คิดไป ก็เขียนไป
คิดไป ก็เขียนไป
ตั้งแต่เกษียณอายุมานี้ ได้อ่านข้อเขียนจากหลายๆแห่ง ว่าตายแล้วจะไปไหน หรือไปไหนได้บ้าง มีเพื่อนๆที่แกร่งทางนี้ ก็เสนอความเห็นเป็นที่น่าสนใจ สรุป ถ้าอ่านจากหลายๆบทความแล้ว คิดว่าความตายไม่น่ากลัวอะไร เพราะยังมีหลายภพภูมิให้เราไป ถ้าปฏิบัติดี ก็จะไปภพภูมิที่ดี ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ ยึด ศีล สมาธิ และมรรค ตามคำสั่งสอนที่ผ่านมา
ที่รู้แน่ๆ คือ ตายแล้ว ก็ไปขึ้นเมรุเผา แล้วเอาอังคารส่วนที่เหลือจากการเผาไหม้ไปลอยน้ำ นี่เป็นการสิ้นสุดชีวิตโดยสมบูรณ์ ชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นมา คือลูกหลานเรา ก็รับสิ่งที่ยังเหลืออยู่จากเราไป ข้อสำคัญคือรูปร่างหน้าตา อุปนิสัยใจคอ ลูกหลานก็อาจจะได้รับถ่ายทอดจากเราไปด้วย
ไม่มั่นใจว่าตายไปแล้ว ผมจะไปขึ้นสวรรค์หรือตกระกำลำบาก ณ ที่ใด สงสัยจะไปไม่ค่อยดี เมื่อสำรวจตัวเองที่ผ่านมา อย่าลืมว่า นอกจากรูปร่างหน้าตา ก็มีจิตวิญญาณบ่งบอกถึงความเป็นเรา รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ของเรา ภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างๆ ซึ่งตั้งแต่เด็กจนแก่นั้น ไม่ค่อยเรียบร้อยนัก เมื่อชีวิตเราดับลง สิ่งต่างๆเหล่านี้ ก็ให้เป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกัน เหมือนกับสิ่งที่มีชีวิตทั่วๆไป
คิดถึงเมื่อตอนที่คนเราปฏิสนธิ เกิดขึ้นเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เริ่มจากการที่เชื้อตัวผู้ เข้าไปทำปฏิกริยาในไข่เป็นตัวอ่อนอยู่ในมดลูกของมารดา มีหลายชีวิตที่เกิดความผิดพลาด อาจจะเป็นลูกแฝด หรือเกิดมาผิดปกติ ทั้งนี้ คงเป็นเพราะการแปรผัน ( mutation) ของ chromosome ( genes) สำหรับตัวเราโชคดีที่ทุกอย่างเป็นปกติ ผิดแต่ว่ารูปร่างหน้าตาอาจจะขี้เหร่ผิดจากผู้อื่นอยู่บ้าง กว่าจะรู้ตัวเองว่าเป็นเรา มีชื่อเรียก มีพ่อแม่และ ญาติโอบอุ้มด้วยความอบอุ่น ตอนนั้น เราก็จำความได้แล้ว และเรียนรู้ไปเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อายุมากขึ้น ก็มาคิดถึงความตายบ่อยๆ นึกทบทวนอดีต และประสบการณ์ที่เรียนรู้มา ก็ไม่วันใดวันหนึ่ง ก็ต้องทำใจ เมื่อถึงเวลา ถ้าเราคิดถึง สัตว์เล็กๆอายุสั้น ยกตัวอย่างเช่นมด พอตายแล้วจะไปไหน น่าสนใจเหมือนกัน ในแต่ละวัน ต้องมีคน สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ตายจำนวนมากมหาศาลทุกๆวัน ในส่วนที่เกิดก็เกิดไป ธรรมชาติคือ เกิด แล้วก็ตายนั่นเอง
มาคุยกันเรื่องมดแดงดีกว่า คงจะทราบแล้วว่า ไข่มดแดง เป็นอาหารอันโอชะ และแพงมาก ทุกคนคงเคยลิ้มรส แกงผักหวานไข่มดแดง ซึ่งสมัยที่ผมทำงานในปีหลังๆ เกือบจะถึงวัยเกษียณแล้ว รับหน้าที่ไปตรวจติดตามงานทางภาคอีสานตะวันออกตอนล่าง จึง ได้ไปที่อำนาจเจริญซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งที่กำหนด และเจ้าหน้าที่ที่นั่น พาผมไปกินอาหารพื้นเมือง ซึ่งเป็นกระท่อมเล็กๆหลังคาจาก มีโต๊ะนั่งเพียงโต๊ะเดียว สั่งอาหารมา ๒-๓ อย่าง แต่ติดใจแกงผักหวานไข่มดแดงมาก ต่อมาได้ลิ้มรสอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยติดใจเหมือนที่อำนาจเจริญครั้งนั้น
เมื่อไม่นานมานี้ ที่หลังบ้านที่ผมอยู่ ได้ตัดแต่งกิ่งลำไย ลิ้นจี่ ซึ่งปลูกเรียงรายริมรั้วอยู่ ๓ ต้น แบบ hard pruning คือเหลือแต่ตอ และกิ่งใบอีกไม่มากนัก ที่ต้นเหล่านี้มีรังมดแดงอาศัยอยู่ รังมดก็โดนตัดลงพื้นกระจัดกระจาย ปัญหาคือ ตรงนั้น เป็นที่ตั้งเตาและอ่างน้ำเพื่อทำกับข้าว และล้างจาน ซึ่งออกมาทำข้างนอก ไม่ให้น้ำมันจากกระทะหรือเขม่าควันกระเด็นติดข้างฝาในครัวภายในบ้าน ขณะที่กำลังล้างจาน ซึ่งเป็นหน้าที่ๆผมพอจะทำได้ เจ้ามดแดงหลายตัว ก็เข้ามารังควาญ กัด ทั้งนอกและในเสื้อผ้า โดยเฉพาะในส่วนที่อยู่ลึกลับที่สุด มือที่กำลังเปื้อนน้ำยาล้างจาน ก็ไม่สามารถปัดหรือบดขยี้ พอปัดไป มันก็มาอีก ปล่อยให้มันกัดอยู่แบบนั้น เจ็บก็ทนเอา จนล้างจานเสร็จ ถึงจะมาปัดออก เกิดเป็นแผลตุ่มคันหลายแห่ง ผมอดทนต่อมดกัดมาก คงจะชดใช้กรรมที่กินไข่ของมันมาหลายครั้ง
มีเรื่องสงสัยมานานแล้ว สำหรับผู้ที่เคร่งครัดเรื่องถือศีล ๕ ในข้อเกี่ยวกับการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต ว่า ถ้าโดนมดแดงกัดแบบที่ผมโดน จะต้องทำอย่างไร เพราะแค่ปัดออกจากตัว มันก็ตายแล้ว จะต้องอดทนให้มันกัด จนปล่อยและหนีไปเองหรือไม่ ถ้าเป็นแบบนั้นคงต้องอดทนอย่างมาก และถ้าทำได้ ก็ไปอยู่ในดงมดตรงไหนก็ได้ สำหรับผึ้ง เห็นมีโครงการให้ผึ้งกัดเพื่อรักษาโรคบางอย่าง เช่นไมเกรน รูมาตอยด์ เขามีคลีนิด เทคนิคให้ผึ้งต่อย คงไม่ได้อยู่ดีๆ ไปใกล้รังผึ้งให้มันต่อยเอง ถ้าเคร่งครัดเรื่องถือศีล ต้องระวังพวกแมลงต่างๆมากๆ พวกมันกัด เจ็บและบวมเอาจริงๆ
เนื่องจากอาบน้ำ สระผมทุกวัน ทำให้หูแฉะตาแฉะ และ ที่หน้าบ้าน มีถังขยะของหมู่บ้านมาตั้งอยู่หน้าบ้าน ซึ่งบางคนมาทิ้งขยะเพิกเฉยไม่ใส่ถุง เอาเศษอาหารมาเททิ้งที่ถังขยะสดๆเลย สำหรับสวนสาธารณะ ก็มีสิ่งปฏิกูลและความชื้นแฉะ ทั้งหมดที่กล่าวนี้ เป็นแหล่งอาศัยของแมลงวัน ซึ่งเป็นศัตรูประจำวัน เดินไปไหน มันก็ตามติด ตอมจนน่ารำคาญ ปัดออกมันก็หนีไปแล้วก็กลับมาใหม่ทันที อันที่จริง ผมชอบบรรยากาศภายนอกบ้าน ซึ่งเป็นธรรมชาติ อากาศดี แต่อยู่นานไม่ได้ เพราะเจ้าแมลงวัน ๒-๓ ตัวนี่แหละ นั่งกินอาหารนอกบ้านก็ไม่ได้ ถือ ขนมปังแผ่นอยู่ดีๆมันก็มาเกาะ ตามรังควาญ เรื่อยไป ทำให้คิดได้อยู่เสมอ ว่าไม่มีอะไร ที่เราจะได้อยู่และมีความสุขสงบอย่างสมบูรณ์ ต้องมีเหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องเครียด (มีโลภโกรธหลง) อยู่เป็นประจำ ใครก็ตามเวลาไปสวน อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างสบาย แม้จะเป็นธรรมชาติ แต่สวนบางแห่ง เข้าไปเดินแล้วคันไปทั้งตัวเพราะแมลงวัน แมลงหวี่ เยอะมาก
ขณะนี้ เป็นฤดูฝน ในขณะที่ฝนตก ก็ดีหน่อย ไม่มีแมลงออกมาเพ่นพ่าน อากาศชื้น พวกมันคงจะนอนตามสบาย เมื่อากาศแห้งเมื่อไหร่ มาทันที สำหรับผม ไปเดินสวนสาธารณะบ่อยๆ เกรงว่าฝนจะตก ก็ถือร่มไปด้วย บางทีมือไม่ว่าง ต้องทำโน่นทำนี่ จึงเอาร่มแขวนไว้ที่คอเสื้อยืด ด้านหน้า เดินไปมันก็แกว่งไปมาตามจังหวะเดิน คงมีเพียงคนเดียว ที่ทำแบบนี้ เป็นประจำ
ไม่มีใครจำชาติก่อนของตนเองได้ ยกเว้นนานๆ จะได้ยินใครออกข่าวว่าระลึกชาติ แต่เป็นเรื่องแปลก ที่บุคคลรอบข้างบางคนกลับจำชาติก่อนของบุคคลอื่นได้ ไม่ทราบว่า จะรุ้จักกันมาก่อนหรือไม่ เห็นเขาชอบเรียก บุคคลอื่นนั้นๆว่า ไอ้ควาย ไอ้สุนัข หรือไอ้…….. หวังว่า เขาเรียกชาติก่อน ไม่ใช้เรียกชาติต่อไป หรือชาติหน้า แต่ตอนนี้ ขอสรุปเฉพาะในปรากฎการณ์ของธรรมชาติที่เห็นอยู่ชัดๆว่า สัตว์โลกทั้งหลาย เกิดหนเดียว ตายหนเดียว สวัสดีครับ
บู๊ คนเคยหนุ่ม
เขียนที่เชียงใหม่ มาจบที่กรุงเทพฯ ๒๕ มิย. ๒๔