หายนะโลกมาเร็วกว่าที่คิด
สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
หายนะโลกมาเร็วกว่าที่คิด
เหตการณ์น้ำท่วมโลกตามตำนานเรือโนอาห์ ซึ่งค้นพบหลักฐานยืนยันด้วยซากเรือบนเทือกเขาอารารัตในตุรกี กำลังจะเกิดซ้ำขึ้นมาครับ
แม้จะไม่รวดเร็วเหมือนในเรื่อง The Bible ทีวี ซีรีย์
คือค่อยๆ คืบคลานมาในหลายสิบปีข้างหรือหรืออาจเป็นร้อยปี แต่เกิดขึ้นแน่
จนวันหนึ่งบ้านที่ผมนั่งเขียนหนังสืออยู่ในกทม.ขณะนี้ ก็จะตกอยู่ในกระแสน้ำทะเล
ถึงเวลานั้น ลูกๆ หลานๆ ของเหลน-โหลนผม คงจะอพยพขึ้นไปอยู่บนพื้นที่ราบสูงของอีสานแล้ว
ที่พรรณามานี้ ก็เพื่อจะยืนยันว่า ภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ Climate change ชนิดสุดโต่ง ที่เกิดขึ้นมาแต่ละคราว เพิ่มความรุนแรงและถี่กระชั้นมากขึ้น ในรอบหลายปีมานี้
คือสัญญานอันตราย ไม่ว่าจะในรูป พายุร้าย ห่าฝนถล่ม หรือไฟป่า
นรก-ที่เกิดขึ้นรุนแรงผิดปกติ
ล่าสุด สดๆร้อนๆ ก็คือไฟป่าที่ปะทุและโหมใส่ชุมชนริมทะเล”ลาไฮนา”บนเกาะ”มาวี”หนึ่งในหมู่เกาะฮาวาย ดินแดนที่งดงามดั่งสวรรค์บนดิน เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของเหล่านักเดินทาง
ที่นั่นเกิดภาวะแห้งแล้งฉับพลันด้วยปรากฏการณ์”เอลนีโญ”ซึ่งเริ่มขึ้นแล้วจากกระแสน้ำอุ่นในแปซิฟิก เคลื่อนตัวมาทางตะวันออกสร้างความแห้งแล้งกันดารให้เกิดขึ้น ป่าปะทุติดไฟเอง กลายเป็นไฟป่า
ไฟป่าพอได้กระแสลมแรงจากพายุหมุน”ดอรา”โหมหนุนส่ง เปลวเพลิงก็ลุกลามอย่างรวดเร็วถึงชุมชน ทำให้เกิดไฟไหม้ชนิดวายวอดกลายเป็นจุลมหาจุลไปเลย
บ้านเรือนนับพันๆ หลังถูกเผาเหลือแต่ซากดำเป็นตอตะโก บางส่วนแม้ไหม้ไม่หมดหลัง ก็อาศัยอยู่ไม่ได้
ค้นหาเจอคนตายในกองเพลิงพบซากเกือบจะ ๑๐๐ รายอยู่แล้ว และเกรงว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะยังมีคนสูญหายหาตัวไม่พบอีกเป็นจำนวนมาก
ไฟประลัยกัลป์ครั้งนี้ อุบัติขึ้นทั้งๆ ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในรอบ ๑๐๐ ปีเป็นประวัติกาณ์ของฮาวาย
ผมสรุปเลยว่า”ภาวะโลกร้อน”หรือความแปรปรวนของสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงคือ”ตัวการหลัก” ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมคราวนี้
เป็น”ภาวะโลกร้อน”จากฝีมือมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งซ้ำเติมสะสมจนเลยฟางเส้นสุดท้าย
โดยเฉพาะจากชาติอุตสาหกรรมที่ใช้เชื้อเพลิงซากฟอสซิลในการประกอบกิจการ เพิ่มหรือซ้ำเติมการปล่อยแก๊ซเสีย ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ(เพิ่มปริมาณจากปกติ จากการเผาไหม้ในชีวิตประจำวัน เช่นการหุงต้มฯลฯ)
ก่อให้เกิด”ภาวะเรือนกระจก”ส่งให้อุณหภูมิโลกค่อยๆเพิ่มขึ้นในแต่ละปี ปิดกั้นแก๊ซเสีย ไม่อาจระบายความร้อนสู่อวกาศ
แต่ภาวะโลกร้อนที่คุกคามโลกในระยะยาวอยู่นี้ ก็ยังไม่น่าน่ากลัวเท่ากับข่าวใหม่เอี่ยมที่ว่า
โลกกำลังจะมีปัญหาการจัดหาอาหารหรือ food supply และไม่มีทางจะแก้ไขได้ทัน ก่อนที่อุณภูมิโลกโดยเฉลี่ยจะขึ้นเลย ๑.๕ องศาเซลเซียส(กำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ไม่ให้เกินกว่านั้น)ตามเป้า ในอีกสามปีข้างหน้า
หมายความว่า อาหารจะขาดแคลน ไปทั่วโลก !
คนที่ออกมายืนยันก็คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปรสภาพเป็นทะเลทรายของสหประชาชาติ”อะแลง-ริชาร์ด ดอนวาฮี”
ว่าตัวการที่ทำให้เกิดความวิปริตของภูมิอากาศ คือการผสมผสานกันระหว่างความขาดแคลนน้ำกับการทำเกษตรที่ไม่ถูกต้อง กลายเป็นปัญหาคุกคามเกษตรกรรมทั่วโลก
สรุปแล้วความแห้งแล้งของโลกเกิดขึ้นรวดเร็วผิดปกติ นั่นเอง
ซึ่งก็ได้เห็นแล้ว จากข่าวคราวรอบโลก กรณีเกิดคลื่นความร้อน แห้งแล้งจัด หรือน้ำท่วมหนัก ที่นั่นที่นี่
เมืองไทยเราก็กำลังจะแล้งหนักในครึ่งหลังปีนี้ ตามคำพยากรณ์ของอุตุเราและอุตุสากล
ทำให้พ่อค้าส่งออกข้าว เร่งรับซื้อข้าวเปลือกในราคาสูงกว่าเกวียนละ ๑๔,๐๐๐-๑๖,๐๐๐ แล้ว ชาวนาที่มีข้าวเก็บในยุ้งฉางพากันยิ้มออก ว่าราคาดีเหลือเกิน
แต่ชาวนาที่เช่านาทำ จะยิ้มออกด้วยหรือ ไม่ผมไม่รู้ครับ
ที่น่าวิตกคือ ต่อไปไม่ช้านี้ เราจะมีข้าวเปลือกตุนพอสีกินภายใน ประเทศหรือไม่ หรือว่าต้องไปซื้อหามาจากชาติเพื่อนบ้าน ซึ่งก็ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ
อย่างอินเดียนั้น ได้ข่าวว่าห้ามส่งข้าวออกแล้ว
อันนี้ ผมเชื่อว่ารัฐน่าจะตระหนักถึงปัญหาที่จะเกิดตามมา คือความขาดแคลนข้าว ซึ่งเคยเกิดมาก่อนหน้านี้แล้วในไทย เมื่อหลายสิบปีก่อน
จึงหวังอย่างยิ่งว่า จะเร่งป้องกันข้าวขาดแคลนในประเทศ
หากยังไม่รีบป้องกัน มัวแต่พะวงกับการตั้งรัฐบาลอยู่ จนเลอะเลือนไป ก็จะผิดพลาด
ต้องรีบตั้งสติ ดำเนินการป้องกันข้าวหมดประเทศ เสียแต่เนิ่นๆ
พ่อค้านายทุนส่งออก เขาไม่มีคุณธรรมใดๆ หรอกครับ ที่จะกักเก็บข้าวไว้กินเองในประเทศ ได้ทีเมื่อไร พวกเขาก็จะทำกำไรสูงสุดไว้ก่อน
สภาพแปรปรวนของภูมิอากาศตามที่ว่านี้ จะส่งผลกระทบถึงการผลิตอาหารโลก นับว่าน่ากลัวมาก เพราะเป็นการซ้ำเติมความขาดแคลนที่เกิดขึ้นแล้ว จากสงครามยูเครน
ก็เขียนเตือนๆ กันมา ตามประสาคนรู้น้อยและขี้ตกใจครับ
อะไรต่อมิอะไรที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ชนิดสุดโต่งขึ้น-รุนแรงขึ้นเหมือนจะเร่ง”วันโลกาพินาศ” Doomsday ให้มาถึง ในไม่ช้าแล้ว