คะแนนนิยม “ทรัมพ์” นำ “แฮร์ริส” ไม่มาก

ตามที่กำหนดกันนั้น “เดโมแครต” จะประชุมใหญ่พรรคระหว่างวันที่ ๑๙ – ๒๒ สิงหาคม ๒๐๒๔ ครับ

การประชุมเที่ยวนี้จะกระทำที่นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สถานที่ประชุมก็คือ”ยูไนเต็ด เซ็นเตอร์”

การกำหนดตัวแทนพรรค(ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี)อาจมีขึ้นก่อนหน้ากำหนดที่ว่า คือในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ด้วยกรรมวิธีออนไลน์ หากไม่มีใครลงแข่งชิง นอกจาก”กมลา แฮร์ริส”เพียงคนเดียว

ก็ไม่รู้ว่าจะกระทำกันหรือไม่และเมื่อไรแน่

นั่นก็หมายความว่า ไม่จำเป็นมีมติอีกในที่ประชุมใหญ่พรรค นอกจากพิธีการปกติ เช่นการกล่าวปราศรัย ของบุคคลสำคัญของพรรคและของผู้ได้รับเลือกขึ้นเป็นตัวแทนพรรคโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็คือ”กมลา แฮร์ริส”เท่านั้น

อย่างไรก็ตามการประชุม จะต้องครึกครื้นมากครับ

ผมเคยมีประสบการณ์นี้นานมากแล้วในการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตที่“แมดิสัน สแควร์ การ์เดน”

ที่นี้มาตรวจสอบกันว่า การรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐระหว่าง”แฮร์ริส”กับโดนัลด์ ทรัมพ์”ในตอนนี้เป็นอย่างไร

เวลานี้ ทั้ง”ทรัมพ์”และ “แฮร์ริส”พยายามรณรงค์หาสียงช่วงชิงคะแนนนิยมในรัฐที่เรียกว่า”รัฐสมรภูมิรบ”ที่สามารถชี้ขาดชัยชนะให้ได้อยู่ครับ

สำหรับรัฐสมรภูมิรบในคราวนี้มีอยู่เจ็ดรัฐด้วยกันคือ เพนซิลเวเนีย,นอร์ธแคโรไลนา,เนวาดา,มิชิแกน,จอร์เจียและอาริโซนา ครับ

“รัฐสมรภูมรบ”ก็คือรัฐที่คะแนนนิยมต่อพรรคทั้งสองมักจะชนะกันเพียงไม่มากคือชนะหรือแพ้กันอย่างเฉียดฉิว

ซึ่งก็อยู่ที่ว่า”ตัวแปร”คือผู้ที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยที่ยัง”ไม่ตัดสินใจ”ว่าจะเลือกใครนั้น จะได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะเลือกใครแน่

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าตัวแทนพรรคทั้งสองคือ”ทรัมพ์”และ”แฮร์ริส”นั้นจะสามารถพูดโน้มน้าวจิตใจพวกเขาคล้อยตามนโยบายที่จะใช้บริหารประเทศได้แค่ไหน หรือถูกใจพวกเขาหรือไม่

คงยังจำได้นะครับว่าในการอภิปรายรอบแรกนั้น”ทรัมพ์”ชนะ”โจ ไบเดน”เด็ดขาด จากความชราภาพของฝ่ายหลังที่ทุกคนเห็นเป็นที่ประจักษ์

ทำให้”ไบเดน”ต้องส่งไม้ต่อให้”แฮร์ริส”ลงแข่งขันแทนเขา หากเขาไม่ถอนตัว ก็จะพลอยส่งผลกระทบถึงคะแนนนิยมของผู้ลงแข่งชิงตำแหน่งส.ว.และส.ส.ในสังกัดพรรคเดโมแครตไปด้วย

ในโอกาสที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคราวนี้ ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ยังต้องเลือก ส.ส.๔๓๕ ตำแหน่งและ ส.ว.๓๓ ตำแหน่งไปพร้อมๆกัน

ฉะนั้นการหาเสียงของ”ทรัมพ์”(รีพับลิกัน)และ”แอร์ริส”(เดโมแครต)จึงมีความสำคัญมากครับ

สำคัญที่จะดึงคะแนนของคนลงสมัคร ส.ว.กับ.ส.ส.ตามไปด้วย

หลังสุดทั้ง”ทรัมพ์”และ”แฮร์ริส”หาเสียงไปถึงไหน ที่ไหนและอย่างไร ผมจะไม่เขียนถึงละครับ

แต่ใคร่จะแสดงให้เห็นว่า คะแนนนิยมในตอนนี้ ระหว่างทั้งสอง

ใครนำใคร แต่ไม่สามารถประกันได้ว่า ใครจะชนะใครเมื่อเลือกตั้งจริง เพราะช่วงเวลาจากนี้ไป จนมีการเลือกตั้งอีกราว ๑๐๐ วันนั้น ความนิยมย่อมสามารถแปรเปลี่ยนไปได้ตลอด

จากการสุ่มตัวอย่างของสำนักต่างๆล่าสุด คะแนนนิยมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์  มีดังต่อไปนี้ครับ

“วอลสตรีต เจอร์นัล”(๒๓-๒๕กค.)ทรัมพ์ ๔๙ / แฮร์ริส ๔๗

“ฟอร์บส/แฮร์ริสเอ็กซ์”(๒๒-๒๕กค.)ทรัมพ์ ๕๑/ แฮร์ริส ๔๙

“นิวยอร์ก ไทมส์/ซีเอนา”(๒๒-๒๔กค.)ทรัมพ์ ๔๘/แฮร์ริส ๔๗

“ราสมุสเซน รีพอร์ต”(๒๒-๒๔กค.) ทรัมพ์ ๕๐ / แฮร์ริส ๔๓

“มอร์นิง คอนซัลท์”(๒๒-๒๔กค.) ทรัมพ์ ๔๕/ แฮร์ริส ๔๖

“ซีเอ็นเอ็น”(๒๒-๒๓กค) ทรัมพ์ ๔๙/ แฮร์ริส ๔๖

“รอยเตอร์/อิปซอส”(๒๒-๒๓กค.)ทรัมพ์ ๔๒/แฮร์ริส ๔๔

“อาร์ซีพี อาเวอเรจ”(๕-๒๕กค.)ทรัมพ์ ๔๘/แฮร์ริส ๔๖

พิจารณาการหยั่งเสียงความนิยมของแปดสำนัก ปรากฏชัดว่าความนิยมที่มีต่อ”ทรัมพ์”อยู่เหนือ”แฮร์ริส”เกือบจะทุกสำนักแต่ไม่มากพอที่จะเรียกว่า”ทิ้งห่าง”

แถม”แฮร์ริส”คะแนนนำในสองการหยั่งเสียงเสียด้วยซ้ำ

ก็คงจะต้องติดตามต่อไปว่า หากมีการโต้วาทีระหว่างสองคนนี้แล้ว ความนิยมจะพลิกผันไปอย่างไร หรือไม่

ซึ่งก็จะได้ นำผลมาวิเคราะห์อีกทีหนึ่ง

จึงรายมาให้ได้รับทราบโดยทั่วกันครับ