“โจชัว หว่อง”ชักน้ำเข้าลึก
สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
“โจชัว หว่อง”ชักน้ำเข้าลึก
ใครจะคิดว่า “โจชัว หว่อง”หนุ่มน้อยวัย ๒๒ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองของฮ่องกง จะหาญกล้าขอให้ชาติมหาอำนาจช่วยเขาต่อสู้ เพื่อให้ฮ่องกงเป็นอิสระและมีสิทธิมีเสรีภาพอย่างเต็มรูปแบบ ตามที่ใจเขาอยากจะเห็น
โดยเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายนที่ผ่านมานี้ เขาไปปรากฏตัวที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนครนิวยอร์ก เพื่อร่วมการอภิปรายที่นั่น นัยว่าเป็นการแสดงออก ซึ่งความเห็นในเชิงวิชาการ ตามแบบฉบับมหาวิทยาลัยที่เปิดกว้างเสรี ส่งเสริมการแสดงความเห็นตามระบอบประชาธิปไตย
ในโอกาสนี้”หว่อง”ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดี”โดนัลด์ ทรัมพ์”แห่งสหรัฐบรรจุประเด็น”สิทธิมนุษยชน”ไว้ในข้อตกลงการค้าใดๆ กับจีนไว้ด้วย(กำหนดจะมีการเจรจากันในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้) พร้อมกันนั้น ก็ขอให้รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง
ซึ่งก็”เข้าทาง”ที่สหรัฐพยายามยุยงส่งเสริม ตามที่ทางการจีนได้กล่าวหาเอาไว้ ก่อนหน้านี้ ว่าสหรัฐใช้เหตุการณ์ในฮ่องกงเป็นเครื่องมือ บีบคั้นจีนในอีกทางหนึ่งในการทำสงครามการค้า
ไม่เพียงแค่นั้น “หว่อง”ยังบอกกับสำนักข่าวเอเอฟพี ย้ำถึงความสำคัญในการผนวก”สิทธิมนุษยชน”ไว้ในข้อตกลงทางการค้า โดยขอให้บรรจุประเด็นการประท้วงไว้ในการเจรจาด้วย
นี่เป็นความฉลาดเฉลียวของ”หว่อง”ที่จะใช้สหรัฐเป็นเครื่องมือ ซึ่งก็”เข้าทาง”สหรัฐอีก ที่ต้องการจะใช้”หว่อง”เป็นเครื่องมือเช่นกัน ในการอ้างถึงเสียงเรียกร้องของชาวฮ่องกง กลุ่มที่เรียกร้องสิทธิที่ผ่านมาทาง”หว่อง”
ในการนี้”หว่อง”อ้างความจำเป็น ที่จะต้องหยิบยกปัญหา”ฮ่องกง”ไว้ในการเจรจาด้วย เนื่องจากฮ่องกงกำลังจะเผชิญกับการใช้”กฎหมายภาวะฉุกเฉิน” ซึ่งมีความน่ากลัว เท่ากับการใช้”กฎอัยการศึก”
และที่ยิ่งน่ากลัวไปมากกว่านั้นก็คือ จีนจะส่งทหารเข้ามาในพื้นที่ฮ่องกง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเกิดการปราบปรามอย่างแน่นอน
“หว่อง”หยอดคำพูดในเชิงขู่ไว้เอาไว้ด้วยว่า “หากจีนไม่มีความตั้งใจที่จะประกันความปลอดภัยต่อเสรีภาพทางเศรฐกิจของฮ่องกงแล้ว ก็จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกด้วย”
เด็กอะไร พูดจาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ได้น่าเกรงขาม ถึงเพียงนี้ ผิดกับบุคลิกภาพที่”จืดสนิท”เสียจริงๆ
ก่อนหน้านี้”หว่อง”เดินทางไปเยอรมนี หมายหาแนวร่วมระดับโลก(จากสหภาพยุโรป)เพื่อสนับสนุนเขา แต่ดูเหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะไม่ได้พบปะอย่างเป็นเรื่องเป็นราวกับผู้นำคนสำคัญใดๆ
ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนจะได้เจอรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี”แป๊บหนึ่ง”คล้ายกับไม่ตั้งใจ ซึ่งก็สร้างความโกรธแค้นกับรัฐบาลจีนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
นี่ถ้าหาก”หว่อง”ได้พบปะเข้าพบกับ”โดนัลด์ ทรัมพ์” หรืออย่างน้อยที่สุดก็รัฐมนตรีต่างประเทศ”ไมเคิล ปอมเปโอ” ชื่อเสียงของเขาคงจะดังระเบิดเถิดเทิง เพราะเท่ากับ”ตบหน้า”รัฐบาลปักกิ่งฉาดใหญ่
“หว่อง”คนนี้ ดังมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ ในฐานะหนึ่งในการกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ในรูปของการชุมนุมที่เรียกว่า”การปฏิวัติร่ม”
ก่อนหน้านี้ เขาพยายามขยายแนวร่วมออกมายังวงการระหว่างประเทศ เช่น ได้รับเชิญมาพูดในงานรำลึก ๔๐ ปี”เหตุการณ์ ๖ ตุลา” ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ แต่ถูกกักตัวไว้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ๑๓ ชั่วโมง ทำให้นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย ไม่พอใจ เพราะทางการไทยไม่ยอมให้เข้าประเทศ เลยต้องเดินทางกลับ ส่งผลให้ตัวแทนองค์การนิรโทษกรรมสากล ตำหนิไทยว่า ขัดขวางการใช้เสรีภาพในการแสดงออก แต่คนที่หมั่นไส้องค์กรนี้ ก็บอกว่าจะเป็นไรเล่า เพราะนี่มันบ้านเมืองของคนไทย
นอกจากนั้นแล้ว เขาก็ถูกมาเลเซียห้ามเข้าประเทศ ด้วยเหตุผลคล้ายๆกัน
ถามว่า”โจชัว หว่อง”เสี่ยงกระทำเช่นนี้เพื่ออะไร ทำเพื่อความถูกต้อง เพื่อความชอบธรรม เพื่อส่วนรวม หรือเพื่อตัวเขาเอง ที่จะก้าวขึ้นเป็นนักการเมืองคนสำคัญในอนาคต
คำถามตรงนี้ผมไม่สรุปคำตอบ เพื่อเป็นการชี้นำ
เท่าที่ได้ยินมานั้น สังคมไทยเชื่อว่า การกระทำของ”โจชัว หว่อง”คือพฤติกรรม”ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน”
ก็แล้วแต่ จะมองในแง่มุมไหน ก็แล้วกัน
วันนี้เขียนสั้นๆ เพียงแค่นี้ละครับ
