jos55 instaslot88 Pusat Togel Online ธรรมชาติ คือตัวเราและสิ่งแวดล้อม - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ธรรมชาติ คือตัวเราและสิ่งแวดล้อม

ธรรมชาติ คือตัวเราและสิ่งแวดล้อม

ทั้งพืชและสัตว์ ซึ่งมีชีวิต เป็นสิ่งประดับโลก นอกจากแผ่นดินและน้ำ เรามี ป่าไม้ ทุ่งราบ และดอกไม้หลากสีสวยอร่ามตา มีทั้งสัตว์ป่า สัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ นอกจากจะจรรโลงความสวยงามให้กับโลกเราแล้ว ยังเป็นอาหารสร้างชีวิตของเรา ต้องยอมรับว่า เราเจริญเติบโต สร้างเซลล์สมอง ความคิดและความจำจากสิ่งที่เป็นธรรมชาตินี้เอง แม้ว่าปัจจุบัน เราสามารถขยาย พัฒนา บำรุงและ อนุรักษ์ สิ่งต่างๆไว้บริโภคเองได้ แต่ทั้งหมดนี้ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตทั้งสิ้น

การแผ่ขยายของพืชทั่วๆไปทั้งบนบกและในน้ำ รวมทั้งการเพิ่มจำนวนของสัตว์ป่าหรือสัตว์น้ำ เป็นไปตามความสมดุลย์ของธรรมชาติ แต่เนื่องจากมนุษย์ทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความสุข จึงต้องไปเบียดเบียนป่า แหล่งน้ำ อากาศ และทำร้ายสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ตามปกติ ทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆนาๆ

หลังจากป่าไม้ถูกทำลายไปมาก และสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป จึงมีสิ่งมีชีวิตจากธรรมชาติของเขา เข้ามารบกวน และสร้างหายนะให้กับมนุษย์ อาทิ จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคกับพืช สัตว์ และคน ซึ่งเพิ่มจำนวนเร็ว นอกนั้น ก็มีแมลง และสัตว์หลายชนิด ที่มีทั้งทำลายและเป็นประโยชน์กับเรา สำหรับผม ที่รำคาญมากๆคือนก ซึ่งมองดูแล้ว น่าเป็นสิ่งประดับโลก มีสีสรร ทำให้สวยงาม แต่นกบางอย่าง ไม่ได้อยู่ในธรรมชาติ ไม่สร้างรังของตัวเอง แต่มาอยู่ที่บ้านเรือน เช่นนกพิราบ ที่ใดที่มันสามารถพักอาศัย และที่ใดที่มันสามารถหาอาหารกินได้ ไม่ว่าคนจะโปรยให้หรือมีเศษอาหารตกหล่นจากคนหรืออาหารสุนัข มันจะมาประจำและติดสถานที่อยู่อย่างถาวร ไม่เคยจาก พอรุ่นเก่าไป รุ่นใหม่ก็มาแทนที่ บางทีอยู่เป็นร้อยๆปี ไม่เคยเปลี่ยน กล่าวได้ว่าที่ไหน มีความเมตตา ที่นั่นมีนกพิราบ และ ที่ไหน มีรถยนต์จอดอยู่ ที่นั่น ก็จะมีขี้นกพิราบ ซึ่ง บางครั้งแห้ง ติดแน่น พอไปล้างทำความสะอาด ก็ทำให้สีรถด่าง เป็นดวงๆ รถบางยี่ห้อพ่นสีมาดี ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้ารถราคาถูกๆ มีใช้กันมากๆ นั่นแหละ สีด่างทั้งคัน บางสถานที่ทำงาน ตรงบริเวณที่สามารถจอดรถได้ มีต้นไม้ปลูกกระจายทั่วๆไป ดูร่มรื่น เป็นที่อาศัยของนกหลากหลายชนิด คนที่ทำงานที่นั่น อยากจะถนอมสีรถยนต์ ไปจอดในร่มใต้ต้นไม้ พอตกเย็น จะขับรถกลับบ้านรอบๆตัวรถ เต็มไปด้วยขี้นก โดยเฉพาะที่หลังคา หน้าหม้อ และกระจกหน้ารถ มองแทบไม่เห็น ถ้ามันแห้งติด ต้องล้างใช้ผ้าถูแรงๆและนาน เมื่อก่อนนี้ ชอบจอดรถในร่มไม้ เย็นสบายดี แต่ตอนนี้ ตรงไหน ที่เป็นกลางแจ้ง ให้จอดรถตรงนั้น ร้อนเป็นร้อน รถใช้งานนานไป สีรถย่อมซีดเป็นธรรมดา

ไม่ว่าจะอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ ข่าวดินฟ้าอากาศ เป็นสิ่งที่สนใจ เฝ้าติดตามทุกๆวัน จนเข้าใจความเป็นไปและจับระบบของธรรมชาติ แนวโน้มของมัน จำได้ถึงลมมรสุมที่พัดผ่าน ในช่วงวันเวลาที่ผ่านไปตามฤดูกาล เพราะเกิดหมุนเวียนกันตลอดเวลา ในช่วงนี้ เป็นฤดูร้อน ซึ่งประเทศทางตอนเหนือของโลก เป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศยังเย็นต้องใส่เสื้อหนาวกันอยู่ ระลึกถึงในช่วงก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ ได้ไปประชุมที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นฤดูร้อนของบ้านเรา จึงไม่ได้คิดจะเอาเสื้อหนาวไป ยกเว้นเสื้อสูทที่ใส่ในการประชุม เมื่อถึงตอนค่ำ อากาศที่ญี่ปุ่นหนาวมาก ทำให้นึกเสียใจที่ไม่ได้นำเสื้อหนาวไป

ตามที่มีข่าวดินฟ้าอากาศว่า ร้อน แต่มีมวลอากาศเย็นพัดเข้ามาทำให้เกิด พายุฤดูร้อน คือทำให้ฝนตก ปรากฎว่ามีแต่ข่าว แต่ฝนไม่ตกมาหลายวันแล้ว เมื่อไหร่ที่ฝนตก คือวันที่ต้องขับรถออกไปไกลๆ ทำให้ต้องล้างรถเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว จะไม่ล้างรถรอให้ฝนตกอีก รถเปื้อนมากๆจึงค่อยทำ ฝนก็ไม่ตกสักที เลยลงมือล้างรถแต่พอล้างเสร็จ เริ่มขับออกไป ฝนก็ตกลงมาทันที สรุปแล้ว คือ รอฝนตก ก่อนล้างรถ ก็ไม่ตก พอล้างรถเสร็จ ฝนตกทันที เฮ้อ ……….

ด้วยความรำคาญนกที่บ้าน จึงขับรถออกไปชนบท ตามสวนผลไม้ ซึ่งอากาศร้อนและแล้ง ทำให้ต้นไม้ที่ปลูกใหม่ๆตาย โดย เฉพาะในแถบที่เป็นดินทราย รดน้ำลงไป ก็ซึมเร็ว และบางส่วนระเหยดินแห้งไปเลย แนวแก้ สำหรับคนที่โชคดีมีอุปกรณ์พร้อม คือ ต้องรดน้ำทุกวัน พอต้นไม้ได้รับน้ำ รากก็ดูดน้ำขึ้นไป แล้วคายน้ำที่ใบ ถ้าปริมาณน้ำที่คายออกมาเพียงพอ จะทำให้อากาศบริเวณโดยรอบตรงนั้น ชุ่มชื้นขึ้น ต้นไม้ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ฉะนั้น ขณะที่แดดจัด และยิ่งดินทราย ต้องรดน้ำทุกๆวัน ถ้าได้เช้าเย็น วันละ ๒ ครั้งก็ยิ่งดี ที่เชียงใหม่ ขับรถผ่านไป เห็นต้นไม้ต้นเล็กๆยืนต้นตายหลายแห่งเป็นที่อนาถใจ ตอนหน้าฝนที่ผ่านมา พายุพัดเอามวลน้ำ กระแทกต้นไม้ล้มกระจาย ตายไป พอปลูกใหม่ ก็เกิดแห้งแล้ง ต้นตายอีก เป็นเกษตรกร ต้องผจญกับดินฟ้าอากาศ ไม่ใช่ของง่ายที่จะอดทนอยู่ได้

สำหรับต้นไม้ที่เจริญเติบโตให้ผลแล้ว ตั้งใจเพื่อเอาผลผลิตนั้น เคยได้ยิน หลักธรรมชาติของต้นไม้ทั่วๆไปว่า ต้องจดจำระยะเวลาออกดอก ซึ่งก่อนระยะเวลาดังกล่าว น่าจะงดรดน้ำสักระยะหนึ่ง เพื่อลดการดูดไนโตรเจนจากดิน แล้วต้นไม้จะได้สะสมอาหารภายในต้น พอเริ่มออกดอกแล้ว ตอนนี้ขาดน้ำไม่ได้ ต้นไม้ต้องการความชื้น เพื่อปรุงอาหารเลี้ยงช่อดอก ทั้งตัวผู้และตัวเมีย จนกว่าจะติดผล ก็รดน้ำไปตามปกติจนให้ผลสุกแก่ และเมื่อเก็บเกี่ยวผลไปแล้ว ควรจะรีบตัดแต่งกิ่งและใส่ปุ๋ย เพื่อเตรียมการสำหรับฤดูต่อๆไป ทั้งนี้ ถ้าต้นไม้ไม่สามารถออกดอก มันจะแตกใบอ่อนแทน ถ้ามีใบอ่อนเมื่อไหร่ ดีใจได้ว่าหน้าผลไม้ปีหน้า ไม่ต้องเหนื่อยยากเสียแรงงานเก็บเกี่ยว คงไม่มีผล หรือผลลดลง

สำหรับการช่วยผสมเกสร โดยลม หรือแมลงเช่นผึ้ง หรือแมลงกลุ่มเดียวกับผึ้ง เป็นไปโดยธรรมชาติ ชาวสวนบางคนโชคดี ไม่ได้เลี้ยงผึ้ง แต่สวนข้างๆ หรือใกล้ๆมีการเลี้ยงผึ้ง ซึ่งจะมีส่วนมาช่วยผสมเกสรในสวนเราด้วย

สำหรับเกษตรกรที่มีแปลงขนาดเล็ก เช่น ๑๐ ไร่ อาจจะปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง เช่น ผลไม้ ไม้ดอก หรือพืชผัก ก็คงจะเลี้ยงตัวได้ บางคนปลูกพืชแปลกๆ ราคาสูง ยิ่งสบาย เคยมีการแนะนำ ให้ทำไร่นาสวนผสม หรือทำธุรกิจหลายๆอย่างในแปลงขนาดเล็ก เช่นปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และเลี้ยงปลา เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และความไม่แน่นอนของตลาด จนต่อมาจะเรียกวิธีการแบบนี้ว่า ทำการเกษตรแบบพอเพียง ซึ่งจะพอเพียงในระยะเริ่มต้น ต่อๆไป อะไรดี ก็ขยายต่อไปได้

คำว่าพอเพียงนี้ จะเหมือน เศรษฐกิจพอเพียง คำนี้ เป็นข้อแนะนำของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ซึ่งผมเข้าใจเอาเองว่า การให้ทำเพื่อบริโภคในครอบครัว ถ้าเหลือถึงขายไป เป็นแค่แนวคิดหนึ่ง แต่ เศรษฐกิจพอเพียงน่าจะหมายถึง การประกอบธุรกิจที่เริ่มต้นไม่ให้เกินตัว คือคิดจะทำอะไรแล้ว ต้องลองทำเล็กๆเรื่อยๆ พอดีขึ้น เชี่ยวชาญขึ้น มีลูกค้าเพิ่มจำนวน ก็ค่อยๆขยายไป แบบก้วยเตี๋ยว เริ่มต้นจากรถเข็นไปก่อน พอทำไปชักมีชื่อเสียง ลูกค้าเพิ่มขึ้น เก็บเงินได้เยอะ ก็สามารถขยาย ตั้งเป็นร้านก้วยเตี๋ยวต่อไปได้ ในแนวคิด ทฤษฎีของฝรั่งที่เคยอ่านมาก็คล้ายๆกัน เขาว่า การเริ่มต้นทำอะไรเล็กๆ เป็นสิ่งสวยงาม ( small is beautiful)

เมื่อจอดรถข้างทาง เจอพี่น้องชาวสวน ลุงป้า น้า อา รู้สึกว่า สังคมเรานี้ ให้เกียรติรักทุกๆคนเหมือนญาติ นับญาติได้อย่างสนิทใจ โดยเฉพาะในชนบท ผมจะดีใจทุกครั้ง ถ้ามีคนมาเรียก เราว่า พี่ ในสมัยก่อน แต่เดี๋ยวนี้ เป็น ลุง หรือ ตา แล้ว รู้สึกภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย มีแต่ญาติมิตรทั่วเมือง ไปไหนก็สนิทใจ ถ้าเป็นผู้หญิง ต้องระวังหน่อย อย่าไปเรียกใครว่า ยาย โดยไม่ดูให้ดี จะถูกโกรธเอา เจอ ผู้หญิงไม่ว่าสาวหรือแก่ เรียกน้องไว้ก่อน ก็ดี บางครั้ง ไปเจอคนแก่ เรียกน้อง เขาหันมา เห็นหน้าตาเกินกว่าน้องแล้ว เลยพูดต่อว่า ดูบุคลิกแล้ว เหมือนน้องผมเลย

ว่าแล้ว ก็ไปแวะรับประทานอาหารเที่ยงกับเพื่อนๆ สั่งต้มยำทะเล อาหารสุดดังของร้านที่แวะไปนั้น พอเขาเอามาเสริฟ ก็ตักแจกใส่ถ้วยแบ่งจนหมด น่าจะอร่อย แต่แล้ว เขาเอาเตาตั้งโต๊ะ มาให้อุ่นต้มยำ เลยต้องเทคืนหม้อหมดทุกๆคน เพื่อจะอุ่นให้ร้อนๆก่อนค่อยกิน ร้านนี้ ก็เริ่มต้นจากฐานเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน ปัจจุบัน ลูกค้าเยอะมาก เต็ม และยังมียืนคอยหน้าร้านอีก ที่เห็นๆ คิดให้ดีๆ ทุกอย่าง ก็มาจาก ธรรมชาติ ซึ่งดัดแปลงมา สวัสดีครับ

บู๊ คนเคยหนุ่ม
เขียนที่กรุงเทพฯ แต่เป็นเรื่องราวของเชียงใหม่
๔ พค. ๒๕๖๖

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *