jos55 instaslot88 Pusat Togel Online การดัดเส้นโค้งให้งอ - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

การดัดเส้นโค้งให้งอ

การดัดเส้นโค้งให้งอ

ความลุ่มหลงมนุษยธรรมของพอล ฟาร์เมอร์ ได้ถูกสรุปไว้ภายในชื่อของหนังสือโดยผู้เขียนรางวัลพูลิตเซอร์ เทรซี่ คิดเดอร์ “Mountains Beyond Mountains : The Quest of Paul Farmers, A Man Who Would Cure the World” พอล ฟาร์เมอร์ เป็นนักปฏิบัติ “แพทย์สังคม” อาจารย์คณะเเพทย์ศาสตร์ฮาร์วาร์ด นักมนุษยวิทยา และผู้เขียนหนังสือ 12 เล่ม เขาได้ให้การดูแลสุขภาพคุณภาพสูงต่อคนยากจนที่สุดภายในโลก หลักการของเขาคือ ความล้มเหลวยิ่งใหญ่ที่สุดต่อการนำการดูเเลสุขภาพไปสู่พวกเขาเป็นจินตนาการอย่างหนึ่งเขาได้กล่าวว่า บุคคลหลายคนใช้การเปรียบเทียบของทะเลทรายคลีนิคตรงที่คุณไม่มีเครื่องมือของการค้า นั่นสามารถเป็นการชลประทานได้ไหมแน่นอนมันสามารถเป็นได้ ถ้าคุณสามารถสร้างโรงพยายบาลข้างสนามรบแล้วคุณสามารถทำมันอย่างแน่นอนภายหลังการสู้รบสิ้นสุดลงเหมือนเช่นเซียรา ลีโอน ลิเบอเรีย เปรู หรือกัวเตมาลา ภายหลังสงครามกลางเมืองภายในไฮติ เมื่อการปฏิวัติหยุดลง ภายในลาวันดา ภายหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์การดูแลสุขภาพไม่ได้เป็นเกาะ ผู้ป่วยต้องการเข้าหาอาหาร การขนส่งเเละบ้านอาศัย แม่ไม่สามารถมีการดูแลมะเร็ง เเละสูญเสียงานโดยไม่สนับสนุนเศรษฐกิจ ผู้ป่วยด้วยวัณโรคไม่สามารถอยู่ทนยาเเรงต่อท้องที่ว่าง ความเจ็บว่ายมีรากเหง้าทางสังคมและต้องแก้ไข้ผ่านทางโครงสร้างสังคม ความไม่เสมอภาค ไม่ใช่เพียงแค่ความยากจน ตลอดชีวิตของเขาเขาได้มุ่งนำโลกของแพทย์และความยุติธรรมของสังคมรวมกัน นำทางด้วยสิ่งที่เขาเรียกว่า เมตตาของผู้เชี่ยวชาญ ด้วยการอธิบายโดยเทรซี่ คิดเดอร์ เป็นชีวะประวัติที่ดึงดูด เล่าเรื่องราวของ ดร.พอล ฟาร์เมอร์ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อที่มีชื่อเสียง ทุ่มเทชีวิตของเขาให้การดูแลการแพทย์แก่คนยากจนและด้อยโอกาสภายในไฮติ และประเทศที่กำลังพัฒนาอื่น หนังสือถูกเขียนจากมุมมองของผู้เขียน มันส่วนใหญ่อยู่ภายในเฮตีและบอสตัน แมสซาชูเสตต์ เทรซี่คิดเดอร์ได้พบพอลครั้งแรกภายในเฮติเมื่อ ค.ศ 1994 พอล ฟาร์เมอร์ เกิดภายในแมสซาชูเสตต์ และเจริญเติบโตเป็นลูกคนหนึ่งของหกคนของครอบครัวยากจนภายในฟลอริดา เขาได้ศึกษาที่ดุคและฮาร์วาร์ด ตรงที่เขาได้รับเอ็มดีและพีเอชดีของเขา หนังสือได้ให้รายละเอียดขีวิตและความสำเร็จของพอล ฟาร์เมอร์ รวมทั้งงานของเขากับองค์การสุขภาพและยุติธรรม พารตเนอร์ อิน เฮลท์ การช่วยเหลือคนยากจนตลอดระยะยาวพอล ฟาร์เมอร์ เสียชีวิต เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2022 ภายในราวันดา เทรซี่ คิดเดอร์ ได้กล่าวถึงพอล ฟาร์เมอร์ไว้ต่อไปนี้ ผมหลงใหลชายคนนี้ตัวเขาเอง เขาทำงานชั่วโมงผิดธรรมดา ผมไม่คิดว่าเขานอนมากกว่าหนึ่งหรือสองสองชั่วโมงส่วนใหญ่ของกลางคืนที่นี่เขาเป็นบุคคลดูเหมือนปฏิบัติมากกว่าเขาสั่งสอน ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นมนุษย์คนใดที่ไม่เสแสร้ง ภายในคณะเเพทย์ศาสตร์พอล ฟาร์เมอร์ ได้พบการเรียกร้องของชีวิตของเขา รักษาโรคติดเชื้อและนำเครื่องมือช่วยชีวิตของแพทย์สมัยใหม่ไปสู่บุคคลที่ต้องการมันมากที่สุดเรื่องราวที่งดงามของเทรซี่ คิดเดอร์ ได้นำเราจากฮาร์วาร์ดไปเฮติ เปรู คิวบาและรัสเซีย เขาได้เปิดประตูไปสู่วิญญานของพอล ฟาร์เมอร์ เมื่อพอลฟาร์เมอร์ได้เปลี่ยนใจและการปฏิบัติผ่านการทุ่มเทของเขาต่อปรัชญา “ประเทศที่แท้จริงเป็นมนุษยธรรมเท่านั้น” ณ หัวใจของหนังสือเล่มนี้คือตัวอย่างของชีวิต บนพื้นฐานความหวังและความเข้าใจของสุภาษิตไฮติ “เลยพ้นภูเขาทุกลูก มีภูเขาอีกลูกหนึ่ง” ดังชาวเฮติ เรามีชีวิตอยู่กับสุภาษิตนี้ เมื่อคุณแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง ปัญหาอีกอย่างหนึ่งจะปรากฏตัวมัน พอล ฟาร์เมอร์ ต้องการเปลี่ยนแปลงโลก บุคคลที่รักษาโลก ณ มหาวิทยาลัยดุค พอล ฟาร์เมอร์ได้เริ่มต้นอ่านเกี่ยวกับเเพทย์เยอรมัน รูดอล์ฟ เวอร์ชอร์ บางครั้งเรียกกันเป็น บิดาของสุขภาพสาธารณะได้เขียนว่า แพทย์เป็นสังคมคมศาตร์ และการเมืองเพียงแต่เป็นแพทย์ขนาดใหญ่เท่านั้นแพทย์เป็นอัยการธรรมชาติของคนยากจน และปัญหาสังคมควรจะถูกแก้ไขโดยพวกเขา ด้วยแรงบันดาลใจของเขาพอลฟาร์เมอร์ อธิบายว่า รูดอล์ฟ เวอร์ชอร์ มีวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุม : พยาธิวิทยา แพทย์สังคมการเมือง มานุษวิทยา – โมเดลของผมภายในหนังสือของเขา”Mountains Beyond Mountains” เทรซี่ คิดเดอร์ ได้เล่าเรื่องราวของพอล ฟาร์เมอร์ และภารกิจของเขาที่จะชนะโรคท่ามกลางคนยากจนของโลก ตามรูป พอล ฟาร์เมอร์กับเด็กหนุ่มไฮติชื่อ อัลคาเตภายในภูเขาของไฮติ หมู่บ้านของซานมิ ลาซานเต ณ หัวใจของหนังสือของเทรซีคิดเดอร์คือสุภาษิตไฮติ เลยพ้นจากภูเขาทุกลูกมีภูเขาอีกลูกหนึ่ง เมื่อคุณแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง ปัญหาอีกอย่างหนึ่งนำเสนอตัวมันเอง ดังนั้นคุณต่อไปและพยายามแก้ปัญหานั้นพอล ฟาร์เมอร์ เป็นแพทย์ และนักมนุษยวิทยา และอย่างน้อยที่สุดผู้ป่วยก่อนหน้านี้คนหนึ่งของเขาภายในไฮติ เรียกเขาเป็นพระเจ้า พอล ฟาร์เมอร์เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ เขาได้สร้างมันเป็นภารกิจของเขาเพื่อที่จะปฏิรูปการดูแลสุขภาพบนขนาดโลก ด้วยการมุ่งที่ชุมชนยากจนที่สุดเเละเจ็บป่วยที่สุด เขาได้ช่วยก่อตั้งองค์การไม่มีกำไร พารตเนอร์ อิน เฮลท์ ภารกิจของมันเป็นทั้งการแพทย์และศีลธรรมนิยายที่ชอบของเขาคือ “The Lord of the Ring” หนังสือเล่มต่อไปที่ดีเทียบเท่าคือ “War and Peace” ความสนใจที่สำคัญของเขาคือแพทย์มนุษยวิทยา ได้รับอิทธิพลจากผลงานของผู้รู้รอบด้านชาวเยอรมันชื่อ รูดอล์ฟ เวอร์ชอร์ ได้สร้างคำพังเพยนี้ แพทย์เป็นสังคมศาสตร์ และการเมืองเป็นเพียงการแพทย์ขนาดใหญ่เท่านั้น จากรูดอล์ฟ เวอร์ชอร์ เทรซี่ คิดเดอร์ กล่าวว่า พอล ฟาร์เมอร์ได้เริ่มต้นรับเอาความเข้าใจทางศีลธรรมของสุขภาพสาธารณะ

เมื่อ ค.ศ 1994 เทรซี่ คิดเดอร์ นักหนังสือพิมพ์ เดินทางไปเฮติ รายงานข่าวการปฏิวัตทางทหารของไฮติ ที่นี่เขาได้มองเห็นแพทย์ที่น่าชื่นชม เจรจาต่อรองกับทหารอเมริกันเพื่อผู้ป่วยชาวเฮติของเขา ห้าปีต่อมาเทรซี่คิดเดอร์ ได้มองเห็นพอล ฟาร์เมอร์ อีกครั้งหนึ่ง ณ คณะแพทยศาสตร์ฮาร์วาร์ด ตรงที่ในขณะนี้เขาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียง รักษาคนยากจนจำนวนมากไม่เสียเงินนอกเหนือจากผู้ป่วยที่จ่ายเงิน ผู้ป่วยหลายคนของเขาเรียกเขาว่า นักบุญ เนี่องจากการดูอย่างมีเมตตาต่อพวกเขา เทรซี่ คิดเดอร์ ประทับใจกับฟาร์เมอร์ ดังนั้นเขาได้ไปเยี่ยม ไฮติ เขาได้สังเกตุงานของพอล ฟาร์เมอร์ และองค์การไม่มีกำไรของเขา พาร์ตเนอร์ อิน เฮลท์ ให้การดูทางการแพทย์ไม่เสียเงินแก่ชาวไฮติจำนวนมาก ครั้งหนึ่งพอล ฟาร์เมอร์ได้กล่าวว่า ขอให้เรื่มต้นองค์การไม่มีกำไรที่มีกฏข้อเดียวเท่านั้น บุคคลทุกคนต้องเมตตา เราเห็นด้วยต่อการปฏิบัติความเมตตาอย่างไม่มีเงื่อนไข
เราสามารถระบุความสำเร็จและรางวัลของเขา โรงพยาบาล แลมหาวิทยาลัยที่เขาสร้าง หลายล้านชีวิตที่เขาช่วยรักษา แต่ผมประหลาดใจวิถีทางที่เขามีชีวิตอยู่ เขาได้เดินทางทุกวันศุกร์อย่างไร เขาสอนที่ฮาว์วาร์ดหนึ่งสัปดาห์ แล้วบินไปไฮติหนึ่งสัปดาห์ แล้วบินไปลาวันดาหนึ่งสัปดาห์ และอย่างอื่น ณ เวลานั้น ภรรยาของเขา ดีดี และลูกของเขาอาศัยอยู่ภายในลาวันดาภายในภาพยนตร์ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับพอล ฟาร์เมอร์ และพาร์ตเนอร์ อินเฮลท์ “Bending the Arc” หามาได้จากเนตฟลิกซ์ เรามีฉากหนึ่งตรงที่พอลอยู่กับผู้ป่วยใกล้จะตาย วันเดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่ ผู้ป่วยได้กล่าวว่าพ่อของเธอยุ่งกับการสร้างโลงศพของเธอ พอลได้ทำการรักษาเธอช่วยชีวิตของเธอไว้ แล้วพูดกับเธอว่า บอกพ่อของคุณกำจัดโลงศพทิ้งได้แล้ว คุณไม่ต้องการมันแล้วเรามีวิถีทางหลายอย่างที่จะเข้าหาชีวิตตำนานและการสอนของพอล ฟาร์เมอร์ เขามีชีวิตอยู่กับเเมทธิว 25 รับใช้คริสต์ภายในความยากจน กลายเป็นผู้เผยแพร่ของความยากจน และบางทีแพทย์ยิ่งใหญ่ที่สุดภายในประวัติศาสตร์ของโลก ดังที่คณบดีของคณะเเพทย์ศาสตร์ฮาร์วาร์ดครั้งหนึ่งได้กล่าวว่า พอลเป็นแพทย์สำคัญที่สุดภายในโลกเขาได้เปลี่ยนแปลงวิถีทางการแพทย์ถูกทำไปทั้งโลก เมื่อ ค.ศ 2000 บิลล์ เกตส์ ได้ให้พาร์ตเนอร์ อิน เฮลท์ 45 ล้านเหรียญกำจัดวัณโรคภายในอเมริกาใต้ บิลล์ เกตส์ ได้กล่าวว่า เขาไม่เคยมีความสุขมากกว่า เมื่อเขาได้เขาได้ดูแลผู้ป่วยภายในคลีนิคแห่งหนึ่งที่เขาได้ช่วยสร้าง ผมไม่เคยรู้จักใครก็ตามลุ่มหลงมากกว่าเกี่ยวกับการลดความไม่เสมอภาคภายในสุขภาพของโลกหรือใครทำมากกว่าที่มีชีวิตอยู่ด้วยค่านิยมของเขา แม้ว่าชื่อเสียของพอล เป็นวีรบุรุษสุขภาพโลกได้เจริญเติบโต จุดมุ่งของเขาไม่เคยผันแปรจากการช่วยเหลือบุคคลโดยตรงบนพื้นดิน เขาเป็นบุคคลที่ถ่อมตัวไม่เคยมีความสนใจใดเลยต่อการแสวงหาความสนใจ ถ้ามันไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้นแก่บุคคลที่เขารับใช้ บิลล์ เกตต์ ได้กล่าวว่า มรดกของพอล ฟาร์เมอร์คือ ชีวิตที่เขาได้ช่วยไว้ เมื่อผมได้พบข่าวตอนเช้าว่าเขาเสียชีวิต ผมคิดถึงภรรยาและลูกสามคนของเขาก่อน ผมคิดถีงเพื่อนร่วมงานของเขาและบุคคลทุกคนที่ถูกช่วยชีวิต หรือการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นโดยเขา แล้วผมคึดถึงบุคคลทุกคนที่ห่วงใยเกี่ยวกับสุขภาพโลกเนื่องจากพอลมากมายเหลือเกินที่จะนับได้พอลเป็นวีรบุรุษ และผมโชคดีที่เรืยกเขาเป็นเพื่อน แม้วาเราได้เดินผ่าน ณ การประชุมหลายครั้งตลอดปี ครั้งแรกที่ผมได้พูดคุยกับเขา ระหว่างการเดินทางไปแคนจิ เมืองเล็กภายในไฮติกับมีลินดาเมื่อ ค.ศ 2005 เรามาที่นี่ เราได้ไปเยี่ยมคลีนิคสุขภาพดำเนินงานโดยพาร์ตเนอร์ อิน เฮลท์ องค์การที่ไม่น่าเขื่อก่อตั้งร่วมโดยพอล ฟาร์เมอร์ – และมูลนิธิของเราภูมิใจที่ได้สนับสนุน ณ เวลานั้นพีไอเอช ได้ให้การดูแลสุขภาพระดับโลกแก่ บุคคลภายในไฮติ เปรู และรัสเซีย

ณ มหาวิทยาลัยดุค พอล ได้ค้นพบข้อเขียนของรูดอล์ฟ เวอร์ชอร์ เเพทย์ชาวเยอรมันศตรรษที่ 19 ผู้บุกเบิกการปฏิบัติของการแพทย์สุขภาพสาธารณะ วิถีทางของเวอร์ชอร์ รูดอล์ฟ ได้ครอบคลุมชีววิทยามานุษยวิทยา และการเมือง บันดาลใจเขา เหตุการณ์ของโลกภายนอกได้มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อเขาด้วย เมื่ออเมริกากลางถูกทำลายล้างด้วยสงครามกลางเมือง ชาวอเมริกันได้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับหลักการของเทววิทยาแห่งการปลอดปล่อย การต่อต้านของพระแคธอลิกต่อการเป็นเผด็จการทหารของศาสนา “เส้นโค้งของจักรวาลศีลธรรมได้งอไปสู่ความยุติธรรม” ดังที่ผู้เลิกทาส ธีโอดอร์ พาร์คเกอร์ กล่าวไว้อย่างมีชื่อเสียงหรือไม่ มันไม่ได้ไปทางนั้นเมื่อ พอล ฟาร์เมอร์ นักศึกษาเเพทย์หนุ่ม ไปเยี่ยมไฮติครั้งแรกเมื่อ ค.ศ 1983 ไฮติยากจน เต็มไปด้วยโรคติดเชื้อ และขาดอุปกรณ์รักษาพื้นฐานมากที่สุดแต่พอล ฟาร์เมอร์ ได้เริ่มต้นงอเส้นโค้งกับเพื่อนสองคน นักเคลื่อนไหวและเเพทย์ พวกเขาได้เริ่มต้นผลักดันชุมชนระหว่างประเทศดูแลเกี่ยวกับการรักษาทางเเพทย์ภายในประเทศที่กำลังพัฒนา โมเดลสุขภาพชุมชนที่พวกเขาได้พัฒนารักษาโรคเหมือนเช่นวัณโรคและเอชไอวี ได้ช่วยชีวิต
บุคคลหลายล้านคนภายในประเทศที่กำลังพัฒนาบุคคลวัยหนุ่มสามคนได้มารวมกันภายในเฮติ มุ่งมั่นที่จะให้ระดับการดูแลทางแพทย์ระดับโลก พวกเขาได้คาดหวังต่อครอบครัวของพวกเขาเอง ต่อชาวเฮติในไม่ช้ากลายเป็นเพื่อนของพวกเขา พวกเขาได้เผชิญอุปสรรคมากมาย พวกเขาได้รวบรวมทรัพยากรสร้างคลีนิคสุขภาพแท้จริงภายในพื้นที่ถูกละเลยโดยบุคคลอื่น ตรงที่ผู้ป่วยมาถึงด้วยการขี่ลาเป็นรถพยาบาล และสต็อคมันด้วยวัสดุทางแพทย์อย่างเดียวกันที่พบได้ภายในสถานที่เหมือนเช่นคณะเเพทย์ศาสตร์ฮาร์วาร์ด ที่จริงแล้วภายในกรณีบางอย่าง วัสดุที่พบ ณ ฮาร์วาร์ดได้เดินทางไปที่เฮติด้วยการต่อสู้อย่างต่อเนื่องของพอล ฟาร์เมอร์ที่จะนำการดูแลสุขภาพไปสู่คนยากจนที่สุดและด้อยโอกาสที่สุดของโลกถูกแสดงภายในภาพยนตร์สารคดี 2017 “Bending the Arc” ภาพยนตร์ที่มีพลังเรื่องนี้เกี่ยวกับนักศึกษาแพทย์ที่จะนิยามใหม่การดูแลสุขภาพบนขนาดโลก มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นเพื่อน และบุคคลที่ทุ่มเทสามารถสร้างความแตกต่างและเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร ผู้กำกับ เคียฟ เดวืดสัน และเปโดร คอวส ได้เดินตามการต่อสู้อย่างต่อเนื่องของพวกเขา รักษาและกำจัดวัณโรคและเอชไอวีภายในพื้นที่ขนบทของไฮติ เปรู เเละลาวันดา “Bending the Arc” ได้ดำลงไปสู่หล่มของการดูแลสุขภาพโลก เมื่อประเทศยากจนที่สุดต่อสู้โรคที่รักษาไม่หาย เรื่องราวความกล้าหาญของขบวนการสุขภาพโลกได้ถูกมองผ่าน
เรื่องราวอย่างใกล้ชิดของพอล ฟาร์เมอร์ จิม ยอง คิม และแพทย์กล้า
หาญคนอื่น และผู้ป่วย นำการต่อสู้อุปสรรคดูเหมือนไม่สามารถชนะได้
นำการดูแลทางแพทย์ไปสู่คนยากจนที่สุดและพื้นที่ถูกทอดทิ้งมากที่สุด
ทั่วโลกมันทุกอย่างเริ่มต้นภายใน ค.ศ 1980 เมื่อนักศึกษาแพทย์อุดมคติ พอลฟาร์เมอร์ และจิม ยอง คิม พบกันที่คณะเเพทย์ศาสตร์ฮาร์วาร์ดเมื่อ ค.ศ 1980 และทั้งสองได้ถูกดึงไปสู่การแพทย์ ด้วยความต้องการร่วมเพื่อความ
ยุคิธรรมทางสังคม พร้อมด้วยนักกิจกรรม โอพีเลีย ดาลห์ พวกเขาได้ตัดสินใจพยายามและสร้างการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพหามาได้แก่ประเทศที่
ยากจน พวกเขาได้จัดหาเงินทุน และสร้างคลีนิคสุขภาพภายในไฮติ
ชนบทตรงที่เรามีชาวบ้านยากจนจำนวนมาก แต่แพทย์ไม่กี่คนรักษา
พวกเขา เป้าหมายของแพทย์ดูเหมือนจิตใจที่ดีแต่จำกัดอยู่ที่พื้นที่เล็ก
แต่ในที่สุดอิทธิพลของพวกเขาได้แพร่กระจายไปทั่วโลกชื่อของภาพยนตร์ “Bending the Arc” มาจากคำพูดอ้างอิงของผู้เลิกทาส ธีโอดอร์ พาร์คเกอร์ – เรามักจะอ้างถึงมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ผมไม่แสร้งทำที่จะเข้าใจจักรวาลของศีลธรรม เส้นโค้งยาวไกล….และจากที่ผมได้มองเห็น ผมมั่นใจว่ามันได้งอไปสู่ความยุติธรรมแพทย์คนหนึ่งจากภาพยนตร์ ได้กล่าวว่า เส้นโค้งของจักรวาลศีลธรรมยาวไกล แต่มันได้งอไปสู่ความยุติธรรม งานของเราคือทำให้มันงอรวดเร็วขึ้น เส้นโค้งนี้ไม่ได้งอด้วยตัวมันเอง มันงอเพราะว่าเรางอมันมาร์ติน ลูเธอร คิง ได้กล่าวว่า เราจะเอาชนะ เพราะว่าเส้นโค้งของจักรวาลศีลธรรมยาวไกล แต่มันได้งอไปสู่ความยุติธรรม การเปลี่ยนแปลงใช้เวลานาน แต่มันได้เกิดขึ้น เลือกการกระทำของคุณอย่างฉลาดคำสั่งสอนของ 1852 ของธีโอดอร์พาร์คเกอร์ “Justice and Conscience” ได้บันดาลใจต่อคำพูดที่มีชื่อเสียงของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง นั้นส่วนหนึ่งของคำสอนของพาร์คเกอร์อ่านได้ว่าคุณมองเห็นชัยชนะของสิทธิอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้าภายใต้ความเป็นผู้นำของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง การประท้วงไม่รุนเเรงได้กลายเป็นการระบุลักษณะของการเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนสมัยใหม่ภายในอเมริกา เขาได้แสดงประสิทธิภาพของการต่อต้านอยู่นิ่งก่อน ในขณะที่นำไปสู่การรวมหัวต่อต้านรถโดยสารอย่างยืดเยื้อภายในมอนต์โกเมอรี
อลาบามา จนต้องยกเลิกกฏหมายการแบ่งเเยกรถโดยสารดังที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ช่วยทำให้คำพูดอ้างอิงของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง นิยมแพร่หลาย เส้นโค้งของจักรวาลศีลธรรม ยาวไกล แต่มันได้งอไปสู่ความยุติธรรม บารัค โอบามาชอบคำพูดอ้างอิงนี้ เขาได้ทอมันเป็นพรมภายในห้องทำงานรูปไข่ของเขา

ธีโอดอร์ พาร์คเกอร์ นักปฏิรูปสังคม คำพูดอ้างอิงของเขาต่อมาได้บันดาลใจคำปราศัยโดยอับราฮัม ลินคอล์น และมาร์ติน ลูเธอร์ คิง เขา กระตือรือร้นภายในการเคลื่อนไหวต่อต้านการเป็นทาส เขามีคำปราศัยที่เร่าร้อนต่อต้านการเป็นทาส การช่วยเหลือทาสลี้ภัยหลบหนี เขาเป็นผู้สนับสนุนต่อสิทธิการออกเสียงของผู้หญิงและได้ให้การเทศนาที่มีชื่อเสียง “On the Public Function of Women” ด้วย เขาได้ทำงานเพื่อการปฏิรูปเรือนจำการละเว้นของมีนเมา การศีกษาของผู้หญิง และอย่างอื่นธีโอดอร์ พารคเกอร์ เป็นนักบวชยูนิแทเรียนนิยมการเลิกทาส พูดตรงไปตรงมาจากบอสตัน นำการชุมนุมผู้บูชา 7000 คน เขาไม่เป็นเพียงแค่เทศนาที่บุคคลควรจะช่วยหลบหนีทาสเท่านั้น เขาทำด้วยตัวเขาเองด้วย เขาได้ซ่อนพวกเขาภายในบ้านของเขา และช่วยพวกเขาหลบหนีไปคานาดา ธีโอดอร์ พารคเกอร เชื่อว่ากฏหมายทาสหลบหนีขัดแย้งธรรมะของศาสนาคริสเตียน เขาเชื่อมันสำคัญที่จะเคารพพระเจ้ามากกว่ากฎหมายของมนุษย์ที่ไม่ยุติธรรม เมื่ออับราฮัม ลินคล์อน กลายเป็นประธานาธิบดีอเมริกา และสงครามกลางเมืองได้เริ่มต้น ตอนนั้นธีโอดอร์ พาร์คเกอร์ ได้เสียชีวิตแล้ว เขาไม่ได้มีชีวิตที่จะมองเห็นการเลิกทาสภายในอเมริกา เเต่เขาได้ช่วยวางรากฐานด้วยการชักจูงบุคคลจำนวนมาก พวกเขาต้องไม่ตาบอดเดินตามกฏหมายที่ไม่ยุติธรรม คำพูดของเขามีพลังชักจูงบุคคลจำนวนมากเข้าร่วมต่อสู้สิ้นสุดการเป็นทาสภายใน ค.ศ 1850 ด้วยการผ่านกฏหมายทาสหลบหนี ธีโอดอร์ พาร์คเกอร์ได้ใช้พลังอย่างมากของเขาต่อสาเหตุของการเลิกทาส การซ่อนทาสหลบหนีภายในบ้านของเขา และพยายามขัดขวางกลับมาของทาสลักพาตัว คำสั่งสอนภายในสองปีสุดท้ายของชีวิตของเขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเขา ห่อหุ้ม 20 ปีของการคิด การเขียน และการเทศนาด้วยความพยายามของเขาต่อสู้การเป็นทาสได้นำเขาไปสู่การล้มเจ็บทางร่างกายโดยไม่มีข้อสงสัยคำพูดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเคยพูดโดยชาวอเมริกันได้ถูกพูดโดยอับราฮัม ลินคอล์น 86 ปีที่แล้วเมื่อเขาพูดว่า…..รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน จะไม่ตายไปจากโลกนี้ถ้อยคำเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมรดกของประเทศ มันคุ้นเคยกับประชาชนมากกว่าถ้อยคำของรัฐธรรมนูญ หรือคำประกาศอิสรภาพแต่กระนั้นบุคคลส่วนใหญ่ ไม่ได้รับรู้ว่าถ้อยคำเหล่านี้ไม่ได้กำเนิดจากอับราฮัม ลินคอล์น ต่อประเทศแล้ว มันได้ถูกสร้างมายาวนานแล้วจากถ้อยคำของนักบวชที่มีชือ่เสียงชื่อ ธีโอดอร์ พาร์คเกอร์วันนี้ชื่อของเขาแทบจะไม่รู้จักกัน บุคคลทุกคนดูเหมือนที่จะรู้ข้อความสองข้อของเขาโดยไม่รู้มันมาจากเขาข้อความหนึ่งเป็นคำนิยามของประชาธิปไตย รัฐบาลของบุคคล โดยบุคคล เพื่อบุคคล อับราฮัมลินคอล์น ใช้คำนิยามนี้ภายในการปราศัยเกตตี้เบิรก แต่เขาได้ปรับคำนิยามนี้ ธีโอดอร์ พาร์คเกอร์มักจะใช้ ประชาธิบไตยเป็นรัฐบาลของบุคคลทุกคน โดยบุคคลทุกคน เพื่อบุคคลทุกคนคำปราศัยเกตตี้เบิรกได้ถูกให้เมื่อ 19 พฤศจิกายน 1863 หลายเดือนภายหลังฝ่ายใต้ยอมแพ้ ณ การต่อสู้แห่งเกตติ้เบิรก อับราฮัม ลินคอล์นได้อธิบายสงครามกลางเป็นการต่อสู้เพิ่อการเกิดใหม่ของเสรีภาพวิสัทัศน์ของเขาเพื่อชาติให้ความเสมอภาคแก่ประชาชนทุกคน สร้างชาติเป็นหนึ่งเดียว ไม่ครอบงำด้วยสิทธิของรัฐอีกเเล้ว และระบุประชาธิปไตยในแง่ของ รัฐบาลของบุคคล โดยบุคคล เพื่อบุคคล มันเป็นคำปราศัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอับราฮัม ลินคอล์นด้วยคำพูดของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น สงครามกลางเมืองนำ”การเกิดใหมของเสรีภาพ” มาสู่อเมริกา และระหว่างสงครามเริ่มต้นด้วยความพยายามของชาติยอมรับกับการทำลายล้างของการเป็นทาสและระบุความหมายของเสรีภาพ เมื่อสงครามสิ้นสุดลง มันชัดเจนอยู่เเลัวที่การสร้างใหม่จะนำการเปลี่ยนแปลงแผ่ไปไกลภายในสังคมทางใต้ และการนิยามใหม่ของคนผิวดำภายในชีวิตอเมริกันเมื่อเราพูดเกี่ยวกับพรมใหม่ภายในห้องทำงานรูปไข่ เราได้กล่าวถึงหลายถ้อยคำอ้างอิงถักไว้บนพรม รวมทั้งถ้อยคำอ้างอิงมาจากมาร์ติน ลูเธอร์ คิง บุคคลทุกคนรู้การกล่าวยืนยันว่าเส้นโค้งของจักรวาลศีลธรรมยาวไกลเเต่มันได้งอไปสู่ความยุติธรรม มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ใช้ถ้อยคำเหล่านี้อยู่เสมอ

Cr. : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *