เลิกสงครามยูเครนได้ : ครอบครัวผมคงดีขึ้น
สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
เลิกสงครามยูเครนได้ : ครอบครัวผมคงดีขึ้น
ใจชื้นขึ้นมาหน่อยแล้วละครับ ที่ได้ยินข่าวว่า “วลาดิมีร์ ปูติน”(ประธานาธิบดีรัสเซีย)จะเลิกทำสงครามรุกรานยูเครนอันยืดเยื้อเสียที หลังขึ้น”ขี่หลังเสือ”มาหลายเดือน แต่หาวิธีลงยังไม่ได้ เพราะเสือดุร้ายมาก
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ”เรเซ็บ ตอยยิบ เออร์โดกัน”ประธานาธิบดีตุรกี (เดี๋ยวนี้ใช้ชื่อใหม่ว่า “ตุรเกีย” ถ้าจะเรียกออกสำเนียงอาหรับก็ต้อง”ตุรฺกียะห์”)
“เออร์โดกัน”(เรียก “อีรฺดุฆอน”ก็น่าจะได้ หากลากเข้าสำเนียงอาหรับ-จะผิดจะถูกก็ช่างเถอะ) เปิดเผยเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๕ กับสำนักกระจายเสียง”พีบีเอส”ว่า :-
”เชื่อว่าผู้นำรัสเซียหากำลังทางยุติสงครามที่เขาเริ่มขึ้น ด้วยการใช้ก้าวย่างที่สำคัญมากๆ ในเร็ววันนี้”
ก็ไม่รู้ว่า”ก้าวย่าง”ที่ว่านั้นคืออะไร เพราะ”เออร์โดกัน”ไม่ได้อธิบายไปมากกว่านั้น
เพียงแต่ส่อนัยบางอย่าง ที่ไม่มีใครรู้
ก็ได้แต่คาดเดาเอาเองว่า “อาจเปิดฉากสู้รบใหญ่อีกรอบ” ทุ่มเทกำลังสุดๆ เพื่อพิชิตศึกอย่างเด็ดขาด เหมือนเมื่อครั้ง”พม่าเผากรุง” หมายให้ไทย”สิ้นชาติ”ในครั้งกระโน้น
ต้องเดาเช่นนี้ เพราะยังไม่เห็น มีวิธีสันติใดๆ เลย เนื่องจากไม่มีทางเป็นไปได้ ที่”ปูติน”จะกลับบ้านมือเปล่า ให้เสียคะแนนนิยม
“เออร์โดกัน”เปิดเผยเรื่องนี้ หลังพบปะหารือ”ประเด็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง”กับ”ปูติน”ในโอกาสไปร่วมประชุมสุดยอด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในอุซเบกิสถาน
นี่คือพฤติกรรมอันน่ายกย่องของ”เออร์โดกัน”ที่พยายามช่วยสหประชาชาติ(ซึ่งรัสเซียไม่ฟัง)เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย
ตามที่เขาลั่นวาจาไว้ก่อนหน้านี้ว่า “จะหาทางให้คู่สงครามเจรจาหยุดยิงกันเอง”ให้ได้
เห็นได้ชัดเจนว่า ตุรกี (โดย”เออร์โดกัน”)พยายามถ่วงดุลกับ”นาโต้”โดยตุรกีนั้น ยืนกรานไม่เห็นด้วยกับชาติตะวันตก ที่ใช้มาตรการ”แซงชั่น”รัสเซียทางเศรษฐกิจ
แทนที่จะเกิดผลดี กลับกลายเป็น”บูมเมอแรง”หมุนเข้าใส่ตะวันตกเอง โดยเฉพาะสหรัฐ
ถามว่า สงครามยูเครนส่งผลกระทบต่อโลกอย่างไร
ตอบง่ายๆ เลยว่า ส่งผลกระทบมาก เพราะการตอบโต้กันนอกเหนือจาก”สงครามยิง” ก็คือด้วย”สงครามการค้า”ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกต้องถดถอย ไม่เป็นไป ตามที่ควรจะเป็น
ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างขนานใหญ่
เป็นการ”ซ้ำเติม”การแพร่ระบาดของ”โควิด 19” ที่ยืดเยื้อยาวนานมาสามปีทำให้เศรษฐกิจในประเทศต่างๆ พังทลาย ไปก่อนหน้าแล้ว
ผู้คนตกงานทั่วโลก เพราะการปิดตัวของธุรกิจต่างๆ
มองให้ใกล้ตัวเข้ามา ที่บ้านเราเมืองไทย จะพบว่าธุรกิจแทนที่จะฟี้นตัวเร็วขึ้น จากสถานการณ์แพร่ระบาดคลี่คลาย แต่ภาวะเงินเฟ้อกระหน่ำซ้ำ ข้าวของขึ้นราคาไม่หยุด
ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าแก๊สหุงต้มขึ้นไปแล้วและจะขึ้นต่อไปอีกเรื่อยๆ
ราคากับข้าวกับปลา ก็ขึ้นสูงด้วย ไม่เชื่อ ลองไปจ่ายตลาดดูได้
พืชผักผลไม้และเนื้อสัตว์ ล้วนขึ้นราคาหมด แพงจนจรดแทบไม่ลง
พวกแม่ค้าแม่ขายบ่นกันตรึม โดยเฉพาะแม่ค้าข้าวแกงและทำอาหารตามสั่ง ถ้าไม่กล้าขึ้นราคา ก็ต้องลดปริมาณอาหารที่ขายลง ไม่งั้นจะเอากำไรมาจากไหน หลายรายขาย เพื่อได้อาศัยกินไป
หลายรายไปไม่รอด เพราะสายป่านสั้น เงินทุนหดหาย
ขายไม่ได้ ไม่ค่อยมีคนซื้อ ก็ต้องหยุด…แล้วจะทำอะไรต่อ ?
แม้แต่นายทุนเล็ก ที่ออกเงินกู้ประเภท ๑๐๐ บาทไป ๑๒๐ บาทมา อันเป็นแหล่งเงินหมุนเวียนหลัก ของพ่อค้าแม่ขาย ก็ทยอยหยุดให้กู้กันแล้ว
เพราะกลัวเงินสูญ
อย่าถามนะครับว่า ทำไมผมรู้
สภาพการณ์ที่ยืดเยื้อมอย่างนี้ ธุรกิจชาวบ้าน”เจ๊งบ๊ง”แน่ ๆ
ยังดี ที่ตอนนี้ ยังมี”เงินคนละครึ่ง”(คนละ ๘๐๐ บาท)ที่รัฐช่วยประคับประคองชาวบ้านและช่วยให้ธุรกิจระดับล่างหมุนเวียน
ใครที่ชอบด่ารัฐบาล ขอให้หยุดเถิด อย่าหาว่าทำเพื่อ”หาเสียง”เลย นั่นเป็นหน้าที่ของเขา(รัฐบาล)พยายามช่วยพวกผม ป้องกันพวกผมก่อปัญหา
บ้านผมได้สิทธิใช้”เงินคนละครึ่ง”สามคน ก็พอปะทะปะทังไป
ตัวหลักเจือจุนบ้านผม(สองคนผัวเมีย)ตอนนี้มีสามคน แต่ละคน ล้วนมีครอบครัวต้องดูแล คนหนึ่งงานที่ส่งขายต่างประเทศหดตัว อีกคนหนึ่งทำธุรกิจร่อแร่ใกล้จะเจ๊ง ดีที่ยังมีอีกคน ทำรัฐวิสาหกิจ มีรายได้ต่อเนื่อง
เลยยังไม่อดตาย / ดี…ที่บ้านไม่ต้องเช่า
ถาม(ซ้ำจากที่เคยถาม)ว่า แล้วครอบครัวอื่นเล่า โดยเฉพาะพวกที่เช่าบ้านอยู่ เขาอยู่กันอย่างไร ขณะที่เศรษฐกิจกรุงเทพฯเป็นอย่างนี้
ใครที่แนะให้มัธยัสถ์นั้น ถามหน่อยว่า ชาวบ้านเขาจะเอาที่ไหนมาประหยัด
ก็ได้แต่ขอพร วอนพระผู้เป็นเจ้าทุกวันว่า ช่วยหยุดสงครามเสียทีเถิด การทดสอบความอดทนพวกเรา สมควรหยุดได้แล้ว พวกเราเรียนรู้บทเรียนแล้ว
ในที่สุด พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงตอบผม ผ่านทาง”เออร์โดกัน”
แม้เป็นเพียง”แสงสว่าง”ที่ปลายอุโมงค์ ก็ยังดี
อินชาอัลลออฺ (ถ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์)