เรื่องของบิ๊กโจ๊กกับข่าวลือ ภาคพิสดาร
คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
ทหารประชาธิปไตย
ความเดิมตอนที่แล้ว สำนักข่าวทั้งหลายต่างรายงานข่าวตรงกันว่า มีตำรวจหน่วยพิเศษหน่วยหนึ่งบุกเข้าจับ บิ๊กโจ๊กที่ห้องพักในโรงแรมพูลแมน จากการตรวจค้นที่เกิดเหตุพบเงินสดจำนวน 100 ล้านบาท และได้ทำการยึดคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของบิ๊กโจ๊ก ซึ่งต่อมาได้ค้นพบข้อมูลว่ามีเงินฝากที่ธนาคารในสิงคโปร์จำนวน 3,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นเงินไทยได้ประมาณ 75,000 ล้านบาท
หลังจากนั้นก็มีการสั่งย้ายบิ๊กโจ๊กมาประจำสำนักผบ.ตร. แต่ไม่นานแค่ข้ามวันนายกฯ บิ๊กตู่ก็มีคำสั่งตาม ม.44 ย้ายข้ามห้วยไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีระดับ 10 จากนั้นก็มีข่าวลือ ข่าวลวงออกมามากมาย แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือ บิ๊กโจ๊ก และลูกพี่ของท่านต่างก็เก็บตัวเงียบไม่มีการออกมาให้ข่าวใดๆเลย มีแต่ข่าวลวงว่ามารายงานตัวแล้ว และสบายดี สีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนบิ๊กป้อม ซึ่งเป็นเจ้านายสูงสุดของบิ๊กโจ๊กก็มีแต่ข่าวว่าป่วย และเก็บตัวเงียบ ไม่มีการออกมาให้สัมภาษณ์ จนเมื่อเดินทางไปรดน้ำอวยพรป๋าเปรม ก็ยังคงมีลูกน้องมากันมิให้มาสัมภาษณ์ ปล่อยให้มีการลือไปต่างๆนานา
แต่ภายหลังที่เรื่องเงียบอยู่ในช่วงหยุดราชการสงกรานต์ ก็เริ่มมีการมาให้ข่าวเกี่ยวกับบิ๊กโจ๊กประปราย เช่น รองวิษณุออกมาบอกผู้สื่อข่าวว่า จนบัดนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหาใดๆแก่บิ๊กโจ๊กเลย และในเวลาไร่เรี่ยกัน บิ๊กป้อมก็ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่มีการตั้งกรรมการสอบบิ๊กโจ๊ก เพราะเรื่องมันจบแล้ว และตามมาด้วยข่าวว่าบิ๊กโจ๊กมารายงานตัวแล้วที่ทำเนียบรัฐบาล และขอลาพักร้อนไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งข่าวอันหลังนี่ยังไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่มาประกอบกับข่าวที่รายงานโดยผู้สื่อข่าวทีวีดิจิตอลไบรท์ ทีวี มีการอัดเทปเสียงอ้างว่าเป็นเสียงบิ๊กโจ๊กตอบผู้สื่อข่าวว่าสบายดี ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศ ซึ่งถ้าเป็นของจริงก็แสดงว่าบิ๊กโจ๊กไปอยู่ต่างประเทศแล้ว
เมื่อรวมเรื่องเข้าด้วยกันที่รองนุบอกว่ายังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาใดๆ กับการที่บิ๊กป้อมบอกว่าเรื่องจบแล้วไม่ต้องมีการตั้งกรรมการสอบ รวมกับข่าวว่าลาพักร้อนไปต่างประเทศแล้ว ก็ต้องบอกว่า บิ๊กโจ๊กไม่มี่ความผิดๆ คำถามคือแล้วย้ายทำไม ถ้าไม่มีความผิด ประเด็นต่อมาคือแล้วหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุมันหายไปไหนเงียบไปเฉยๆ เมื่อไม่มีหลักฐานก็เลยไม่ผิดใช่หรือไม่ เพราะถ้ามันมีหลักฐานชัดเจนตามข่าวและตำรวจที่ไปจับก็มีตัวตน ก็น่าจะมีการคุมตัวบิ๊กโจ๊กเพื่อสอบขยายผล แค่เงินสด 100 ล้านก็หนักหนาแล้ว ที่ยังมีหลักฐานว่ามีบัญชีเงินฝากที่สิงคโปร์มูลค่าถึง 75,000 ล้านบาท แต่อยู่ๆก็เงียบไปเฉยๆ แล้วก็ไม่มีการดำเนินการใดๆกับบิ๊กโจ๊ก มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ หรือบิ๊กโจ๊กจะถูกใส่ความเพื่อจะโยงไปถึงบิ๊กป้อม แต่ก็ยังเห็นท่านอยู่ดีสบายดี ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร แถมบิ๊กตู่ยังขอตัวบิ๊กโจ๊กไปเป็นที่ปรึกษา คงจะเห็นฝีไม้ลายมือในการทำงานที่สำนักงานตรวจแห่งชาติเลยติดใจ เพราะที่นี่ถ้าไม่เก่งจริงคงเอาตัวรอดยาก แต่นี่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแซงทางโค้งอย่างนี้ ต้องมีฝีมือเป็นที่ประจักษ์
ในส่วนตัวบิ๊กตู่เองก็ไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะป๋าออกมาการันตีแล้วว่า “รัฐบาลนี้ไม่โกง ถ้าป๋าพูดผิดก็ให้ตู่ไปจัดการ” ก็คงจัดการเรียบร้อยแล้วตามสั่ง ประจวบกับได้รับพระมหารุณาธิคุณโปรดเกล้าให้เป็นราชองครักษ์พิเศษอีกด้วยเลยยิ่งหายห่วง
สำหรับบิ๊กป้อมเมื่อได้พินิจพิจารณาแล้ว นับวันท่านจะเปล่งรังสีบารมีแก่กล้า นับจากวันที่จบเรื่องบิ๊กโจ๊กแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาเป็นภัยพาล ท่านก็เลยออกมาให้สัมภาษณ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสวนหมัดข้อเสนอของสมาชิกปชป.ที่จะให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่ท่านพูดเสียงดังฟังชัดว่าไม่มีหรอกรัฐบาลแห่งชาติ อย่างนี้ก็ต้องบอกว่าคุณเทพไทฝันไปเองมากกว่า
ทีนี้ข่าวลือต่างๆที่ต่างคนต่างฝันกันไปก็คงจะกลายเป็นเรื่องเหลวไหล ตั้งแต่ว่าบิ๊กตู่คงจะไม่ได้เป็นนายกในสมัยต่อไปแน่ๆ เพราะบิ๊กป้อมมีวิบากกรรม อย่างนี้ก็คงเป็นฝันในฤดูร้อน
เพราะที่ปรากฏตามมาคือการเลือกวุฒิสมาชิกก็ยังคงดำเนินต่อไป พรรคพปชร.ก็ยังคงเดินหมากเพื่อดึงพรรคต่างๆมาเข้าร่วมให้มากขึ้น กกต.เองก็คงกระจายคะแนนปาตี้ลิสต์ไปให้พรรคเล็กๆต่างๆ เพื่อจะได้ถูกดูดไปรวมกันสนับสนุนบิ๊กตู่
ในทางตรงข้ามก็มีข่าวออกมาจากทีวีดิจิตอลอีกช่อง คือ สปริงค์นิวส์ที่โปรยข่าวออกมาว่าทักษิณจะยุติบทบาททางการเมืองโดยสิ้นเชิง และจะไม่เป็นท่อน้ำเลี้ยงพรรคการเมืองอีก แต่เมื่อติดตามผลการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทยก็ไม่ปรากฏผลว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงอันเป็นนัยสำคัญเลย จึงอนุมานได้ว่าข่าวที่สปริงค์นิวส์ออกมาน่าจะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และพรรคเพื่อไทยกับพรรคอนาคตใหม่ก็คงต้องเป็นพรรคฝ่ายค้านค่อนข้างแน่
พรรคที่จะมีวิบากกรรมเกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงก็คือพรรคอนาคตใหม่ เพราะทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคอาจจะโดนคดีที่ทำให้ต้องถูกจำคุก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นพรรคก็คงเป็นอัมพาตไปอย่างน้อย 2-3 ปีทีเดียว
อย่างไรก็ตามหากข่าวที่ออกมาอย่างต่อเนื่องว่าบิ๊กโจ๊กได้ลาพักร้อนไปอยู่สหรัฐฯ เป็นการชั่วคราวนั้น ไม่เป็นความจริงก็ต้องว่า ก็ต้องนั่งวิเคราะห์กันว่าทำไมถึงต้องสร้างข่าวลวงอย่างนั้น
ในเรื่องนี้มีผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่าที่ต้องสร้างข่าวอย่างนั้นก็เพื่อให้คนในขบวนการทั้งหลายเกิดความมั่นใจว่าลูกพี่ใหญ่นั้นมีอำนาจบารมีที่จะปกป้องลูกน้องได้ นับเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ
กระนั้นก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงข่าวลือที่ลือไปจนกระทั่งว่า ภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขนานใหญ่ แบบพลิกแผ่นดินทีเดียว
เรื่องอย่างนี้รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้มีการลืออย่างไร้เหตุผล ควรออกมาชี้แจงแถลงข่าว เพราะมันจะมีผลทำให้นักลงทุนทั่วไทย และต่างชาติเกิดความกังวล จนไม่กล้าตัดสินใจลงทุน เกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ
อนึ่งปีนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นประธานอาเซียนตามวงรอบ หากยังมีความปั่นป่วนทางการเมือง เริ่มจากความสับสนจาการเลือตั้ง มาจนข่าวการคอร์รัปชั่น ที่สุดท้ายก็ยังไม่มีความชัดเจนปล่อยให้เป็นข่าวลือแบบนี้ จนถึงขั้นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแบบพลิกแผ่นดิน ผู้เขียนรู้สึกเป็นห่วงอนาคตประเทศไทยอย่างยิ่ง ควรที่รัฐบาลจะได้หาทางสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ด้วยการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ก็จะทำให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน