อิทธิพลภาษาเปอร์เซียในสังคมไทย(ตอนที่2)
อิทธิพลภาษาเปอร์เซียในสังคมไทย(ตอนที่2)
ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน
ศูนย์อิหร่านศึกษาและภาษาเปอร์เซีย วทส.
อิหร่านหรือชื่อทางการในปัจจุบันว่า “สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน”เป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำแห่งตะวันออกกลางที่ในอดีตครองความยิ่งใหญ่ในภูมิภาค และรู้จักกันดีในฐานะอาณาจักร “เปอร์เซีย”มีการสันนิษฐานว่าเปอร์เซียกับสยามประเทศมีสัมพันธ์ทำการค้ากันมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย โดยจากข้อความบางตอนในศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่มีคำว่า “ตลาดปสาน” ซึ่งนักปราชญ์ด้านโบราณคดีและภาษาศาสตร์ให้ความเห็นว่ามาจากคำว่า “บอซอร” (بازار) หรือ “บาซาร์” ที่แปลว่า “ตลาด” และคำว่า “เหรียญ” ที่ไทยใช้เรียกเงินตรานั้นก็มาจากคำว่า “เรียล” หรือ”รียาล”((ریالซึ่งเป็นภาษาเปอร์เซีย
เปอร์เซีย (Persian) หรือ เรียกว่า”ฟอร์ซี” (فارسی, Fārsī,)ตามคำเรียกของชาวอิหร่าน ซึ่งฟอร์ซีเป็นภาษาอิหร่านที่ผู้คนพูดเป็นภาษาหลักและใช้อย่างเป็นทางการในประเทศอิหร่าน ประเทศอัฟกานิสถาน และประเทศทาจิกิสถาน ซึ่งความหลากหลายของภาษามาตรฐานที่สามารถเข้าใจร่วมกันมีอยู่ 3 แบบ คือ เปอร์เซียแบบอิหร่าน, เปอร์เซียแบบดารี (เรียกว่า ดารี อย่างเป็นทางการตั้งแต่ ค.ศ. 1958)และเปอร์เซียแบบทาจิก (เรียกว่า ทาจิก อย่างเป็นทางการตั้งแต่สมัยโซเวียต)นอกจากนี้ ยังมีผู้พูดภาษาทาจิกตั้งแต่เกิดในประชากรของประเทศอุซเบกิสถาน, เช่นเดียวกันกับภูมิภาคอื่นที่มีประวัติศาสตร์สังคมเปอร์เซียในเขตวัฒนธรรมเกรตเตอร์อิหร่าน ในประเทศอิหร่านและอัฟกานอสถานเขียนด้วยชุดตัวอักษรเปอร์เซีย ซึ่งมาจากอักษรอาหรับ (https://th.wikipedia.org)
ภาษาเปอร์เซียในปัจจุบันสืบต่อมาจากภาษาเปอร์เซียกลาง ภาษาทางการของจักรวรรดิซาเซเนียน (ค.ศ. 224–651) ซึ่งสืบต่อมาจากภาษาเปอร์เซียโบราณที่ใช้ในจักรวรรดิอะคีเมนิด (550–330 ปีก่อนคริสตกาล)มีต้นกำเนิดในพื้นที่จังหวัดฟอร์ส فارس ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอิหร่าน
ไวยากรณ์ของภาษาเปอร์เซียมีความคล้ายกับภาษาในตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียนหลายภาษาและภาษาเปอร์เซีย อยู่ในกลุ่มภาษาอินโด-อารยัน ภาษานี้แบ่งออกเป็นสามยุคอย่างชัดเจนคือยุคโบราณ ยุคกลางและยุคใหม่ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์อิหร่านสามช่วง ยุคโบราณเริ่มตั้งแต่ก่อนราชวงศ์อะแคมินิดจนถึงหลังราชวงศ์อะแคมินิด (ประมาณพ.ศ. 143-243) ยุคกลางเริ่มจากยุคหลังจากสิ้นสุดยุคโบราณจนถึงยุคราชวงศ์ซัสซานิด และยุคหลังจากนั้น ยุคใหม่ เริ่มหลังจากสิ้นสุดราชวงศ์ซัสซานิดจนถึงปัจจุบัน เอกสารภาษาเปอร์เซียที่เก่าที่สุดอยู่ในยุคจักรวรรดิเปอร์เซียเมื่อ 57 ปีก่อนพุทธศักราช(https://th.wikipedia.org)
ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ ภาษาเปอร์เซียเป็นภาษาอันทรงเกียรติในจักรวรรดิที่มีศูนย์กลางในเอเชียตะวันตก เอเชียกลาง และเอเชียใต้ภาษาเปอร์เซียเก่าเขียนด้วยคูนิฟอร์มเปอร์เซียเก่าในจารึกระหว่างศตวรรษที่ 6 ถึง 4 ก่อนคริสตกาล ภาษาเปอร์เซียกลางเขียนด้วยอักษรที่มาจากภาษาแอราเมอิก (ปะห์ลาวีกับมาณีกี) ในจารึกกับคัมภีร์ศาสนาโซโรอัสเตอร์และศาสนามาณีกีในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 3 ถึง 10 มีการเขียนวรรณกรรมภาษาเปอร์เซียใหม่ครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 9 หลังการพิชิตจักรวรรดิเปอร์เซียโดยมุสลิมเป็นต้นมา จึงเริ่มมีการนำอักษรอาหรับมาดัดแปลง ภาษาเปอร์เซียเป็นภาษาแรกที่ทลายการผูกขาดของชาวอาหรับผ่านระบบการเขียนในโลกมุสลิม ทำให้กวีเปอร์เซียกลายเป็นธรรมเนียมในข้าราชสำนักตะวันออกหลายแห่ง ในอดีต แม้แต่ผู้ไม่ใช่เจ้าของภาษาก็ใช้ภาษานี้เป็นภาษาราชการ เช่น จักรวรรดิออตโตมันในเอเชียไมเนอร์,จักรวรรดิโมกุลในเอเชียใต้ และชาวปาทานในประเทศอัฟกานิสถาน ภาษานี้มีอิทธิพลบางส่วนในภาษาอาหรับด้วย พร้อมกับยืมคำมาจากภาษาอาหรับในยุคกลาง และว่ากันว่ามีผู้พูดภาษาเปอร์เซียประมาณ 110 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงชาวอัฟกานิสถาน, ชาวทาจิก, ชาวแฮซอแรฮ์, ชาวตัตแถบคอเคซัส และอายมัก(https://th.wikipedia.org)
ภาษาเปอร์เซียโบราณ (Old Persian)
เป็นภาษาในจารึกซึ่งค้นพบในบริเวณที่ตั้งของประเทศอิหร่านในปัจจุบัน มีอายุราว 600-500 กว่าปีก่อนคริสตกาล ภาษานี้มีอายุไล่เลี่ยกับภาษาบาลีในอินเดีย และมีลักษณะโครงสร้างทางภาษาที่คล้ายกันมาก เปอร์เซียโบราณเป็นภาษาของชาวอิหร่านที่พัฒนาขึ้นในสมัยกลาง วิวัฒนาการมาจากภาษาอเวสตาซึ่งเป็นภาษาที่เก่าแก่ที่สุดของชาวอิหร่านโบราณ
วิวัฒนาการของภาษา
ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 9 ช่วงราชวงศ์อะแคมินิดตอนปลาย จารึกของอาร์ทาเซอร์เซสที่ 2 และที่ 3 มีความแตกต่างจากภาษาที่พบในจารึกของพระเจ้าดาริอุสมหาราชมากพอที่จะเรียกภาษาก่อนเปอร์เซียกลาง หรือภาษาหลังเปอร์เซียโบราณ ภาษาเปอร์เซียโบราณนี้ ต่อมาจะพัฒนาไปเป็นภาษาเปอร์เซียกลาง และจะไปเป็นภาษาเปอร์เซียใหม่อีกทอดหนึ่ง
ภาษาที่เป็นที่รู้จักในปัจจุบันว่าภาษาเปอร์เซียใหม่ซึ่งมักจะเรียกในช่วงแรกของยุคอิสลามว่าภาษาฟัรซี สามารถจำแนกทางภาษาศาสตร์ว่ามีความเชื่อมโยงกับภาษาเปอร์เซียกลาง ซึ่งเป็นภาษาทางราชการและทางศาสนาในอิหร่านยุคซัสซาเนียน ซึ่งมาจากภาษาเปอร์เซียโบราณที่เป็นภาษาในสมัยราชวงศ์อาแคมินิดอีกต่อหนึ่ง ภาษาเปอร์เซียทั้งสามช่วงแสดงความเป็นภาษาเดียวกันอย่างต่อเนื่อง จุดกำเนิดอยู่ที่ฟาร์ และมีความแตกต่างทางด้านลักษณะและสำเนียงที่ชัดเจนจากสำเนียงอื่นๆที่พบทางอิหร่านตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออก
ภาษาเปอร์เซียกลางหรือบางครั้งเรียกภาษาปะห์ลาวี มีการพัฒนาโดยตรงมาจากภาษาเปอร์เซียโบราณ และใช้ในการเขียนอย่างเป็นทางการของประเทศ การเปรียบเทียบพัฒนาการในแต่ละขั้นตอนของภาษาแสดงคงามเหมือนกันทางด้านไวยากรณ์และประโยค
อักษร
ภาษาเปอร์เซียโบราณเขียนจากซ้ายไปขวา ประกอบด้วยสัญลักษณ์ 32 ตัว แสดงสระและพยัญชนะ มีโลโกแกรม 8 ตัว และมีเครื่องหมาย 3 ตัว และในปัจจุบันมีรูปลักษณ์การเขียนเหมือนกับภาษาสอาหรับ ตัวอย่างเช่น
ا อะลิฟ ث เซ خ เค
ب เบ ج ยีม د ดาน
پ เพ چ เญอะ ذ ซาน
ت เต ح เฮ ر เร
ภาษาเปอร์เซียก็เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่คนไทยหยิบยืมเอามาใช้แสดงถึงความสัมพันธ์ และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่มีมายาวนาน จนทำให้คำเปอร์เซียปรากฏอยู่ในภาษาไทยด้วย นอกจากนี้ หลักฐานทางโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดพบ บ่งบอกว่าพ่อค้าชาวเปอร์เซียเคยติดต่อค้าขายกับอาณาจักรจามปาและลังกาสุกะ ตลอดทั้งหมู่เกาะในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
อย่างไรก็ดีจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีข้อมูลชัดเจนได้ระบุวล่า อาณาจักรเปอร์เซียมีความสัมพันธ์กับสยามประเทศมากว่า 400 ปี ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในช่วงปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ. 2133 – 2148) เมื่อเรือสำเภาบรรทุกสินค้าของ เฉกอะหมัด กูมี และน้องชายคือ มุฮัมหมัด ซาอีด ได้เข้ามาเทียบท่าที่ป้อมเพชร ตำบลท้ายคู โดยในจดหมายเหตุประถมวงศ์สกุลบุนนาค ระบุว่า “เข้ามาตั้งห้างค้าขายอยู่ในกรุงศรีอยุธยาสยามประเทศ เมี่อจุลศักราช 964 ปีขาล จัตวาศก” ซึ่งตรงกับพ.ศ. 2145 ขณะที่ความสัมพันธ์ทางการทูตของไทยกับอิหร่านนั้นได้รับการสถาปนาเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498(https://th.wikipedia.org)