็อยากกินอย่างนั้นบ้าง แล้วก็รู้สึกเสียใจที่เราทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเราต้องทำงาน เพราะเราต้องดูแลลูก เราต้องดูแลพ่อแม่ เกิดความคับข้องใจ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่รบกวนความสงบในจิตใจอีกอย่างหนึ่ง
นอกจากสงบจากความอยากแล้ว เราต้องสัมผัสกับ ความสงบจากความวิตกกังวล จากความคับแค้นใจ ซึ่งมันก็ไปด้วยกัน ความอยาก ความวิตก หรือความกลัว
ยิ่งอยากอะไร ก็กลัวว่าจะไม่ได้อย่างที่อยาก มันไปด้วยกันเลย ความอยาก ความกลัว หรือความวิตกกังวล ไม่ว่าอยากอะไรมันก็จะวิตกว่าจะไม่ได้สิ่งนั้น อยากได้ตำแหน่ง อยากเลื่อนขั้น อยากสอบให้ได้ ก็กลัวว่าจะไม่ได้สิ่งนั้น เกิดความวิตกกังวล และพอไม่ได้ก็คับแค้นใจ
นอกจากสงบจากความอยากแล้ว หรือสงบจากความวิตกกังวลแล้ว สิ่งหนึ่งที่จิตใจเราต้องการก็คือ สงบจากความรุ่มร้อน ความรุ่มร้อนส่วนหนึ่งก็เกิดจากความอยาก พอมีสิ่งล่อเร้าเย้ายวน อยากขึ้นมามันก็รุ่มร้อน แต่มันไม่ใช่แค่นั้น
นอกจากสิ่งเย้ายวนแล้ว สิ่งยั่วยุมันก็ทำให้เรารุ่มร้อนเหมือนกัน เพราะมันยั่วยุให้เราโกรธ ยั่วยุให้เราเกลียด ยั่วยุให้เราไม่พอใจ ซึ่งเดี๋ยวนี้มันก็มีมาเรื่อยๆ จากโซเชียลมีเดีย จากโทรศัพท์มือถือ
เดี๋ยวนี้ใครใช้โซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊กก็ดี ไลน์ก็ดี บางทีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรุ่มร้อน เพราะเห็นข้อความหรือข่าวบางอย่าง บางทีก็แชร์กันไปแชร์กันมา แชร์ข่าวที่มันทำให้เกิดความโกรธ เกิดความหงุดหงิด
โดยเฉพาะช่วงที่การเมืองไม่นิ่ง หรือว่ามีการความขัดแย้งกันทางการเมือง แต่ก็ไม่ใช่แค่นั้น บางทีก็รุ่มร้อนเพราะว่าคำพูดคำจาของเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเดี๋ยวนี้มันก็แพร่หลายกันได้ง่ายเหลือเกิน ผ่านโซเชียลมีเดีย ผ่านไลน์ คนเราถ้าหากว่าไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับความสงบจากความรุ่มร้อน มันก็ต้องอยู่ยากเป็นธรรมดา
แล้วที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง สงบจากความฟุ้งซ่าน อันนี้คือสิ่งที่รบกวนจิตใจผู้คนมาก ทำให้นอนไม่หลับ ทำให้กระสับกระส่าย ความสะดวกสบายที่มี มันไม่ได้ช่วยทำให้ฟุ้งซ่านในจิตใจมันลดน้อยลงเลย มันกลับทำให้เพิ่มมากขึ้น
ที่จริงเวลาเราพูดถึงความว้าวุ่นฟุ้งซ่าน มันก็หนีไม่พ้นความอยากก็ดี ความวิตกกังวลก็ดี หรือว่าความหงุดหงิด ความเกลียดชัง หรือว่าความรุ่มร้อน และทำยังไงให้จิตใจไม่ได้พบกับความ
สงบจากสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นความอยาก ความวิตกกังวล ความเครียด ความรุ่มร้อน ความว้าวุ่นฟุ้งซ่าน เราจะหลบไปที่ไหนมันก็ตามแต่เราไปทุกที่ จนกว่าเราจะรู้จักหันมาดูแลจัดการกับตัวเราเอง โดยเฉพาะจิตใจของเรา
อันนี้คือความสำคัญว่าทำไม เราต้องรู้จักตัวเอง เพราะถ้าเราไม่รู้จักตัวเอง มันก็ยากที่จะพบกับความสงบในจิตใจ ถึงแม้ว่าจะได้รับความสำเร็จ ได้รับความสะดวกสบาย มีหน้ามีตา ได้รับคำยกย่องสรรเสริญชื่นชม เรตติ้งสูง มีคนกดไลค์ให้มาก แต่ว่าภายในไม่พบความสงบเลย
บางทีมันก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมนะ เพราะว่ามันทำให้เป็นทุกข์เหลือเกิน และที่ว่าอยู่ยากๆ ก็เพราะเหตุนี้แหละ เราไม่ได้พบ ไม่ได้สัมผัสกับ ความสงบในจิตใจ เพราะถูกความเครียดมันกลุ้มรุมเล่นงาน ถูกความอยากมันบีบคั้นใจ
การที่เรากลับมารู้จักตัวเองมันสำคัญนะ ในด้านหนึ่งพระท่านก็สอนให้เรารู้จักลดความอยาก หรือว่ารู้จักพอใจในสิ่งที่มี ทุกวันนี้เราสะดวกสบายมาไม่น้อยแล้ว ถ้าเรารู้จักพอใจในความสะดวกสบาย หรือว่าพอใจสิ่งที่มียินดีสิ่งที่ได้ การที่จะได้พบกับความสงบจากความอยาก มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
Facebook Comments