ซันดาร์ พิชัย ใส่ความล้มเหลวของคุณเป็นป้ายแห่งเกียรติยศ
ซันดาร์ พิชัย ใส่ความล้มเหลวของคุณเป็นป้ายแห่งเกียรติยศ
ภายในถ้อยคำสี่คำ ซันดาร์ พิชัย ได้ให้คำแนะนำเรียบง่ายที่สุดเกี่ยวกับ
นำอย่างไร คุณต้องกระตุ้นนวัตกรรม บริษัทกลายเป็นอนุรักษ์นิยมมากขึ้น
ภายในการตัดสินใจเมื่อพวกเขาเจริญเติบโต…… โอเคกับความล้มเหลว
และให้รางวัลความพยายาม ไม่ใช่ผลลัพธ์
เมื่อไม่นานมานี้ ซันดาร์ พิชัย ได้ร่วมคำแนะนำความเป็นผู้นำบางอย่างกับ
นักศึกษาเอ็มบีเอ ณ มหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด คำแนะนำอย่างหนึ่งที่ดึง
ความสนใจของนักศึกษาคือถ้อยคำสี่คำจากการบรรยายของเขา “ให้รางวัลความพยายาม ไม่ใช่ผลลัพธ์”
คุณมีเงินสดมากขึ้น คุณมีทรัพยากรมากขึ้น แต่บริษัทมักจะกลายเป็น
อนุรักษ์นิยมมากขึ้นภายในการตัดสินใจของพวกเขา และดังนั้นเราต้อง
กระตุ้นบริษัทเสี่ยงภัยและคิดค้น และโอเคกับความล้มเหลว และให้รางวัล
ความพยายาม ไม่ใช่ผลลัพธ์
ซันดาร์ พิชัย กล่าวถ้อยคำสี่คำได้สรุปหลายปีของการวิจัยเกี่ยวกับ
จิตวิทยาของการจูงใจมนุษย์ อะไรที่เขากำลังสร้างที่นี่คือ การสร้าง
แหล่งที่มาของการจูงใจภายใน มันหมายถึงการจูงใจบุคคลทำบางสิ่ง
บางอย่าง เพราะว่าพวกเขาสนุกสนานกับมันอย่างแท้จริง รักความท้าทาย หรือพบมันน่าสนใจ ตรงกันข้ามที่จะเเสวงหารางวัล หรือหลีกเลี่ยงการลงโทษ
เด็กว้นนี้ฉลาดกว่าเราตอนอายุเท่ากัน พวกเขาขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
พวกเขาตระหนักอย่างดีอะไรกำลังเกิดขึ้น พวกเขาถูกจูงใจ และมีความคิดที่ดีของอะไรที่พวกเขาต้องการทำกับชีวิตของพวกเขา แต่เด็กบางคนไปขั้นตอนต่อไปที่จะชนะ
โดยปรกติเราถามเด็กพวกเขาต้องการเป็นอะไร เมื่อพวกเขาเจริญเติบโต แต่เราไม่ค่อยจะถามพวกเขา ต้องการไปทำงานที่ไหน แต่เด็กผู้หญิงอายุ 7 ปี ได้กำหนดเป้าหมายของเธอแล้ว : กูเกิ้ล เด็กหญิงอายุ 7 ปี ได้เขียนจดหมายไปยังกูเกิ้ลเพื่อของานทำ และซีอีโอของบริษัทได้ตอบกลับเธอ
ภายหลังการพิจารณางานของพ่อของเธอ โคอี บริดจ์วอเตอร์ ได้
ตัดสินใจเธออยากจะทำงานกับกูเกิ้ล และเขียนจดหมายเริ่มต้นด้วย
นายกูเกิ้ลที่รัก ชื่อของหนูคือ โคอี้ และเมื่อหนูโตขึ้น หนูอยากจะทำงานกับกูเกิ้ล หนูต้องการทำงานภายในโรงงานชอคโกเลตด้วย และว่ายน้ำภายในโอลิมปิค ภายในจดหมาย โคอี้ ได้กล่าวถึงคุณสมบัติของเธอ เธอชอบคอมพิวเตอร์ และมีแทปเลตที่เธอเล่นเกม
ซีอีโอของกูเกิ้ล ได้เขียนตอบกลับแก่เธอ เขาได้กระตุ้นเธอด้วยฝันที่ยิ่ง
ใหญ่ ผมคิดว่าถ้าหนูทำงานหนักและเดินตามความฝันของหนู หนู
สามารถบรรลุทุกสิ่งทุกอย่างที่หนูมีอยู่ภายในใจ แอนดี้ บริดวอเตอร์
พ่อของโคอี้ ได้โพสท์การตอบจดหมายบนลิงค์อิน ขอบคุณซันดาร์
พิชัยต่อการใช้เวลาเขียนจดหมายถึงลูกสาวของเขา เขียนจดหมายลายมือไปที่บริษัท แสดงความปราถนาของเธออยากจะทำงานที่กูเกิล
เมื่อ ค.ศ 2012 ซันดาร์ พิชัย ได้กล่าวว่า ปัญญาประดิษฐ์ เมื่อเครื่อง
กลไกได้ถูกโปรแกรมที่จะกระตุ้นจิตใจของมนุษย์และแก้ปัญหา และเลียนแบบกิจกรรมของมนุษย์ จะมีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กว่าการคิดค้นส่วนใหญ่ภายในประวัติศาสตร์ไม่นานมานี้ และสามารถทำให้มนุษย์มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เราได้เคยจินตนาการ ซันดาร์ พิชัยคาดหวังเอไอจะแสดงบทบาทพื้นฐานภายในทุกด้านของชีวิตของเรา ด้วยการเลียนแบบงานของมนุษย์ จากการดูแลสุขภาพ และการศึกษา ไปจนถึงเราผลิตอะไรอย่างไรและข้อมูลของลูกค้า
ซันดาร์ พิชัย กล่าวว่า เรามีวิสัยทัศน์ของการพัฒนาเอไออย่างรับผิดชอบ
เอไอจะสร้่างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ไม่แตกต่างจากอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์
มือถือ เอไอนำเสนอขนาดของโอกาสนั้น เมื่อบริษัททั่วโลกคิดถึงการใช้
เอไอปฏิรูปตัวพวกเขาเอง ผมต้องการให้กูเกิ้ลเป็นหุ้นส่วนของพวกเขา
กูเกิ้ล ได้ใช้มาตรการลดต้นทุนหลายอย่าง มาตรการอย่างหนึ่งคือ
การใช้ประโยชน์ทรัพยากรให้ดีขึ้น หมายถึงบุคคลใช้โต๊ะร่วมกัน
ซันดาร์ พิชัย อ้างว่าบุคคลหลายคนมาสำนักงาน สองวันต่่อสัปดาห์
เท่านั้น เขาเชื่อว่าทำให้เกิดการใช้พื้นที่อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น
กูเกิ้ลได้แนะนำนโยบายการใช้โต็ะร่วมกันต่อบุคคลของพวกเขา เขา
กำลังมุ่งไปข้างหน้าที่จะรักษาการก้าวไป การลดต้นทุนของบริษัท เขา
ยืนยันว่าการใช้โต๊ะร่วมกันรู้จักกันเป็นคลาวด์ ออฟฟิช เอฟโวลูชั่น
มุ่งหมายที่จะป้องกันสำนักงานจากการปรากฏเป็น “เมืองร้าง” นอกเหนิอ
จากประหยัดทรัพยากรอย่างอื่น
เราควรจะเป็นพ่อบ้านที่ดีของทรัพยากรการเงิน เรามีอสังหาริมทรัพย์
ราคาแพง และถ้ามันใช้เพียง 30% ของเวลาเท่านั้น เราต้องระมัดระวัง
เราคิดเกี่ยวกับมันอย่างไร ต่อผมแล้วมันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายาม
เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดเงิน แต่ในขณะเดียวกันใช้ประโยชน์
ทรัพยากรด้วย อนึ่งเรามีบุคคลที่บ่นประจำว่าพวกเขามาทำงาน และเรา
มีแถวของโต๊ะว่างจำนวนมาก และมันรู้สึกคล้ายกับเมืองร้าง มันไม่ได้เป็นประสบการณ์ที่ดีเลย
ตลอดสองสามทศวรรษที่แล้ว เป้าหมายและผลลัพธ์ที่สำคัญ – โอเคอาร์
ได้กลายเป็นบางสิ่งบางอย่างของหัวข้อสำคัญต่อสตาร์ทอัพ โอเคอาร์เป็น
กรอบข่ายการกำหนดเป้าหมายที่ดึงดูดบริษัท เช่น อินเทล อูเบอร์
อเมซอน ลิงค์อิน เป็นต้น ภายในโลกของโอเคอาร์แล้ว เรามีอยู่ชื่อหนึ่ง
ที่ต้องพูดถึง จอห์น ดอร์ ผู้เขียนของ “Measure What Matters” จอห์น ดอร์ ได้ถูกสอนโอเคอาร์โดยผู้สร้างต้นกำเนิด ซีอีโออินเทลก่อนหน้านี้ แอนดี้ โกรฟ ในขณะนี้เขาได้ถูกมองโดยบุคคลหลายคนเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ที่มีขื่อเสียงต่อโอเคอาร์ เมื่อมันมาสู่โอเคอาร์ คำพูดของจอห์น ดอร์ กลายเป็นกฏ
แต่กระนั้นเมื่อซันดาร์ พิชัย ได้กลายเป็นซีอีโอของกูเกิ้ลเมื่อ ค.ศ 2019 เขาได้ทำการเปลี่ยนแปลงจุดสำคัญที่ขัดเเย้งกับแนวคิดโอเคอาร์ และเเม้
แต่คำแนะนำส่วนบุคคลของจอห์น ดอร์ ตัวเขาเอง
โอเคอาร์นิยมแพร่หลายภายในโลกสตาร์ทอัพ เพราะว่ามันประยุกต์ใช้
ได้ดีกับบริษัทที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จอหน ดอร์ กล่าวว่าเป้าหมายระยะสั้น – ไตรมาส เป็นจุดเเข็งสำคัญที่สุดของโอเคอาร์ ต่อสตาร์ทอัพแล้ว มันสมเหตุผล โอเคอาร์รายไตรมาสให้โอกาสแก่ทีมเปลี่ยนทิศทางใหม่จุดมุ่งของพวกเขาทุกสามเดือน ไม่ใช่มุ่งที่เป้าหมายประจำปีอบ่างเดียว ซันดาร์ พิชัย ได้ทำลายกฏของโอเคอาร์ ทำไมมันใช้งานได้ บางครั้งการทำลายกฏเป็นวิถีทางที่ดีที่สุดก้าวไปข้างหน้า
เมื่อแลรรี เพจ ซีอีโอก่อนหน้านี้ของกูเกิ้ล ได้ถูกฝึกอบรมส่วนบุคคลโดย
จอห์น ดอร์ เริ่มดำเนินการโอเคอาร์ครั้งแรก ณ กูเกิ้ล เขาใช้โอเคอาร์ราย
ไตรมาสอย่างเดียว ต่อมาเขาได้เพิ่มโอเคอาร์ประจำปี ดังนั้น เมื่อ ค.ศ 2019 ซันดาร์ พิชัย ได้ตัดโอเคอาร์รายไตรมาสออกไปทั้งหมด เลือกที่จะมุ่งโอเคอาร์ประจำปีอย่างเดียวด้วยรายงานความก้าวหน้ารายไตรมาสจากแต่ละแผนก วิถีทางใหม่นี้จะคล้ายกับผลลัพธ์ที่สำคัญ
การก้าวไปของซันดาร์ พิชัย อาจจะขัดเเย้งกับแนวคิดโอเคอาร์ตามแบบแผน แต่มันสมเหตุผล เพราะว่ากูเกิ้ลไม่ได้เป็นสตาร์อัพต่อไปอีกแล้ว
สิบห้าปีที่แล้ว โอเคอาร์รายไตรมาสเป็นข้อกำหนดทางปฏิบัติ ณ กูเกิ้ล
เพราะว่าบริษัทเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อ ค.ศ 2019 อะไรได้ยุติ
ลงแล้ว บริษัทมั่นคงมากกว่าทศวรรษที่แล้ว พวกเขามีสายตาไปไกลในอนาคต หมายถึงโอกาสลำดับความสำคัญ เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสไปสู่ไตรมาสไม่มีเลยภายในทางปฏิบัติ
ซันดาร์ พิชัย ใช้โอเคอาร์สร้างเว็บ เบราว์เซอร์นิยมแพร่หลายที่สุด
ของโลกอย่างไร เมื่อ ค.ศ
2008 กูเกิ้ลได้เริ่มงานที่จะสร้างกูเกิล โคม – เว็บ เบราว์เซอร์แห่งอนาคต พวกเขาได้ใช้โอเคอาร์อย่างทะเยอทะยาน ไม่เพียงแต่สร้างเบราว์เซอร์
รุ่นต่อไปเท่านั้น แต่สร้างมันเป็นเบราว์เซอร์นิยมแพร่หลายมากที่สุดภายในตลาด เป้าหมายที่จะสร้างมันได้ถูกมอบหมายแก่
ซันดาร์ พิชับ เส้นเวลาเพื่อเป้าหมาย สร้างเบราซ์เซอร์ที่ดีที่สุด กำหนดไว้ ณ 3 ปี ซันดาร์ พิชัย
ได้ตัดสินใจว่าผลลัพธ์ที่สำคัญติดตามเป้าหมายนั้นเป็นจำนวนของผู้ใช้ และกำหนดเป้าหมายที่กล้าหาญของ 20 ล้านภายใน
สิ้น ค.ศ 2008 เขาได้พลาดมันบรรลุไม่ถึงผู้ใช้ 10 ล้านคน เมื่อ ค.ศ 2009 ซันดาร์ พิชัย
ได้ยกมาตรฐานเป็น 50 ล้าน แต่บรรลุ 37 ล้านเท่านั้น เมื่อ ค.ศ
2010 ปีสุดท้ายของเป้าหมายของเขา ซันดาร์ พิชัยกำหนดผลลัพธ์ที่สำคัญเป็นผู้ใช้ 100 ล้านคน
ด้วยทีมงานที่เข้าร่วมของเขา และทำงานไปสู่เป้าหมาย การขยายการตลาด การจัดจำหน่าย และการปรับปรุงเทคโนโลยี กูเกิล โครม ได้
เจริญเติบโตเป็นผู้ใช้ 111 ล้านคน บรรลุเป้าหมายของเขา
นับตั้งแต่ต้นเริ่มต้น กูเกิ้ล – ผลิตผลของแลรรี เพจ และเซอรเกย์ บริน
ในขณะนี้อยู่ภายใต้ทิศทางของซีอีโอ ซันดาร์ พิชัย มีชื่อเสียงกับการ
ใช้ระบบการกำหนดเป้าหมายเรียกว่าโอเคอาร์ ดำเนินการโครงการ
หลายอย่างของพวกเขาตลอดหลายปี โอเคอาร์ เกี่ยวพันกับการกำหนด
เป้าหมายที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด และกำหนดตัววัดที่บรรลุได้สามถึงห้า
ตัวภายในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ได้ถูกรับเอาไว้นับแต่นั้นมาโดยบริษัท
จำนวนหนึ่ง ทุกบริษัทใช้ระยะเวลาที่สอดคล้้องกับความต้องการเฉพาะ
ของพวกเขา
ต่อกูเกิ้ลแล้ว ผู้รับเอาโอเคอาร์เริ่มแรก เป้าหมายเหล่านี้ถูกกำหนดเป็นไตรมาส ตามหนังสือของจอห์น ดอร์ “Measure What Matters” แลร์รี
เพจ ได้เพิ่มเป้าหมายประจำปีต่อกระบวนการ ดังนั้นบุคคลทุกคนตั้งแต่
วิศวกรจนถึงซีอีโอ กำลังทำงานกับเป้าหมายสองอย่าง ณ เวลานั้น เป้าหมายระยะสั้น และเป้าหมายระยะยาว
เมื่อซันดาร์ พิชัย กลายเป็นซีอีโอ เขาได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงด้วย
การทำให้กระบวนการกำหนดเป้าหมายเรียบง่ายลง เขาได้นำบริษัทกลับมาที่เป้าหมายอย่างเดียว ด้วยการยกเลิกการตรวจสอบรายไตรมาส และใช้รายงานความก้าวหน้ารายไตรมาสจากแต่ละแผนกแทน
เมื่อจอห์น ดอร์ แนะนำโอเคอาร์แก่กูเกิ้ลเมื่อ ค.ศ 1999 บริษัทยังมีอายุ
ไม่ถึงหนึ่งปี และมีบุคคลเพียงแค่ 40 คน วันนี้กูเกิล เป็นของบริษัทแม่
อัลฟาเบต ว่าจ้างบุคคลเกือบ 140,000 คน และยังคงใช้โอเคอาร์อยู่
จอห์น ดอร์ ได้ฝึกอบรมแลร์รี เพจ ส่วนบุคคล เกี่ยวกับทำและไม่ทำของโอเคอาร์ และกล่าวว่า มันเป็นเป้าหมายระยะสัีนที่ขับเคลื่อนงานแท้จริงการปฏิบัติที่ดีที่สุดคู่ขนานกับโอเคอาร์ระยะสั้น สนับสนุนโอเคอาร์ระยะยาว แนวคิดโอเคอาร์ของจอห์น ดอร์ อยู่บนพื้นฐานการกำหนดเป้าหมายรายไตรมาสและประจำปี โอเคอาร์ ช่วยยืนยันว่าบุคคลยังคงอยู่บนลู่ เมื่อพวกเขาทำงานไปสู่เป้าหมายของพวกเขา ที่จริงแล้ว ซันดาร์ พิชัย กล่าวว่า มันสำคัญภายในการช่วยบริษัทของเขารักษาจุดมุ่งอยู่ที่อะไรสำคัญอย่างแท้จริง
ซันดาร์ พิชัย เดินทางมาอเมริกาบนตั๋วเครื่องบินราคาเท่ากับการออมหนึ่งปีของพ่อของเขา มันเป็นปี ค.ศ 1993 ซันดาร์ พิชัย ได้เริ่มต้นการศึกษาปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ของเขา เมื่อเขาไปซื้อกระเป๋าสะพายหลัง เขาได้ตกตะลึงพบว่าราคา 60 เหรียญ เท่ากับเงินเดือนของพ่อของเขา
ตำนานที่มีชีวิตอยู่ของซันดาร์ พิชัย คือ ความถ่อมตัวเป็นคุณลักษณะอย่างหนึ่งที่ไม่เคยปล่อยทิ้งไว้ข้าง เขาสามารถเข้าหาได้ง่ายและพูดจานุ่มนวล เขาปล่อยให้งานของเขาพูดเพื่อตัวเขาเอง รักษาท่าทางที่ใจเย็น
และพยายามอยู่อย่างอดทน
เขามาจากภูมิหลังที่ถ่อมตัว เจริญเติบโตภายในบ้านสองห้อง ณ เชนไน
อินเดีย พ่อแม่ของเขาไม่มีโทรศัพท์ ไม่ต้องพูดถึงคอมพิวเตอร์ จนกระทั่ง
เขาอายุ 12 ปี เพื่อนบ้านคนหนึ่งที่อยู่ถัดไปจากครอบครัวซันดาร์ พิชัยเกือบ 40 ปี กล่าวว่า เขาเป็นบุคคลที่น่าทึ่ง เขาขี้อายมาก แต่มีความคิดเห็น เขามี
ความคิดเห็นกับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมไม่เคยเชื่อเขากลายเป็นซีอีโอของกู
เกิ้ล มันเป็นความอัศจรรย์ต่อทั้งเขาและชุมชนของเรา เราภูมิใจเขามาก
มันดูเหมือนใครก็ตามเชื่อมโยงกับซันดาร์ พิชัย มักจะมองเขาอยู่เบื้อง
หลังความสำเร็จของกูเกิ้ล โคม แอนดรอยด์ และกูเกิ้ล แอปส์ เขาสมควร
ได้รับการยกย่องต่อการนำแอนดรอยด์ กลายเป็นระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือใหญ่ที่สุดบนโลก ถ้าคุณใช้จีเมล โครม แอนดรอยด์ หรือ
กูเกิ้ล ไดรว์ รอยพิมพ์นิ้วมือของซันดาร์ พิชัยอยูบนพวกมัน ดังนั้นเราไม่มีผู้บริหารอาวุโสคนใด ณ กูเกิ้ล ด้วยความเข้าใจเครื่องกลของกูเกิ้ลดีกว่าและมากกว่าซันดาร์ พิชัย เขาโดยส่วนบุคคลชักจูงให้ผู้ก่อตั้งร่วมกูเกิ้ล แลร์รี เพจ และเซอรเกย์ บรินว่ากูเกิ้ลควรจะมีเบราว์เซอร์ของพวกเขาเอง วันนี้โครมเป็นเบราว์เซอร์นิยมแพร่หลายมากที่สุดภายในประวัติศาสตร์
ซันดาร์ พิชัย เป็นบุคคลที่ถ่อมตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ณ หัวใจ เขาเชื่อว่า
มันดีอยู่เสมอทำงานกับบุคคลที่ทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นคงเกี่ยวกับตัวคุณ
เอง คุณจะผลักดันขีดจำกัดของคุณอย่างสม่ำเสมอ เขาได้มองว่าความเป็นผู้นำต้องน้อยลงเกี่ยวกับความพยายามบรรลุความสำเร็จตัวเราเอง และมากขึ้นเกี่ยวกับความมั่นใจว่าคุณมีบุคคลที่ดี และการกำจัดอุปสรรค เพื่อที่พวกเขาสามารถบรรลุความสำเร็จ ภายในอะไรที่พวกเขาทำ ปล่อยให้บุคคลอื่นบรรลุความสำเร็จ ภายในการบริหารยักษ์ใหญ่ดิจิตอล ซันดาร์ พิชัยขอคำแนะนำอยู่เสมอจากบุคคลของเขา และชุมชนกูเกิลที่ใหญ่ขึ้น ทุกวันศุกร์ พิชัยจัดการประชุมกำลังคน ระหว่างนั้นเขาได้ตอบคำถามโพสจากชาวกูเกิ้ลทั่วบริษัท เราต้องมี
ความถ่อมตัวทางปัญญา ถ้าไม่มีความถ่อมตัว เราไม่สามารถเรียนรู้ได้
้เวทย์มนตร์ของสัตยา นาเดลลา คือ เรียนรู้ทุกอย่าง ไม่รู้ทุกอย่าง ซีอีโอ
ที่แสดงความถ่อมตัวได้ถูกมองมากขึ้นภายในโลกของธุรกิจ พิชัยได้ถูก
กล่าวถึงความเห็นอกเห็นใจ และสุภาพบุรุษ คุณลักษณะที่สำคัญสอง
อย่างต่อซีอีโอที่ถ่อมตัว
ความถ่อมตัวของผู้นำเป็น “พลังที่ผิดธรรมดา” เพื่อความผูกพันของหัวใจ
และจิตวิญญานของบุคคลอื่น ดึงการมีส่วนช่วยอย่างดีที่สุดของพวกเขา ผู้นำหลายคนยังคงมุ่งเน้นการควบคุม เพราะว่าผู้นำน้อยเกินไปเข้าใจพลังชองความถ่อมตัวของผู้นำที่จะบันดาลใจบุคคลอื่น เอ็ดการ์ ไชน์ ได้เรียกร้องความเป็นผู้นำแบบถ่อมตัวทดแทนความเป็นผู้นำแบบแลกเปลี่ยน ด้วยผู้นำที่เป็นส่วนบุคคลมากขึ้น เพื่อที่จะสร้างความเปิดเผยมากขึ้นและความ
สัมพันธ์ที่ไว้วางใจ
การส่องแสงบนสิ่งเหล่านี้ด้วยการใส่ตัวเราเองภายในรองเท้าของบุคคล
อื่น จงคิดกลับไปยังคำถามพื้นฐานสามข้อที่บุคคลมีเกี่ยวกับผู้นำ : เราเป็น
ใคร เรากำลังไปที่ไหน คุณเห็นเราไหม ไม่ใช่การใช้การบังคับบัญชาและ
การควบคุมที่จะได้การสนับสนุนหรือการใช้ความกลัวและการข่มขู่เป็นตัวจูงใจ ผู้นำด้วยความถ่อมตัวสร้างพื้นที่น้ำใจเพื่อศักดิ์ศรีของบุคคลอื่น ด้วยความเข้าใจและการให้เกียรติความต้องการของบุคคลอื่น
ผู้นำด้วยความถ่อมตัวได้การสนับสนุนมากขึ้น เพราะว่าผู้มีส่วนได้เสียกลายเป็นผูกพันมากขึ้น ผู้นำที่ถ่อมตัวทำสิ่งนี้อย่างไร คำตอบเริ่มต้นด้วยการรับรู้ว่าผู้นำถูกมองอยู่เสมอโดยบุคคลอื่น อะไรที่ผู้นำพูดและทำถูกตรวจสอบ และพฤติกรรมของพวกเขาให้หลักฐานให้คำตอบต่อคำถามสามข้อของบุคคลอื่น คำตอบต่อคำถามเหล่านี้สร้างความประทับใจภายในใจของความถ่อมตัวของผู้นำของบุคคลอื่น เมื่อเราพิจารณาภาพกระจกของคำตอบสามข้อที่ให้โดยผู้นำ
คำตอบเหล่านี้กำหนดว่าบุคคลอื่นพบความถ่อมตัวของผู้นำมีอยู่หรือไม่ มันแสดงว่าในฐานะของผู้นำ พฤติกรรมของเราเองให้สัญญาน เราคือใคร
ดังนั้นพฤติกรรมเหล่านี้ให้คำตอบต่อบุคคลต้องการรู้ เราคือใคร ทำนอง
เดียวกันทิศทางที่ฉันกำหนดแก่บุคคลอื่นที่จะเดินตาม และฉันปฏิบัติต่อ
เราอย่างไร ให้คำตอบต่อคำถามเกี่ยวกับ เรากำลังไปที่ไหน และคุณมอง
เห็นฉันไหม การเกี่ยวพันระหว่างกันของฉันกับเราด้วยคำถามเหล่านี้จะ
สนับสนุนหรืออ่อนแอลงความรู้สึกของศักดิ์ศรีหรือคุณค่าตัวเองของ
เราได้
Cr : รศ สมยศ นาวีการ