อิสราเอลไม่ยอมรับฆ่าผู้เชี่ยวชาญปรมาณูอิหร่าน
สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
อิสราเอลไม่ยอมรับฆ่าผู้เชี่ยวชาญปรมาณูอิหร่าน
ตกใจกันไปทั้งโลกเลยละครับ เมื่อมีข่าวแพร่สะพัดมาออกจากกรุงเทหะราน เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ว่านายโมห์เซน ฟักห์รีซาเดห์ นักวิทยาสตร์วัย ๖๒ ปี หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน ถูกลอบสังหารกลางวันแสกๆ ขณะเดินทางด้วยรถยนตร์”นิสสัน ทีนา”อยู่บนถนนนอกเมือง”อับซาร์ด”ใกล้เมืองหลวงอิหร่านด้านตะวันออก ทั้งๆมียานยนตร์หุ้มเกราะคอยติดตามคุ้มกันถึงสามคัน แต่กลับไม่สามารถคุ้มครองหรือป้องกันอะไรได้
ข่าวบางกระแสรายงานว่า ขณะที่”โมห์เซน”ขับรถอยู่นั้น ได้ยินเสียงกระแทกเกรียวราวจากภายนอกรถ จึงหยุดรถลงไปดูเพื่อให้รู้ว่าเกิดจากอะไร ในที่สุดเขาก็ถูกกระสุนยิงใส่สามนัด ฟังดูแล้ว คลับคล้ายกับหนังฮอลลีวูด “เธอะ ก็อดฟาเธอร์” ตอนที่”ซอนนี คอร์เลโอเน”ถูกระดมยิงตรงที่ป้อมเก็บค่าผ่านทางเพราะความประมาทเลินเล่อ จะว่าเซ่อก็ย่อมได้
ในข่าวบอกว่า”โมห์เซน”ขับรถ(หุ้มเกราะกันกระสุนเช่นกัน)เองมีภริยานั่งไปด้วย ไม่ปรากฏว่าภริยาบาดเจ็บแต่ประการใด
แต่รายงานเบื้องต้นระบุกรรมวิธีลอบสังหารขัดแย้งแตกต่างกันออกไป บ้างว่าถูกวางระเบิด บ้างว่าถูกกลุ่มคนร้ายซุ่มโจมตี บ้างก็ว่าถูกยิงด้วยปืนกลจากระยะไกล
มีรายงานว่า ตอนแรกเกิดระเบิดขึ้นก่อน จากรถนิสสันบรรทุกไม้ซึ่งซุกระเบิดซุกไว้ใต้กองไม้ ด้วยการจุดระเบิดขึ้นใกล้ๆ กับรถของ”โมห์เซน”
ทั้ง”นิวยอร์ก ไทมส์”และ”บีบีซี”รายงานว่า จากนั้นกลุ่มมือปืนก็กรูกันออกมา ระดมยิงไปที่รถของ”โมห์เซน”และเกิดการปะทะกับเหล่าองครักษ์ของ”โมห์เซน” ปรากฏว่าองครักษ์ถูกยิงตายไปสามคนและหลายคนบาดเจ็บ ฝ่ายโจมตีตายไปสี่คนและอีกหนึ่งคนบาดเจ็บสาหัส แล้วไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ซึ่งในประเด็นนี้ คงจะต้องรอฟังรายงานข่าวที่ถูกต้อง จากทางการอิหร่านอีกทีว่า แท้ที่จริงแล้ว เหตุเกิดขึ้นมาอย่างไรกันแน่ในรายละเอียด
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ผู้นำสูงสุดอิหร่าน คือ”อายะห์ตุลเลาะห์ ไซยิด อาลี คาเมเนอี”และผู้นำอื่นๆ อีกหลายคน ต่างประกาศคำมั่นสัญญาว่าจะแก้แค้นแทน”โมห์เซน”ให้จงได้
ถามว่าแก้แค้นใคร ปรากฏว่าผู้นำอิหร่านทุกคน พากันชี้นิ้วไปยังอิสราเอล พร้อมกับบอกว่า”นั่นไง”
เหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้อดระลึกถึงเหตุการณ์ลอบสังหารผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามคือพล.ต.กอเซม ซูไลมานี ด้วยการใช้”โดรน”โจมตีในอิรัก (เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา)ขึ้นมาไม่ได้ เพราะเข้าข่ายการลอบสังหารเช่นกัน
แต่ปรากฏว่า จนกระทั่งทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีการ ”แก้แค้น” สหรัฐเกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างอย่างแท้จริงเลย
จึงไม่แน่ใจว่า การแก้แค้นให้”โมห์เซน”จะเกิดขึ้นอย่างไร เมื่อไรและ ในลักษณะใด จะอาศัยหลักฐานใด มาให้เหตุผลประกอบดำเนินการแก้แค้น ในเมื่ออิสราเอลออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
เข้าทำนองท้าทายว่า หากมีหลักฐาน ก็ระบุมาสิ
อย่างไรก็ตามทั่วทั้งโลก ก็เชื่ออย่างที่ผู้นำของอิหร่านเชื่อว่า ถึงอย่างไร อิสราเอลก็จะต้องเกี่ยวข้องด้วย เพราะอิหร่านมีศัตรูด้านปรมาณูที่สำคัญมากที่สุดคืออิสราเอลเจ้าเดียวและอิสราเอล ก็ได้สำแดงท่าทีชัดเจนมานานแล้วว่า ไม่เห็นด้วยกับอิหร่านที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หรือปรมาณูขึ้นมาแข่งขันกับอิสราเอล เพราะเท่ากับเป็นการคุกคามอิสราเอลโดยตรง จึงพยายามขัดขวางทุกประการหากอิหร่านจะพัฒนาอาวุธร้ายแรงนี้ขึ้นมาจนประสบความสำเร็จ
กรณีนี้ เห็นทีจะต้องย้อนกลับ ไปดูความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ว่ามีความเป็นมาอย่างไร และขณะนี้ความสัมพันธ์ที่ว่านี้ มาอยู่ตรงจุดไหน
แต่ก่อนที่จะพูดถึงประเด็นที่ว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐและสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศเปิดเผยตรงกันว่า รายงานจากหลายฝ่ายยืนยันว่า“โมห์เซน ฟักห์รีซาเดห์”มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง ต่อโครงการพัฒนาสมรรถนะ(ทางอาวุธ)ของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
จากนั้นเมื่อสองปีที่ผ่านมา(๒๐๑๘)นายกรัฐมนตรีอิสราเอล”เบนจามิน เนทันยาฮู” ก็เปิดเผยว่า”โมห์เซน”เป็นหัวหน้า”โครงการอาห์มัด”ซึ่งตัวเขา(เนทันยาฮู)และอีกหลายคนต่างเชื่อว่าเป็นโครงการอาวุธปรมาณูลับๆของอิหร่าน
อิหร่านและอิสราเอลเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก่อนตั้งแต่สมัยที่”ชาห์ เรซา ปาห์ลาวี”ทรงปกครองประเทศ แต่ครั้นเมื่อเกิดการปฏิวัติอิสลามและ”อายะห์ตุลเลาะห์ รูฮัลเลาะห คอไมนี”ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดอิหร่านสนับสนุนกลุ่มศาสนา”ฮิซบุลลเลาะห์”ในภาคใต้ของเลบานอน ซึ่งกระทำตนเป็นศัตรูกับอิสราเอล ซ้ำต่ออิหร่านยังสนับสนุนกลุ่ม”ฮามาส”กับกลุ่ม”ปาเลสไตน อิสลามิก ยีฮาด”ซึ่งเป็นศัตรูกับอิสราเอล
ในขณะอีกทางหนึ่งอิสราเอล คัดค้านไม่เห็นด้วยกับการที่อิหร่านจะพัฒนาปรมาณู แม้จะเพื่อสันติ(เพราะเชื่อว่าจะพัฒนาเป็นอาวุธได้)อิสราเอลจึงให้การสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเทหะรานมาแต่บัดนั้น
เหตุการณ์ขัดแย้งในซีเรียถึงขั้นสงครามกลางเมือง ซึ่งสองฝ่ายคืออิหร่านและอิสราเอล ต่างสนับสนุนคู่กรณีทำสงครามตัวแทนกันหลายหน ยกระดับทำให้อิหร่านกับอิสราเอลเกิดการเผชิญหน้ากันโดยตรง
จนท้ายสุดอิหร่านประกาศว่า จะลบอิสราเอลออกจากแผนที่ให้ได้
เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกเลยที่การลอบสังหาร”โมห์เซน”ในครั้งนี้ อิหร่านจะต้อง”ชี้หน้า”อิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลัง แม้ไม่มีหลักฐานที่เหมาะเหม็ง ว่าอิสราเอลกระทำ
ถามว่าทำไมผู้นำอิหร่านจึงไม่กล่าวหาสหรัฐหรือซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นล้วนศัตรูเช่นกัน(ในกรณี”โมห์เซน”)
ตอบง่ายๆ ว่า คงจะเพราะมีเบาะแสอะไรบางอย่าง จากกลุ่มเคลื่อนไหวภายใน (อิหร่าน) ที่ต่อต้านรัฐบาลเทหะรานซึ่งได้รับการหนุนหลังจากอิสราเอล
เอาไว้ให้ความวุ่นวายค่อย ๆ จางหายไปสักระยะหนึ่ง เข้าใจว่าอิหร่านจะต้องเปิดเผยเหตุผล ที่กล่าวหาอิสราเอล ออกมาให้ชัดเจนมากกว่านี้