jos55 instaslot88 Pusat Togel Online การเมืองสหรัฐก้าวสู่ยุคเสื่อม - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

การเมืองสหรัฐก้าวสู่ยุคเสื่อม

สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
การเมืองสหรัฐก้าวสู่ยุคเสื่อม
ผมเริ่มสงสัยมานานพอสมควรว่าการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐเริ่มเสื่อมทรามลงอย่างผิดหูผิดตา
ทั้งนี้หลังจาก“โดนัลด์ ทรัมพ์”แพ้เลือกตั้ง พลาดตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเนื่องสมัยที่ ๒ ให้แก่”โจ ไบเดน”ในปี ๒๐๒๐
คือตั้งแต่เมื่อสีปีมาแล้ว
โดยตั้งข้อสังเกตเห็นจากปรากฏการณ์ต่อไปนี้:-
๑ พฤติกรรมในอดีต
 “ทรัมพ์”ปลุกระดมกลุ่มขวาจัด ยกขบวนโจมตีรัฐสภาพยายามขัดขวางการโหวตเสียงรับรองการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ”โจ ไบเดน”โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านและต่อต้านจากสาธารณชนจนวุฒิสมาชิกต้องพากันหลบหนีเพราะกลัวถูกประชาทัณฑ์ ในขณะที่ฝูงชนบุกเข้าทำลายข้าวของเสียหายไปส่วนหนึ่ง
แต่”ทรัมพ์”กลับปฏิเสธหน้าตาเฉยว่าไม่เคยยุยงใครให้ประพฤติเช่นนั้น
ในการนี้สภาผู้แทนฯก็ได้ตั้งคณะกรรมาธิการพิเศษขึ้นมาสอบสวนการบุกโจมตีที่ทำการรัฐสภาสอบเพื่อเอาผิดเขาและผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็ได้ดำเนินการมาถึงขั้นส่งฟ้องแล้ว แต่การณ์ได้หาเลวร้ายต่อ”ทรัมพ์”ไม่
ด้วยปรากฏว่า เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ศาลสูงได้มีคำสั่งว่า “อดีตประธานาธิบดีสหรัฐทุกคนจะได้รับการคุ้มครองมิให้ถูกดำเนินคดีใดๆ หากปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่อย่างเป็นทางการ ยกเว้นกระทำเรื่องส่วนตัว”
ก็ไม่รู้ว่า “ทรัมพ์”มีเส้นสนกลในอย่างไรที่อยู่ๆ ศาลสูงก็ออกคำสั่งนี้มา
๒ พฤติกรรมปัจจุบัน
การบ่อนทำลายการเมืองที่เกิดขึ้นในระยะหลังๆ ที่เกิดจากพฤติกรรมที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์หรือขนบธรรมเนียมทางการเมืองสากล เฉกเช่นมนุษย์ที่มีความเจริญแล้ว ควรจะเป็นประพฤติหรือไม่ประพฤติ แม้ไม่ผิดกฎหมายหรือเสี่ยงต่อการถูกฟ้อง เช่น
๒.๑ การที่ “ทรัมพ์”ใช้วิธีหาเสียงด้วยการเอาเรื่องส่วนตัวของคู่แข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งเป็นสตรีมาประจานทางอ้อมหรือ
๒.๒ การที่ “ทรัมพ์”พูดเป็นนัยว่าจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากไม่ชนะ ซึ่งส่อว่าจะกระทำซ้ำอีก ถ้าแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้
๒.๓ เหยียดสตรีเพศ ซึ่งเป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่แก้ไขไม่ได้จริงๆ รวมทั้งการที่เขาสั่งจ่ายเงินปิดปากดาราหนังโป๊ ซึ่งคณะลูกขุนชี้ขาดแล้วว่ามีความผิดจริง เพียงแต่รอศาลสั่งลงโทษเท่านั้น(รอหลังเลือกตั้งเสร็จ)
๓ หาเสียงด้วยการยุยงให้แตกสามัคคีภายในชาติ  ซึ่งผู้ที่ชอบกระทำก็คือ”ทรัมพ์”อีก เช่นกล่าวหาว่าผู้อพยพชอบเข้ามาทำผิดธรรมเนียม เช่นชอบกินหมา กินแมว กินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน หรือกล่าวเป็นนัยว่า ระหว่างหาเสียงว่า”กมลา แฮร์ริส”เป็นเพียงแค่คนดำ
ซึ่งล้วนเป็นถ้อยคำกระทบกระเทียบเปรียบเปรย แกมเหยียดผิว
ทั้งหมดที่ยกตัวอย่างมานี้ จึงไม่แปลกเลยที่ทั้ง“โจ ไบเดน”และ“กมลา แฮร์ริส” จะกล่าวหาว่า“ทรัมพ์”คือตัวการบ่อนทำลายประชาธิปไตย จึงจำเป็นต้องช่วยกันปกป้องเอาไว้ ไม่ให้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอี
ผมเองเฝ้าติดตามการเมืองสหรัฐมาตลอดชีวิตการทำงานต่อเนื่องมา ๔๖ ปีแล้ว
ผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมาก็หลายคน
แต่ละคนที่ประสบพบมา ทั้งจากข่าวและประสบการณ์จริง ก็ไม่เคยเห็นใครจะย่ำแย่เท่า”ทรัมพ์”เลยครับ
ในทัศนะผม เขาไม่ใช่ผู้นำของคนอเมริกันทั้งมวล แต่เป็นผู้นำเฉพาะ ของคนอเมริกันบางกลุ่มบางพวก เช่นนายทุนและคนขาวเท่านั้น
เป็นบุคคลที่ไม่น่าภาคภูมิใจในทางการเมืองและตามระบอบประชาธิปไตย  หากมองเขาในแง่การช่วยส่งเสริมความเสมอภาค ในการส่งเสริมมีสิทธิและเสรีภาพอย่างเท่าเทียม ตามที่คนอเมริกันทั่วไป พึงสำเหนียกรู้
เขาจึงเป็นนักประชาธิปไตยที่ทำให้การเมืองสหรัฐเสื่อมทราม โดยทำทุกอย่างไม่คำนึงว่าถูกหรือผิดเพื่อการมีอำนาจเด็ดขาดเสมือนดั่ง”จอมเผด็จการ”ที่จะได้เที่ยวสั่งทำโน่นทำนี่ตามที่อยากจะทำระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้นำ
ผมว่าถ้าหาก“ทรัมพ์”ชนะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่งในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงคือวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ นี้
ก็จะพิสูจน์ได้ว่า ที่ผมตั้งข้อสังเกตมานั้น เป็นจริงหรือไม่
อีกไม่นานเกินรอครับ
Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *