ใครฆ่าจอห์น เคนเนดี
ใครฆ่าจอห์น เคนเนดี
หนังสือการรณรงค์เล่มนี้ John F.Kennedy : A Political Profile โดยเจมส์ เบิรนส์ นักประวัติศาสตร์ เป็นการวิจัยเมื่อจอห์น เคนเนดี ได้ลงเเข่งขันเพื่อประธานาธิบดี และได้ถูกพิมพ์เมื่อจอห์น เคนเนดี ได้เข้าสู่ทำเนียบขาว เจมส์ เบิรนส์ ได้เข้าสู่แฟ้มเอกสารรัฐสภา บันทึกและจดหมายครอบครัว เจมส์ เบิรนส์ ไดทำการสัมภาษณ์ยาวกับจอห์นเคนเนดี และครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และศัตรูของเขาจอห์น เอฟ เคนเนดี มักจะอ้างถึงโดยตัวย่อของเขา “เจเอฟเค” และโดยชื่อเล่น เเจ็ค นักการเมืองอเมริกันเป็นประธานาธิบดีคนที่ 35 ของอเมริกาจาก ค.ศ 1961 ถึง ค.ศ 1963 เมื่อ 22 พฤษจิกายน 1963 เขาเกือบจะผ่านพ้นหนึ่งพันวันแรกของเขาภายในทำเนียบขาวจอห์น เคนเนดีได้ถูกลอบสังหารภายในดัลลัส เท็กซัส กลายเป็นประธานาธิบดีหนุ่มที่สุดเสียชีวิตจอห์น เคนเนดี ชนะการเลือกตั้งด้วยผลต่างคะเเนนน้อยไม่ถึง 120,000 จากการลงคะเเนนเสียง 70 ล้าน กลายเป็นบุคคลหนุ่มที่สุด และโรมันแค ธอลิค คนแรกเป็นประธานาธิบดีเลือกตั้งของอเมริกา และเขาได้รับใช้ระหว่างจุดสูงสุดของสงครามเย็น ความตรึงเครียดที่สูงกับสถานการณ์คอมมิวนิสต์ นำอเมริกาไปสู่ริมขอบของสงครามนิวเคลียร์ระหว่างการดำรงตำแหน่งของเขาด้วยภรรยาสาวที่สวยงามและลูกคนเล็กน่ารักสองคนของพวกเขา จอห์น เคนเนดี เต็มไปด้วยรัศมีอย่างชัดเจนของวัยหนุ่มและดึงดูดใจแก่ทำเนียบขาว ภายในการปราศัยพิธีเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 20 มกราคม ค.ศ 1961 ประธานาธิบดีคนใหม่ได้เรียกเพื่อนชาวอเมริกันของเขาทำงานด้วยกันภายในการแสวงหาความก้าวหน้า และการกำจัดความยากจน แต่ภายในการต่อสู้ชนะสงครามเย็นอย่างไม่หยุดยั้งต่อต้านคอมมิวนิสต์ทั่วโลกด้วยถ้อยคำปิดที่มีชื่อเสียงของเขา แสดงความต้องการเพื่อความร่วมมือและการเสียสละของชาวอเมริกัน “อย่าถามว่าประทศของคุณสามารถทำอะไรแก่คุณ ถามว่าคุณสามารถทำอะไรแก่ประเทศของคุณ”วิกฤติเริ่มแรกภายในสังเวียนการต่างประเทศเกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ 1961 เมื่อจอห์น เคนเนดี ได้เห็นชอบแผนส่งชาวคิวบาพลัดถิ่นอบรมโดยซีไอเอ 1,400 คนภายบุกอ่าวหมูภายในคิวบา มุ่งหมายเพื่อที่จะล้มล้างรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ฟิเดล คาสโตร์ ชาวคิวบาพลัดถิ่นติดอาวุธและฝึกอบรมอย่างดีภายในอเมริกลางโดยซีไอเอ การโจมตีได้ได้ล้มเหลว เนื่องจากการเลือกทำเลบินลงที่ไม่ดี ความล้มเหลวทำให้กองทัพอากาศคิวบาไร้ความสามารถ และการประเมินสูงเกินไปความเต็มใจของชาวคิวบาสนับสนุนการต่อต้านฟิเดล คาสโตรภายในประวัติศาสตร์อเมริกัน เขามีอายุ 43 ปี เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญยูเอสเเล้ว บุคคลต้องมีอายุอย่างต่ำที่สุด 35 ปี เป็นประธานาธิบดี เเม้ว่าจอห์น เคนเนดี เป็นประธานาธิบดีเลือกตั้งหนุ่มที่สุด เขาไม่ได้เป็นประธานาธิบดีหนุ่มที่สุดของประเทศ การยกย่องได้ให้แก่รองประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ กลายเป็นประธานาธิบดีตอนอายุ 42 ปี ภายหลังการลอบสังหารวิลเลียม แมคคินลี่ย์ด้วยเชื้อสายไอริส จอห์น เคนเนดี้ เกิดภายในบรูคลีน แมซซาชูเสตต์ เมื่อ 29 พฤษภาคม 1917 จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเมื่อ ค.ศ 1940 เขาได้เข้าไปสู่กองทัพเรือเมื่อ ค.ศ 1943 เรือพีทีของเขาถูกระเเทกและจมด้วยเรือรบญี่ปุ่น จอห์น เคนเนดี แม้ว่าบาดเจ็บรุนแรง นำผู้รอดชีวิตผ่านน่านน้ำที่อันตรายอย่างปลอดภัยเมื่อจอห์น เคนเนดีกลับจากสงคราม เขาได้กลายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพื้นที่บอสตัน และก้าวหน้าไปสู่วุฒสภา เขาได้แต่งงานกับแจ็คเกอลีน บูเวีย เมื่อ ค.ศ 1953 จอห์น เคนเนดี เริ่มต้นอาชีพการเมืองของเขาเป็นสมาชิกของสภาผู้เเทนราษฎร แมซซาชูเสตต์ เมื่อ ค.ศ 1947 เขายึดครองตำแหน่งของเขาภายในสภาผู้เเทนราษฎรจนกระทั่ง ค.ศ 1953 เมื่อเขาได้ถูกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกอเมริกา เมื่อ ค.ศ 1960 จอห์น เคนเนดี ได้เริ่มต้นการรณรงค์ประธานาธิบดี
จอห์น เคนเนดี ได้ถูกลอบสังหารเมื่อ 22 พฤศจิกายน ค.ศ 1963 ภายในดัลลัส เท็กซัส ตอนอายุ 46 ปี โดยลี ออสวอลด์ ในขณะที่นั่งรถยนต์กับภรรยาของเขา เเจคกี้ โอนาซิส และผู้ว่าการรัฐเท็กซัส จอห์น คอนแนลลี ระหว่างการเดินทางรณรงค์ เมื่อขบวนรถยนต์ผ่านเดลี่ย์ พลาซาร์ เสียงปืนได้ดังขึ้น จอหน์ เคนเนดีถูกยิง บาดเจ็บสาหัส และจอห์น คอนแนลลี ถูกยิงด้วย จอห์น เคนเนดี ได้ถูกรีบนำส่งโรงพบาบาลพาร์คแลนด์ ตรงที่เขาเสียชีวิตไม่นานปืนได้ถูกยิงจากอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัสที่อยู่ใกล้ ไม่กี่ชั่วโมงภายหลังการลอบสังหาร ตำรวจได้จับกุมลี ออสวอลด์เขาเป็นนาวิกโยธินก่อนหน้านี้ที่ลึกลับหลบหนีไปรัสเซีย แล้วกลับมาอเมริกา สองวันภายหลังถูกจับ ในขณะที่ถูกย้ายไปนังคุกอีกแห่งหนึ่ง เขาถูกยิงโดยเเจ็ค รูบี้ เจ้าของไนท์คลับดัลลัส แจ็ค รูบี้ได้ถูกดำเนินคดีและตัดสินฆ่าลี ออสวัลด์ เขาเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ในขณะที่รอการสืบสวนคดีใหม่ภายในคุกการกระทำอย่างน่าทึ่งของเหตุการณ์นำไปสู่ความประหลาดใจของบุคคลจำนวนมากเป็นการสมรู้ร่วมคิดหรือไม่ คณะกรรมการตรวจสอบการลอบสังหารได้ถูกแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสันนำโดยโดยประธานศาลฎีกา เอิรล วอร์เรนนักประวัติศาสตร์ของการลอบสังหารจอห์น เคนเนดีถูกเเบ่งเป็นสองค่ายค่ายหนึ่งยอมรับการรายงานที่เป็นทางการของคณะกรรมการวอร์เร็นว่ามือปืนคนเดียว ลี ออสวอลด์ รับผิดชอบต่อการฆ่าจอห์น เคนเนดี และตัวเขาเองได้ถูกฆ่าโดยแจ็ค รูบี้ ก่อนที่เขาเผชิญกับการดำเนินคดี และค่ายที่สองเห็นด้วยกับทฤษฎีสมคบคิดการลอบสังหารจอห์น เคนเนดีมีอยู่อย่างหลากหลายเมื่อจอห์น เคนเนดี ถูกลอบสังหาร โอลิเวอร์ สโตน ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน เป็นวัยรุ่นอยู่ และคิดถึงการฆ่าประธานาธิบดีเป็นจุดพลิกผันภายในประวัติศาสตร์อเมริกันสมัยใหม่ ภายหลังที่เขาได้อ่านเรื่องราวของจิม แกร์ริสัน “On the Trail of the Assassins” โดยที่จิม แกร์ริสัน อัยการท้องที่ของนิว ออร์ลีน ณ เวลาของการเสียชีวิตของเจเอฟเค ได้อธิบายการวิจัยของเขาเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเจเอฟเค เขาได้ตัดสินใจสร้างภาพยนตร์จากเรื่องราวของจิมแกร์ริสันการตัดสินใจของเขาสร้างเจเอฟเค คุ้มค่าไม่เพียงแต่เพราะว่าภาพยนตร์ได้กระตุ้นการโต้เถียงอย่างร้อนเเรงต่อเอกสารที่ยังเหลืออยู่เกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของเจเอฟเคที่รัฐบาลได้ยับยั้งไว้เท่านั้น แต่เพราะว่าโอลิเวอร์ สโตน ได้สร้างภาพยนตร์ที่เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำด้วยเมื่อ ค.ศ 1988 ภายในลิฟท์ ณ เทศกาลภาพยนตร์ฮาวานาโอลิเวอร์สโตน ได้แจกสำเนาของ “On the Trial of the Assassins” เรื่องราวที่พิมพ์ใหม่ของการลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เคนเนดี โอลิเวอร์ สโตน ชื่นชมจอห์น เคนเนดีด้วยความเข้มข้นทางจิตวิญญาน และได้มองการเสียชีวิตของเขาเมื่อ 22 พฤศจิกายน 1963 60 ปีที่แล้วของเดือนนี้ เป็นผู้ยึดมั่นหลักการภายในประวัติศาสตร์อเมริกันผมเชื่อว่าลี ออสวอลด์ ยิงประธาธานาธิบดี เขากล่าว ผมไม่มีปัญหากับสิ่งนั้น “On the Trail of the Assassins” เขียนโดยจิม แกร์ริสัน เสนอแนะบางสิ่งบางอย่างด้านมืด เมื่อ ค.ศ 1963 จิม แกร์ริสัน เป็นอัยการเขตของนิว ออร์ลีน บ้านของลี ออสวอลด์ก่อนการฆ่า เขาได้เริ่มต้นการตรวจสอบ และในไม่ช้าได้ติดตามเส้นทางสมคบคิดของรัฐบาลที่กว้างใหญ่ วางแผนโดยซีไอเอ โอลิเวอร์ สโตนอ่านหนังสือของจิม แกร์ริสันสามรอบ และได้ ซื้อสิทธิภาพยนตร์ และได่นำมันไปสู่วอร์เนอร์ บรอส. โรงถ่ายภาพยนตร์ได้ให้เขา 40 ล้านเหรียญสร้างภาพยนตร์นานกว่า 50 ปี ภายหลังจอห์น เคนเนดี ถูกลอบสังหาร ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เชื่อต่อทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขาเมื่อ ค.ศ 1964 คณะกรรมการวอร์เรน ได้สรุปว่า ลี ออสวอลด์ กระทำคนเดียว และเเจ็ครูบี้ กระทำคนเดียวด้วย เมื่อเขาได้ฆ่าลี ออสวอลด์ สองวันต่อมาแต่บุคคลส่วนใหญ่ดูเหมือนไม่ยอมรับว่าการลอบสังหารเป็นการกระทำของมือปืนคนเดียวสภาผู้แทนราษฎรอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะตำหนิต่อทฤษฎีสมคบคิดที่คงอยู่ เมื่อ ค.ศ 1976 คณกรรมการลอบสังหารแต่งตั้งได้ตรวจสอบใหม่การฆ่าเจเอฟเค และมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ได้สรุปว่า เราน่าจะมีผู้ยิงคนที่สองบน “เนินหญ้า” ผู้เห็นหลายคนยืนยันพวกเขาได้ยินเสียงปืนจากเนินหญ้าด้านหน้าของขบวนรถจอห์น เคนเนดีเมื่อช่างตัดเสื้อ อับราฮัม ซาพรูเดอร์ นำกล้องถ่ายภาพยนตร์ของเขาที่จะได้เห็นขบวนรถของจอห์น เคนเนดี วิ่งผ่านเดียลีย์ พลาซา ภายในดัลลัส เขาไม่เคยคาดคิดว่าเขาได้มีหลักฐานการลอบสังหารแม้แต่วันนี้ภาพยนตร์ของเขาได้ถูกมองเป็นหลักฐานของทฤษฎีสมคบคิดนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับใครลอบยิงประธานาธิบดี กรอบภาพจากฟิลมภาพยนตร์ 8 มม ของซาพรูเดอร์ ได้ถูกพิมพ์เมื่อ ค.ศ 1963 ภายใน “Life” เมื่อมันได้ถูกนำแสดงบนรายการโทรทัศน์ภาพยนตร์ได้ถูกใช้เป็นหลักฐานในกรณีขัดเเย้งต่อลี ออสวอลด์ ยิงจอห์นเคนเนดีจากหน้าต่างชั้นหก ณ อาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัสเมื่อคณะกรรมการวอร์เรนได้ออกรายงานการลอบสังหารเมื่อ ค.ศ 1964 พวกเขาได้สรุปว่าลี ออสวอลด์ ยิงประธานาธิบดีจากข้างหลังท่ามกลางการต่อสู้อย่างสับสนของทฤษฎีสมคบคิดที่ลุกขึ้นและล้มลงภายในหลายปีนับตั้งแต่การลอบสังหารจอห์น เคนเนดี ค.ศ 1963 ทฤษฎีสมคบคิดหนึ่งที่ยังคงมุ่งการโต้เถียงอย่างเข้มข้นคือทฤษฎีกระสุนนัดเดียวทฤษฎีนี้สนับสนุนโดยการค้นพบของคณะกรรมการวอร์เรน ตรวจสอบการลอบสังหารเคนเนดี ระบุว่าลี ออสวอล์ กระทำคนเดียวต่อการลอบสังหารจอห์น เคนเนดี ด้วยกระสุนนัดเดียวยิงถูกประธานาธิบดี และผู้ว่าการรัฐเท็กซัส จอห์น คอนเนลลี ด้วย นั่งข้างหน้ารถลิมัวซีนของประธานาธิบดี การวิจารณ์ได้อ้างถึงมันอย่างประชดว่าเป็นทฤษฎีกระสุนวิเศษ กระสุนวิเศษฆ่าจอห์น เคนเนดี และบาดเจ็บบุคคลอื่นอย่างไรทฤษฎีกระสุนนัดเดัยว ได้ถูกแนะนำโดยคณะกรรมการวอร์เรนภายในการตรวจสอบการลอบสังหารจอห์น เคนเนดี อธิบายอะไรได้เกิดขึ้นต่อกระสุนที่ยิงเคนเนดีทางหลัง และทะลุผ่านคอหอยของเขาภายหลังหลายสิบปีของความพยายามลบวันนั้นจากความทรงจำของเขาพอล แลนดิส อายุ 88 ปีในขณะนี้ สายลับก่อนหน้านี้ อยู่ใกล้กับจอห์น เคนเนดี บนรถขบาน เขากล่าวว่าถ้าความทรงจำของเขาถูกต้อง ทฤษฎีกระสุนวิเศษที่เรียกกันอาจจะถูกหักล้างผู้ตรวจสอบได้ค้นพบทฤษฎีกระสุนนัดเดียวส่วนหนึ่งเนื่องจากพบกระสุนบนเปลหามของจอห์นคอนแนลลี ณ โรงพยาบาลพาร์คเเลนด์ แต่พอล แลนดืสบอกว่าทฤษฎีนี้ไม่ตรงกับอะไรที่เขามองเห็นเมื่อ 22 พฤศจืกายน 1963 และเขาเป็นบุคคลที่พบกระสุน แทนที่เป็นโรงพยาบาล เขาได้หยิบกระสุนจากที่นั่งรถลิมัวซีนตรงที่เคนเนดีนั่งและใส่กระเป๋า ภายหลังไม่นานเขาอยู่ภายในห้องฉุกเฉินกับจอห์น เคนเนดี ตรงที่เขากล่าวว่าเขาได้วางมันบนเตียงเคลื่อนที่ของเคน ดังนั้นหลักฐานได้เดินทางไปกับร่างกายพอล แลนดิส เชื่อว่ากระสุนที่เขาพบยิงเคนเนดีด้านหลังแต่ไม่ลึก ทำให้กระสุนออกมาก่อนที่เคนเนดีถูกย้ายจากรถลิมัวซีน เขากล่าวว่ามันทำให้เขาสงสัยเรามีผู้ยิงคนที่สองหรือไม่นอกจากลี ออสวอลด์ เขากล่าวว่าถ้ากระสุนที่เรารู้จักกันเป็นกระสุนวิเศษหยุดลงที่ข้างหลังของจอห์น เคนเนดี มันหมายความว่าข้อสรุปของรายงานของคณะกรรมการวอร์เรนไม่ถูกต้อง เขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่าถ้าจอห์น คอนเนลลีถูกยิงด้วยกระสุนต่างหากมันดูแล้วเป็นไปได้ มันไม่ได้มาจากลี ออสวอลด์ เขายืนยันว่าไม่สามารถใส่กระสุนปืนได้รวดเร็วอย่างนั้น
การลอบสังหารจอห์น เคนเนดี ได้วางไข่ทฤษฎีสมคบคิดมากมาย ทฤษฎีเหล่านี้ได้กล่าวหาการเกี่ยวพันของซีไอเอ มาเฟีย ลินดอน จอห์นสัน ฟิเดล คาสโตร เคจีบี หรือการรวมกันเหล่านี้การลอบสังหารเคนเนดีซีไอเอ เป็นทฤษฎีสมคบคิดที่มีชื่อเสียง มันได้ถูกเเสดงภายในเกือบทฤษฎีของนักสมคบคิดอมริกัน นักทฤษฎีได้สันนิษฐานต่อการเกี่ยวพันของซีไอเอภายในการลอบสังหารเคนเนดีมีทั้ง การไล่ผู้บริหารซีไอเอออกของเคนเนดี การไม่ยอมให้การสนับสนุนทางอากาศของเคนเนดีต่อการบุก เบย์ ออฟ พิกส์ การวางแผนของเคนเนดีตัดงบประมาณของซีไอเอลง 20% และความเชื่อว่าเคนเนดีอ่อนแอต่อลัทธิคอมมิวนิสต์ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง – เอฟบีไอ – เจ เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ได้กังวลอยู่แล้วเกี่ยวกับทฤษีสมคบคิดลอบสังหารจอห์น เคนเนดี เพียงเเค่ไม่กี่ชั่วโมงภายหลังลี ออสวอลด์ ถูกฆ่า ภายในดัลลัส เขาได้ออกบันทึกกล่าวว่ารัฐบาลต้องแสดงบางสิ่งบางอย่าง ดังนั้นเราสามารถชักจูงสาธารณะได้ว่าลี ออสวอลด์ฆ่าประธานาธิบดีจอห์น เคนเนดีเขาได้เขียนบันทึกสองวันภายหลังเคนเนดีถูกฆ่า เเละเพียงไม่กี่ชั่วโมงภายหลังเจ้า ของไนท์คลับแจ็ค รูบี ยิงลี ออสวอลด์ภายในห้องใต้ถุนของสถานีตำรวจดัลลัส เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ กล่าวว่าเอฟบีไอมีสายลับ ณ โรงพยาบาล ภายในความหวังของการได้คำสารภาพจากลี ออสวอลด์ แต่ลี ออสวอลด์ได้เสียชีวิตก่อนที่สิ่งนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ เขาสนใจเกี่ยวกับการมีบางสิ่งบางอย่างปล่อยออกมา ดังนั้นเราสามารถชักจูงสาธารณะว่าออสวอลด์เป็นผู้สังหารอย่างแท้จริงท่ามกลางทฤษฎีสมคบคิดเจเอฟเค เรามี “Smoking Gun” อื่นใดนอกจากลี ออสวอลด์หรือไม่ สโมคกิ้ง กันได้พิสูจน์อยู่เสมออย่างชัดเจนว่าบุคคลโดยเฉพาะทำผิดบางสิ่งบางอย่าง มันมาจากความคิดว่าควันออกจากปืนหมายความว่าปืนยิงเมื่อเร็วนี้ – ยังคงมีควัน – ภายในมือของผู้ต้องสงสัยพิสูจน์ความผิดของเขา และมันได้ถูกใช้ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ 1970 คำนิยามของสโมคกิ้ง กัน หลักฐานที่โต้เถียงไม่ได้ โดยเฉพาะของอาชญกรรมสโมคกิ้ง กันได้ถูกใช้อย่างกว้างขวาง หมายถึงการค้นพบชิ้นของหลักฐานหรือความจริงที่พิสูจน์ทฤษฎี ภายในกฏหมายแล้วถ้อยคำมักจะถูกใช้อธิบายชิ้นของหลักฐานทางสถานการณ์นำไปสู่ความเชื่อมั่นของบุคคลถ้อยคำนี้กำเนิดเมื่อ ค.ศ 1893 ภายในเรื่องราวของเชอร์รอก โฮล์ม “The Gloria Scott” โคนัน ดอยล์ เขียนถึงบาทหลวงตัวปลอมบนเรือคุกฆ่ากัปตัน เราเร่งเข้าไปห้องเรือของกัปตัน…..ตรงนี้เขาได้นอนด้วยสมองทำให้แผนที่แอตเเลนติคเปรอะเปื้อน….ในขณะที่บาทหลวงยืนด้วยปืนมีควันภายในมือภายหลังห้าสิบปีของเหตุการณ์เศร้าสลด โคลิน แมคลาเรน นักสืบชาว ออสเตรเลีย ได้ใช้การวิจัยจากผู้เขียนคนหนึ่ง บันดาลใจการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องของเขาไปสู่ความจริง เขาได้เขียนหนังสือของเขา “JFK : The Smoking Gun”
ล้อมรอบการวิจัยก่อนหน้านี้ทำโดยนผู้เชี่ยวชาญวิถีศาสตร์ โฮวาร์ด โดนาฮู โฮวาร์ด โดนาฮู ใช้ 20 ปีศึกษาการลอบสังหาร
เจเอฟเค ความเชื่อของโคลิน แมคลาเรนมีรากฐานของมันภายในการวิจัยของโฮวาร์ด โดนาฮู ผู้เชี่ยวชาญอาวุธปืนใช้หลายปีศึกษาการลอบสังหาร เจเอฟเค ความสนใจของเขาเริ่มต้นเมื่อซีบีเอสจ้างเขาช่วยทดสอบทฤษฎีเกี่ยวกับการลอบสังหารเมื่อ ค.ศ 1967 ประสบการณ์นั้นทำให้เขาสงสัยอย่างลึกซึ้ง ผลงานของโฮวาร์ด โดนาฮู ได้ถูกทำเป็นเอกสารภายในหนังสือขอโบนาร์ เมนมิงเกอร์ “Mortal Errors : The Shot That Killed JFK” หนังสือไม่ใช่นิยาย 1992 กล่าวถึงทฤษฎีของโดนาฮูว่าสายลับยิงโดยอุบัติเหตุฆ่าจอห์น เคนเนดี เรามีผู้ยิงคนที่สองภายในการลอบสังหารจอห์น เคนเนดี….. และเขาเป็นสายลับยิงประธานาธิบดีโดยอุบัติเหตุ อะไรที่ใหม่เป็นการอ้างโดย โคลิน แมคลาเรนว่าข้อมูลใหม่สนับสนุนทฤษฎีของโดนาฮิว ในฐานะของนายตำรวจ เขาเชื่อมันเป็นไปได้ สายลับยิงโดยอุบัติเหตุละฆ่าเคนเนดี ลี ออสวอลด์ ยิงจริง แต่นัดเดียวเท่านั้นที่ยิงจอห์น เคนเนดี การยืนยันที่นี่คือจอร์จ ฮิคคีย์ สายลับนั่งภายในรถยนต์ข้างหลังเคนเนดี ตอบสนองด้วยความพยายามยิงกลับบนตำแหน่งของลีออสวอลด์ คว้าปืนไรเฟิลเออาร์-1 แต่เขาขาดประสบการณ์กับอาวุธ และรถยนตร์ถลาไปข้างหน้า มือของฮิคคีย์ ได้สะดุด ยิงกระสุนของเขาไปถูกหัวของเคนเนดี และฆ่าจอห์นเคนเนดีโดยอุบัติเหตุ โคลิน แมคลาเรน กล่าวหาว่ารัฐบาลรวมทั้งโรเบิรต เคนเนดี ปกปิดการเกี่ยวพันของหน่วยสืบราชการลับและจอร์จ ฮิคคีย์
การดำเนินการตรวจสอบของเขาเอง ในที่สุดโฮวาร์ดโดนาฮูได้พิจารณาว่าลูกกระสุนที่ติดอยู่ภายในหัวของเคนเนดียิงโดยสายลับอเมริกัน จอร์จ ฮิคคีย์จากไรเฟิล เออาร์-15 อยู่ภายในรถยนต์วิ่งตามรถยนต์ของจอห์น เคนเนดี ภายหลังนัดแรกถูกยิง – ถูถถนน จอร์จ ฮิคลี่ย์ หมุนตัวและมองไปที่ลี ออสวอลด์ อยู่บนชั้นหกของอาคารที่เก็บหนังสือ นัดที่สองถูกยิงโดย ลี ออสวอลด์ ถูกจอห์น เคนเนดี และผู้ว่าการรัฐ คอนแนลลี รถยนต์ของประธานาธิบดีและรถยนตร์ตามมาเร่งความเร็วทันที จอร์จ ฮิคคีย์ซวนเซเพราะว่าเขายืนบนเบาะของที่นั่งไม่ใช่พื้นของรถยนต์ เริ่มต้นหงายหลัง เหนี่ยวไกไรเฟิล เออาร์-15 ยิงผิดกระสุนได้พุ่งตรงไปถูกจอห์น เคนเนดี
Cr : รศ สมยศ นาวีการ