jos55 instaslot88 Pusat Togel Online อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล : ใครบอกว่ามันไม่สามารถทำได้ - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล : ใครบอกว่ามันไม่สามารถทำได้

อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล : ใครบอกว่ามันไม่สามารถทำได้

อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ 1886 จะเป็นบริษัทที่ปรึกษาแห่งแรกของโลก เมื่อ ค.ศ 1806 อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล นักเคมีจากเอ็มไอทีที่ค้นพบเกลือของกรดน้ำส้ม ได้เปิดสำนักงานวิเคราะห์เคมีภายในบอสตัน แมสซาชูเสตต์ การเปิดสำนักงานจะเป็นการกำเนิดการวิจัยทำสัญญา การเชื่อมโยงช่องว่างระหว่างศาสตร์ที่ปรากฏขึ้นและความต้องการทางปฏิบัติของอุตสาหกรรมและสังคม มันได้ค่อยวิวัฒนาการไปสู่จุดศูนย์กลางของการวิจัยว่าจ้างภายนอกภายในอเมริกา แต่อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้ก้าวต่อไป เมื่อ ค.ศ 1911 เมื่อบริษัทที่เขาได้ก่อตั้งได้สร้าง 25 ปีของความเชี่ยวชาญทางการบริหารนวัตกรรม เขาได้สร้างห้องทดลองการวิจัยแห่งแรกแก่เจ็นเนอรัล มอเตอร์ เขาได้คิดค้นโมเดลธุรกิจแก่บริษัทของเขา – และอุตสาหกรรม
การบริการให้คำปรึกษาทางการบริหารของอาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล สมัยเดิมจะแสวงหาไม่เพียงบริษัทเท่านั้น แต่จะเป็นรัฐบาลทั่วโลกด้วย งานโครงการของพวกเขาจะมุ่งที่การเงินของบริษัท ความเสี่ยงภัยทางสภาพแวดล้อม กลยุทธ์และองค์การ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการบริการอื่นที่จะรักษาความสามารถแข่งขันของผู้ใช้บริการ
อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล จะชอบความท้าทาย การตอบสนองของเขาต่อ “ใครบอกว่ามันไม่สามารถทำได้” เมื่อถามเป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำกระเป๋าผ้าไหมจากหูหมู จะแสดงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ยืนหยุดอยู่ ตลอดประวัติ 130 ปีของเรา เราได้ถูกขับเคลื่อนที่จะแก้ปัญหาที่ยาก การท้าทายเราและผู้ใช้บริการของเราที่จะทำให้ความเป็นไปไม่ได้กลายเป็นความจริง
เราจะอยู่ภายในโลกของความท้าทายที่ยากจะชนะได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศของโลก สังคมที่ท้าทายด้วยประชาชนที่สูงอายุ หรือการขาดความสามารถของบริษัทใหญ่ที่จะปฏิรูปภายในการตอบสนองต่อลูกค้ายุคดิจิตอล ภายในการเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ การตอบสนองเราจะต้องอยูบนพื้นฐานความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงสามารถเกิดขึ้นได้ และนี่จะเริ่มต้นด้วยความคิด ความคิดที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ที่จะยอมรับฐานะเดิม หรือยอมรับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ของความท้าทาย ความคิดที่สนับสนุนความกล้าหาญ ความไม่กลัว และการเรียนรู้ ความคิดที่เป็นความเชื่อรากฐาน “มันสามารถทำได้”
การทำกระเป๋าผ้าไหมจากหูหมู และการล่องลอยด้วยบอลลูนตะกั่วจะเป็นถ้อยคำ
ที่ใช้กันจนเบื่อต่อความเป็นไปไม่ได้ มันได้สร้างความประหลาดใจมากขึ้น เมื่ออาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้ประกาศว่าพวกเขาสามารถทำได้ทั้งสองอย่าง
เขาได้บุกเบิกแนวคิดของการบริการทางวิชาชีพทำสัญญา บริษัทจะมีบทบาทที่สำคัญภายในการพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ
อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้ท้าทายนักเคมีของเขาที่จะสร้าง “ไหม” จากผลิตภัณฑ์พลอยได้ของหมู ความคิดเบื้องหลังของความน่าประหลาดใจนี้และไม่น่าจะเป็นการทดลองทางปฏิบัติได้คือ การพิสูจน์ว่าบางสิ่งบางอย่างที่พูดว่าเป็นไปไม่ได้ ด้วยความพยายามที่เพียงพอและความฉลาดสามารถทำได้
คำกล่าวที่ว่า เราไม่สามารถทำกระเป๋าผ้าไหมจากหูหมู ได้ถูกใช้มานานหลายปีที่ขัดขวาง
การคิดค้นและบริษัท ดังที่อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ตัวเขาเอง ได้กล่าวว่า เราได้แก้ปัญหา…..
ที่จะพิสูจนว่ามันผิด และเราได้ทำด้วยเหตุนี้ เราสามารถทำกระเป๋าผ้าไหมจากหูหมูได้ ตามรูปจะเป็นกระเป๋าผ้าไหมกรอจากเส้นใยวุ้นทำจากหูหมู
บริษัทได้กล่าวว่า เราได้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่ามันจะไมแข็งแรงมากหรือเป็นไหมที่ดี ไม่มีการแสดงคุณค่าทางอุตสาหกรรมภายในการทำจากกาว แต่พวกเขาทำมันได้
ภายใต้การทำงานเคียงข้างกับผู้ใช้บริการของเรา เราได้พิสูจน์ต่อพวกเขาว่าเราจะเพียงแต่ผูกพันอย่างเข้มแข็งเมื่อพวกเขาได้เข้าใจและรับรู้ความท้าทายของพวกเขา เอดีแอลจะไม่เป็นวัฒนธรรมแบบราชการ แต่จะเป็นความร่วมมือร่วมใจและการคิดไปข้างหน้า บุคคลของเราจะเป็นตัวอย่างของค่านิยมเหล่านี้
โดยวิถีทางที่โครงการได้ถูกกำหนดและบริหารตลอดทั้งวงจรชีวิตของมัน
อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ต้องการที่จะจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนที่เผชิญโดยบริษัท ปัญหาที่บริษัทที่ปรึกษาอื่นไม่สามารถแก้ไขได้ เขาจะต่อต้านการจัดระบบอะไรก็ตาม เมื่อเราจะต้องร่วมความคิด และพยายามจะคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาที่เฉพาะภายในแต่ละกรณี เขาได้ปฏิเสธอยู่เสมอที่จะเข้าไปสู่สมาคมวิชาชีพของการให้คำปรึกษาทางการบริหาร
อาร์เธอร์ ดีิ ลิตเติ้ล จะเป็นบริัษัทที่ปรึกษาทางการบริหารแห่งแรกของโลก การทำสัญญากับบริษัทอุตสาหกรรมที่จะแก้ปัญหาดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ เมื่อ ค.ศ 1917 บริษัท รากฐานต้นกำเนิดอยู่ที่ 103 มิลค์ สตรีท ภายในบอสตัน ได้ย้ายไปยังอาคารของพวกเขาเอง อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล อิงค์ อาคาร ณ 30 เม็มมอเรียล ไดรว์ ชารลส์ รีเวอร์ อยู่ติดกับวิทยาเขตใหม่ของเอ็มไอที
การเข้าหาเอ็มไอทีได้ง่ายเพื่อการสรรหาและการให้คำปรึกษา รายงานของเอดีแอลได้ประกาศถึงความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาสรุปว่า การทำกระเป๋าผ้าไหมจากหูหมูจะเป็นเพียงแต่การผันแปรของเคมีเท่านั้น เมื่อเคมีใส่ลงไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง และได้นำมาสู่ธุรกิจ การเริ่มต้นสิ่งที่เกิดขึ้นที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมและธุรกิจ
ภายในประวัติทั้งหมดของเรา เราได้ถูกขับเคลื่อนโดยปัญหาที่ท้าทายเรา
ทำให้ความเป็นไปไม่ได้เป็นความจริง ความสำเร็จของอาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล จะเกิดขึ้นจากวิชาชีพและวิธีการทางธุรกิจของพวกเขา
เมื่อ ค.ศ 1921 อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้รวบรวมกลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ที่จะ
พิสูจน์หักล้างคำกล่าวที่ว่า เราไม่สามารถทำกระเป๋าผ้าไหมจากหูหมูได้ – การแสดงว่าบางสิ่งบางอย่างที่พูดเป็นไปไม่ได้ ด้วยความพยายามที่เพียงพอและความฉลาดสามารถทำได้
ภายในการศึกษาวิถีทางที่ตัวไหมปั่นด้ายของพวกมัน นักวิทยาศาสตร์ได้นำหูหมู 45 กิโลกรัมจากผู้บรรจุเนื้อสัตว์ ต่อมาพวกเขาได้เคี่ยวเป็นกาว 4.5 กิโลกรัม พวกเขาได้ค้นพบวิถีทางที่จะทำให้กาวเป็นด้ายที่สามารถทอเป็นผ้าไหมได้ ผ้าไหมได้ถูกใช้ทำกระเป๋ายาวสิบนิ้วสองใบ
อาร์เธอร์ ดีิลิตเติ้ล บริษัทที่ปรึกษาทางการบริหาร 81 ปีที่แล้ว ได้สร้างกระเป๋าผ้าไหมจากหูหมูสองใบ เป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่ความประหลาดใจ
เมื่อ ค.ศ 1977 การแข่งขันที่จะสร้างบอลลูนตะกั่วจากคำกล่าวที่ว่า บอลลูนตะกั่วไม่สามารถลอยได้ ความพยายามจะลอยบอลลูนตะกั่วภายในกลางแจ้ง ได้เกิดขึ้น ณ อาร์เธอร์ ดี ลืตเติ้ล ภายในการแข่งขันระหว่างทีมของวิศวกรสามทีม การออกแบบบอลลูนสามลูกได้ถูกสร้างขึ้นมา บอลลูนลูกหนึ่งได้ฉีกขาดระหว่างพองลม บอลลูกอีกสองลูกลอยได้สำเร็จจนสุดเชือกที่ผูกติด แต่ภายในกระบวนการหมุนบอลลูน บอลลูนลูกหนึ่งได้แยกออกและหายไปภายในมหาสมุทรแอตแลนติค บอลลูนที่ชนะจะเป็นทรงกลม เส้นรอบวง 12 เมตร สร้างด้วยผิวฟอยล์ตะกั่ว
จิม เบอร์เก็ตต์ นักเคมี ณ บริษัทที่ปรึกษา อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล จะไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า บอลลูนตะกั่วไม่สามารถลอยได้ เมื่อ ค.ศ 1977 ความคิดของบอลลูนตะกั่วได้เกิดขึ้นภายในใจของเขา ภายหลังจากการคำนวณบางอย่าง เขาได้พิจารณาว่าทรงกลมที่บางของฟอยล์ตะกั่วเติมด้วยก้าซฮีเลี่ยมจะลอยขึ้นได้นานเท่าที่มันจะลอยได้อย่างน้อยที่สุดหกฟุตของเส้นผ่าศูนย์กลาง เขาได้จัดการประกวดของบริษัทที่จะค้นหาการออกแบบบอลลูนตะกั่วที่ดีที่สุด และได้กำหนดวันปล่อยเพื่อการแข่งขัน บอลลูนที่ลอยได้สูงสุดจะได้ชัยชนะ ในที่สุดพวกเขาได้พิสูจน์ว่ามันเป็นไปได้ที่จะทำให้บอลลูนตะกั่วลอยขึ้นได้
แรงบันดาลใจของจิม เบอร์เก็ตต์ ไม่ได้กลายเป็นความจริงจากจิตใจที่ว่างเปล่า
อารเธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้พลิกหน้ามือเป็นหลังมือของการแสดงออกที่เหมือนกันเมื่อ ค.ศ 1922 เมื่อเขาได้ท้าทายนักเคมีของบริษัทที่จะสร้างกระเป๋าผ้าใหมจากหูหมู
ผลงานของเอดีแอลภายในการวิจัยและพัฒนาจะครอบคลุมช่วง 120 ปี การเริ่มต้นภายใน ค.ศ 1880 ความสำคัญเอดีแอลได้เริ่มต้นส่งเสริมความสำคัญของอาร์ แอนด์ ดี ที่จะบรรลุการเจริญเติบโตของบริษัท หนี่งร้อยปีต่อมาบริษัทอเมริกันและรัฐบาลได้ริเริ่มการทำอาร์ แอนด์ ดี และเอดีแอลจะมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะช่วยเหลือ พวกเขาได้แนะนำการบริการตรวจสอบทางเทคนิค การมุ่งช่วยเหลืออุตสาหกรรมและรัฐบาลภายในการใช้การปฏิบัติที่ดีที่สุดภายในองค์การและการบริหารอาร์ แอนด์ ดี ในที่สุดการบริการนี้ได้กลายเป็นธุรกิจต่อเนื่อง อาร์ แอนด์ ดี จะเป็นทรัพยสินที่เข้มแข็งที่สุดของเอดีแอล แม้ว่าผู้บริหารได้พยายามจะก้าวออกไปจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และกลายเป็นคล้ายกับแมคคินซีย์ แอนด์ คอมพานี มากขึ้น เพื่อการส่งเสริมชื่อเสียงทางเทคโนโลยีของพวกเขา บุคคลบางคนของเอดีแอลต้องการจะมีเหตุการณ์เผยแพร่คล้ายกับความสำเร็จของการทำกระเป๋าผ้าไหมจากหูหมูห้าสิบปีก่อนหน้านี้ ความคิดอย่างหนึ่งคือ การพิสูจน์หักล้างสมมุติฐานว่าบอลลูนตระกั่วไม่สามารถลอยขึ้นได้
ในที่สุดทีมวิศวกรสามทีมของเอดีแอลได้สร้างบอลลูนตะกั่ว และแข่งขันกัน
บอลลูนของใครจะลอยขึ้นได้ไกลที่สุด บอลลูนลูกหนึ่งลอยขึ้นสูงจนทำให้เกิดการแจ้งเตือนที่จะออกไปพ้นจอเรดาร์
เอดีแอลจะมีชื่อเสียงต่อทั้งการคิดที่อิสระและไปไกล ทุกปีพวกเขาจะมีการประกวดภายในบริษัทที่จะทดสอบ “ข้อเท็จจริงที่ยอมรับ” สองอย่างของการประกวดเหล่านี้คือการทดสอบข้อเท็จจริงของการยอมรับคำกล่าวโดยทั่วไปว่า เราไม่สามารถทำกระเป๋าผ้าไหมจากหูหมูได้ และเราไม่สามารถทำบอลลูนตะกั่วที่ลอยได้ ทั้งสองความเชื่อได้ถูกพิสูจน์หักล้างไป
อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล มักจะอธิบายว่าเป็นบริษัทที่ปรึกษาเก่าแก่ที่สุดของโลก
เมื่อ 50 ปีที่แล้วอพอลโล 11 ได้ลงบนดวงจันทร์จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งภายในประวัติศาสตร์ แต่ปัจจุบันนี้ในฐานะของบริษัทหนึ่ง เราจำได้ถึงบทบาทของทีมสมาชิกเอดีแอลมากกว่า 80 คนได้มีบทบาทภายใน
ภารกิจอพอลโล 11
พวกเขาได้ใช้โอกาสของการฉลองปีที่ 50 ของการลงบนดวงจันทร์ เพื่อที่จะสะท้อนบทบาทที่บุคคลมากกว่า 80% ของพวกเขามีบทบาทภายในความสำเร็จของภารกิจอพอลโล 11 ค.ศ 1969 – ถอยหลังเวลาไปเมื่อบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ้ปแทบจะยังไม่ออกจากผ้าอ้อม ระหว่างการแข่งขันไปสู่ดวงจันทร์เมื่อปลาย ค.ศ 1960 อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้ร่วมมือกับนาซา การออกแบบการทดลองที่สำคัญและการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการคุ้มครองนักบินอวกาศ เราจะภูมิใจอย่างมากที่จะมีบทบาทเล็กน้อยภายในโอกาสที่สำคัญนี้ภายในประวัติศาสตร์
ที่จริงแล้วการให้คำปรึกษาจะไม่เป็นเพียงแต่เชิงอรรถที่เลือนหายไปภายในประวัติของรอยเท้ามนุษย์ต่างดาวครั้งแรกของมนุษยชาติ แต่ได้ทิ้งมรดกทางวิทยาศาสตร์ตลอดกาลด้วยการมีส่วนร่วมภายในการวิเคราะห์ การออกแบบ
การประดิษฐ์ การประกอบ และการทดสอบบนการทดลองแอลอาร์อาร์อาร์
– วิถีทางที่จะคำนวณระยะทางโลก-ดวงจันทร์ที่แน่นอนที่ได้ถูกใช้จนทุกวันนี้
อิกนาซีโอ กราเซีย อัลเวส ซีอีโอของ อาเธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้วิจารณ์ว่า
“นานกว่า 130 ปี ชื่ออาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล จะมีความหมายเดียวกับความฉลาดทางเทคโนโลยี และการคิดทางนวัตกรรม การลงบนดวงจันทร์ของอพอลโล 11 จะเป็นเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ การทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นความจริง เราภูมิใจอย่างมากที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ได้พัฒนาแอลอาร์อาร์อาร์ ์และเราได้แสดงความยินดีกับนาซาต่อการฉลองที่สำคัญยิ่งนี้ ด้วยคำพูดของผู้ก่อตั้ง อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล “ใครบอกว่ามันไม่สามารถทำได้”

 

เมื่อเราได้คิดค้นการให้คำปรึกษาทางการบริหาร เราจะยังคงมุ่งอย่างมากที่นวัตกรรม และเชื่อว่าเวลาปัจจุบันนี้จะตื่นเต้นมาก เรากำลังเข้าไปสู่ยุคที่ความสำเร็จจะยืนยันความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรมของเรา บุคคลของเรา และวิถีทางที่เราดำเนินงานจะมุ่งความเป็นเลิศภายในการให้คุณค่าแก่ผู้ใช้บริการ
เมื่อมันจะต้องคาดคะเน สร้างสรรค์ และปฏิรูป ความรู้ทางอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้งของเรา เชื่อมโยงกับความเชี่ยวชาญที่เข้มแข็งภายในกลยุทธ์ นวัตกรรม และการปฏิรูป ได้ช่วยให้เราแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อนมากที่สุดของผู้ใช้บริการของเราได้ ด้วยการนำเสนอผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อธุรกิจของพวกเขา
เราจะไม่ชอบข้อแก้ปัญหาที่ทำซ้ำ เราได้รับรู้ว่าปัญหาของผู้ใช้บริการแต่ละรายจะเฉพาะต่ออุตสาหกรรมของพวกเขา วัฒนธรรมภายในและองค์การของพวกเขา และดีเอ็นเอของพวกเขา ผู้ใช้บริการของเราจะรับรู้คุณค่านี้ และแสวงหาเราเมื่อเผชิญกับความท้าทายใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

 

 

อาร์เธอร์ ดี ลิเติ้ล จะเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการบริหารเก่าแก่ที่สุดภายในโลก จิตใจของการบุกเบิกและพลังทางนวัตกรรมของเราจะยังคงเห็นได้ชัดเจนต่อผู้ใช้บริการของเราปัจจุบันนี้ นับตั้งแต่การเริ่มต้นบริษัทไ้ด้พยายามจะเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการบริหารที่ดีที่สุด พวกเขาได้ทำงานไปสู่เป้าหมายนั้นด้วยการรวมกันของเทคโนโลยี กลยุทธ์ และนวัตกรรม เพื่อที่จะแก้ปัญหาความซับซ้อนทางธุรกิจและนำเสนอผลลัพธที่ยั่งยืน นับตั้งแต่การก่อตั้งของพวกเขาเมื่อ ค.ศ 1886 พวกเขาได้อยู่ ณ แนวหน้าของนวัตกรรม กลยุทธ์ของพวกเขาที่จะนำทางผู้ใช้บริการภายในสภาพแวดล้อมธรุกิจที่เปลี่ยนแปลงจะแสดงพื้นที่ของโอกาสการเจริญเติบโตใหม่ การปฏิรูปองค์การ และการสร้างความสามารถทางนวัตกรรม
อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้เลือกกับมือที่ปรึกษาที่มีภูมิหลังด้วยประสบการณ์ทางอุตสาหกรรมเข้มแข็ง และความรู้ที่ก้าวหน้าของการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มที่สำคัญ
ฐานลูกค้าที่สำคัญของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นบริษัท 1000 ฟอร์จูน นอกจากนี้พวกเขาจะให้การบริการแก่องค์การภาครัฐ พวกเขาจะใหัคุณค่าต่อทักษะทางการวิเคราะห์ การมีส่วนร่วมของผู้ใช้บริการ การสร้างทีม ความคิดสร้างสรรค์ และการคิดแบบผู้ประกอบการ
ลำดับชั้นขององค์การที่สั้น การให้คำปรึกษาด้วยวิถีทางของการเป็นหุ้นส่วน
และบรรยากาศแบบครอบครัวที่ใกล้ชิดจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอยู่เสมอของวัฒนธรรมบริษัทของอาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล เราจะให้ที่ว่างอย่างมากมายแก่ที่ปรึกษาทุกคนของเราที่จะพัฒนาบุคคลิกภาพส่วนบุคคลของพวกเขา การสนใจโครงการและการสนับสุนแบบตัวต่อตัวจะมีบทบาทที่สำคัญภายในบริษัทของเรา การให้สิ่งจูงใจแก่บุคคลของเราที่จะเจาะลึกและพูดถึงปัญหาอย่างเปิดเผย สุภาษิตของเรา : การคิดก้าวล้ำหน้าอยู่เสมอ อะไรที่ทำให้เราแยกต่างหาก และอะไรที่ผู้ใช้บริการสังเกตุเห็นทันที คือ ความกระตือรือร้น ความกล้าหาญ ความรับผิดชอบ และแรงจูงใจของบุคคลของเรา
บริษัทของเราจะนำอะไรไปสู่โลก บริษัทและซีอีโอมักจะมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของ “อะไร” ที่พวกเขาทำ พวกเขาจะรู้ผลิตภัณฑ์ – ชื่อ คุณลักษณะ และการใช้งาน แต่กระนั้นพวกเขาจะมีการแสดงออกที่ไม่ชัดเจนของ “ทำไม”
พวกเขาทำสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ภายในโลกปัจจุบัน “ทำไม” จะเป็นรากฐานความมุ่งหมายของบริษัท ปรัชญาที่ขับเคลื่อนธุรกิจทั้งหมด
เนื่องจากเหตุผลที่แตกต่างกัน การระบุใหม่ทำไมของบริษัทจะเป็นความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน ภายใต้สภาวะทางธุรกิจที่ไม่แน่นอน ด้วยเทคโนโลยีการลบล้างที่เข้มแข็ง
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราไม่มีแอปเปิ้ล บุคคลได้กล่าวถึงการปฏิรูปของไอโฟน
เป็นจุดพลิกผันที่สำคัญภายในประวัติของบริษัท ที่จริงแล้วแอปเปิลจะได้ประโยชน์จากความมุ่งหมายที่สม่ำเสมอที่สร้างความชัดเจนโดยสตีฟ จ้อป
เมื่อเขาได้กลับมาที่แอปเปิ้ล ความมุ่งหมายของแอปเปิ้ลไม่ได้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ความมุ่งหมายจะเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ สตีฟ จ้อป ได้กล่าวว่า บุคคลด้วยความหลงใหลสามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น บริษัทบางบริษัทได้ระบุทำไมอย่างเข้มแข็งที่รับรองความสม่ำเสมอและความยั่งยืนต่อกลยุทธ์ของพวกเขา
คำกล่าวของสตีฟ จ้อปสามารถปรากฏเป็นทฤษฎีได้ แต่มันจะสนับสนุนต่อการหลี่กเลี่ยงไม่ได้ทางกลยุทธ์ตลอดกาลต่อทั้งบริษัท
เหตุผลของการดำรงอยู่จะเป็นหัวใจของวิถีทางของกลยุทธ์ทำไม มันจะเกี่ยวกับความหมายของบริษัท มันจะเป็นความมุ่งหมายของบริษัท ความเข้าใจ ความแตกต่างและต้นกำเนิดของบริษัทของพวกเขา การทำให้ชัดเจนว่าบริษัทได้นำอะไรมาสู่โลก และอะไรจะขาดหายไปถ้าบริษัทได้หายไป
ถ้อยแถลงภารกิจของบริษัทส่วนใหญ่จะปรากฏเป็นผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาขาย
โดยไม่ได้ระบุถึงประสบการณ์ที่พวกเขาได้ให้ หรือแม้แต่เหตุผลการดำรงอยู่ที่พวกเขาสนับสนุน นี่จะเป็นความแพร่หลายแม้แต่ศาสตร์ทางการบริหารได้มุ่งอย่างแรกอย่างสม่ำเสมอต่อผลิตภัณฑ์ และต่อจากนั้นจะเป็นก้าวของประสบการณ์ ไม่ใช่ความมุ่งหมายของบริษัท หลักฐานจากอาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้แสดงว่าหัวข้อนี้ได้กล่าวถึงน้อยกว่ากลยุทธ์ของตัวมันเอง
เนื่องจากพลังของความมุ่งหมายจะเพิ่มขึ้นไปตามความมุ่งหมายของการดำรงอยู่ บริษัทจะต้องระบุความมุ่หมายที่จะสร้างกระดูกสันหลังทางกลยุทธ์ตามแนวดิ่ง การสร้างความชัดเจนแก่ “ทำไม” ของพวกเขาที่บริษัทจะสร้างความแตกต่างในแง่ของประสบการณ์และผลิตภัณฑ์ – ด้วยผลกระทบที่ต่อเรียงกัน
แอปเปิ้ล อิงค์. ก่อนหน้านี้คือแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ จะเป็นบริษัทข้ามชาติที่ได้สร้างคอมซูมเมอร์ อีเล็คโทรนิค คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เซอร์เวอร์ และคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ และเป็นผู้จัดจำหน่ายของเนื้อหาสื่อ บริษัทจะมีลูกโซ่ของร้านค้าปลีกคือ แอปเปิ้ล สโตร์ ด้วย สายผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลคือ ไอโฟน สมาร์ทโฟน ไอแพด แทปเล็ต คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นสื่อพกพาไอพอด และแมคอินทอช คอมพิวเตอร์
ไมมีใครโต้แย้งได้เลยว่าแอปเปิ้ลคือบริษัทที่ปฏิรูปได้มากที่สุดบริษัทหนึ่งของโลกปัจจุบันนี้ ตั้งแต่แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์เริ่มแรกภายใน ค.ศ 1976 ไปสู่ไอโพน 7 2016 บริษัทได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และบริษัทจะมีผู้ก่อตั้งและซีอีโอก่อนหน้านี้ สตีฟ จ้อป เสียชีวิตเมื่อ ค.ศ 2011 ที่จะต้องขอบคุณ เหตุผลหมายเลขหนึ่งที่แอปเปิ้ลได้บรรลุความสำเร็จผิดธรรมนี้ ตามมุมมองของสก็อต แอนโธนี่ กรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษากลยุทธ์การเจริญเติบโต อินโนไซต์ บอกแก่ซีเอ็นบีซี ว่า “แอปเปิ้ลได้วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง”
เมื่อแอปเปิลขายหุ้นแก่ประชาชนครั้งแรกเมื่อ ค.ศ 1980 บริษัทจะมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านเหรียญภายใต้ความเป็นผู้นำของสตีฟ จ้อป และเขาได้ออกไปจาก
แอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 1985 เมื่อสตีฟ จ้อป ได้เข้ามาร่วมใหม่เมื่อ ค.ศ 1977 เขาต้องเผชิญกับการปรับปรุงโครงสร้างองค์การที่ใกล้จะล้มละลาย
ลำดับแรกของธุรกิจของเขา : ยกเลิกโครงการที่ต้นทุนสูง และปรับปรุงจุดมุ่งของบริษัท และเขาได้ทำเพียงแต่ด้วยการปล่อยไอแมค 1998 ผลิตภัณฑ์ขายได้เกือบ 800,000 เครี่องภายในไม่กี่เดือนแรก การส่งสัญญานจุดพลิกผันที่สำคัญแก่บริษัท
ภายใต้ความเป็นผู้นำของทิม คุ้ก ซีอีโอ บริษัทจะมีมูลค่า 750 ล้านเหรียญ และได้เข้าใกล้อย่างรวดเร็วการประเมินมูลค่า 1 พันล้านล้านเหรียญ บริษัทจะมี
ความสามารถพิเศษเพื่อการเข้าคู่กันของเทคโนโลยีใหม่และโมเดลธุรกิจที่สร้างสรรค์ สก็อต แอนโธนี่ ได้กล่าว เขาได้ชี้การสร้างไอทูนส์และแอปเปิ้ล แอป สโตร์ เป็นสองตัวอย่างที่ดีมาก แอปเปิ้ล ได้คิดค้นวิถีทางใหม่ที่นำไปสูโลก ด้วยการให้ลูกค้าบริโภคไมโครคอนเท้นท์
สตีฟ จ้อป ได้มุ่งเป้าหมาบที่บุคคลที่หลงใหลดนตรีราคาไม่แพงแต่ไม่ต้องการจะขับรถยนต์ไปที่ร้านซื้อซีดีราคาแพง เมื่อ ค.ศ 2003 ไอทูนส์ มิวสิค สโตร์ ได้ถูกเปิดตัว ในไม่ช้าได้กลายเป็นผู้ค้าปลีกดนตรีลำดับสูงสุด
ทำนองเดียวกันสตีฟ จ้อป ได้สร้างแอพ สโตร์เมื่อ ค.ศ 2008 ที่ได้นำเข้ามานักพัฒนาหลายร้อยคนที่กระหายจะทำเงินได้ง่าย ไม่มีอะไรที่เหมือนกับแอพ
สโตร์ ที่มีมาก่อน และมันได้เปลี่ยนแปลงรากฐานของโลก
แอปเปิ้ลจะมองเลยพ้นไปจากองค์การของพวกเขาด้วย บริษัทจะประเมินอะไรที่คู่แข่งขันกำลังทำอยู่ และจะทำมันล้ำหน้าไปหนึ่งก้าว
สตีฟ จ้อป ได้บอกแก่ซีเอ็นบีซีว่า ผู้นำจะต้องออกไปจากอาคาร ออกไปจากสำนักงานที่หรูหราและมองไปรายรอบ การมองธุรกิจแข่งขันคืออะไร และเริ่มต้นศึกษา สตีฟ จ้อปมักจะดูที่กูเกิ้ลกำลังทำอะไรกับระบบแอนดรอยด์ แม้แต่เขาได้ขู่ที่จะกำจัดระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์มือถึอ เนื่องจากเขารู้สึกว่ามันได้ลอกเลียนแบบไอโฟน ผมจะทำลายแอนดรอยด์ เพราะว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขโมย ผมเต็มใจที่จะเข้าไปสู่สงครามเธอร์โมนิวเคลียร์กับสิ่งนี้
ณ เวลาของการเปิดตัวครั้งแรกของไอโฟน สมาร์ทโฟนที่แข่งขัน เช่น แบล็คเบอร์รี่ย์ กำลังใช้แป้นพิมพ์คิวเวอร์ตี้
แอปเปิ้ลได้ใช้วิถีทางที่แตกต่างกันกับไอโฟนเครื่องแรกของพวกเขาเมื่อ ค.ศ 2007
ด้วยการเพิ่มจอสัมผัส การออกแบบที่เรียบง่ายแต่สร้างสรรค์ ได้ปรับปรุงใหม่สไตล์ของสมาร์ทโฟน และได้ขับเคลื่อนแอปเปิ้ลเป็นผู้นำภายในเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ ครั้งหนึ่งยักษ์ใหญ่โทรศัพทมือถือ แบล็คเบอร์รี่ย์ ไม่สามารถแข่งขันได้ นับแต่นั้นมาโทรศัพท์มือถือของบริษัทได้ยอมแพ้ไป
สก็อต แอนโธนี่ ได้แนะนำผู้นำจะต้องมองหาเทคโนโลยีใหม่อยู่เสมอ และเราไม่ควรจะกลัวต่อการโยนทิ้งโมเดลธุรกิจเก่า ผู้นำที่แท้จริงจะกล่าวคำอำลาอดีต
บริษัทต้องไม่กลัวที่จะยกเลิกความคิดและก้าวไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย
แอปเปิ้ลได้กลายเป็นแอปเปิ้ลรุ่นที่สองด้วยการปล่อยไอพอด แม้แต่พวกเขา
ไม่ต้องการจะขายต่อไปอีกแล้ว แอปเปิ้ลไม่เคยกลัวต่อการถูกจำกัดมากไป
จากอดีต
เมื่อ ค.ศ 2001 อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ลได้ถึงจุดสูงสุดในฐานะของบริษัทที่ปรึกษาของโลก แต่กระนั้นทีมผู้บริหารใหม่ได้บริหารธุรกิจแกนของบริษัทผิดพลาด และได้ยุงเกี่ยวภายในกลอุบายของเม็มมอเรียล ไดรว์ ทรัสต์ คณะกรรมการบริษัทของเอดีแอล ได้ทดแทนทีมผู้บริหารนี้ แต่ความเสียหายจะรุนแรงมาก อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้ยื่นการคุมครองการล้มละลายเมื่อ ค.ศ 2002 ณ การประมูลเมื่อ ค.ศ 2002 อัลทราน เทคโนโลยี แห่งปารีส ได้ซื้อทรัพย์สินที่ไม่เป็นของอเมริกาและตราสินค้าของอาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล
เมื่อ ค.ศ 2011 กลุ่มของหุ้นส่วนได้ใช้การซื้อบริษัทโดยผู้บริหารจากกลุ่มอัลทราน
นับตั้งแต่การทำเอ็มบีโอ : การซื้อบริษัทโดยผู้บริหาร เอดีแอล ได้เปิดสำนักงานใหม่ภายในตุรกี ออสโล เม็กซิโก ซิตี้ สิงค์โปร และฮ่องกง นอกจากนี้เอดีแอล ไดสร้างตัวเองใหม่ภายในตลาดของอเมริกา และได้เปิดสำนักงานภายในบอสตัน ฮูสตัน นิวยอร์ค และซาน ฟรานซิสโก
อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้พัฒนาตารางสภาวะทางกลยุทธ์ที่เรียกกันว่าตารางเอดีแอล ตารางเอดีแอลจะเป็นตารางการบริหารกลุ่มธุรกิจที่จะช่วยให้ผู้บริหารมองเห็นฐานะทางกลยุทธ์ของหน่วยธุรกิจของพวกเขา ขึ้นอยู่กับสองมิติคือ วงจรชีวิตของอุตสาหกรรม และตำแหน่งทางกลยุทธ์ของหน่วยธุรกิจ
เพื่อที่จะเข้าใจตำแหน่งทางการแข่งขันขององค์การได้มากขึ้น ตารางเอดีแอลจะประกอบด้วยสองมิติที่สำคัญ : ตำแหน่งทางการแข่งขัน และการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม
การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมจะเหมือนกับวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ และได้ถูกถ่ายทอดเป็นวงจรชีวิตของอุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์ภายในตารางเอดีแอล เมื่อพิจารณาตำแหน่งทางการแข่งขัน เราจะต้องตอบคำถามที่สำคัญสองข้อ ตำแหน่งทางการแข่งขันขององค์การเข้มแข็งอย่างไร และอยู่ ณ ขั้นตอนอะไรของวงจรชีวิตภายในอุตสากรรม
ภายในการใช้ตารางเอดีแอลอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริหารจะต้องพิจารณา
ระดับของอิทธพลที่บริษัทมีอยู่ภายในตลาด และอายุของอุตสากรรม การรวมกันของมิติสองตัวนี้จะสร้างตารางที่ชี้ว่าบริษัทนั่งอยู่ตรงไหน ดังนั้นตารางเอดีแอลสามารถถูกใช้เป็นขั้นตอนเริ่มแรกเพื่อการตัดสินใจของผู้บริหารเกี่ยวกับบริษัทจะยึดครองหรือปรับปรุงตำแหน่งของบริษัทอย่างไร
ตารางเอดีแอลจะประกอบด้วยวงจรชีวิตของอุตสาหกรรมและจุดแข็งของตำแหน่งทางการแข่งขัน วงจรชีวิตได้ถูกแบ่งเป็นสี่ระยะ และตำแหน่งทาง
การแข่งขันจะถูกแบ่งห้าประเภท
กรอบข่ายเอดีแอลจะมีข้อจำกัดบางอย่าง เราจะไม่มีระยะเวลามาตรฐานของวงจรชีวิตของอุตสาหกรรม การพิจารณาวงชีวิตของอุตสาหกรรมในขณะนี้
จะตอบยาก คู่แข่งขันอาจจะมีอิทธิพลต่อวงจรชีวิตของอุตสาหกรรมได้
1 การเริ่มต้น
อุตสาหกรรมจะค่อนข้างใหม่ และบริษัทที่แข่งขันระหว่างกันจะน้อยมาก
การแนะนำผลิตภัณฑ์ภายในตลาดที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การแข่งขันจะน้อยมาก และบริษัทภายในอุตสาหกรรมจะขายผลิตภัณฑ์ของพวกเขา
ณ ต้นทุนที่สูง และราคาขายที่สูง
2 การเจริญเติบโต
อุตสาหกรรมจะไม่ใหม่ ตลาดของอุตสากรรมเหล่านี้จะกว้างขึ้น การสร้างโอกาสมากขึ้นเพื่อการขาย แต่กระนั้นเพื่อตามให้ทันกับอุปสงค์ อุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตจะมีคู่แข่งขันมากขึ้นไม่กี่ราย ตลาดได้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยอดขายได้เพิ่มสูงขึ้น การแข่งขันจะเพิ่มสูงขึ้น

 

3 การเจริญเติบโตเต็มที่
อุตสากรรมได้ถูกสร้างอย่างมั่นคงแล้ว อุตสาหกรรมเหล่านี้จะมีการเจริญเติบโตของตลาดคงที่ และยอดขายจะไม่เพิ่มสูงขึ้น และราคาจะต่ำลง เนื่องจากการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น ฐานของลูกค้าจะถาวรและไว้วางใจได้ เนื่องจากการไหลเข้าของเงินสด บริษัทภายในอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตเต็มที่สามารถลดราคาของพวกเขาลงได้
4 การแก่ตัวลง
อุตสากรรมกำลังจะหายไป อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายในอุตสาหกรรมจะล้าสมัยหรือไม่จำเป็น และลูกค้าได้ละทิ้งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ด้วยความชอบผลิตภัณฑที่สร้างสรรค์มากกว่า การแข่งขันจะมีน้อยที่สุดเมื่อบริษัทได้รวมกันหรือออกไปจากอุตสากรรม อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์จะลดลง และบริษัทจะละทิ้งตลาด บริษัทอาจจะออกไปจากตลาด
อาร์เธอร์ ดี ลิตเติ้ล ได้แยกประเภทของตำแหน่งการแข่งขันไว้ห้าอย่างภายในตารางเอดีแอล ตำแหน่งการแข่งขันของบริษัทจะอยู่บนการประเมินของเกณฑ์ต่อไปนี้
1 การครอบงำ
การแข่งขันจะไม่มีหรือมีน้อย เพราะว่าผลิตภัณฑ์ใหม่หรือไม่รู้จักได้นำออกสู่ตลาด บริษัทเกือบจะมีการผูกขาดหรือความเป็นผู้นำตลาดที่ชัดเจน
2 ความเข้มแข็ง
บริษัทจะมีส่วนแบ่งตลาดเข้มแข็งและมั่นคง ไม่ว่าการแข่งขันกำลังทำอะไร
ธุรกิจที่เข้มแข็งสามารถดำเนินกลยุทธ์โดยไม่ต้องมองการรุกคืบจากคู่แข่งขัน
บริษัทอาจจะไม่มีการผูกขาด แต่บริษัทจะมีการปรากฏตัวอย่างเข้มแข็งและลูกค้าที่จงรักภักดี
3 ความชื่นชอบ
บริษัทจะพอใจข้อได้เปรียบทางการแข่งขันภายในบางส่วนของตลาด คู่แข่งขันจะมีจำนวนมาก บริษัทจะดำเนินงานภายในตลาดที่แตกกระจาย ไม่มีบริษัทไหนควยคุมส่วนแบ่งตลาดทั้งหมด และผู้นำตลาดที่ชัดเจนท่ามกลางคู่แข่งขันจะไม่มี
4 การรักษาไว้ได้
บริษัทจะมีฐานะภายในตลาดที่ค่อนข้างเล็ก และส่วนแบ่งตลาดจะถูกยึดเป็นหลักบนตลาดเฉพาะกลุ่มหรือการสร้างความแตกต่างบางอย่าง ธุรกิจจะมีตลาดเฉพาะกลุ่มตามพื้นที่หรือผลิตภัณฑ์
5 ความอ่อนแอ
บริษัทจะเผชิญกับการสูญเสียตลาดอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจเล็กเกินไปที่จะรักษาการทำกำไรหรืออยู่รอดในระยะยาวได้ การเงินของบริษัทจะอ่อนแอเกินไปที่จะยึดครองอย่างเข้มแข็งภายในตลาด และได้ถูกคาดหวังที่จะหายไปภายในช่วงเวลาที่สั้น
ตารางการเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ – ตลาด ของชาร์ล โฮเฟอร์ จะเป็นโมเดลของการวางแผนกลุ่มธุรกิจที่คล้ายคลึงกับตารางเอดีแอล ตารางโฮเฟอร์จะใช้ปัจจัยสองตัวคือ วงจรชีวิตของอุตสาหกรรม และตำแหน่งทางการแข่งขัน ประเมินหน่วยธุรกิจของบริษัท เพื่อที่จะวางตำแหน่งภายในตาราง ตำแหน่งทางการแข่งขันของหน่วยธุรกิจจะถูกแบ่งเป็นสามระดับคือ เข้มแข็ง ปานกลาง และอ่อนแอ และวงจรชีวิตของอุตสาหกรรมจะถูกแบ่งเป็นเจ็ดขั้นตอนคือ การพัฒนา การเจริญเติบโต การแข่งขันรุนแรง การเจริญเติบโตเต็มที่ การอิ่มตัว และการตกต่ำ ขนาดของวงกลมจะแสดงถึงขนาดของอุตสาหกรรม เสี้ยวภายในวงกลมจะเป็นส่วนแบ่งตลาดของหน่วยธุรกิจภายในอุตสาหกรรม หน่วยธุรกิจ A จะมีโอกาสที่ดีเพื่อการเจริญเติบโตและควรจะได้รับการพัฒนา หน่วยธุรกิจ E จะมีการตั้งมั่นที่ดี และหน่วยธุรกิจ F กำลังสูญเสียฐานะการแข่งขันทีละน้อย และหน่วยธุรกิจ G ควรจะหยุดการลงทุนหรือเลิกไป
แอนดูรว์ แคมป์เบลล์ ไมเคิล กูลด์ และมาร์คัส อเล็กชานเดอร์ ผู้เขียนร่วม Corporate Level Strategy : Creating Value Multibusiness Company ยืืนยันว่าเมื่อผู้บริหารส่วนใหญ่กำหนดกลยุทธ์ระดับบริษัท พวกเขาจะขาดการถามคำถามที่สำคัญสองข้อ : ธุรกิจอะไรที่บริษัทนี้ไม่ใช่คู่แข่งขันควรจะเป็นเจ้าของและทำไม โครงสร้างองค์การ กระบวนการบริหาร และปรัชญาอะไร จะเลี้ยงดูผลการดำเนินที่ดีจากธุรกิจของบริษัท
ตารางบีซีจี แนะนำเมื่อ ค.ศ 1970 และใช้โดยบริษัทอเมริกันสองในสามภายในทษวรรษ จะสนับสนุนให้บริษัทสร้างความสดุลของกลุ่มธุรกิจของพวกเขาด้วยวัวเงิน ดารรุ่ง ปรัศนีย์ และสุนัข แต่ผลการดำเนินงานที่ไม่ดีของบริษัทที่ใช้โมเดลกลุ่มธรกิจนี้ และความท้อแท้กับการกระจายธุรกิจ ได้ทำให้บริษัทเหล่านี้ได้เลิกใช้ไป
เมื่อหัาถึงสิบปีที่ผ่านมา บริษัทจำนวนมากขึ้นได้พยายามมุ่งการดำเนินธุรกิจที่เชี่ยวชาญ ตามที่โทมัส ปีเตอร์ และโรเบิรต วอเตอร์แมน ได้แนะนำไว้ภายในหนังสือ In Search of Excellence เมื่อ ค.ศ 1982 บริษัทได้กำจัดธุรกิจที่ซื้อจากการกระจายธุรกิจออกไป เพื่อที่จะมุ่งธุรกิจแกนอย่างเดียว การใช้แนวทางของแนวคิดความสามารถแกนของแกรี่ ฮาเมล แต่แนวคิดความสามารถแกนไม่ได้ให้แนวทางที่ปฏิบัติได้ของของการกำหนดกลยุทธ์ระดับบริษัท แนวคิดของความสามารถสามารถแกนมองว่าธุรกิจจะเกี่ยวพันกัน ถ้าธุรกิจได้ใช้ความสามารถแกนร่วมกัน
แต่แนวคิดกรอบข่ายของการเป็นบริษัทแม่ของแอนดูว์ แคมป์เบลล์ จะมุ่งที่ความสามารถของบริษัทแม่
และคุณค่าที่สร้างจากความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่และธุรกิจ ทรัพยากรและความสามารถของบริษัทแม่จะต้องสอดคล้องกับความต้องการและโอกาสของธุรกิจ ดังนั้นผู้บริหารจะต้องประเมินความสอดคล้องระหว่างบริษัทแม่และธุรกิจของของพวกเขา การเป็นบริษัทแม่จะคล้ายกับการเป็นพ่อแม่ของลูก เราจะต้องเพิ่มคุณค่า สนับสนุน และสร้างทรัพยากร และเราต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่จะช่วยให้ธุรกิจเจริญเติบ ข้อได้เปรียบของบริษัทแม่คือ การสร้างคุณค่าได้สูงกว่าคู่แข่งขันของเราภายในธุรกิจอย่างเดียวกัน
กลยุทธ์บริษัทแม่/บริษัทลูก จะมุ่งที่ความสามารถแกนของบริษัทแม่
และการสร้างคุณค่าจากความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่คือสำนักงานใหญ่ และบริษัทลูกคือธุรกิจ บริษัทแม่จะมีอิทธิพลอย่างมากภายในความสัมพันธ์ ถ้าเรามีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทรัพยากรและความสามารถของบริษัทแม่และความต้องการและโอกาสของธุรกิจแล้ว บริษัทแม่จะสร้างคุณแค่แก่ธุรกิจได้
แต่ถ้าเราไม่มีความสอดคล้องระหว่างทรัพยากรและความสามารถของบริษัทแม่ และความต้องการและโอกาสของธุรกิจแล้ว บริิษัทจะลำลายคุณค่าแก่ธุรกิจได้
แอนดรูว์ แคมป์เบลล์ ได้เสนอแนะกรอบข่ายของบริษัทแม่ เพื่อที่จะเติมการขาดไปของแนวคิดความสามารถแกน กรอบข่ายบริษัทแม่จะให้โมเดลทางความคิดและเครื่องมือ เพื่อการวางแผนระดับบริษัทที่มีประสิทธภาพ
แอนดูรว์ แคมป์เบลล์ ได้พัฒนาการใช้ตารางที่มุ่งความสอดคล้องระหว่างบริษัทแม่และหน่วยธุรกิจขึ้นมา
เราจะต้องจำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงกลุ่มธุรกิจให้สอดคล้องกับบริษัทแม่จะง่ายกว่ามาก การเปลี่ยนแปลงบริษัทแม่ให้สอดคล้องกับกลุ่มธุรกิจกิจจะยากว่ามาก

 

ภารกิจคือ ความมุ่งหมายหรือเหตุผลการดำรงอยู่ขององค์การ การเขียนภารกิจเป็นลายลักษณ์อักษรจะถูกเรึยกว่าถ้อยแถลงภารกิจ ปีเตอร์
ดรัคเกอร์ นักคิดทางการบริหารแนวหน้าของโลก ได้เขียนหนังสือการบริหารไว้ประมาณ 40 เล่ม แม้แต่เมื่ออายุ 90 ปีแล้ว เขาได้เขียนหนังสือไว้อีกหลายเล่ม ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ ได้กล่าวถึงคำถามที่น่าอัศจรรย์ไว้ห้าข้อ เพื่อที่จะสร้างกรอบของการให้คำแนะนำปรึกษาต่อการบริหารและการเจริญเติบโตของธุรกิจ คำถามเหล่านี้คือ 1 ภารถิจของเราคืออะไร 2 ใครคือลูกค้าของเรา
3 คุณค่าของลูกค้าคืออะไร 4 เราแสวงหาผลลัพธ์อะไร และ 5 แผนของเราคืออะไร
ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ ได้กล่าวว่า ภารกิจคือคำนิยามทางธุรกิจ คำนิยามทางธุรกิจควรจะระบุว่า ธุรกิจของเราคืออะไร ใครคือลูกค้าของเรา ลูกค้ามองอะไรเป็นคุณค่า และธุรกิจควรจะเป็นอะไร เขาได้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างภารกิจและเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน ธุรกิจได้ถูกระบุโดยภารกิจทางธุรกิจ คำนิยามทางธุรกิจที่ชัดเจนขององค์การเท่านั้นจะทำให้เป้าหมายทางธุรกิจชัดเจนและเป็นจริงได้ ภารกิจและวิสัยทัศน์อาจจะใช้แทนกันได้ บริษัทบางบริษัทอาจจะรวมภารกิจและวิสัยทัศน์เข้าด้วยกันเป็นถ้อยแถลงภารกิจอย่างเดียว และบริษัทบางบริษัทอาจจะมีถ้อยแถลงปรัชญาและค่านิยมแยกต่างหากด้วย นักวิชาการบางคนมองว่าภารกิจและวิสัยทัศน์จะเป็นแนวความคิดที่แตกต่างกัน วิสัยทัศน์คือ ความฝันในอนาคตของบริษัท ธุรกิจของเราต้องการจะกลายเป็นอะไร โจนาธาน สวิฟท์ นักเขียนที่สำคัญชาวไอร์แลนด์-อังกฤษ
ได้กล่าวว่า วิสัยทัศน์คือ ศิลปของการมองสิ่งที่มองไม่เห็น วิสัยทัศน์จะไม่เหมือนกับภารกิจที่ได้ระบุความมุ่งหมายของบริษัท ณ เวลานี้ แต่วิสัยทัศน์จะมุ่งอนาคต บริษัทที่มีวิสัยทัศน์จะมีความรู้สึกที่ชัดเจนต่อสิ่งที่บริษัทต้องการจะเป็นในอนาคต วอล-มาร์ท จะมีวิสัยทัศน์ของการกลายเป็นร้านค้าปลีกที่ดีที่สุดและใหญ่ที่สุดของโลก ดิสนีย์ เวิรลด์ ต้องการจะเป็นสวนสนุกที่สร้างความสุขมากที่สุดบนโลกนี้ หรือยูโนแคลต้องการจะเป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติที่ดีที่สุดภายในโลก
อาลีบาบาบา กรุ็ป ก่อตั้งขึ้นมาโดยแจ็ค หม่า ผู้ประกอบการชาวจีน เมื่อ ค.ศ 1999 บริษัทอี-คอมเมิรชที่บรรลุความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่งของโลก การประมินมูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 230 พันล้านเหรียญ สูงกว่าการประเมินมูลค่าของอเมซอน ดอทคอม และอีเบย์รวมกัน แจ็คหม่า ได้กล่าวว่า เราต้องการช่วยเหลือให้ธุรกิจขนาดย่อมเจริญเติบโตด้วยการแก้ปัญหาของพวกเขาโดยใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ท นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทของเราขึ้นมา เราได้ช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อมไปแล้วหลายล้านธุรกิจได้บรรลุอนาคตที่สดใส เราหวังว่าเราจะกระทำสิ่งนี้อย่างน้อยที่สุด 102 ปี อาลีบาบาจะมีโอกาสที่ิ่ยิ่งใหญ่ภายในอเมริกา แม้ว่าอาลีบาบาก่อตั้งขึ้นมาภายในจีน แต่อาลีบาบาได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อโลกใบนี้ แจ็ค หม่า ได้ถูกถามว่า เมื่อไรอาลีบาบาจะเข้าไปแข่งขันกับอเมซอนและอีเบย์ เขาได้ตอบว่า เราเคารพอย่างมากต่ออเมซอนและอีเบย์ เราคิดว่าโอกาสและกลยุทธ์ของเราคือ การช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อมภายในอเมริกาเข้าไปสู่จีน การขายสินค้าของพวกเขาภายในจีน
ภารกิจของอลีบาบาคือ การทำให้ง่ายที่จะทำธุรกิจภายในทุกที่ วิสัยทัศน์ของเราคือ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการค้าในอนาคต
ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ ได้กล่าวว่า คำนิยามพื้นฐานของธุรกิจ และความมุ่งหมายและภารกิจของธุรกิจจะต้องถูกถ่ายทอดให้เป็นเป้าหมาย
ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ มองว่า ภารกิจจะระบุกลยุทธ์ กลยุทธ์จะระบุโครงสร้าง
บริษัทจะบรรลุภารกิจและวิสัยทัศน์ได้ต่อเมื่อ ภารกิจและวิสัยทัศน์ได้ถูกถ่ายทอดให้เป็นเป้าหมาย โบอิ้ง คอมพานี ผู้ผลิตเครื่องบินโดยสารรายใหญ่ที่สุดของโลกที่มีแอร์บัส อินดัสตรีย์ เป็นคู่แข่งขันรายสำคัญ แอร์บัสจมีส่วนแบ่งตลาดประมาณครึ่งหนึ่งของโบอิ้ง โบอิ้ง คอมพานี สามารถบรรลุภารกิจและวิสัยทัศน์ของการเป็นบริษัทการบินหมายเลขหนึ่งของโลกได้นั้ โบอิ้งจะต้องมีเป้าหมายของรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้อย่างน้อยที่สุด 60 %

 

เราจะยอมรับว่าบริษัทที่เปลี่ยนแปลงโลกจะมีน้อย และบริ็ษัทที่เปลี่ยนแปลงโลกได้มากกว่าหนึ่งครั้งจะยิ่งน้อยลง แอปเปิ้ลจะเป็นบริษัทหนี่งท่ามกลางพวกเขา ด้วยนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ตลอดประวัติ 42 ปีของแอปเปิ้ล สตีฟ จ้อป เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่อะไรที่เป็นมรดกอย่างแท้จริงของชายที่ชื่อของเขาได้กลายเป็นถ้อยคำเดียวกับแอปเปิ้ล เขาจะเป็นผู้บุกเบิกการปฏิรูปคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล นับตั้งแต่ 30 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเขาได้ถูกยกย่องว่าเป็นบิดาของการปฏิรูปดิจิตอล และนักการตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขาได้ถูกยกย่องด้วยการปฏิรูปไม่เป็นเพียงแต่อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ แต่จะเป็นอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน แทปเล็ต ดนตรี และแม้แต่ภาพยนตร์ ด้วยการก่อตั้งบริษัทใหม่ของเขาเองชื่อพิกซาร์ เขาจะเป็นตำนานแห่งเทคโนโลยี เราเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจินตนาการโลกคล้ายกับอะไรโดยไม่มีสตีฟ จ้อป เราจะไม่มีแอปเปิ้ลปัจจุบันนี้ด้วย ถ้าไม่มีการผลักดันอย่างต่อเนื่องของสตีฟ จ้อป ไม่มีแอปเปิ้ลหมายถึงไม่มีแมคอินทอช ไอพอด ไอโฟน ไอแพด ไอแมค ไอทูนส์
สตีฟ จ้อป ก่อตั้งร่วมแอปเปิ้ลภายในโรงเก็บรถยนต์ของพ่อแม่ของเขาเมื่อ ค.ศ 1976 เขาได้ถูกปลดออกไปเมื่อ ค.ศ 1985 เขาได้กลับมาชุบชีวิตแอปเปิ้ลที่ใกล้จะล้มละลายเมื่อ ค.ศ 1997 และเขาได้เสียชีวิตไปเมื่อ ค.ศ 2011 เขาได้สร้างแอปเปิ้ลให้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดของโลก ตามเส้นทางที่ผ่านมา เขาได้ช่วยทำการปฏิรูปเจ็ดอุตสาหกรรม : คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ภาพยนตร์แอนนิเมชั่น ดนตรี โทรศัพท์มือถือ แทปเล็ต คอมพิวเตอร์ ร้านค้าปลีก และการพิมพ์ดิจิตอล ดังนั้นเขาจะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของปูชนียสถานหลุมฝังศพของนักนวัตกรรมที่ยิ่งของอเมริกาเคียงข้างโทมัส เอดิสัน เฮนรี่ฟอร์ด และวอลท์ ดีสนี่ย์ บุคคลเหล่านี้ไม่มีใครเลยจะเป็นนักบุญ แต่นานหลังจากนั้นบุคลิกภาพของพวกเขาจะถูกลืม ประวัติศาสตร์จะจดจำว่าพวกเขาได้ประยุกต์จินตนาการกับเทคโนโลยีและธุรกิจอย่างไรโมเดลธุรกิจของแอปเปิ้ลจะอยู่บนรากฐานของการขายผลิิตภัณฑ์ทางเทคนิค แอปเปิ้ลจะเป็นทั้งซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่บรรลุความสำเร็จ ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าไอโฟนจะเป็นไอคอนของวันนี้้ของเราแอปเปิ้ลจะสร้างผลิตภัณฑ์คอมซูมเมอร์ อีเล็คโทรนิคที่มีการออกแบบและการใช้งานอย่างน่าทึ่ง และรวมมันกับผลิตภัณฑ์ซอฟทแวร์ที่จะยึดลูกค้าไว้ภายใต้การจากไปของสตีฟ จ้อปไม่นานมานี้ คำถามอย่างหนึ่งภายในใจของผู้นำธุรกิจจะคล้ายกัน : อะไรจะเกิดขึ้นกับแอปเปิ้ลถ้าไม่มีสตีฟ จ้อป เป็นผู้นำ ผลิตภัณฑ์อะไรที่แอปเปิ้ลจะปล่อยออกมา และโมเดลธุรกิจของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรโดยไม่มีสตีฟ จ้อปนำไปสู่ธุรกิจใหม่ วิสัยทัศน์ของสตีฟ จ้อป สามารถอยู่ได้อย่างยาวนานแค่ไหนเรายังคงมีเวลาที่จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงการนำเสนออย่างสำคัญของแอปเปิ้ล ไอแพด ไอพอด และไอโฟนยังคงเป็นอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคส่วนบุคคลอยู่ แม้ว่าเราจะไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ลูกค้าจะตื่นเต้น และถ้าข่าวลือเกี่ยวกับโทรทัศน์แอปเปิ้ลเป็นความจริง นี่จะเป็นการขยายวิสัยทัศน์ไปสู่ตลาดผลิตภัณฑใหม่ระยะหนึ่ง เราไม่มีทางที่จะรู้เลยว่าความคิดอื่นจำนวนเท่าไรได้ถูกปรุงอยู่โดยสตีฟ จ้อป กำลังรอที่จะปล่อยออกมาไม่กี่ปีข้างหน้าแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ จะเป็นบริษัทข้ามชาติที่ผลิตคอมซูมเมอร์ อีเล็คโทรนิค คอมพิวเตอรส่วนบุคคล และคอมพิวเตอร์ซอฟทแวร์ และจะเป็นผู้จัดจำหน่ายดิจิตอลของเนื้อหาสื่อ และบริษัทจะมีร้านค้าปลีกลูกโซ่เรียกว่าแอปเปิ้ล สโตร์ ด้วย สายผลิตภัณฑ์แกนของแอปเปิ้ลคือ สมาร์ทโฟนไอโฟน แทปเล็ตไอแพด เครื่องเล่นสื่อพกพาไอพอด และคอมพิวเตอร์แมคอินทอชสตีฟ จ้อป และสตีฟ วอซเนียก สองแฮกเกอร์วัยหนุ่ม พวกเขาได้ลาออกจากมหาวิทยาลัย ก่อตั้งแอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 1976 ภายในโรงเก็บรถยนต์ของพ่อแม่ของสตีฟ จ้อป พวกเขาได้สร้างวิสัยทัศน์บริษัทของการเปลี่ยนแปลงที่บุคคลมองคอมพิวเตอร์ สตีฟ จ้อป และสตีฟ วอชเนียก ต้องการสร้างคอมพิวเตอร์ที่เล็กเพียงพอแก่บุคคลที่จะมีมันไว้ภายในบ้านหรือสำนักงานของพวกเขา พวกเขาเพียงแต่ต้องการให้คอมพิวเตอร์ใช้งานง่าย พวกเขาต้องการเงินทุน 1,350 เหรียญที่จะเริ่มต้นแอปเปิ้ล ดังนั้นสตีฟ จ้อป ได้ขายวีดับบลิว ไมโครบัสของเขา และสตีฟ วอชเนียก ได้ลงทุนด้วยเครื่องคิดเลขเอชพีของเขาสตีฟ จ้อป ได้แสดงความสนใจแต่เริ่มแรกต่ออีเล็คโทรนิคและเครื่องมือ ในขณะที่อยู่โรงเรียนมัธยม เขาได้กล้าหาญไปเยี่ยมฮิวเลตต์ แพคกราด ที่จะขอชิ้นส่วนเพื่อโครงการของโรงเรียน ด้วยความประทับใจต่อสตีฟ จ้อป วิลเลียม ฮิวเลตต์ ผู้ก่อตั้งร่วม ไม่เพียงแต่ให้ชิ้นส่วนแก่เขา แต่ได้เสนอการฝึกงานภาคฤดูร้อนแก่เขา ณ ฮิวเลตต์ แพคการ์ด ด้วย ณ ที่นี่ พวกเขาได้เริ่มต้นสร้างแอปเปิ้ลวันภายในโรงเก็บรถยนต์ของสตีฟ จ้อปด้วยความมุ่งหมายของการขายแอปเปิล วันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก สตีฟ วอชเนียกจะสร้างด้วยมือและใช้ไม้แต่แอปเปิ้ลวันจะขาดความสมบูรณ์ การขาดอุปกรณ์ส่วนประสานกับผู้ใช้เหมือนเช่นแป้นพิมพ์หรือแม้แต่ตัวกล่อง แอปเปิ้ล วัน ได้ถูกแสดงต่อประชาชนครั้งแรก ณ โฮมบริว คอมพิวเตอรฺ คลับ ราคาขาย 666.66 เหรียญ ด้วยจำนวนและระยะเวลาที่จำกัด แอปเปิ้ล ทู จะเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกที่บรรลุความสำเร็จทางตลาดมวลชน ณ ช่วงเวลาหนึ่ง แอปเปิ้ล ได้เริ่มต้นดิ้นรนภายหลังจากคณะกรรมการบริษัทได้ปลดสตีฟ จ้อป จากบริษัทเมื่อ ค.ศ 1985 เมื่อ สตีฟ จ้อป กลับมาที่แอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 1997 บริษัทใกล้จะล้มละลายอยู่แล้ว ต่อจากนั้นสตีฟ จ้อป ได้ดำเนินการฟื้นฟูอย่างน่าทึ่ง ด้วยการแนะนาไอพอดเมื่อ ค.ศ 2001 ไอโฟน ค.ศ 2007 และไอแพด ค.ศ 2010 ผลลัพธ์ : แอปเปิ้ลมีกำไรเกือบ 40 พันล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 2014 สตีฟ จ้อป ได้เสียชีวิต เมื่อ ค.ศ 2011 นับตั้งแต่นั้นมาบริษัทได้ถูกนำโดยทิม คุกแอปเปิ้ล จะเป็นผู้กำหนดแนวโน้มแห่งซิลิคอน แวลลี่ย์ นานเกือบสี่ทษวรรษ แอปเปิ้ล ทู แมคอินทอช ไอพอด ไอโฟน และไอแพด ได้ถูกเลียนแบบอย่างกว้างขวาง โดยคู่แข่งขันของแอปเปิ้ลความสำเร็จของแอปเปิ้ลจะเกิดขึ้นจากจุดมุ่งที่ลุ่มหลงต่อประสบการณของผู้ใช้ แอปเปิ้ลจะเป็นบริษัทนักออกแบบ – อยู่ตรงศูนยกลาง พวกเขาชอบที่จะสร้างชิ้นส่วนทุกอย่างของผลิตภัณฑ์ – ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และบริการออนไลน์ – ด้วยตัวเอง แถบด้านข้างของการรายงานของสื่อจากการเสียชีวิตของสตีฟ เมื่อ ค.ศ 2011 จะเป็นคำถามเก่าว่า ชื่อของแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ มาจากที่ไหน การเดาได้ล่องลอยขึ้นมาหลายอย่างสตีฟ จ้อป และสตีฟ วอชเนียก ต้องการธุรกิจเริ่มต้นของพวกเขาอยู่ข้างหน้าอตาริภายในสมุทรโทรศัพท์พวกเขาต้องการจะห่างไกลจากภาพพจน์ที่เย็นชาและซับซ้อนที่สร้างโดยบริษัทคอมพิวเตอรฺอื่น ณ เวลานั้น – ด้วยชื่อเหมือนเช่นไอบีเอ็ม ดิจิตอล อีควิปเม้นต์ และซินคอมการรำลึกถึงแอปเปิ้ล เรคคอร์ด ค่ายเพลงของเดอะ บีตเติ้ลเพื่อการค้นหาคำตอบที่ไว้ใจได้ เราควรจะมุ่งไปที่ผู้ก่อตั้ง ภายในชีวประวัติของสตีฟ จ้อป สตีฟ จ้อปได้บอกแก่วอลเตอร์ ไอแซคสันว่า เขาจะอดอาหารด้วยการกินผลไม้ และเพิ่งกลับจากสวนแอปเปิ้ล และคิดว่าชื่อดูแล้วดี สนุกสนานสตีฟ วอชเนียก ผู้ก่อตั้งร่วมของแอปเปิ้ล ได้อธิบายว่ามันจะเป็นสองสามสัปดาห์ต่อมาเมื่อได้เราได้ค้นพบชื่อของความเป็นหุ้นส่วน ผมกำลังกำลังขับรถยนต์รับสตีฟ จ้อป กลับมาจากสนามบินตามทางหลวง 85 สตีฟ จ้อป ได้กลับจากการไปเยี่ยมโอเรกอน เขาได้ไปยังสถานที่เรียกว่า สวนแอปเปิ้ล สตีฟ จ้อป ได้แนะนำชื่อหนึ่ง – แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ข้อคิดเห็นอย่างแรกจากปากของผม แอปเปิ้ล เรคคอร์ดเป็นไงบ้าง นี่จะเป็นค่ายเพลงที่บิตเติ้ลเป็นเจ้าของอยู่ เราทั้งสองได้พยายามจะคิดค้นชื่อดูแล้วเป็นเทคนิค แต่เราไม่สามารถคิดชื่ออื่นที่ดีกว่าแอปเปิ้ลได้นานกว่าสามทศวรรษ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์จะเป็นผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงของคอมพิวเตอรส่วนบุคคลที่มีทั้งแอปเปิ้ลทู แมคอินทอช และพาวเวอร์ แมค แต่พวกเขาได้เผชิญกับยอดขายและส่วนแบ่งตลาดที่ตกต่ำลงระหว่าง ค.ศ 1990 สตีฟ จ้อป ที่ได้เคยถูกให้ออกไปจากบริษัทเมื่อ ค.ศ 1985 ได้กลับมาที่แอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 1996 ภายหลังจากที่บริษัทของเขาชื่อเน็กซ์ ได้ถูกซื้อโดยแอปเปิ้ล มูลค่า 400 ล้านเหรียญ และได้แต่งตั้งเขาเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการบริษัท และซีอีโอของแอปเปิ้ลคือ กิลเบิรต อเมลิโอ เมื่อสิ้น ค.ศ 1997 แอปเปิ้ลได้ประกาศผลขาดทุนรายไตรมาส 708 ล้านเหรียญ กิลเบิรต อเมลิโอ ได้ลาออก และสตีฟ จ้อปได้กลายเป็นซีอีโอชั่วคราวของบริษัทที่ต่อมากลายเป็นถาวร ที่จริงแล้วเมื่อ ค.ศ 1997 สถานการณ์ทางการเงินของแอปเปิ้ลจะน่ากลัวมาก จนไมเคิล เดลล์ ผู้ก่อตั้งเดลล์ คอมพิวเตอร์ ครั้งหนึ่งได้เคยพูดว่าถ้าเขาอยู่ในฐานะของสตีฟ จ้อป เขาจะปิดบริษัทและคืนเงินกลับไปแก่ผู้ถิอหุ้นแต่เมื่อต้น ค.ศ 1998 ณ เวิร์ลด เอ็กซ์โป ภายในซานฟรานซิสโก สตีฟ จ้อป ได้จบการปราศัยของเขาด้วยการประกาศว่า ขอบคุณต่อทิศทางผลิตภัณฑ์ของจ้อปและความช่วยเหลือของไมโครซอฟท์ ในที่สุดแอปเปิ้ลได้ทำกำไรอีกครั้งหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นเมื่อ ค.ศ 1998 สตีฟ จ้อป ได้จ้างผู้บริหารระดับสูง ทิม คุก เพื่อที่จะนำการดำเนินงานทั่วโลกของแอปเปิ้ล ทิม คุกได้ทำงานอยู่กับบริษัทจนในที่สุดได้กลายเป็นซีอีโอของแอปเปิ้ลภายใต้เบื้องหลังความสำเร็จ สตีฟ จ้อปได้ทำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญบางอย่างแก่บุคคล ณ แอปเปิ้ล ภายใต้สตีฟ จ้อป ร้านอาหารของแอปเปิ้ลจะมีอาหารที่ดีมาก บุคคลจะถูกห้ามนำสัตว์เลี้ยงของพวกเขามาที่บริษัท เขาต้องการให้บุคคลทุกคนมุ่งที่แอปเปิ้ล สตีฟ จ้อป ได้ทำข้อตกลงกับไมโครซอฟท์ที่จะช่วยรับรองความอยู่รอดของแอปเปิ้ล ภายใต้ขัอตกลงไมโครซอฟท์จะลงทุน 150 ล้านเหรียญเป็นผู้มีส่วนได้เสียข้างน้อยภายในแอปเปิ้ล และบริษัทตกลงจะร่วมมือการขายและเทคโนโลยีกับแอปเปิ้ลสตีฟ จ้อป ได้เริ่มต้นปลูกฝังปรัชญาบริษัทใหม่ของผลิตภัณฑ์ การเริ่มต้นด้วยไอแมคเมื่อ ค.ศ 1998 เขาจะเป็นหัวหอกของการพัฒนาไอแมค ไอแมค คอมพิวเตอร์ที่ทุกอย่างอยู่ภายในเครื่องเดียวมและสมรรถนะสูง การออกแบบร่วมกันโดยสตีฟ จ้อป และโจนาธาน ไอฟ์ ไอแมคจะมีสีหลากหลาย ครั้งแรกที่โลกจะได้รับรสชาติของความรู้สึกได้ทางการออกแบบของโจนาธาน ไอฟ์ ไอแมคเครื่องแรกนี้ขายได้ 800,000 เครื่องภายในห้าเดือนแรกเริ่มแรกสตีฟ จ้อป ได้โยนชื่อว่า แมคแมน แก่ไอแมคใหม่นี้ เค็น ซีแกลล์ ผู้บริหารบริษัทโฆษณาของแอปเปิ้ล ณ เวลานั้น ได้เสนอแนะชื่อ ไอแมค “ไอ” จะหมายถึงอินเตอร์เน็ตต่อมาสตีฟ จ้อป ได้ดำเนินขั้นตอนแรกเลยพ้นไปจากแมคด้วยไอพอด เครื่องเล่นดนตรีดิจิตอล ด้วยคำสัญญาว่า “1,000 เพลงภายในกระเป๋าของเรา” แต่ไอพอด ได้เริ่มต้นค่อนข้างช้า เพราะว่ามันเริ่มต้น ณ ราคาที่แพง 399 เหรียญ และต้องใช้กับแมคเท่านั้นเมื่อ ค.ศ 2003 แอปเปิ้ลได้เปิดร้านดนตรีไอทูนส์ด้วยโมเดลการกำหนดราคาที่ใหม่ 0.99 เซ็นต์ต่อเพลง เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงไอพอดให้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลสื่อดิจิตอลภายใต้การแนะนำเครื่องเล่นดนตรีที่บรรลุความสำเร็จไอพอดเมื่อ ค.ศ 2001 และไอทูนส์ เมื่อ ค.ศ 2003
แอปเปิ้ลได้สร้างตัวเองใหม่เป็นผู้นำภายในอุตสาหกรรมลคอมซูมเมอร์ อีีเล็คโทรนิค การนำไปสู่การเอา “คอมพิวเตอร์” ออกไปจากชื่อของบริษัทเมื่อ ค.ศ 2007 เมื่อ ค.ศ 2015 แอปเปิ้ลจะเป็นบริษัทมหาชนใหญ่ทีสุดภายในโลกด้วยมูลค่าตลาดหนึ่งล้านล้านเหรียญ รายได้ต่อปีทั่วโลกของแอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 2010 เท่ากับ 65 พันล้านเหรียญ

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *