เเคมป์เบลล์ ได้พบซุปเพื่อจิตวิญญานของพวกเขา
เเคมป์เบลล์ ได้พบซุปเพื่อจิตวิญญานของพวกเขา
แคมป์เบลล์ ซุปเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในตู้เก็บอาหารอเมริกันมานานกว่า
140 ปี ในขณะที่พวกเขาเป็นผู้ผลิตซุปใหญ่ที่สุดของโลก พวกเขาได้อวดอ้างธุรกิจ
ที่ใหญ่และเจริญเติบโตภายในเครื่องดื่มสุขภาพทอดสมอด้วยตราสินค้า
วี 8 และภายในขนมอบด้วยเพพเพอร์ริจ ฟาร์ม ด้วย
สำนักงานใหญ่ของเเคมป์เบลล์ ซุป ยืนโดดเดี่ยวข้างหลังรั้วลวดหนาม
ภายในแคมเดน เมืองที่ทรุดโทรม นิวเจอร์ซี่ ข้างใน วัฒนธรรมของความ
วิตกกังวล และความไม่ไว้วางใจมีอยู่ทั่วไป บุุคคล ไม่ง่ายที่จะออกไปข้าง
นอก กินอาหารเที่ยงภายในอาคาร และได้ซุปที่ไม่มีส่วนลด ขวัญของบุคคลตกต่ำลง และวิกฤติทางการเงินใกล้เข้ามา ได้ผลักดันบริษัทไปสู่ริมขอบ บริษัทมีความผูกพันของบุคคลต่ำที่สุดของบรรดาบริษัทฟอร์จูน
500
ผมได้รับรู้ว่าสำนักงานใหญ่โลกของเราล้อมรอบด้วยลวดหนาม ทำให้มัน
ดูเหมือนเป็นคุก เเคมป์เบลล์ ตั้งอยู่ภายในเเคมเดน นิวเจอร์ซี่ เมืองที่จนที่สุด อันตรายที่สุด ภายในอเมริกา มันเป็นเมืองเล็ก และมีบุคคลประมาณ 7,8000 คน มีชีวิตอยู่ภายในเมือง และฆาตกรรม 38 รายเมื่อปีที่แล้ว ดังนั้นผมได้กล่าวว่า เรากำลังปรับปรุงอาคาร เพื่อคุณสามารถภูมิใจได้มาทำงานที่นี่ ดังนั้นบริษัทได้รื้อลวดหนาม และเอาต้นไม้ตายออกไป เราได้กั้นรั้วทรัพย์สิน เราทาสีขอบ ข้างในเราปูพรมใหม่ และทาสี
เราต้องการแสดงบุคคลของเราเริ่มแรกบนสัญญานที่มองเห็นของการ
ฟื้นฟู และอนาคตที่ดีขึ้น เมื่อ ค.ศ 2010 บริ์ัทได้เปิดศูนย์บุคคลของแคป์เบลล์ อาคารใหม่เป็นแกนกลางในขณะนี้ของวิทยาเขตของเรา และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของเราที่จะฟื้นฟูแคมเดน ในที่สุดมันเป็น
การแสดงออกของคำสัญญาแคมป์เบลล์ และการเเสดงเราให้คุณค่า
บุคคลของเราอย่างไร
เมื่อผมมาที่นี่ เราได้เริ่มต้นใช้การสำรวจของแกลลัพที่จะวัดความผูกพัน
ของบุค ภายในการสำรวจครั้งแรก เรามีอัตราส่สนความผูกพันของบุคคล
ประมาณ 1: 1 เรามีบุคคล 20,000 คน ดังนั้นเรามีบุคคล 10,000 คนที่
ผูกพันอย่างแท้จริงภายในการทำงาน และ 10,000 คนกำลังหางาน ด้วย
เหตุนี้เรามีบุคคล 10,000 คนพยายามแบกทั้งบริษัท
ผมเชื่อมั่นแย่างมั่นคงว่าเราไม่สามารถชนะภายในตลาดได้ จนกว่าเริ่ม
ต้นชนะภายในสถานที่ทำงาน และดังนั้นเมื่อผมมาที่นี่ เราได้สร้างอะไร
ที่เราเรียกว่า โมเดลความสำเร็จของแคมป์เบลล์ มันกล่าวว่า เรากำลัง
มุ่งชนะภายในสถานที่ทำงาน จะทำให้เราสามารถชนะภายในตลาด
จะทำให้เราชนะกับชุมชน และสร้างโลกที่ดีขึ้น และเราต้องทำทุกอย่าง
ของสิ่งเหล่านี้ด้วยความซื่อสัตย์ จุดสุดท้ายนี้ต่อรองไม่ได้
ดังที่จิม คอลลินส์ กล่าวภายใน “Good to Great” เราสามารถได้บุคคลที่
เหมาะสทบนรถโดยสาร แต่พวกเขาต้องอยู่ภายในที่นั่งที่เหมาะสม ทำ
งานด้วยกัน ไปจากดีไปสู่ยิ่งใหญ่ เราไม่แม้แต่ดี เราต้องไปจากไม่ดีไป
สู่ยิ่งใหญ่
เราได้สร้าง โมเดลความเป็นผู้นำของแคมป์เบลล์ และทำให้มันเป็นราก
ฐานเพื่อการพัฒนาความเป็นผู้นำภายใน มันอบเข้าไปเราประเมินผู้นำทุกคนของเราอย่างไร เราประเมินบุคคลบน อะไร และอย่างไร พวกเขาทำ
อะไร – เป้าหมาย และพวกเขาบรรลุเป้าหมายอย่างไร และเราประเมิน
พวกเขาบนความคาดหวังหกอย่างของโมเดลความเป็นผู้นำของเรา :
บันดาลความไว้วางใจ สร้างทิศทาง ขับเคลื่อนองค์การ สร้างพลังชีวิต
ขององค์การ ดำเนินการด้วยความดีเยี่ยม และสร้างผลลัพธ์ผิดธรรมดา
ดอจ โคแนนท์ ได้กล่าวว่า ผมได้พยายามยึดจุดสำคัญความเป็นผู้นำอะไรอยู่ภายในยุคของการหยุดชะงัก เราทำงานกับแนวคิดนี้ตลอดห้าปี เราเชื่อว่าคุณสามารถสร้างประสบการณ์ความเป็นผู้นำที่ผิดธรรมดาภายในข่วง
เวลาน้อยที่สุด อะไรที่เราเรียกว่าจุดสัมผัส ภายในวันใดก็ตาม เรามีโอกาส
นับไม่ได้ต่อผมที่จะสร้างความแตกต่างกับบุคคลที่ผมเกี่ยวพันระหว่างกัน
ถ้าผมรับฟังอย่างรอบคอบ และตอบสนองอย่างเหมาะสม บุคคลเหล่านี้จะได้ข้อมูลทีสำคัญต่อพวกเขา ในที่สุดงานนี้ของซีอีโอ
เเนวคิดนี้ได้เสริมแรงผมอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว ผมมีอุบัติเหตุทางรถยนต์
อย่างรุนเเรง ภายหลังการผ่าตัดที่ยาวนาน ผมได้ตื่นภายในการดูแลอย่าง
เข้มข้น และภรรยาของผมอยู่ที่นี่ เธอได้กล่าวว่า อย่ากังวล ฉันอยู่ที่นี่ เพียงเเค่ถ้อยคำสี่คำ มันได้เปลี่ยนแปลงผมรู้สึกอย่างไร และผมได้เริ่ม
ต้นกระบวนการฟื้นตัวของผมอย่างไร มันเป็นอะไรที่ต้องการได้ยินภาย
มนช่วงเวลานั้น
หลายครั้งต่อวัน พยาบาลเดินตาม เเละถาท ความเจ็บปวดของคุณเป็น
อย่างไร และผม คำถามรับรองผมว่าพยาบาลรายงานต่อผม และอยู่ที่นี่
ช่วยเหลือผม ทำนองการรับรองว่าชีวิตของผมอยู่ที่นี่ การสนทนาเหล่านี้
เป็นเส้นชีวิตต่อการฟื้นตัวของผม
เวลาแล้วเวลาเล่า วันแล้ววันเล่า ผมต้องฟื้นตัว และช่วงเวลาที่น้อยเหล่านี้
สามารถให้กำลังใจผม หริอทำให้ผมผิดหวัง บิลล์ ยอร์จ ภายในหนังสือ
ของเขา “True North” บิลล์ ยอร์จ ได้พูดเกี่ยวกับช่วงเวลาการทดสอบที่หนัก การเจริญเติบโตเป็นผู้นำเหมือนกับการเจริญเติบโตเป็นบุคคล หมายถึงการเรียนรู้จากระยะเวลาที่ยุ่งยาก ผมเรียกระยะเวลาเหล่านี้ว่าการทดสอบที่หนัก
ผมเสียใจที่จะกล่าวว่าบุคคลทุกคนบนโลกจะอดทนไม่กี่คนการทดสอบที่หนักของคุณอาจจะมีทั้งการเสียชีวิตของบุคคลบางคนความเจ็บป่วยร้ายแรง การหย่าร้างของครอบครัว หรือความล้มเหลวทางวิชาชีพ ในฐานะของผู้นำ เราต้องเรียนรู้ที่จะประมวลเวลาความยุ่งยาก ภายในวิถีทางที่ทำให้เราออกมาสู่ด้านอื่นที่เข้มแข็ง และบันดาลใจบุคคลที่ล้อมรอบเรา
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้เรียนรู้ทำให้ความยุ่งยากกลายเป็นทรัพย์สินอย่างไร
ผมได้ถูกบันดาลใจโดยผู้นำหลายคนที่ผมได้สัมภาษณ์ภายใน “Discover
Your True North” ดังที่พวกเขาได้บอกผมเกี่ยวกับการทดสอบที่หนักอย่างเจ็บปวด และพวกเขาได้ใช้มันเป็นโอกาสที่จะเรียนรู้และเจริญเติบโต
ในฐานะของผู้นำ เราต้องมีชีวิตอยู่ภายสามเขตเวลาพร้อมกัน อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ผู้นำต้องให้เกียรติสามเขตเวลาเหล่านี้ อดีต – ผู้นำต้องเรียนรู้จากและให้เกียรติอดีต ปัจจุบัน – ผู้นำต้องบรรลุความคาดหวัง
ของปัจจุบันด้วยวิถีืทางที่มีคุณภาพ อนาคต – ผู้นำต้องสร้างเส้นทางที่ชัด
เจนและมองเห็นได้เพื่ออนาคตที่เจริญรุ่งเรือง
ทุกครั้งที่ผมเผชิญการตัดสินใจที่สำคัญ ผมมีรายการตรวจสอบสาม
เขตเวลา ช่วยเหลือผมเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด ผู้นำต้องกลายเป็นนัก
เดินทางตามเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำถูกบอกกล่าวโดยอดีต และ
กระทบต่อปัจจุบันและอนาคต เพื่อการปรับปรุงการตัดสินใจ เราต้อง
สามารถเดินทางตัวเราเองไปสู่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตพร้อมกัน
มันหมายถึงอะไรภายในการปฏิบัติ มันมหมายถึงการใช้มุมมองสายตา
ที่ชัดเจนของอดีต เข้าใจทันทีกลายเป็นปัจจุบันอย่างไร จากที่นี่ เรา
สามารถประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน มั่นใจว่าเราเข้าใจเราอยู่ที่ไหน
ในขณะนี้ จากกระบวนการนี้ นำไปสู่การตัดสินใจที่บอกให้รู้มากขึ้น
เกี่ยวกับการบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการในอนาคต
ดอจ โคแนนท์ กล่าวว่าช่วงเวลาการทดสอบที่หนักของผมคือ อุบัติเหตุทางรถยนต์ และกระบวนการฟื้นตัวทำให้ผมสะท้อนชีวิตของผม ผมออกมาจากประสบการณ์นั้นด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง สร้างช่วงเวลาเพื่อบุคคล
อื่น ช่วยเหลือพวกเขาสร้างผลลัพธ์ธุรกิจที่ดีขึ้น และกลายเป็นผู้นำที่ดีขึ้น
ดังนั้นจุดสัมผัสได้กำเนิดความเชื่อว่าคุณสามารถทำสิ่งที่ผิดธรรมดภาย
ในช่วงเวลาน้อยที่สุด อุบัติเหตุทางรถยนต์ของผมได้ยืนยันอีกครั้งต่อผมพลังของความคิดนั้น
เราโน้มเอียงที่จะสร้างความเป็นผู้นำเป็นแนวคิดที่ยิ่งใหญ่ แต่มันสามารถ
เรียบง่ายด้วยการถามบุคคลบางคน ความเจ็บปวดของคุณเป็นอย่างไร
หรือยืนยันพวกเขา อย่ากังวลผมอยู่ที่นี่ มันเป็นแนวคิดที่เข้าหาได้อย่าง
ไม่น่าเชื่อแก่บุคคลทุกคน แต่พยายามทำมันให้ดี พยาบาลที่ฝึกอบรม
อย่างดี และชั่วโมงจำนวนมากของการปฏิบัติ รู้อะไรที่จะทำด้วยคำตอบ
ของผม บุคคลที่ไม่ได้ตระเตรียมเพื่อช่วงเวลานั้นสร้างความวิตกกังวล
ความคิดของจุดสัมผัสเกี่ยวกับความพยายามช่วยเหลือบุคคล หาวิถีทาง
ที่จะเจริญเติบโตภายในช่วงเวลานั้น
ณ วิชาความเป็นผู้นำที่ผมสอน ผู้ช่วยได้ถามผม คุณสามารถกลับไปยัง
เสียงรบกวนภายในสำนักงานของคุณอย่างไร – เสียงโทรศัพท์ บุคคลที่มาหา การขัดจังหวะ ผมไม่ได้มองมันเป็นการขัดจังหวะ มันเป็นโอกาสที่จะช่วยเดินหน้าอะไร ดังนั้นผมมองไปข้างหน้าต่อมัน เราได้เริ่มต้นพูดเกี่ยวกับยุคของการขัดจังหวะ ข้อเท็จจริงที่ทุกสี่นาทีโดยเฉลี่ย บุคคลหนึ่งน่าจะทำลายสมาธิของเรา ด้วยการเผชิญหน้ากับบุคคลอื่น แต่ผมจริงใจ ผม
ชอบช่วงเวลาเหล่านี้ เพราะว่าผมมีบุุคคลมาหาผม พร้อมที่จะยุ่งเกี่ยวกับปัญหาธุรกิจ
ดอจ โคแนนท์ กล่าว่าหนังสือเล่มหนึ่งที่ค่อนข้างจริงต่อผมภายในสภาพแวดล้อมวันนี้คือ “Level 5Leadership :The Triumph of Humility and Fierce Resolve” ผลงานของจิม คอลลินส์ เกี่ยวกับความเป็นผู้นำระดับห้า
โดยเฉพาะความคิดของความถ่อมตัวและการตัดสินใจอย่างหนักแน่น การตัดสินใจอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับไม่เคยยอมแพ้ การรับรู้ว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลง และเรามีมากมายที่จะเรียนรู้ ต่อผมแล้ว จิม คอลลินส์
เป็นบุคคลบางคนที่เรียนรู้และเจริญเติบโตอยู่เสมอ และผมคิดว่าเขาเป็นตัวอย่างผู้นำระดับห้า
ผู้นำระดับห้าแสดงการรวมกันของความถ่อมตัวส่วนบุคคลและความมุ่งมั่นทางวิชาชีพที่เข้มแข็ง ผู้นำระดับสูงสุดนี้ขับเคลื่อนและทะเยอทะยานอย่างไม่น่าเชื่อ รักษาความรู้สึกที่เข้มแข็งของความตระหนักตัวเอง และสามารถวางความต้องการของบุคคลอื่นเหนือพวกเขาเอง ผู้นำระดับห้า
มีความถ่อมตัว พวกเขาไม่แสวงหาความสำเร็จเพื่อชัยชนะของพวกเขาเอง
พวกเขาร่ามการยกย่องเพื่อความสำเร็จ และพวกเขาเป็นบุคคลเเรกที่จะ
ยอมรับคำตำหนิต่อความผิดพลาด
จิม คอลลินส์ ได้กล่าวว่าผู้นำระดับห้ามักจะอาย แต่ไร้ความกลัวเมื่อมา
สู่การตัดสินใจ โดยเฉพาะการตัดสินใจที่บุคคลอื่นส่วนใหญ่มองว่าเสี่ยง
ภัย ผู้นำระดับห้าครอบครองคุณลักษณะที่พบภายในผู้นำอื่นสี่ระดับด้วย
ของจิม คอลลินส์ แม้ว่าเราไม่ได้ผ่านตามลำดับแต่ละระดับ ก่อนที่เรา
ผู้นำระดับห้า เราต้องมีทักษะและความสามารถที่พบภายในแต่ละระดับ
ของลำดับชั้น
ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดต่อผู้นำของเวลาของเราภายในอุตสาหกรรมใดก็ตามคือ ความคิดที่อุดมสมบูรณ์ และผมมองไม่เห็นมันเพียงพอเเล้ว เราสามารถสร้างบริษัทที่ดีขึ้นและสร้างโลกที่ดีขึ้นในขณะเดียวกัน มันไม่ได้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังที่จิม คอลลินส์ เรียกว่าอัฉริยะของและ และ
เผด็จการของ “หรือ” อัฉริยะของ “และ” เป็นเเนวคิดหนึ่งพัฒนาภายในหนังสือ “Build to Last” ของจิม คอลลินส์
ผู้เขียนได้กล่าวว่า กระบวนการตัดสินใจโดยทั่วไปเป็นการเลือกระหว่างสองทางเลือกหรือมากกว่า มันกระบวนการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เราจะลดต้นทุนต่ำสุดหรือบรรลุคุณภาพสูงสุด มันเป็นวิถีทางผลักดันที่ผลักดันบุคคลเชื่อว่าสิ่งต้องเป็นเอหรือบี แต่ไม่ใช่ ทั้งสองอย่าง แน่นอนมันต่อต้านจินตนาการ จำกัดความเป็นไปได้ มันเป็นเผก็จการของ “หรือ” ที่นำประธานาธิบดี จอห์น เคนเนดีกล่าวว่า เราต้องการบุคคลที่สามารถฝันถึงสิ่งที่ไม่เคยเป็น
ผู้สร้างความยิ่งใหญ่ไม่ยอมรับ เผด็จการของ “หรือ” และรับเอาอัฉริยะของ “และ” ไว้ พวกเขารับเอาทั้งสองขั้วในขณะเดียวกัน ความมุ่งหมายและกำไร ความต่อเนื่องและการเปลี่ยนแปลง ความอิสระและความรับผิดชอบ ระเบียบวินัยและความคิดสร้างสรรค์
ผมคิดผู้นำขายตัวพวกเขาเอง องค์การของพวกเขา และประเทศของพวกเขาไม่ดีพอ เมื่อพวกเขาเลิอกอย่างหนึ่งเหนืออีกอย่างหนึ่ง มันไม่ได้เป็นอย่างหนึ่งหรืออีกอย่างหนึ่ง มันเป็นทั้งสองอย่าง
อุดมการณ์แกนและการขับเคลื่อนความก้าวหน้าจะอยู่ด้วยกันภายในบริษัทที่มีวิสัยทัศน์คล้ายกับยินและหยางของปรัชญาการอยู่คู่กันของจีน องค์ประกอบแต่ละอย่างทำให้สามารถและเสริมแรงระหว่างกัน การรักษาอุดมการณ์แกนทำให้สามารถก้าวหน้า การสร้างฐานของความต่อเนื่องรายรอบ
จิม คอลลินส์ ได้ใช้สัญลักษณ์ยินหยาง จากปรัชญาจีนแสดงส่วนประกอบพื้นฐานของบริษัท
ที่มีวิสัยทัศน์ เขาได้อธิบายว่าไม่เหมือนกับบริษัทอื่น พวกเขาจะไม่จมอยู่กับแนวคิดเผด็จการของ “หรือ” แนวคิดนี้จะแสดงมุมมองว่าเมื่อสองสิ่งขัดแย้งกัน มันไม่สามารถจะมีอยู่ในขณะเดียวกัน เราสามารถมี เอ หรือ บี เท่านั้น ไม่มีทั้งสองอย่าง จิม คอลลินส์ ได้ใช้สมมุติฐานว่า เราสามารถมีการเปลี่ยนแปลงหรือเสถียรภาพเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แต่กระนั้นเรามีมุมมองทางเลือกว่า อัจฉริยะของ “และ” จิม คอลลินส์ เชื่อว่านี่คือมุมมองที่ดีที่สุด บริษัทที่มีวิสัยทัศน์ ได้ใช้มุมมองนี้ ความเชื่อที่ทำให้พวกเขามีทั้งการเปลี่ยนแปลงและเสถียรภาพ
จงพิจารณาแอปเปิล และผู้นำของพวกเขา สตีฟ จ้อป ภายใต้การเลือก
ระหว่างความซับซ้อนและความเรียบง่าย สตีฟ จ้อป ยืนยันทั้งสองอย่าง
ภายใต้การเลือกระหว่างอรรถประโยชน์และความสวยงาม สตีฟ จ้อป
เลือกทั้งสองอย่าง อัฉริยะของ “และ” เป็นความฝันของสิ่งที่ไม่เคยเป็น
และเนื่องจากสตีฟ จ้อป ทำ เเอปเปิ้ล ได้เปลี่ยนแปลงโลก
ความมุ่งหวังของจิม คอลลินส์ คือ สื่อสารว่าบริษัทต้องสร้างและรักษาอุดมการณ์ที่ยึดถืออย่างลุ่มหลง “และ” กระตุ้นความก้าวหน้าภายใน
อย่างอื่นในขณะเดียวกัน
ในฐานะของผู้นำ เราต้องกำหนดมาตรฐานที่สูง ผมต้องการกระทำอย่าง
มีจริยธรรม และผมต้องการชนะ มันไม่ใช่ ผมต้องการชนะภายในตลาด
หรือผมต้องการชนะด้วยความซื่อสัตย์ กอร์ดอน เก็คโค นักแสดงจาก
ภาพยนตร์ เรื่อง “Wall Street” กล่าวว่า “ความโลภเป็นสิ่งที่ดี” ความโลภเหมาะสม ความโลภได้ผลความโลภทำให้ชัดเจน ทำงานเร็วขึ้น และยึดจุดสำคัญของจิตวิญญานการปฏิรูป
ภายใน ค.ศ 1990 เมื่อทุนนิยม เทคโนโลยี และตลาดการเงินที่ก้าวหน้า
นักเศรษฐศาสตร์ตลาดเสรีบางคนป้องกันถ้อยคำของกอร์ดอน เก็คโค
การยืนยันว่าการเเสวงหาความโลภเป็นประโยชน์ และเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของตลาดทุนนิยม มันจูงใจบุคคลทำงานหนักขึ้น สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่และดีขึ้น แต่กระนั้นเรามีการโต้เเย้งว่าทุนนิยมปลดปล่อยความโลภ สร้างความไม่เสมอภาค ความบาดหมาง และความหลอกลวงภายในสังค
ทุนนิยม เป็นการฉ้อโกงทางศีลธรรมทั้งต่อบุคคลและธุรกิจ กอร์ดอน เก็คโค ถูกต้องและความโลภนั้นนำสิ่งที่ดีใดก็ตามมาสู่สังคมของเราหริอไม่ บุคคลมักจะผสมกันความโลภกับการแสวงหาของผลประโยชน์ตัวเอง ความโลภเป็นความต้องการที่เข้มแข็งที่จะได้บางสิ่ง
บางอย่างมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น เงิน ในขณะที่ผลประโยชน์ตัวเอง
เป็นการกระทำของการพิจารณาผลประโยชน์ตัวคุณเองเมื่อตัดสินใจ
และตัดสินใจทำอะไรดีที่สุดต่่อคุณ
อดัม สมิธ ภายในหนังสิอตำนานของเขา “The Wealth of Nations” ยืนยันว่าเมื่อบุคคลแต่ละคนภายในสังคมกระทำบนพื้นฐานของผลประโยชน์ตัวเองของพวกเขา สังคมทั้งหมดจะได้ประโยชน์ แม้ว่าอดัม สมิิธ ค่อนข้างจะเข้าใจยาก มิลตัน ฟรีดแมน ได้ให้ตัวอย่างที่มองเห็น
ของการกระทำเดินตามผลประโยชน์ตัวเอง ช่วยบุคคลทั่วโลกประสาน
กันได้อย่างไร
เขาได้อธิบายบุคคลจำนวนมากไม่รู้จักกันและเเม้แต่ไม่ชอบกันและกัน ถ้าพวกเขาได้เคยพบกัน ประสานกันที่จะสร้างดินสอหนึ่งอันอย่างไร
บุคคลบางคนภายในวอชิงตันได้ตัดต้นไม้สร้างร่างกายของดินสอ ในขณะที่ผู้ขุดเเร่บางคนภายในอเมริกาใต้ขุดแกรไฟต์ใช้ทำหัวดินสอ และนักธุรกิจบางคนภายในมาลายาผลิตยางที่ใช้ลบดินสอ
เมื่อ 50 ปีที่แล้ว มิลตัน ฟรีดแมน ได้บอกเราความโลภเป็นสิ่งที่ดี ก่อน
ภาพยนตร์ “Wall Street” นักเศรษฐศาสตร์ชิคาโก มิลตัน ฟรีดแมน ได้
ปราศัยที่มีชื่อเสียงภายในวอลล สตรีท เกี่ยวกับบทความเพื่อวารสาร
นิวยอรค ไทม์ เรื่อง “The Social Responsibility of Business is to
Increase Its Profits” ธุรกิจ รับใช้สังคมได้ดีที่สุด เมื่อธุรกิรได้ยกเลิก
การพูดถึงความรับผิดชอบทางสังคม และการบรรลุผลตอบแทนของ
ผู้ถือหุ้นสูงสุดอย่างเดียว
ผมคิดว่าบุคคลกระหายเพื่อความเป็นผู้นำที่รับเอาอัจฉริยะของ “และ” แทนที่จะพูดว่าเราไม่สามารถตระหนักทางสังคม เพราะว่ามันไม่ดีต่อธุรกิจ
ความท้าทายยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างเดียวของผมต่อผู้นำของวันนี้คือ นำความ
คิดที่อุดมสมบูรณ์ไปสู่เเต่ละการเกี่ยวพันระหว่างกันที่พวกเขามีกับบุคคล
ถ้าคุณนำความคิดนั้นไปสู่ช่วงเวลานั้นเมื่อบุคคลบางคนต้องการความช่วย
เหลือของคุณ คุณเริ่มต้นปฏิรูปชีวิตทุกวัน
เมื่อถามว่าผู้นำเป็นโดยกำเนิดหรือสร้าง ดอจ โคแนนท์ ยืนยันว่า บุคคล
ไม่ได้เป็นผู้นำโดยกำเนิด เราไม่มีหมอหรือนักเขียนโดยกำเนิดคนใดเลย
คุณต้องทำงานกับมัน ผมคิดว่ามันสำคัญต่อผู้นำต้องเป็นภาพสะท้อนและมีมุมมองและหลักการ เพื่อการสร้างองค์การที่มีประสิทธิภาพสูง ความเป็นผู้นำเป็นบางสิ่งบางอย่างที่คุณต้องทำงาน ถ้าคุณต้องการ
เป็นมันให้ดี คุณสามารถเป็นมันได้ดีอย่างไร ถ้าคุณไม่ทำงานกับมัน
ทักษะของความเป็นผู้นำเป็นสมบัติ ณ ทุกระดับของบริษัท เมื่อเราจูงใจ
บุคคลอื่น และดำเนินงานด้วยการมุ่ง “ผมสามารถช่วยเหลือได้อย่างไร”
เรากลายเป็นผู้นำไม่มองถึงชื่องานของเรา
บุคคลใช้ชั่วโมงการทำงานของพวกเขามากกว่าที่อื่นใดภายในชีวิต
ของพวกเขา คุณใช้เวลาทำงานมากกว่าคุณทำกับครอบครัวของคุณ
ผมปฏิบัติต่องานของผม และการเจริญเติบโตของผมเป็นงานฝีมือ มันเป็น
พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ผมกลับไปนิสัยอย่างที่เจ็ดของสตีเฟน โควี่ย์ “ลับเลื่อยให้คม” คุณต้องทำงานเพื่อเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่
ลับเลื่อยให้คมหมายถึงการรักษาและการยกระดับทรัพย์สินยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณมี – ตัวคุณเอง มันหมายถึงการกำหนดการที่สมดุลเพื่อการฟื้นฟูตัวคุณเองภายในสี่ด้านของชีวิตของคุณ :ร่างกาย สังคม- อารมณ์ ความคิด และจิตวิญญาน เมื่อคุณฟื้นฟูตัวคุณเองภายในแต่ละสี่ด้านเหล่านี้ คุณสร้างการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงภายในชีวิตของคุณ ลับเลื่อยให้คมทำให้คุณสดใส ดังนั้นคุณสามารถปฏิบัตินิสัยหกอย่างอื่นอย่างต่อเนื่องได้
ลับเลื่อยให้คม นิสัยอย่างที่เจ็ดเกี่ยวกับการใช้เวลาฟิ้นฟูตัวเอง มันทำให้
นิสัยอื่นทุกอย่างเป็นไปได้ เราต้องไม่เคยกลายเป็นยุ่งเกินไปกับการเลื่อย
ใช้เวลาที่จะลับเลื่อยให้คม
วันหนึ่งเรากำลังเดินภายในป่า และเราได้พบชายคนหนึ่งเลื่อยต้นไม้อยู่
คุณทำอะไรอยู่ เราถาม คุณมองไมเห็นหรือ เขาตอบอย่างหงุดหงิด ผมกำลังเลื่อยต้นไม้ คุณดูแล้วเหนื่อย คุณทำมานาน
เท่าไรแล้ว เราถาม สองหรือสามชั่วโมงแล้ว เขากล่าว เหงื่อไหลลงจากคาง
ของเขา เลื่อยของคุณดูแล้วทื่อ ทำไมคุณไม่หยุดพักสองสามนาที
และลับเลื่อยให้คม ผมมั่นใจว่า มันจะเลื่อยได้เร็วขึ้นมาก ผมไม่มีเวลาลับ
เลื่อยให้คม ผมยุ่งเหลือเกินกับการเลื่อย เขาตอบ
สตีเฟน โควีย์ ได้อธิบายนิสัยข้อเจ็ดด้วยการใช้การเปรียบเทียบของคนตัดไม้ คนตัดไม้ได้เลื่อยไม้อยู่ภายในป่านานหลายวัน เมื่อวันหนึ่งผ่านไปเขาสังเกตุว่าประสิทธิภาพการผลิตของเขากำลังลดลง มันทำให้ยากขึ้นและยากขึ้นที่จะเลื่อยแต่ละวัน
ตามมา เหนือสิ่งอื่นใด กระบวนการตัดทำให้ความคมทื่อลง ความคมยิ่งทื่อ
ลงเท่าไร ความพยายามที่ต้องใช้เลื่อยยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แน่นอน
ข้อแก้ปัญหาของคนตัดไม้คือ ต้องหยุดเป็นระยะลับเลื่อยให้คม
ภายในวิถีทางอย่างเดียวกัน เราสมารถใช้ขั้นตอนป้องกันความเหนื่อย
หน่าย และรักษาการปฏิบัติงานที่สูงไว้ด้วยการลับเลื่อย การลับเลื่อย
เกี่ยวกับการเติมพลังตัวเราเองภายในสี่ด้านของชีวิต : ร่างกาบ จิตใจ
สังคม-อารมณ์ และจิตวิญญาน
*ร่างกาย เกี่ยวพันกับการดูแลร่างกายกายภาพของเรา มันสำคัญเพราะว่าถ้าร่างกายของเรารู้สึกเหนื่อย มันกลายลำบากที่จะนำมาประสิทธิภาพการผลิต ไม่ว่าเราจะเราทุ่มเทความพยายามมากเเค่ไหน
*สังคม-อารมณ์ การมีชีวิตทางสังคมที่ดี การสร้างการเชื่อมโยงที่มีคุณค่ากับบุคคลอื่น
*ความคิด การเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่ใหม่ การอ่านและการเขียน หนังสือ
เป็นที่ปรึกษาของเรา
*จิตวิญญาน การขยายตัวเองทางจิตวิญญานผ่านการนั่งสมาธิ การใช้เวลาพักผ่อนภายในธรรมชาติ
ความสมดุลภายในสี่มิติของการเติมพลังจะสำคัญ การละทิ้งด้านใดก็ตาม
กระทบทางลบต่อด้านที่เหลืออยู่ การเติมพลังกลายเป็นมีประสิทธิภาพเมื่อเราจัดการกับสี่มิติภายในวิถีทางที่สมดุล
ตามสตีเฟน โควีย์ การลับเลื่อยให้คมเกี่ยวกับการใช้เวลาที่จะชุบชีวิต และทำให้สดชื่นภายในสี่มิตืของธรรมชาติของเรา ดังนั้นเรามีประสิทธิมากขึ้นภายในงานของชีวิตของเรา มันหมายถึงการทำงานอย่างฉลาดขึ้น ไม่ใช่หนักขึ้น มันทำให้นิสัยอื่นหกอย่างเป็นไปได้ เมี่อเราลับเลื่ิอยให้คม เรารักษาและยกระดับทรัพย์สินยิ่งใหญ่ที่สุดที่เรามี – ตัวเราเอง นิสัยที่เจ็ดของบุคคลที่มีประสิทธิภาพสูงลับเลื่อยให้คมสามารถช่วยให้ทำงานได้สำเร็จภายในเวลาที่น้อยด้วยความสมบูรณ์
ปรัชญาเบื้องหลังนิสัยนี้คือ ใช้เวลาพักบ้าง และลงทุนมัน ภายในตัวคุณเอง มันเป็นการลงทุนที่จำเป็นมากที่สุดอย่างหนึ่งที่เราต้องทำด้วยตัวเราเอง เพราะว่าไม่มีบุคคลออื่นจะทำมันเพื่อเรา
ครั้งหนึ่งอับราฮัม ลินคอล์น พูดว่า “ให้ผมหกชั่วโมงตัดต้นไม้ และผมจะ
ใช้สี่ชื่อโมงเเรกลับขวานให้คม”
บิลล์ จอร์จและดอจ โคเเนนท์ เห็นด้วยกับคุณลักษณะฝาแฝดที่สำคัเท่ากันต่อความคล่องตัวคือ ความกล้าหาญ ถ้าไม่มีความสามารถใช้การกระทำอย่างกล้าหาญสอดคล้องกับความเชื่อของเรา เราไม่สามารถปรับตัวเมื่อสภาพแวดล้อมธุรกิจได้ปฏิรูป ดังนั้นผู้นำสามารถจัดการทีมของพวกเขาด้วยส่วนผสมเท่าเทียมกันของความคล่องตัวและความกล้าหาญอย่างไร ทั้งสองผู้เชี่ยวชาญเห็นด้วยกับจุดสำคัญคือการแสดงความชัดเจนของวิสัยทัศน์
ดอจ โคแนนท์ ซีอีโอของแคมป์เบลล์ ซุ้ป ได้ประมวลประสบการณ์ความเป็นผู้นำมากกว่า 40 ปี เป็นกระบวนการพิมพ์เขียวหกขั้นตอนของเขา
เพื่อการสะท้อนและการสร้างโมเดลที่เขาใช้ปฏิรูปเส้นทางความเป็นผู้นำของเขาเอง ภายในหนังสือของเขา “The Blueprint” หนังสือขายดีที่สุดของนิวยอร์ค ไทม์ และวอลล์ สตรีท เจอร์นัล
ดอจ โคแนนท์ กล่าวว่า เรื่องราวชีวิตของเราคือเรื่องราวความเป็นผู้นำของเรา ผู้นำจมอยู่ภายในโลกของวูคา : ความอลหม่าน ความไม่แน่นอน ความซับซ้อน และความคลุมเครือ พวกเขากระหายที่จะทำให้ดีขึ้น
บิลล์ จอร์จ กล่าวว่า เราไม่สามารถคล่องตัวได้ ถ้าเราไม่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน มันเหมือนกับเราเป็นกะลาสีเรือ และเรากำลังมุ่งหน้าไปตรงไหน
บนทะเล เรารู้ว่าเรากำลังไปตรงไหน
นั่นเป็นวิสัยทัศน์ของเรา และถ้าบุคคลกำลังเดินตามเรา พวกเขาต้องชัดเจนเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของเรา และเรากำลังไปที่ไหน เพราะว่าเมื่อเราถูกลมพัดไปมา เราสามารถใช้ความคล่องตัวคงอยู่บนเส้นทาง แต่เราเพียงแค่ไม่สามารถทำได้ ถ้าเราไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรากำลังไปที่ไหน
บิลล์ จอร์จ กล่าวว่า ความกล้าหาญเป็นคุณลักษณะที่เเยกความแตกต่างผู้นำที่ยิ่งใหญ่จากผู้บริหารที่ดีเยี่ยม ผู้นำที่กล้าหาญเสี่ยงภัยที่องค์การของพวกเขาไม่เต็มใจ พวกเขาทำการตัดสินใจด้วยโอกาสเพื่อการปฏิรูปภายในตลาด ความกล้าหาญของพวกเขาบันดาลใจทีมของพวกเขา กระตุ้นลูกค้า และวางตำแหน่งบริษัทของพวกเขาเป็นผู้นำภายในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
ความกล้าหาญไม่ได้เป็นคุณลักษณะทางความฉลาด หรือสามารถสอนมันภายในห้องเรียนได้ มันสามารถได้มาผ่านทางประสบการณ์ที่หลากหลายเกี่ยวพันกับความเสี่ยงภัยส่วนบุคคลเท่านั้น ความฉลาดมาจากหัวใจ ดังที่พระภิกษุชาวเวียตนาม ติช นัท ฮันท์ ครั้งหนึ่งกล่าวว่า การเดินทางยาวที่สุดที่เราจะใช้คือ 18 นิ้วจากหัวของเราไปสู่หัวใจของเรา
มันต้องทำการตัดสินใจอย่างกล้าหาญสร้างบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของโลก ถ้าธุรกิจถูกบริหารโดยไม่มีความเป็นผู้นำที่กล้าหาญ โครงการอาร์ แอนด์ ดี ต่อผลิตภัณฑ์ การลงทุนภายในตลาดเกิดใหม่ และความผูกพันของบุคคล
ต่อภารกิจของบริษัทย่อมจะร่วงโรย บริษัทเหล่านี้สามารถลื่นลงไปสู่ความเจ็บป่วย และอาจจะล้มเหลวในที่สุด
ดอจ โคแนนท์ ซีอีโอของแคมป์เบลล์ ซุ้ป ได้ประมวลประสบการณ์ความเป็นผู้นำมากกว่า 40 ปี เป็นกระบวนการพิมพ์เขียวหกขั้นตอนของเขา
เพื่อการสะท้อนและการสร้างโมเดลที่เขาใช้ปฏิรูปเส้นทางความเป็นผู้นำของเขาเอง ภายในหนังสือของเขา “The Blueprint : 6 Practical Steps
to Lift Your Leadership to New Height หนังสือขายดีที่สุดของนิวยอร์ค ไทม์ และวอลล์ สตรีท เจอร์นัล
เมื่อ ค.ศ 1984 ดอจ โคเเนนท์ ถูกไล่ออกโดยไม่มีการเตือนและการ อธิบาย เขารู้สึกไร้ความหวังและยึดติดอยู่ น่าประหลาดใจความพ่าย
แพ้นี้ทำให้เหตุการณ์กลายเป็นสิ่งดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นต่อเขา ดอจ
โคแนนท์ ได้เริ่มต้นพิจารณาอะไรอาจจะยึดเขากลับจากการรับรู้
ศักยภาพของเขา บรรลุความฝันของเขา และสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่
ต่อโลกล้อมรอบเขา
การเริ่มการเดินทางของการสะท้อนตัวเองและการค้นพบ เขาได้สร้าง
เส้นทางที่จะปฏิรูปความเป็นผู้นำของเขา และเปลี่ยนแปลงวิถีทางอาชีพ
ของเขา ในที่สุดดอค โคแนนท์ สามารถย่อเรื่องราวความเป็นผู้นำของเขา
เป็นขั้นตอนที่ปฏิบัติได้หกขั้น มันไม่ได้เกิดขึ้น จนกระทั่งดอจ โคแนนท์ ทำงานตามชั้นตอนเหล่านี้ที่เขาสามารถยกความเป็นผู้นำของเขาไปสู่
จุดสูง
ดอจ โคแนนท์ กล่าวว่า เรื่องราวชีวิตของเราคือเรื่องราวความเป็นผู้นำของเรา ผู้นำจมอยู่ภายในโลกของวูคา : ความอลหม่าน ความไม่แน่นอน ความซับซ้อน และความคลุมเครือ พวกเขากระหายที่จะทำให้ดีขึ้น เขา
ได้กล่าวถึงการเดินทางตัวของเขาเอง การสะท้อนและการค้นพบปฏิรูป
ความเป็นผู้นำของเขา และเปลี่ยนแปลงวิถีทางอาชีพของเขา ดอจ
โคแนนท์ ได้ย่อเรื่องราวความเป็นผู้นำที่น่าทึ่งของเขาเป็นขั้นตอนปฏิบัติ
ได้หกขั้นคือ
* ไปให้สูง – จินตนาการ
ผู้นำต้องไปให้สูง หาความมุ่งหมายและกำหนดเจตนาทำให้ดีขึ้น และจินตนาการความสำเร็จดูคล้ายอะไรต่อเรา จินตนาการอะไรเป็นความฝันของความเป็นผู้นำกล้าหาญที่สุดของผม และการถ่ายทอดความมุ่งหมายของความเป็นผู้นำของเรา
* ขุดให้ลึก – สะท้อน
ประสบการณ์ชีวิตอะไรมีอิทธิพลต่อความเชื่อความ
เป็นผู้นำของผม ขุดให้ลึกที่จะค้นพบอะไรสร้างเรา ภายในขั้นตอนนี้ เราจะ
ค้นพบบทเรียนชีวิตทอดสมอความเป็นผู้นำของเรา และพัฒนาความเข้าใจ
อย่างลึกซึ้งของบุคลิกภาพและทักษะเฉพาะของคุณ
* วางรากฐาน – ศึกษา
การค้นหาแรงบันดาลใจจากโลกล้อมรอบพวกเขาจะช่วยให้ผู้นำวางรากฐานความเชื่อความเป็นผู้นำของพวกเขา
บทเรียนความเป็นผู้นำอะไร เลยพ้นประสบการณ์ของผมเอง ผมสามารถเรียนรู้ได้ การวางรากฐานด้วยการเรียนรู้และ ความเข้าใจทุกอย่างจากโลกที่อยู่เลยพ้นประสบการณ์ส่วนบุคคลของคุณ
* ออกแบบ – วางแผน
การออกแบบแผนเพื่อโมเดลความเป็นผู้นำส่วน
บุคคล บนพื้นฐานความมุ่งหมายและความเชื่อของความเป็นผู้นำจะช่วย
กำหนดเส้นทางเพื่อการเดินทางของความเป็นผู้นำ การคิดแผนของเรา
การออกแบบอย่างงดงามเพื่อโมเดลความเป็นผู้นำส่วนบุคคลของเรา
ได้มาจากความมุ่งหมายของความเป็นผู้นำและความเชื่อของความเป็น
ผู้นำ
* สร้าง – ปฏิบัติ
เราจะสร้างการปฏิบัติเข้าไปสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลง
ของเรา ณ ขั้นตอนนี้ เราจะระดมความคิดขั้นตอนเล็กที่เราสามารถใช้ – การปฏิบัติที่กระทำได้ เราสามารถเริ่มต้นนำเข้าไปสู่นิสัยของเรา การปฏิบัติกระบวนการเปลี่ยนแปลงของเรา เราจะระดมความคิด และเริ่มต้นสร้างอะไรที่ดอจ โคแนนท์ อ้างเป็นสมบัติการปฏิบัติของเรา พฤติกรรมที่มั่นคงจะช่วยเรานำชีวิตไปสู่แผนความเป็นผู้นำที่เราออกแบบ ผมสามารถนำวิถีทางความเป็นผู้นำที่มองเห็นได้ของผมไปสู่ชีวิตอย่างไร
* เสริมแรง – ปรับปรุง
ผมสามารถทำให้ดีขึ้นอย่างไร การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากอะไรที่เราทำอย่างถูกต้อง และอะไรเราสามารถทำให้ดีขึ้นจะเสริมเเรงจุดแข็งของความมุ่งหมายของความเป็นผู้นำ การเสริมแรงจุดเเข็งของรากฐานของเราอย่างยั่งยืน ณ ที่นี่ เราจะวางแนววิถีทางความเป็นผู้นำส่วนบุคคลของเรากับความคาดหวังขององค์การของเราด้วย
Cr : รศ สมยศ นาวีการ