jos55 instaslot88 Pusat Togel Online วันหยุดสุดสัปดาห์เจ็ดวัน - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

วันหยุดสุดสัปดาห์เจ็ดวัน

วันหยุดสุดสัปดาห์เจ็ดวัน

เราพบว่่าอุปสรรคที่สำคัญสี่อย่างต่อการบริหารแบบมีส่วนร่วมอย่างมี
ประสิทธิภาพคือ ขนาด ลำดับชั้น ขาดแรงจูงใจ และความไม่รู้ ภายในหน่วยการผลิตที่ใหญ่โต บุคคลรู้สึกตัวเล็กมากและไร้ชื่อ ไมมีอิทธิพลต่อวิถีทางการทำงาน และการทำกำไร ความรู้สึกของความไม่มีประโยชน์ย้ำโดยผู้บริหารที่หวงอำนาจและสิทธิพิเศษของพวกเขา ไม่ยอมให้บุคคล
ตัดสินใจใดก็ตามเพื่อตัวพวกเขา บางครั้งแม้แต่เกี่ยวกัยการขอไปห้องน้ำ
ดังที่แอนโทนี เจย์ ชี้ว่าย้อนหลังไปเมื่อ ค.ศ 1950 ภายในหนังสือของเขา “Corporation Man” มนุษย์ไม่ได้ถูกออกแบบทำงานภายในกลุ่มใหญ่บรรพบุรุษของเราเป็นนักล่า นานกว่าห้าล้านปี พวกเขาได้กำหนด
ใหม่ความสามารถของพวกเขาทำงานภายในกลุ่มไม่มากกว่าสิบสองคน
เมื่อมาสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม และทันทีคนงานได้พยายามผลิตอย่าง
มีประสิทธิภาพภายในโรงงานที่ว่าจ้างคนงานหลายร้อยคนและเเม้แต่
หลายพันคน
การจัดคนงานหลายร้อยคนเป็นทีมสมาชิกสิบคนอาจจะช่วยได้ แต่เรายังมีขีดจำกัดต่อทีมสมาชิกจำนวนเท่าไรสามารถทำงานด้วยกันอย่างดี
ณ เซมโก เราพบว่าหน่วยการผลิตมีประสิทธิภาพมากที่สุดประกอบด้วยบุคคลประมาณ 150 คน ตัวเลขแน่นอนสามารถโต้แย้งได้ แต่มันชัดเจนว่าบุคคลหลายพันคนภายในอาคารเดียว การมีส่วนร่วมของบุคคลได้สร้างภาพที่ลวงตา

เราไม่มีทางที่จะปฏิบัติต่อบุคคลเป็นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบและซื่อสัตย์
ถ้าคุณไม่ปล่อยให้พวกเขารู้และมีอิทธิพลอะไรเป็นอยู่รอบตัวพวกเขา
และเราไม่ทางที่จะยอมให้พวกเขามีส่วนร่วมต่อการตัดสินใจที่กระทบ
พวกเขา ถ้าโรงงานที่พวกเขาทำงานมีบุคคลหลายคนเกินไป ถ้าคุณให้อำนาจบุคคล คุณให้เครื่องมือพวกเขาที่จะมีอิทธิพลต่อผลผลิตของพวกเขา คุณต้องให้พวกเขาด้วยความสามารถที่จะเข้าใจผลกระทบของพวกเขาอย่างแท้จริง
ภายในโรงงานเล็ก มันเป็นไปได้ที่จะรู้จักบุคคลทุกคนด้วยชื่อเเรกของ
พวกเขา คุณโต้เถียงแผนงานและกลยุทธ์ และรู้สึกมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่ง ริคาร์โด เซมเลอร์ เชื่อว่าเล็กถ้าไม่สวยงามอย่างน้อยที่สุดสำคัญต่อบุคคลที่จะรู้จักและไว้วางใจระหว่างกัน ถ้าหน่วยธุรกิจใหญ่ขึ้นมีบุคคลเกิน 150 คน มันจะถูกแยกออกเป็นสองหน่วย ชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ไม่ว่าความประหยัดจากขนาดเป็นอย่างไรภายในทฤษฎี เราค้นหาวิถีทางของ
การเเยกมัน
ขนาดมีความสำคัญ ยื่งเล็กยื่งดี เรามีกลไกที่จะชักจูงพวกเขาว่าพวกเขาสำคัญ แต่มันไม่ได้ผลอย่างยาวนาน ณ จุดหนึ่งบุคคลมองเห็นว่า พวกเขาไม่เคยปรึกษาเกี่ยวกับการตัดสืนใจที่สำคัญ วิถีทางเดียวเท่านั้นที่เราจะเปลี่ยนแปลงคือ การทำใหิหน่วยธุรกิจแต่ละหน่วยเล็กเพียงพอ เพื่อที่บุคคลสามารถเข้าใจอะไรกำลังเป็นอยู่ และการมีส่วนช่วยไปตามนั้น
ผมได้มาสู่ความเชื่อว่าความประหยัดจากขนาดเป็นแนวคิดที่ประเมินค่าเกินไปมากที่สุดอย่างหนึ่งภายในธุรกิจ แน่นอนความประหยัดจากขนาด
มีอยู่ แต่มันได้ตามมาด้วยความไม่ประหยัดจากขนาดเร็วกว่าที่บุคคลส่วนใหญ่ได้รับรู้
ต่อริคาร์โด เซมเลอร์ ประชาธิปไตย ณ สถานที่ทำงาน หมายถึงการให้บุคคลทุกคนมีอำนาจการตัดสินใจ หน่วยธุรกิจภายในบริษัทต้องเล็กอย่างมีเหตุผล ขนาดใหญ่เป็นอุปสรรคต่อความเป็นประชาธิปไตย ณ สถานที่ทำงาน ริคาร์โด เซมเลอร์ คิดว่าขนาดที่ดีที่สุดของหน่วยธุรกิจคือ บุคคล 150 คน ณ ขนาดนี้ บุคคลมีความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งอย่างแท้จริง
ตามมุมมองของวิชาการ ความประหยัดจากขนาดหมายถึงการลดลงของต้นทุนต่อหน่วยที่เกิดขึ้นจากปริมาณผลผลิตที่สูง การกระจายต้นทุนไปยังปริมาณผลผลิตจำนวนมาก ต้นทุนคงที่หน่วยจะต่ำลง ผลกระทบของการเรียนรู้เป็นการลดต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ด้วยการกระทำ เช่น คนงานเรียนรู้การทำงานให้ดีที่สุดด้วยการทำซ้ำอย่างไร ด้วยคำพูดอีกอย่างหนึ่งผลผลิตต่อคนงานเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา และต้นทุนต่อหน่วยจะต่ำลง ผลกระทบของการเรียนรู้จะเกี่ยวพันกับความประหยัดจากขนาด
ตามรูป ความประหยัดจากขนาดชี้ว่าเมื่อบริษัทเพิ่มผลผลิต ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยของบริษัทลดลง กระบวนการนี้สิ้นสุดลงที่จุด Q1 ความประหยัดจากขนาดทุกอย่างจะหมดไป ณ ผลผลิตที่สูงกว่า Q1 บริษัทจะเกิดความไม่ประหยัดจากขนาด ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มสูงขึ้น เพราะว่าเมื่อบริษัทใหญ่มากขึ้น การขาดประสิทธิภาพทางการบรืหารจะเกิดขึ้น เช่น การเพิ่มระดับการบริหาร ทำให้การตัดสินใจช้าลง
ความประหยัดจากขนาดจะเกิดขึ้น เมื่อการเพิ่มขนาดของการผลิตลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยลง ด้วยคำพูดอีกอย่างหนึ่ง ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง เมื่อบริษัทได้ผลิตผลผลิตมากขึ้น นี่เป็นเพราะว่าต้นทุนคงที่ได้ถูกกระจายไปทั่วทั้งจำนวนของผลผลิตที่สูงขึ้น ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยจะต่ำลง นี่เป็นแนวคิดที่สำคัญมากภายในแง่ผลตามมาของโลกที่เป็นจริง เพราะว่ามันหมายความว่าบริษัทเจริญเติบโตภายในขนาด พวกเขากลายเป็นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังสำนวนของนักเศรษฐศาสตร์ที่ว่า “ยิ่งใหญ่ยิ่งดี”

ต่อริคาร์โด เซมเลอร์ เเนวคิดธุรกิจที่สำคัญสี่อย่างคือ สัญชาติญาน
โชคชะตา ความผิด และความบังเอิญ เขาได้ส่งเสริมการบริหารตัวเอง
เมื่อเขาเชื่อว่ามันนำไปสู่ความเป็นผู้นำตามสถานการณ์อย่่างแท้จริงที่
ยืดหยุ่นได้ มีประสิทธิภาพ และวิวัฒนาการ
นับตั้งแต่ผมได้ยึดครองบริษัท เซมโกนอกรีตภายในวิถีทางหลายอย่าง
ผมเชื่อภายในความรับผิดชอบ แต่ไม่ภายในลำดับชั้นพีรามิด ผมคิดว่า
การวางแผนกลยุทธ์และวิสัยทัศน์มักจะเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้า
ผมโต้แย้งมูลค่าของการเจริญเติบโต ผมไม่คิดว่าความสำเร็จของบริษัืท
สามารถวัดด้วยตัวเลข เนื่องจากตัวเลขได้ละเลยอะไรที่ลูกค้าคิดถึงผลิตภัณฑ์อย่างแท้จริง และอะไรที่บุคคลที่สร้างมันคิดถึงบริษัทอย่าง
แท้จริง
ผมไม่ได้ควบคุมบริษัท – ผมเป็นเจ้าของทุน ไม่ใช่บริษัท- แต่ผมยึดครอง
จากพ่อของผม ผมพยายามสร้างใหม่บริษัืท เพื่อที่เซมโกสามารถควบคุม
ตัวม้นเอง บนพื้นฐานค่านิยมสามอย่าง : การมีส่วนร่วมของบุคคล การ
แบ่งกำไร และระบบข้อมูลที่เปิดกว้าง เราได้แนะนำคุณลักษณะที่แปลก
ประหลาด เช่น เวลายืดหยุ่นของพื้นที่โรงงาน การกำหนดเงินเดิอนตัวเอง
การสับเปลี่ยนซีอีโอ และลำดับชั้นสามระดับเท่านั้น
เราปฏิบัติต่อบุคคลของเราเหมือนผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบ เราไม่เคยเชื่อว่า
พวกเขาจะเอาเปรียบเราหรือกฏของเรา หรือการไม่มีกฏของเรา เราเชื่อ
อยู่เสมอพวกเขาจะทำอย่างดีที่สุดต่อบริษัท ลูกค้า เเละเพื่อนร่วมงาน
การให้บุคคลควบคุมงานของพวกเขา การแบ่งกำไรให้เหตุผลพวกเขา
ทำมันให้ดีขึ่น กาาเปิดเผยข้อมูลบอกพวกเขาอะไรได้ผล และอะไรไม่
ได้ผล
ถ้าคุณดูตัวเลขของเซมโก เราเจริญเติบโต 27.5% ต่อปีตลอด 14 ปี
ริคาร์โด เซมเลอร์ กล่าว ในขณะที่นั่งดื่มแคพพูชิโน ณ ร้านกาแฟข้าง
ถนนของซองเปาโล เขาใช้การสนทนาทางธุรกิจหลายครั้งที่นี่ ผู้นำที่
ไม่สัมผัสอย่างแท้จริง เขาแม้แต่ไม่รักษาสำนักงานไว้ ณ เซมโก
“The Seven-Day Weekend” ผู้เขียน ริคาร์โด เซมเลอร์ ชื่อหนังสือตัว
มันเองได้กระตุ้นความรู้สึกของความสนใจต่อใครก็ตามที่บังเอิญเจอมัน ภายในเวลานี้บุคคลมีสัปดาห์เจ็ดวัน ถ้อยคำ “วันหยุดสุดสัปดาห์เจ็ดวัน”
ดูเหมือนความประหลาดใจ วิถีทางของวันหยุดสุดสัปดาห์เจ็ดวันเป็นทางเลือกที่ต้องการข้ามช่องว่างระหว่างทฤษฎีเพ้อฝันของประชาธิปไตยสถานที่ทำงาน และการปฏิบัติของการดำเนินธุรกิจที่ทำกำไรอย่างไร
แต่กระนั้นมันไม่ได้เกี่ยวกับทำลายงาน ผู้เขียนได้ระบุอย่างชัดเจนภายในหนังสือว่าสัปดาห์เจ็ดวันเท่ากับวันหยุดสุดสัปดาห์เจ็ดวัน แต่ด้วยการมุ่งเน้นต่อความสุขของบุคคล ริคาร์โด เซมเลอร์ ได้สนับสนุนหยุด
การควบคุม เพื่อการปฏิรูปวิถีทางเรามีชีวิตอยู่และงาน ผู้นำควรจะให้บุคคลอิสระที่จะถาม วิเคราะห์ ตรวจสอบ และบริษัทต้องยืดหยุ่นพอ
ฟังที่จะตอบ
ริคาร์โด เซมเลอร์ ได้ทำลายกฏและประเพณี ณ สำนักงาน และเชื่อว่า
บุคคลควรจะมีความสนุกสนาน ความลุ่มหลง และความเป็นอิสระเมื่อ
พวกเขามาทำงาน สัปดาห์เจ็ดวันได้ปล้นความลุ่มหลงและความพอใจ
ภายในชีวิตของบุคคล และได้สร้างธุรกิจที่จะล้มเหลว เมื่อบุคคลหมด
ไฟทำงาน
เขาได้สร้างความสมดุลงาน-ซีวิตที่ยิ่งใหญ่ และเขาต้องการให้บุคคล
ของเขาพอใจกับความเป็นอิสระเหมือนกับที่เขามี ตัวกำหนดที่แท้จริง
ของความสำเร็จคือ ความสุขไม่ใช่กำไร หรือการเจริญเติบโต
วิถีทางวันหยุดสุดสัปดาห์เจ็ดวันมุ่งที่ความคิดว่างานสามารถสนุกสนาน
และคุณสามารถพบความสมดุลระหว่างงาน-ชีวิต หนังสือเล่มนี้ได้อธิบาย
เราสามารถทำให้ความน่าเบื่อและการทำซ้ำของงานกลายเป็นความสนุก
สนาน การบันดาลใจ และความเป็นอิสระอย่างไร ริคาร์โด เซมเลอร์ เชื่อ
ว่า ถ้าคุณยกเลิกการควบคุม คุณได้นำประชาธิปไตยอย่างแท้จริงมาสู่
บุคคลของคุณ เขาเพียงแค่อายุยี่สิบเอ็ดปี เมื่อเขาต้องนำเซมโก
วันหยุดสุดสัปดาห์เจ็ดวันอธิบายความเป็นอิสระเเละความสมดุลของ
บุคคลสามารถเพิ่มการทำกำไรของบริษัทอย่างไร ริคาร์โด เซมเลอร์
เชื่อว่าชีวิตไม่สามารถแบ่งเป็นงานเเละเวลาว่างในขณะนี้ได้ เซมโก
ปฏิบัติต่อบุคคลเป็นผู้ใหญ่สามารถตัดสินใจเพื่อตัวพวกเขาเอง และ
บุคคลสามารถซื่อสัตย์ต่อความไว้วางใจพวกเขา และสร้างผลลัพธ์ที่
ยิ่งใหญ่แก่บริษัท อย่าพยายามบริหารแบบไมโครกับการกระทำของ
บุคคลทุกคน ไว้วางใจแรงขับเคลื่อนพื้นฐานชองมนุษ์ไปสู่อนาคต
ริคาร์โด เซมเลอร์ เสนอเเนะการถาม “ทำไม” ้ สามครั้ง บุคคลต้องถูกท้าทายและให้ความเป็นอิสระ เขาต้องการให้บุคคลทุกคนถาม ทำไม ทำไม ทำไม เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณกำลังทำ บุคคลได้ถูกกระตุ้นถามคำถามตลอดเวลา ณ เซมโก บุคคลถูกกระตุ้นให้ถามคำถาม เมื่อมันเป็นจุดสำคัญต่อการทำกำไร การเจริญเติบโต และความยั่งยืน ผมเชื่อมั่นอย่างเข้มเเข็งว่าความเป็นอิสระและความสุขสามารถนำธุรกิจของคุณ
ไปสู่ความสำเร็จ
ริคาร์โด เซมเลอร์ เชื่อต่อการช่วยเหลือบุคคลบรรลุความสมดุลงาน-ชีวิต
อย่างเเท้จริง ความมุ่งหมายของของงานไม่ใช่การทำเงิน แต่การช่วยเหลือ
บุคคล รู้สึกที่ดีเกี่ยวกับชีวิต เขาได้กระตุ้นสิ่งนี้ผ่านทางโครงการเกษียณ
เล็กน้อย เขาได้แนะนำโครงการเกษียณเล็กน้อย เพื่อบุคคลที่จะซื้อคืนหนึ่งวันต่อสัปดาห์ เพื่อ 10% ของเงินเดือนของพวกเขา
ภายหลังเกษียณ เซมโกสามารถทำตรงกันข้าม และว่าจ้างพวกเขากลับมาหนึ่งวันต่อสัปดาห์ภายหลังการเกษียณ บุคคลจำนวนมากยังคงต้องการทำงาน และเซมโกยังคงถูกดึงดูดต่อประสบการณ์และความรู้ของพวกเขาอยู่ ด้วยการเกษียณเล็กน้อย บุคคลสามารถใช้เวลากับกิจกรรมที่สำคัญ
ต่อพวกเขา เช่น การเรียนรู้ที่จะเล่นไวโอลินหรือการปีนภูเขา ความคิด
เบื้องหลังของโครงการเกษียณเล็กน้อยคือ เรามีสามสิ่งที่สำคัญภายใน
ชีวิตของบุคคล สุขภาพ เงิน และเวลา ภายในการเริ่มต้นอาชีพของคุณ

สูตรเพื่อความสำเร็จเป็นเวทมนต์ต้องการมากที่สุด ริคาร์โด เซมเลอร์
ได้กล่าวว่า ความสำเร็จสามารถบรรลุได้ เมื่อความฉลาดทางปัญญา
ความฉลาดทางอารมณ์ และความฉลาดทางจิตวิญญานร่วมใจกันด้วย
การกำจัดอัตรา
ไอคิว+อีคิว+เอสคิว-อีโก = ความสำเร็จ
บุคคลด้วยไอคิวและอีคิวล้มเหลวที่จะบรรลุความสำเร็จ เอสคิวเป็น
ส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้เพื่อความสำเร็จ บุคคลด้วยเอสคิวได้เเทงผ้า
คลุมหน้าของอัตตา และมองที่ภาพจริงของวัตถุ ริคาร์โด เซมเลอร์ กล่าวว่า บุคคลทำงานมีความสุขต้องมีไอคิว อีคิว และเอสคิว – อัตรา บุคคลเหล่านี้ทำอะไรที่ดีต่อพวกเขา เพื่อนร่วมงาน และลูกค้า ทำงานด้วยความคิดสร้างสรรค์ และการทุ่มเท
สังคมและคำนิยามธุรกิจของบุคคลที่มีความสามารถเป็นไอคิวส่วนใหญ่ และมันไม่ถูกต้องเลย นานหลายทศวรรษ ไอคิวได้สร้างพื้นฐานเทียมต่อความฉลาดและความสามารถ ไม่นานมานี้การปะเมินอีคิว หรือเนื้อหาของอารมณ์ ได้กลายเป็นนิยมแพร่หลาย ในขณะนี้เอสคิว หรือความฉลาดทางจิตวิญญาน ได้ถูกเพิ่มกับสมการ ผมได้ผสมสามตัวเข้าด้วยกัน และลบอัตตาออกไป
ดานาห์ โซฮาร์ ได้สร้างถ้อยคำ จิตวิญญานทางอารมณ์ และเเนะนำ
ความคิดภายในหนังสือของเธอ เอสคิวขยายความสามารถของคุณ
ที่จะเข้าใจบุคคลอื่น ณ ระดับลึกที่สุด ความเข้าใจจิตวิญญานทำให้เรา
มองเห็นทั้งสาเหตุที่แท้จริงของพฤติกรรมโดยไม่มีดุลยพินิจ และตอบ
สนองความต้องการที่เเท้จริงของบุคคลอื่น จนพวกเขาเรียนรู้ที่จะตอบ
สนองความต้องการของพวกเขาเอง
เอสคิว ได้ถูกระบุเป็นความสามารถของมนุษย์ถามคำถามเกี่ยวกับ
ความหมายที่แท้จริงของชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างเราเเละโลกที่
เรามีชีวิตอยู่ มันทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นภายในความสุขทางจิตวิทยาของบุคคล และการมีเป้าหมายภายในชีวิตของพวกเขา เอสคิได้ถูกประยุกต์ใช้ภายในสภาพเเวดล้อมบริษัทเป็นวิถีทางอย่างหนึ่งของการจูงใจ
สตีเฟน โควีย์ ภายในหนังสือของเขา “Seven Habits of Highly Efective
People” กล่าวว่า ความฉลาดทางจิตวิญญานเป็นการขยายของความฉลาดทางอารมณ์ เขากล่าวว่าเอสคิวสำคัญกว่าความฉลาดอื่นใดก็ตาม การทำให้บุคคลมองออกไปจากกล่อง อธิบายด้วยเหตุผล ปรับการเปลี่ยนแปลง และช่วยเหลือบุคคลหลุดพ้นจากความอคติ บุคคลด้วยเอสคิวสามารถมองเห็นแกนภายในของอะไรก็ตาม และไม่พิจารณาหนังสือด้วยหน้าปกของมัน เมื่ออัตตาได้ละลายไป หัวใจได้เปิดประตูเพื่อความคิดที่รองรับ
เเนวคิดของความฉลาดทางปัญญา -ไอคิว ได้ถูกใช้ตลอดศตวรรษ ไอคิววัดความสามารถ เพื่อที่จะวิเคราะห์ ยกเหตุผล คิดอย่างนามธรรม ใช้ภาษาและเข้าใจ ภายในกลาง ค.ศ 1990 แดเนียล โกลแมน ได้แนะแนวคิดของความฉลาดทางอารมณ์ – อีคิวเป็นการรู้จักตัวเอง ความตระหนักตัวเองและความเข้าใจผู้อื่น
ถ้อยคำความฉลาดทางอารมณ์ได้ถูกทำให้นิยมแพร่หลายโดยแดเนียล โกลแมนเมื่อ ค.ศ 1990 แดเนียล โกลแมน และในที่สุดได้นำไปสู่หนังสือของเขา “Emotional Intelligence” แดเนียล โกลแมน เป็นนักเขียนทางวิทยาศาสตร์ของนิวยอร์ค ไทม์ ความเชี่ยวชาญทางการวิจัยสมองและพฤติกรรม เขาได้ฝึกอบรมเป็นนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
แดเนียล โกลแมน ได้กล่าวว่าเราจะมีหลายโมเดลของความฉลาดทางอารมณ์
แดเนียล โกลแมน ได้กล่าวว่า การศึกษาของเราได้แสดงว่าความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะเกิดจากความฉลาดทางอารมณ์ 85% และความฉลาดทางปัญญาและทักษะทางเทคนิคเพียง 15% นี่จะมีเหตุผลเพราะว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ณ จุดนั้น ไม่ได้เป็นการใช้ทักษะทางเทคนิคของเรา สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือการบริหารบุคคล และศิลปของความเป็นผู้นำคือ การทำงานให้สำเร็จโดยบุคคลอื่น
ภายในหนังสือชื่อเดียวกัน ค.ศ 1996 แดเนียล โกลแมน ได้เริ่มต้นเป็น
นักข่าวของนิวยอร์ค ไทม์ ปัจจุบันนี้เขาคือกูรูของกูรูความฉลาดทางอารมณ์ เขาจะพูดอยู่เสมอว่าความลุ่มหลงต่อจิตวิทยาของเขาจะมาจากแม่ของเขา นักสังคมสงเคราะห์ที่เชี่ยวชาญทางจิตเวช แดเนียล โกลแมน บิดาของความฉลาดทางอารมณ์ ได้กล่าวว่า ความฉลาดทางอารมณ์เป็นความสามารถของการรู้อารมณ์ของเรา และอารมณ์ของบุคคลอื่น

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *