วางเป็นก็เย็นได้
วางเป็นก็เย็นได้
ภาวัน
มือของเราทั้งสองข้างทำอะไรได้หลายอย่าง มากมายสุดจะพรรณนา แต่มีสองอย่างที่เราทำวันละหลายครั้ง และมีผลตรงข้ามกัน นั่นคือ “หยิบ” และ “วาง” ความแตกต่างที่มักเกิดขึ้นอีกอย่างก็คือ เวลาหยิบอะไรก็ตาม เรามักหยิบอย่างตั้งใจ จึงไม่ค่อยมีปัญหาตามมา (ยกเว้นพวกมือเบา ซึ่งบ่อยครั้งก็หยิบอะไรต่ออะไรโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเพราะทำเป็นนิสัย) ตรงข้ามกับเวลาวางสิ่งของ เรามักทำอย่างไม่ค่อยใส่ใจ หรือทำไปตามความเคยชิน ผลก็คือ บ่อยครั้งเราจำไม่ได้ว่าวางกุญแจไว้ที่ไหน เวลาจะใช้แว่นตาหรือปากกา หาแล้วหาเล่า สอดส่ายอยู่นานกว่าจะเจอ วันหนึ่ง ๆ เสียเวลาไม่ใช่น้อยกับการหาข้าวของ ที่แย่กว่านั้นก็คือหาเท่าไรก็หาไม่เจอ
เราเคยสังเกตไหมว่า เวลาเราวางของ โดยเฉพาะของที่ใช้ประจำ บ่อยครั้งตาเรามักจะมองไปที่อื่น เช่น จับจ้องสิ่งที่กำลังจะหยิบ หาไม่ใจก็กำลังเหม่อลอยหรือคิดนึกสารพัดเรื่อง ยิ่งสมัยนี้ผู้คนมีชีวิตที่เร่งรีบ ใช้อะไรเสร็จก็รีบวางเพื่อมือจะได้ว่างทำอย่างอื่นต่อ วางของแต่ละครั้งใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ผลก็คือถึงเวลาจะใช้ของนั้น ก็นึกไม่ออกว่าวางที่ไหน บางครั้งถึงกับจำไม่ได้ด้วยว่าวางเมื่อใด
ขณะที่ความยุ่งยากในชีวิตของเราบ่อยครั้งเกิดจากมือที่วางของไม่เป็นที่ ความทุกข์ใจของผู้คนก็มักเกิดจากใจที่ยึดติดกับสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่รู้จักวาง อดีตอันเจ็บปวดหรือเหตุการณ์ที่เลวร้ายผ่านไปนานแล้ว แต่ใจก็ยังหวนคิดถึงมันอย่างไม่ยอมเลิกรา คำพูดที่เสียดแทงใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ แต่ทำไมเรายังคิดถึงมันราวกับอยากจะทำร้ายตัวเอง นั่นเป็นเพราะเราไม่รู้ตัว จึงยึดหรือแบกมันไว้ในใจเป็นวันเป็นเดือน
ปัญหาจากมือที่วางไม่เป็นที่และใจที่ยึดไม่เลิก ล้วนมีสาเหตุมาจากสิ่งเดียวกัน นั่นคือ ไม่มีสติ เมื่อวางอย่างไม่มีสติ ก็จำไม่ได้ว่าวางไว้ที่ไหน และเมื่อใจไม่มีสติก็เผลอไปฉวยยึดสิ่งต่าง ๆ มาทิ่มแทงใจ หรือทำให้ใจหนักอึ้ง จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ หรือถึงกับหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต
ชีวิตเราจะยุ่งยากน้อยลงหากวางของอย่างมีสติมากขึ้น เช่น เวลาจะวางอะไร ก็อย่าเพิ่งรีบวาง หรือทำตามความเคยชิน ให้ช้าลงสักนิด ตั้งสติสักหน่อย ตามองไปที่สิ่งของหรือตำแหน่งที่จะวาง จากนั้นจึงค่อยวาง ทำใหม่ ๆ จะเผลอเป็นส่วนใหญ่ มีสติไม่กี่ครั้ง แต่ทำบ่อย ๆ สติก็จะมาไวขึ้น เวลาวางสิ่งของ จะทำด้วยความรู้เนื้อรู้ตัวมากขึ้น ทำไปนาน ๆ จะกลายเป็นนิสัยใหม่ ถึงตรงนี้ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากทำเป็นอาจิณ มันไม่เพียงช่วยให้เรามีสติเวลาวางสิ่งของ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เท่านั้น หากยังทำให้เรามีสติในเรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่น เวลาทำงาน เวลากินอาหาร หรือเวลาพูดคุยกับคนอื่น
หลายคนไม่สังเกตว่าวันหนึ่ง ๆ เราวางสิ่งของต่าง ๆ รวมหลายร้อยครั้ง บางช่วงแค่นาทีเดียวเราวางของ ๔-๕ อย่าง แค่เรามีสติกับการวางของเหล่านี้ครึ่งเดียว ความรู้เนื้อรู้ตัวของเราจะเพิ่มพูนขึ้น และส่งผลดีต่อจิตใจของเราด้วย ไม่ใช่ช่วยให้ใจลอยน้อยลงเท่านั้น หากยังช่วยให้ใจไม่เผลอไปยึดหรือแบกปัญหาต่าง ๆ จนเป็นทุกข์ ไม่ว่าสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หรือยังมาไม่ถึง แม้แต่งานการที่ค้างคา หนี้ที่ยังชำระไม่หมด ก็ไม่เอามาครุ่นคิดหากยังไม่ถึงเวลา หรือถึงเผลอคิดไปแล้ว ก็มีสติรู้ทัน วางมันลงได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ใจโปร่งเบาและผ่อนคลาย ถึงเวลาทำงาน ก็ทำอย่างมีความสุข เพราะใจไม่ไปหยิบเอาเรื่องอื่นมารกหัว มีงานรออยู่ข้างหน้ามากมายเพียงใด ก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์ จึงมีสมาธิในการทำงานอย่างเต็มที่
ความสุขและความทุกข์ของผู้คนส่วนใหญ่ ถึงที่สุดก็ขมวดอยู่ตรงที่การวางนี้เอง ถ้าวางไม่เป็น ไม่ว่าด้วยมือหรือด้วยใจ ก็เป็นทุกข์ได้ง่าย แต่ถ้าวางเป็น ชีวิตก็มีความสุขและสงบเย็นได้ง่ายขึ้น ส่วนจะวางเป็นหรือไม่ คำตอบก็อยู่ที่สติเป็นสำคัญ