jos55 instaslot88 Pusat Togel Online แผนสันติภาพ”ทรัมพ์”มิใช่แค่เพียงหาเสียง - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

แผนสันติภาพ”ทรัมพ์”มิใช่แค่เพียงหาเสียง

สบาย สบาย สไตล์เกษม

เกษม อัชฌาสัย

แผนสันติภาพ”ทรัมพ์”มิใช่แค่เพียงหาเสียง

เมื่อมีการประชดประชันว่า สื่อไทยกำลังเสพ”ไวรัส”เป็นอาหาร ผมก็เลยจะไม่เขียนถึงละครับ ในคราวนี้ เพราะมีคนเขียนถึงมากแล้ว จนแทบไม่มีประเด็นอะไรที่เหลือไว้ให้เขียน แต่จะเขียนเรื่องการเมืองของสหรัฐแทน เพราะมีประเด็นให้น่าติดตามอยู่ในบางแง่มุม ในเวลานี้

ยังไม่ทันที่ การสืบสวนสอบสวนเอาผิดเพื่อถอดถอน”โดนัลด์ ทรัมพ์”ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จะแล้วเสร็จเรียบร้อยคือยังไม่รู้ผลว่า จะถูกวุฒิสภา”ถอดถอน”หรือไม่ ขบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ ๕๙ ซึ่งจะมีการโหวตเสียงในวันอังคารที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓  ก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว ด้วยการประชุม”คอคัส”ครั้งแรก หารือกันในหมู่สมาชิกพรรคการเมืองต่างๆ ในมลรัฐไอโอวา เมื่อวันจันทร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์นี้ เพื่อซาวเสียงกันว่าจะให้ใครเป็นตัวแทนพรรค เพื่อส่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งก็คาดเดากันว่า ทางพรรคเดโมแครตน่าจะเป็น”เบอร์นีย์ แซนเดอร์ส” หรือไม่ก็ ”โจ ไบเดน”บุคคลที่”ทรัมพ์”จ้องจะทำลายความนิยม หวังอาศัยยูเครนตั้งข้อกล่าวหาว่าคอรัปชั่น แต่ยูเครนไม่ทำ ข่าวรั่ว “ทรัมพ์”ก็เลยถูก”อิมพีช”

ส่วนทางพรรครีพับลิกันนั้นทายได้เลยว่าจะต้องได้แก่”ทรัมพ์”อยู่แล้ว แม้จะมีคนอื่นๆ ในพรรคที่เสนอตัวเข้ามาแข่ง เพราะผลงานของ”ทรัมพ์”ถูกอกถูกใจชาวอเมริกันที่หนุนพรรครีพับลิกัน ไม่ว่าจะในแง่การสร้างงาน ในแง่การคิดถึงตัวเองก่อนคนอื่น ตามนโยบาย America first ซึ่งแปลงออกมาเป็นรูปธรรมในด้านต่างๆ รวมทั้งความพยายามลดความเสียเปรียบทางการค้า ทำให้เกิดสงครามการค้ากับจีน แม้จะบกพร่องในแง่ความถูกต้องชอบธรรม หรือคุณธรรม หรือกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการเข้าแทรกแซงภายในของชาติต่างๆ ในตะวันออกกลาง ผู้นำสหรัฐก็ไม่คิดอะไรมาก หากว่าการกระทำเช่นนั้น หมายถึงความอยู่รอดของคนอเมริกันส่วนรวม

มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ตั้งใจจะระบุถึง ในการเขียนคราวนี้ คือกรณีที่”ทรัมพ์”ออกมาประกาศ เมื่อไม่กี่วันมา ถึงแผนสันติภาพตะวันออกกลาง นำเสนอการตั้งรัฐปาเลสไตน์ ให้อยู่ร่วมกันกับรัฐอิสราเอล โดยมีจุดมุงหมาย เพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย

ตามแผนนี้กำหนดให้อิสราเอลครอบครอง”เยรูซาเลม”ไว้ฝ่ายเดียว เพื่อใช้เป็นเมืองหลวง

ส่วนปาเลสไตน์นั้นแทนที่จะมีเมืองหลวงอยู่ใน”เยรูซาเลม”ด้วย ก็จะให้ไปมีเมืองหลวงอยู่นอกเมือง ทางตะวันออกของ”เยรูซาเลม” เลยกำแพงที่อิสราเอลสร้างขึ้นมา

อีกอย่างหนึ่งในข้อเสนอนี้ก็คือ การผนวกพื้นที่ตั้งถิ่นฐาน บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งทางการอิสราเอลปล่อยให้ชาวอิสราเอลเข้าไปตั้งหลักปักฐาน(โดยผิดกฎหมายระหว่างประเทศ)แทนที่จะห้ามปราม เข้าไว้เป็นดินแดนของอิสราเอลอย่างถาวร

ในการแถลงเรื่องนี้ ที่ทำเนียบขาว ต่อหน้า”เบจามิน เนทันยาฮู”นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งไปเป็นแขกรับเชิญที่นั่น “ทรัมพ์”กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอของเขา จะทำให้ทั้งสองฝ่ายคือปาเลสไตน์และอิสราเอลต่างมีสถานะที่ ”วิน-วิน” คือล้วนชนะไปด้วยกัน ในขณะที่”เนทันยาฮู”สำนองตอบว่า”นี่คือข้อเสนอแห่งศตวรรษเลยเชียวนะ”( สะท้อนความนัยชัดเจนว่า เป็นการสมคบกัน”เอาเปรียบ”ปาเลสไตน์อย่างหน้าด้านๆ ก็ว่าได้ โดยละเลยไม่สนใจข้อตกลงตะวันออกกลาง(ข้อตกลงออสโลปี ๒๕๓๖) ที่อุตส่าห์ทำกันไว้ ด้วยความยากลำบาก มุ่งให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย เป็นหลักการสำคัญและนานาล้วนรับรอง

“ข้อตกลงออสโล”มีสาระโดยสรุปย่นย่อว่า ทางการปาเลสไตน์มีอำนาจอย่างจำกัด ในการปกครองเขตฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนและในฉนวนกาซา โดยอิสราเอลยอมรับ”องค์การปลดแอกปาเลสต์”(พีแอลโอ)ในฐานะคู่เจรจาอย่างถาวร ในการแก้ไขปัญหาที่เหลืออยู่ และที่สำคัญข้อตกลงนี้ จะไม่ช่วยสถาปนา หรือก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ขึ้นมา

แต่ปาเลสไตน์ ไม่ยอม ” วิน-วิน” ด้วยกับข้อเสนอของ”ทรัมพ์”คราวนี้

ประธานาธิบดี”มะห์มูด อับบาส”แห่งปาเลสไตน์ออกมาปฏิเสธทันทีว่า ““เยรูซาเลม” ไม่ได้มีไว้ขายและนั่นเป็นการสมคบคิดกัน ยอมรับไม่ได้”

ในขณะที่นักสังเกตการณ์ก็พากันวิจารณ์ว่า ข้อเสนอของ”ทรัมพ์”ไม่ได้ทำให้สันติภาพตะวันออกกลางเกิดความก้าวหน้าแต่ประการใด

จึงชัดเจนว่า แท้ที่จริงแล้ว พฤติกรรมของ”ทรัมพ์”ดังกล่าวเป็นเพียงการหาเสียง สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้

หาเสียงทั้งกับอิสราเอล กับทั้งกับชาวอเมริกันยิวในสหรัฐ เน้นย้ำความสัมพันธ์อันเป็นเลิศกับ”เนทันยาฮู”ตั้งแต่ตกลงย้ายสถานทูตอเมริกันจาก”เทลอาวิฟ”ไปยัง”เยรูซาเลม”แล้ว

ผู้รู้บอกผมว่า การเดินแต้มคราวนี้ของ”ทรัมพ์”หวังประโยชน์มากไปกว่านั้น กล่าวคือเป็นการหาเสียงกับคนอเมริกันผิวขาวส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาคริสต์โปรเกายตสแตนต์ สังกัดนิกายย่อยที่เรียกว่า”แองกลิคัน” ซึ่งมีผู้นับถืออยู่ราว ๔๘.๙ เปอร์เซ็นต์ของจำนวนศาสนิกอื่นๆ ทั้งหมดของสหรัฐเพราะคนเหล่านี้มีแนวโน้มสนับสนุนอิสราเอลอย่างลึกซึ้งในใจอยู่แล้ว

นอกจากนั้น ก็มีความเป็นไปได้มาก ว่าหาก”ทรัมพ์”ได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ ๒ เขาคงเดินหน้า เร่งปฏิบัติ ทำตามที่หาเสียงไว้ คือการสนับสนุนให้อิสราเอลเข้ายึดครอง”เยรูซาเลม”ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นการยุติสถานะความเป็น”เมืองสากล”ในที่สุด ซึ่งก็จะเป็นไปตามที่พระผู้เป็นเจ้า(“ยาห์เวห์”)ให้คำมั่นสัญญาไว้ เป็นที่พึงพอใจชาวยิวโดยถ้วนหน้า

สภาพ”จริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริง”จึงสามารถเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ในยุคสมัยของ”ทรัมพ์” ตามแต่บุคลิคภาพที่ขึ้นๆ ลงๆ ของเขาจะกำหนด

มีผู้ขอให้ผมทำนายว่า”ทรัมพ์”จะถูกวุฒิสภาโหวตเสียงถอดถอนออกจากตำแหน่งหรือไม่….ในท้ายสุด

“ฟันธง”ได้ง่ายๆเลยว่า ไม่ถูกถอดถอนแน่ๆ แม้จะปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า เขากระทำผิดอยู่โต้งๆ ตามที่พรรคเดโมแครตตั้งข้อหา เขาก็จะดำรงตำแหน่งต่อไปจนสิ้นวาระ เพราะเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาเป็นของพรรครีพับลิกัน (รีพับลิกัน ๕๓ เสียง, เดโมแครต ๔๕ เสียง, อิสระ ๒ เสียง)

ถ้าจะถอดถอน”ทรัมพ์”จริงๆ จะต้องใช้เสียงถึง ๒ ใน ๓ หรือ ๖๗ เสียงจาก ๑๐๐ เสียงในวุฒิสภา ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะใครเล่า จะทำตัวเป็น”งูเห่า”โหวตข้ามพรรค

หากผิดไปจากคำทำนายนี้”ตัดคอ”ผมได้เลยครับ

 

 

 

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *