jos55 instaslot88 Pusat Togel Online กิติมา อมรทัต  ไร่นาน อรุณรังษี สองปัญญาชนมุสลิมร่วมสมัย (20) - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

กิติมา อมรทัต  ไร่นาน อรุณรังษี สองปัญญาชนมุสลิมร่วมสมัย (20)

กิติมา อมรทัต  ไร่นาน อรุณรังษี สองปัญญาชนมุสลิมร่วมสมัย (20)

จรัญ มะลูลีม

ปัญญาซะอฺดี (ต่อ)

ซะอฺดีแห่งรีราซ เป็นกวี  นักเขียนและนักคิดที่ดีเด่นมีชื่อเสียงในคริสต์ศตวรรษที่ 13 นับเป็นนักปราชญ์ของอิหร่าน ซึ่งมีชื่อเสียงไม่เพียงแต่ในประเทศอิหร่านอย่างเดียวเท่านั้น  แต่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในวงการวรรณคดี

ซะอฺดี เกิดในเมืองชีราซ ประมาณปี 1207-1209 ท่านได้บันทึกไว้เองว่า “ในครอบครัวของฉัน พ่อแม่ พี่น้องเป็นนักการศาสนาเป็นผู้ที่มีความรู้ทางศาสนาด้วยกันทุกคน”    ในตอนเยาว์วัยท่านได้เรียนหนังสือในเมืองซีราซ  ได้เรียนรู้วิชาการต่างๆ ขั้นพื้นฐานที่มีสอนอยู่ในสมัยนั้น   จากนั้นได้ไปศึกษาต่อที่นครแบกแดดที่โรงเรียนสอนศาสนานิซอมียะฮ์ซึ่งถือเป็นมหาวิทยาลัยในสมัยนั้น

เป็นเวลานานกว่า 20 ปี ที่ซะอฺดีได้ทำการศึกษาเล่าเรียนในวิชาการด้านศาสนาและวรรณคดี  หลังจากนั้นได้เดินทางท่องเที่ยวไปตามประเทศต่างๆ มากมายเช่น อีรัก, ซีเรีย, หิญาซ แอฟริกาเหนือ และตามหลักฐานได้ระบุไว้ว่าได้เดินทางไปถึงอินเดียและเมืองต่างๆ ในแถบเอเชียไมเนอร์ ตลอดถึงอะเซอร์ไบญานด้วย   ในการเดินทางท่องเที่ยวได้พบปะผู้คนและบ้านเมืองต่างๆ มากมาย   เป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ในชีวิตที่มีคุณค่ายิ่ง นอกจากนั้นท่านยังได้ไปพบปะพูดคุยกับบรรดานักปราชญ์ในสมัยนั้นอย่างเช่น เมาลานา ญะลาลุดดีน มุฮัมมัด เมาลาวี หรือที่รู้จักกันในนามว่ารูมี กวีผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองบัลค์, ได้พบปะกับเชคซอฟีอุดดีน แห่งเมืองอัรฏิบิล, ได้พบปะอิมามแห่งเมืองตะบริ๊ซและพบอะมีรคุสโรแห่งเดลลี   ในที่สุดในช่วงกลางศตวรรษที่ 7 แห่งปีฮิจเราะฮ์หรือประมาณศตวรรษที่ 13 แห่งคริสต์ศักราช  สมัยเมื่อซังกิขึ้นปกครองในราชวงศ์ซุลกุริดแห่งฟาร์ส  ซะอฺดีได้เดินทางกลับเมืองซีราซซึ่งท่านชอบที่จะอยู่อาศัยในบ้านเกิดของท่านเอง  จากการศึกษาและประสบการณ์ที่ได้รับมาอย่างกว้างขวาง   จากการพบปะบรรดาผู้คนในแวดวงต่างๆ ในช่วงที่เดินทางท่องเที่ยวไปในหลายประเทศนั้นทำให้ท่านเขียนหนังสือที่มีค่ายิ่งขึ้น 2 เรื่องคือเรื่องบูสตาน (ในฮิจเราะฮ์ที่ 655) และเรื่องกุลิสตาน (ในฮิจเราะฮ์ที่ 656) หลังจากนั้นท่านได้ใช้ชีวิตไปในทางศาสนา ได้อุทิศตนทำการภักดี (อิบาดะฮ์) และปฏิบัติตามแนวทางซูฟี (รหัสยนัย) อย่างเข้มงวดตลอดชีวิต  ในช่วงเวลาดังกล่าวท่านยังได้เขียนงานอื่นๆ ขึ้นอีกหลายเรื่องเช่น ลำนำกวีที่เรียกว่า ฆาซัล เขียนเทศนาธรรมและกอซีดะฮ์อันเป็นแบบบทกวียกย่องสดุดีเกียรติประวัติของบุคคลโดยใช้ภาษาเปอร์เซียและอาหรับ    นอกจากนั้นยังเขียนโคลงพรรณนาความโศกเศร้าและเขียนกวีโดยใช้ฉันทลักษณ์แบบรุไบยาต ฯลฯ ไว้อีกด้วย ซะอฺดีเป็นนักปราชญ์ที่ปฏิบัติตนอยู่ในหลักศาสนา    เคารพตัวเองและได้รับความเคารพยกย่องจากบุคคลทั่วไป  แม้กระทั่งผู้ปกครองและบรรดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่     เมื่อพิจารณาในด้านถ้อยคำสำนวนของซะอฺดีแล้วก็นับว่ามีศิลปะอยู่ในขั้นสูงจนได้รับการยกย่องจากประชาชนทั่วไป    งานเขียนของท่านในด้านกวีนิพนธ์ก็ได้รับการกล่าวขวัญถึงไปทั่วโลก

ในเรื่องนี้ตัวซะอฺดีเองก็รู้อยู่ก่อนแล้วในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ว่าผลงานของท่านจะโด่งดังออกไปทั่วโลกเพราะเชื่อมั่นว่าบทกวีของท่านเอ่ยถึงเรื่องสัจธรรมของชีวิต    ซึ่งได้มาจากศาสนาและชีวิตจริงของผู้คนทั่วไป   ซะอฺดีเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นนักปราชญ์ผู้มีความเฉลียวฉลาดลึกซึ้งในการมองโลกและชีวิต    ตัวเองก็เป็นคนที่มีคุณธรรมจนเป็นที่เคารพยกย่องของชาวอิหร่านและชาวต่างประเทศทั่วโลก

ผลงานของซะอฺดี ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีที่สุดถึงความจริงที่ว่าท่านไม่ใช่เป็นเพียงกวีและนักเขียนที่มีเอกลักษณ์และมีพลังอย่างเดียวเท่านั้น   แต่ยังเป็นนักคิดนักปราชญ์ผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องศาสนาและจริยธรรม  ตลอดทั้งมีสติปัญญาในทางปฏิบัติและความรู้ในเรื่องเร้นลับ   อีกทั้งมีความเข้าใจทางการเมืองและสังคมวิทยาอีกด้วย    ได้นำความรู้และประสบการณ์เหล่านี้ออกมาเขียนบทกวีชี้นำด้านจิตวิญญาณ   มีการอุปมาอุปมัยที่สมจริงไพเราะอ่อนหวานและลึกซึ้งไม่ว่าจะเขียนในรูปฆาซัล   หรือบทโอดหรือกอซีดะฮ์  ก็แสดงออกด้วยการใช้ภาษาที่เรียบง่ายและอ่อนหวาน  ซึ่งทุกคนสามารถเข้าใจได้  แต่ไม่ง่ายนักที่จะแต่งคำประพันธ์ให้เหมือนอย่างของท่านได้

ผลงานของซะอฺดีที่มีชื่อเสียงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสมัยของเขาจนมาถึงปัจจุบันจนถูกจัดให้เป็นตำราเรียนในการพูดภาษาเปอร์เซียและได้รับการแปลออกเป็นภาษาต่างๆ หลายสิบภาษา  เช่นภาษาอังกฤษ , ฝรั่งเศส , เยอรมัน ฯลฯ เป็นต้น ผลงานดังกล่าวนั้นคือกุลิสตานและบูสตาน

กุลิสตานของซะอฺดี นับเป็นผลงานร้อยแก้วภาษาเปอร์เซียที่ไพเราะที่สุดและงดงามในด้านการสั่งสอนหลักศีลธรรม   ซึ่งได้นำเสนอไว้ 8 บทในรูปแบบร้อยกรองอย่างมีศิลปะโดยนำเรื่องราวต่างๆ มาเล่า   ยกอุปมาอุปมัยเป็นแบบคติธรรมสอนใจ

ที่ได้กล่าวมานั้นได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสัจธรรมที่ซะอฺดีได้รจนาด้วยภาษากวีที่ไพเราะ   เช่นว่าด้วยเรื่องบุคลิกลักษณะของบรรดากษัตริย์   ว่าด้วยเรื่องศีลธรรมและบุคลิกลักษณะของซูฟีว่าด้วยเรื่องคุณธรรมของการถือสันโดษว่าด้วยเรื่องคุณประโยชน์ของความสงบ   ว่าด้วยเรื่องความรักและคนหนุ่มสาว  ความอ่อนแอผู้สูงอายุ  ผลที่ได้รับจากการศึกษาและการฝึกอบรม    นอกจากนั้นยังว่าด้วยเรื่องศักดิ์ศรีทางสังคมและศิลปะของการสนทนาอีกด้วย

กุลิสตานของซะอฺดี เป็นการพรรณนาถึงโลกที่เป็นอยู่  ท่านได้อธิบายถึงสภาพต่างๆ ของชีวิตมนุษย์ที่ยังมิได้เป็นตามสภาพที่ควรจะเป็น  ท่านได้พรรณนาถึงความบกพร่องและข้อตำหนิต่างๆ ในชีวิตของมนุษย์ในสังคม   ตลอดทั้งฐานะศักดิ์ศรีที่ปรากฏในสังคมมนุษย์   ความขัดแย้งในด้านความคิดและอุดมคติ  ตลอดทั้งวิธีการคิดของมนุษย์ที่ไม่เหมือนกัน   ความยึดมั่นและการแสวงหาของบุคคลในแต่ละชนชั้นและชุมชนในแต่ละคนนั้นได้ถูกนำมาวิเคราะห์ถึงรายละเอียดและได้ผูกเป็นเรื่องเป็นราว โดยชี้นำทางออกที่ถูกต้องจากโองการอัลกุรอานและวจนะของท่านศาสดา   ควบคู่ไปกับโองการต่างๆ เหล่านั้นในภาษาอาหรับที่แปลเป็นภาษาเปอร์เซีย   โดยยกขึ้นมาประดับแง่มุมแห่งความคิดที่เฉลียวฉลาดและลึกซึ้งในด้านรหัสยนัยด้วยภาษาที่ไพเราะเพราะพริ้งและอ่อนหวานที่ปรากฎอยู่ในกุลิสตาน

อย่างไรก็ตามหนังสือบูสตานของซะอฺดีนั้นเกิดจากจินตนาการของท่าน   นับเป็นยูโทเปียในด้านความฝันและปณิธานอันยิ่งใหญ่แน่วแน่ของท่าน    เป็นการสดุดีคุณธรรมและความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตที่เต็มไปด้วยความศรัทธาและความบริสุทธิ์ใจในบูสตานหรือสวนแห่งสัจธรรมและจิตวิญญาณอันสูงส่งนี้ซะอฺดีได้ชี้นำว่ามนุษย์ควรจะเป็นเช่นใดโดยใช้เรื่องราว 10 บท เสนอแก่ผู้อ่านเพื่อนำผู้อ่านไปรู้จักกับมนุษย์ในอุดมคติแห่งยูโทเปียตามแบบความใฝ่ฝันของท่านซึ่งท่านได้พบด้วยตัวเองว่ามนุษย์ที่สมบูรณ์แบบสูงสุดนั้นควรจะเป็นเช่นใด   ทั้งทางด้านร่างกาย วาจา จิตใจและการประพฤติปฏิบัติ   โดยรวมจะต้องขัดเกลาให้บริสุทธิ์และยุติธรรมปราศจากความผิด ความชั่ว ความบาปและสิ่งแปดเปื้อนทั้งปวง  หน้าต่างสิบบานที่กำลังเปิดไว้เพื่อเป็นภาพอันเจิดจ้าชัดแจ้งแห่งคุณธรรมและความงามของชีวิตมนุษย์นั่นคือมนุษย์จะต้องยุติธรรมและมีความมั่งคั่งทางด้านสติปัญญา   สามารถที่จะจำแนกแยกแยะความถูกผิดชั่วดีได้   มีแรงกระตุ้นอยู่เสนอที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และมีความยำเกรงในพระผู้เป็นเจ้า   นั่นคือการเคารพกฎศีลธรรมแห่งชีวิตมนุษย์    อีกทั้งยังต้องสร้างประโยชน์เกื้อกูลเพื่ออนุเคราะห์แก่ชนทั้งหลาย   อันนับเป็นการสรรเสริญสดุดีขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าด้วยการปฏิบัติในสิ่งที่ดีงามเพื่อเป็นการตอบแทนความจำเริญที่ชีวิตได้รับมาจากพระผู้เป็นเจ้า

ทั้งกุลิสตานและบูสตานนั้นนับเป็นการรวบรวมสติปัญญาแบบโลกียะเพื่อให้เห็นถึงการพัฒนาไปสู่ปัญญาที่อุดมสมบูรณ์    ซะอฺดีเสนอให้เห็นแก่นแท้ของสิ่งที่ท่านได้ศึกษาเรียนรู้มาจากประสบการณ์ที่กว้างขวางทั้งทางด้านการเมือง ศีลธรรม บุคลิกลักษณะนิสัยใจคอของมนุษย์และศาสนา   ท่านได้พรรณนาถึงลักษณะอาการต่างๆ ของมนุษย์อย่างเฉลียวฉลาด และได้สอดแทรกคติธรรมไว้อย่างประณีตในการสั่งสอนชักจูงให้ผู้อ่านได้สนใจในความหมายด้านในของชีวิตอีกทั้งยังได้ให้ชีวิตชีวาแก่เนื้อหาโดยการเติมรสชาติ  แห่งอารมณ์ขันเข้าไว้ในเนื้อเรื่องที่หลากหลายเหล่านั้น    ท่านใช้วิธีสั่งสอน   เทศนาเพื่อบำบัดโรคภัยไข้เจ็บในจิตใจมนุษย์โดยการครอบคลุมไว้ด้วยเครื่องประดับที่ยั่วยวนใจ  เสมือนหนึ่งแก่นของธรรมะซึ่งเป็นดั่งยาขม  จำเป็นที่จะต้องเอายาเหล่านั้นมาคลุกเคล้าเข้าด้วยน้ำผึ้งหวาน   เพื่อให้เป็นยาลูกกลอนที่บำบัดโรคร้ายภายในจิตใจมนุษย์ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

เหนือสิ่งอื่นใดหากผู้อ่านได้พบจุดสุดยอดของความสำเร็จทางด้านศิลปะในงานเขียนของซะอฺดีแล้ว  ผู้อ่านควรจะต้องหันกลับไปพิจารณาฆาซัลหรือลำนำที่เขียนเป็นบทโอดของท่านซึ่งเป็นลักษณะที่ใช้ลำนำทำนองแบบโบราณซึ่งประกอบด้วย ตายิบัต, บาดายิ, และคอวาตีม  รูปแบบของฉันทลักษณ์เหล่านี้เป็นโลกแห่งสีสันซึ่งใช้พรรณนาความเร้นลับทางจิตวิญญาณและการภาวนาสรรเสริญสภาวะที่เป็นทิพย์  ซึ่งซะอฺดีได้แสดงออกอย่างได้ผลด้วยการใช้ภาษาที่นำผู้อ่านเข้าสู่ภวังค์ของความแปลกประหลาดในด้านความรักที่ยิ่งใหญ่ต่อสภาพที่เป็นทิพย์ซึ่งซะอฺดีทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ไพเราะหมดจดงดงามไม่มีผู้ใดจะแข่งขันได้เลย  ในบทโอดของซะอฺดีนั้นแสดงถึงความเจ็บปวดของจิตวิญญาณที่กระวนกระวายคอยระแวดระไวสภาพของจิตใจที่สูงส่งในยามที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก   อันเป็นประสบการณ์ที่เผาลนกระวนกระวายที่คนรักมีต่อผู้เป็นที่รัก  เป็นการผสมผสานทั้งรหัสยนัยและจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก  ซึ่งโอบกอดไว้ด้วยความรู้รอบในแหล่งแห่งการสร้างสรรค์ของพระผู้สร้าง  นับเป็นเรื่องยากที่จะนำสิ่งเหล่านี้ออกมาเขียนพรรณนาได้  แต่ซะอฺดีก็ได้ใช้ความพยายามอย่างประณีตเพื่อให้เกิดความเข้าใจเช่นนั้นแก่ผู้อ่านท่านได้กล่าวว่า

“ข้าปิติชื่นชมในโลกนี้ เหมือนดังโลกที่เต็มไปด้วยความน่าปิติชื่นชมอันเป็นของพระองค์   ข้าตกอยู่ในความรักกับจักรวาลทั้งมวลเหมือนกับว่าที่จักรวาลทั้งมวลเป็นของพระองค์”

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *