โรเบิรต วูด จอห์นสัน : ความล้มเหลวจะเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่สุดของเรา ตอน 2
โรเบิรต วูด จอห์นสัน : ความล้มเหลวจะเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่สุดของเรา ตอน 2
ไม่ว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวที่คาดไม่ถึงและไม่ได้คาดคะเนไว้ของผลิตภัณฑ์ ได้เกิดขึ้นภายในบริษัทของเราเองหรือคู่แข่งขันของเรา การวิเคราะห์สถานการณ์จะให้โอกาสเพื่อการเรียนรู้ได้ ความเข้าใจว่าทำไมมันได้บรรลุความสำเร็จ เราสามารถสร้างบนมันหรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของเราเอง การนำเสนอที่จะแข่งขันได้มากขึ้นภายในตลาด ถ้าเรามีความล้มเหลว ทำไมมันไม่ถูกยอมรับ ลูกค้าได้คาดหวังหรือเรียกร้องว่าพวกเขาไม่ได้รับอะไร การเปลี่ยนแปลงอะไรที่ผลิตภัณฑ์นี้ได้ถูกต้องการ หรือควรจะมุ่งส่วนของตลาดอื่นแทนคุณลักษณะหลายอย่างของการวิจัย การพัฒนา และการตลาด ณ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้แสดงถึงผลกระทบของจุดมุ่ง “การขับเคลื่อนวิสัยทัศน์โดยค่านิยม” ต่อภาพใหญ่ ความสัมพันธ์ และการเชื่อมโยงระหว่างข้อเท็จจริง นี่จะอยู่ตรงแกนปรัชญาของอาร์ แอนด์ ดี ณ เจ แอนด์ เจ การยึดอยู่กับถ้อยแถลงที่มีชื่อเสียงของโรเบิรต วูด จอห์นสันว่า “ความล้มเหลวจะเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่สุดของเรา” ค.ศ 1954 ที่จริงแล้วจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้สร้างความล้มเหลว แต่ได้ดำเนินการ “โดยเหตุบังเอิญ” ที่ได้ชัยชนะตลาดใหม่และกำไรดี ด้วยการพัฒนาอย่างไม่คาดคิดเหมือนเช่นแบรนด์ เอด และจอห์นสันเบบี้ พาวเดอร์ริชารด คาร์ลตัน ซีอีโอของ 3 เอ็ม ก่อนหน้านี้ ได้กล่าวว่า “ที่จริงแล้วบริษัทของเราได้ผืดพลาดกับผลิตภัณฑ์ใหม่บางอย่าง แต่ไม่เคยลืมว่าเราสามารถสะดุดลงต่อเมื่อเรากำลังดำเนินการอยู่เท่านั้น”จิม คอลลินส์ และเจอร์รี่ โพร์ร่า ผู้เขียนหนังสือขายดีที่สุด Built to Last ได้อธิบายบทบาทของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนนิสัยที่บรรลุความสำเร็จบางอย่างของบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ พวกเขาได้สังเกตุว่าการดำเนินการที่ดีที่สุดของบริษัทที่มีวิสัยทัศน์บางบริษัท ไม่ใช่ด้วยการวางแผนกลยุทธ์รายละเอียด แต่ด้วยการทดลอง ลองผิดลองถูก การฉวยโอกาส และเหตุบังเอิญ แต่มันไม่ได้เป็นเหตุบังเอิญธรรมดา มันเป็นเหตุบังเอิญที่มีความมุ่งหมาย ตามมุมมองของผู้เขึยน จิม คอลลินส์ ได้อธิบายกระบวนการวิวัฒนาการเหมือนกับการแตกกิ่งก้านและการตัดแต่งต้นไม้ เขาได้ชี้ให้เห็นว่าการเพิ่มกิ่งก้านแก่ต้นไม้ – การเปลี่ยนแปลง และการตัดแต่งด้วยกำจัดกิ่งก้านที่ตายออกไป – การค้ดเลือก ผลลัพธ์สุดท้ายควรจะเป็นต้นไม้ที่เจริญเติบโตและแข็งแรง นี่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับบริษัทที่มีวิสัยทัศน์และกระบวนการของพวกเขาบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ได้รับรู้ว่าการทดลอง การลองผิดลองถูก ความบังเอิญ และโอกาสจะนำหน้าการวางแผนกลยุทธ์
ตัวอย่างการค้นพบโดยบังเอิญของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ของการใช้แป้งโรยตัว ป้องกันผิว ภายหลังจากที่ลูกค้าได้ร้องเรียนถึงการคันของผิวหนัง จากพลาสติกยา พวกเขาได้ขายแป้งเด็ก จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เริ่มแรกจะเป็นผู้ผลิตผ้าพันแผลฆ่าเชื้อโรคและพลาสเตอร์เท่านั้น พวกเขาจะไม่มีธุรกิจผลิตภัณฑ์เพี่อการบริโภคเลย เพื่อที่จะตอบสนองต่อข้อเรียกร้องจากความคันของพลาสเตอร์ปิดแผล เจ แอนด์ เจ ได้ห่อแป้งไว้กับพลาสเตอร์ ในไม่ช้าลูกค้าได้ร้องขอที่จะซื้อแป้ง และบริษัทได้แนะนำแป้งเด็กออกสู่ตลาดต้นกำเนิดของเบบี้ พาวเดอร์ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แบรนด์ เอด ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย เอิรล ดิคสัน ผู้จัดซื้อฝ้ายของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เขาได้คิดค้นผ้าพันแผลที่ใช้ได้ทันทีกับโจเซฟิน ดิคสัน ภรรยาของเขา เนื่องจากเธอมักจะถูกมีดบาดมือและน้ำร้อนลวกภายในครัวเขาต้องทำแผลเล็กน้อยให้กับภรรยาอยูบ่อยครั้ง เขาได้นำขุมทรัพย์ของผ้าพันแผลฝ้ายฆ่าเชื้อและเทปกาวของการผ่าตัดที่ผลิตโดยจอห์นสัน แอนด์์ จอห์นสัน เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์การผ่าตัดปลอดเชื้อ เขาได้วางผ้าพันแผลบนเทปกาว เพื่อที่จะทำแผลให้กับภรรยาของเขา เมื่อผู้จัดการตลาดของเจ แอนด์ เจ ได้รู้ถึงการคิดค้นนี้ พวกเขาได้นำผ้าพันแผลออกสู่ตลาดเรียกว่าแบรนด์เอด คำว่าแบรนด์ เป็นภาษาเยอรมันหมายถึงเทปแบรนด์เอด ต้นกำเนิด จะทำด้วยมือและไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย เมื่อ ค.ศ 1924 จอห์สัน แอนด์ จอห์นสัน ได้แนะนำแบรนด์เอดที่ผลิตด้วยเครื่องจักร และได้เริ่มต้นการขายแบรนด์เอดฆ่าเชื้อ เมื่อ ค.ศ 1939แบรนด์เอดได้สร้างรายได้มากที่สุดแก่บริษัท กลยุทธ์ที่มุ่งมั่นของเจ แอนด์ เจ คือ การแข่งขันภายในตลาดผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ แต่กลยุทธ์ทีปรากฏขึ้นคือ ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค ได้สร้างรายได้มากกว่า 40% ของรายได้รวม
แจ็ค เวลซ์ อดีตซีอีโอตำนานโลก ของเจ็นเนอรัล อีเล็คทริค ได้กล่าวว่า เราได้ยินถ้อยคำ “นวัตกรรม” ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อนวัตกรรมเกี่ยวพันกับข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน บุคคลส่วนใหญ่เพียงแต่มองนวัตกรรมว่าเป็นบิกแบง : การระเบิดครั้งใหญ่ ที่หายาก นวัตกรรมจะเป็นมากกว่านั้น ภายในความเป็นจริง นวัตกรรมจะเป็นลำดับของก้าวเล็กที่สะสม การนำไปสู่เรื่องใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงการแข่งขัน ภายในบริษัทหลายบริษัท เรากำลังพยายามที่จะได้
วิญญานและพลังของสตาร์ทอ้พภายในร่างกายของบริษัทอายุ 114 ปี 60 พันล้านเหรียญ เราจะต้องมีความคิดที่ดีจากผู้หญิงและผู้ชายทุกคนภายในองค์การ เราไม่สามารถยอมสไตล์การบริหารที่ยับยั้งและข่มขู่ได้แจ็ค เวลซ์ ได้สนับสนุนพฤติกรรมที่ไร้พรมแดน และการค้นหาความคิดที่ดีอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับนวัตกรรม ถ้าเราได้บริษัทที่มีความคิดภายในด้วยการค้นหาความคิดที่ดีอยู่ทุกวัน ไม่ใช่เพียงแต่คำขวัญแต่เป็นแนวคิดที่แท้จริง เราจะมีนวัตกรรมรายรอบเราตลอดเวลาแจ็ค เวลซ์ จะมีความสามารถพิเศษด้วยการสื่อสารกลยุทธ์และหลักการของจีอีอย่างชัดเจน วิถีทางที่ตรงไปตรงมา หลักการที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอย่างหนึ่งของเขาคือ องค์การที่ไร้พรมแดน หมาความว่าผู้บริหารได้ถูกคาดหวังให้มองทุกที่เพื่อความคิด ที่ไหนก็ตามที่มันได้เกิดขึ้นเพื่อถูกคิดค้น และการร่วมความคิดข้ามพรมแดนภายใน ณ จีอี จีอีจะไขว่คว้าจากทุกที่ อะไรก็ตามที่ดูแล้วจะทำได้ พวกเขาได้เลยพ้นไปจากอาการของการไม่คิดค้นที่นี่แจ็ค เวลซ์ ต้องการปฏิรูปจีอีให้กลายเป็นบริษัทที่ “ไร้พรมแดน” บริษัทที่ไร้พรมแดนเป็นถ้อยคำที่สร้างขึ้นมาโดยแจ็ค เวลซ์ เมื่อเขาได้เขียนภายในรายงานประจำปี ค.ศ 1990 ของจีอีว่า ” ความฝันของเราสำหรับ ค.ศ 1990 คือ บริษัทที่ไร้พรมแดนเพื่อที่จะอธิบายยาแก้พิษต่อปัญหาโดยทั่วไปของไซโล ณ จีอีื พฤติกรรมของผู้บริหารจะมุงที่หน้าที่ หน่วยธุรกิจ หรือประเทศของพวกเขา จีอีจะมีการวัดทางการเงินแก่หน่วยธุรกิจมาหลายปี แต่มันได้ทำให้เกิดการขาดความร่วมมือบุคคลจะไมค่อยสื่อสารข้ามเส้นแบ่งหน่วยธุรกิจ แจ็ค เวลซ์ ไม่ได้ใช้ภาษาที่คุ้นเคยของไซโลหรือพูดเกี่ยวกับทำงานด้วยกัน ถอยคำที่เขาใช้แทนจะออกเสียงได้ยากเราได้ทำลายพรมแดนที่แยกพวกเราออกจากกันภายใน และแยกพวกเราออกจากลูกค้าภายนอก ภายใต้วิสัยทัศน์ของแจ็ค เวลซ์ บริษัทที่ไร้พรมแดนจะกำจัดอุปสรรคท่ามกลางหน้าที่ธุรกิจ การรับรู้ไม่มีความแตกต่างระหว่างการดำเนินภายในประเทศและต่างประเทศ และการละเลยหรือลบชื่อกลุ่มเหมือนเช่น ผู้บริหาร เงินเดือน หรือรายชั่วโมง ที่ขวางทางบุคคลทำงานด้วยกันบริษัทที่ไร้พรมแดนหมายความว่าบุคคลภายในแผนกงานและหน่วยธุรกิจหนึ่งพูดคุยกับบุคคลภายในแผนกงานและหน่วยธุรกิจอื่นได้ เพื่อที่จะร่วมความคิด ทรัพยากร และความเข้าใจ เขาต้องการยกเลิกพรมแดนตามแนวนอนระหว่างแผนกงานและหน่วยธุรกิจ และพรมแดนตามแนวดิ่งระหว่างสายการบังคับบัญชา แม้แต่พรมแดนระหว่างบริษัทและลูกค้าด้วย การใช้โครงสร้างแบบแนวนอนหรือทีม สามารถกำจัดพรมแดนเหล่านี้ได้ แจ็ค เวลซ์ ยืนยันว่าเราไม่ต้องการระบบราชการที่อ้วนใหญ่ เราต้องการการไร้พรมแดน พรมแดนของบริษัททุกอย่างเป็นประตูที่ต้องเสียค่าผ่านทาง สิ่งที่ขัดขวางความรวดเร็ว ความรวดเร็วเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จภายในทศวรรษนี้ การระเบิดพรมแดนจะนำไปสู่การทำกำไร ส่วนแบ่งตลาด และการตอบสนองลูกค้ามากขึ้น
เมื่อแจ็ค เวลซ์ กลายเป็นซีอีโอของเจ็นเนอรัล อีเล็คทริคเมื่อ ค.ศ 1981 เขาจะเป็นซีอีโอคนที่สิบเอ็ดเท่านั้นที่บริษัทได้เคยมองเห็นมาภายใน 120 ปีของการดำรงอยู่ของบริษัท แม้ว่าจีอีจะเป็นบริษัท 13 พันล้านเหรียญต่อปี บริษัทได้เริ่มต้นแสดงสัญญานของการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น เมื่อบริษัทได้มาถึงขั้นตอนระหว่างการเจริญเติบโตเต็มที่และการตกต่ำแล้ว ภายหลัง 20 ปี ณ ตำแหน่งผู้นำ แจ็ค เวลซ์ ได้ได้ทำให้จีอีเป็นบริษัทที่บรรลุมากที่สุดบริษัทหนึ่งของโลก เขาได้เพิ่มมูลค่าตลาดของจีอีจาก 13 พันล้านเหรียญเป็นมากกว่า 300 พันล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 2001 เขาได้นำทางบริษัทที่ครั้งหนึ่งได้ต่อสู้ให้เป็นบริษัทใหญ่ที่สุดภายในโลกและทำกำไรมากที่สุด ด้วยการใช้การกำหนดเป้าหมาย การให้อำนาจ และการสื่อสาร แจ็ค เวลซ์ ได้ปฏิรูปบริษัทยักษ์ใหญ่และใจเย็นให้เป็นบริษัทข้ามชาติที่มีพลังพร้อมที่จะเผชิญกับการแข่งขันของโลกแจ็ค เวลซ์ ได้เปิดตัวการปฏิรูป ณ เจ็นเนอรัล อีเล็คทริค ด้วยการวาดวงกลมสามวงบนแผ่นกระดาษ ซีอีโอคนใหม่ของบริษัทได้แสดงแผนการรบของเขาภายใน ค.ศ 1982 เขากำลังจะปฏิรูปจีอีจากโกไลแอธที่อุ้ยอ้ายให้เป็นเดวิดที่คล่องแคล่ววงกลมสามวงจะแสดงถึงกลุ่มธุรกิจที่แจ็ค เวลซ์ เชื่อว่าจะเป็นอนาคตที่สดใสของจีอี : ธุรกิจแกน โทคโนโลยีขั้นสูง และการบริการ ครั้งหนึ่งเขาได้พาภรรยาไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ณ คอนเนตติคัท เขาไ้ด้อธิบายกลยุทธ์แก่ภรรยาของเขาด้วยการวาดวงกลมสามวงตัดกันบนผ้าเช็ดปาก วงกลมสามวงหมายถึงสิ่งที่แจ็ค เวลซ์ มองว่าเป็นอนาคตที่สดใสของจีอี เขาได้แบ่งกลุ่มธุรกิจของบริษัทเป็นสามกลุ่มคือ ธุรกิจแกน ไฮเทคโนโลยี และการบริการแจ็ค เวลซ์ ได้วางหน่่วยธุรกิจของจีอีที่เป็นหมายเลข 1 หรือ 2 ภายในตลาดของพวกเขาเท่านั้นภายในวงกลม บริษัทจะมีหน่วยธุรกิงเพียงกำมือเท่านั้นจาก 350 หน่วยที่เป็นหมายเลข 1 หรือ 2 เช่น แสงสว่าง เครื่องยนต์ไอพ่น ระบบการแพทย์ พลาสติค และมอเตอร์ เขาได้กำหนดว่าหน่วยธุรกิจที่ถูกวางภายนอกวงกลม จะมีชะตาชีวิตอยู่สามทางคือ ” ปรับปรุง ขาย หรือปิด ” เท่านั้นการคัดเลือกตามชาตินี้ดูเหมือนจะโหดร้าย การแข่งขันต่างประเทศเมื่อ ค.ศ 1970 และ ค.ศ 1980 ได้ยึดครองส่วนแบ่งตลาดของอเมริกาภายในรถยนต์และเหล็ก – พื้นที่ที่ถูกมองมายาวนานว่าเป็นสิทธิของชาวอเมริกัน ธุรกิจกำลังกลายเป็นระดับโลก การแข่งขันจะตื่นเต้น 350 ธุรกิจ 600 ศูนยกำไร และ 12 ระดับการบริหารของจีอีจะต้องถูกเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แจ็ค เวลซ์ เชื่อว่าเขาจะเป็นบุคคลที่ต้องทำ เขาได้กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้น ณ การก้าวไปที่รวดเร็วกว่ามากที่ธุรกิจกำลังจะไปให้ถึง
แจ็ค เวลซ์ เชื่อว่าการได้ชัยชนะและการทำกำไรจะเป็นความรับผิดชอบทางสังคมหมายเลขหนึ่งของบริษัท เขาเชื่อว่าบริษัทที่ได้ชัยชนะสามารถคืนกลับได้มากที่สุดแก่สังคม และบุคคลของบริษัทจะมีความสุขที่สุด ดังนั้นด้วยความลุมหลงของเขาต่อชัยชนะ เราไม่น่าประหลาดใจเลยที่หนังสือเล่มหนึ่งของแจ็ค เวลซ์ ชื่อ “Winning” แจ็ค เวลซ์ จะเป็นนักลดต้นทุนที่เหี้ยมโหด ณ ตอนเริ่มต้นของการเป็นซีอีโอของเขา แจ็ค เวลซ์ ได้ปลดบุคคลออกจากงานหลายพันคนที่ทำให้เขาได้ชื่อเล่นว่า “นิวตรอน แจ็ค” แจ็ค เวลซ์ ได้กล่าวว่า เราต้องการบุคคลที่ไขว่คว้าความคิด ร่วมความคิดและเจริญเติบโตกับความคิด และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการ เราต้องการวัฒนธรรมเพียงแต่กระหายความคิด และไม่สนใจความคิดจะมาจากที่ไหนแถบยศบนบ่าไม่ได้กำหนดคุณภาพของความคิด ความคิดจะกำหนดคุณภาพ และบุคคลที่ไขว่คว้าความคิดจะเป็นวีรบุรุษ บุคคบที่นำความคิดจากนักนวัตกรรม และนำความคิดไปสู่ระดับใหม่จะเป็นบุคคลที่เราต้องการให้อยู่รายรอบเราภายในจดหมายที่ส่งไปยังผู้ถือหุ้น แจ็ค เวลซ์ เชื่อว่าเราจะมีผู้บริหารสี่ประเภท ผู้บริหารแต่ละประเภทจะแสดงถึงค่านิยมและความผูกพันของเขา ความผูกพันจะเป็นผลการปฏิบัติงานทางการเงินหรือเป็นอย่างอื่น ผู้บริหารประเภทแรกจะมีความผูกพันและร่วมค่านิยมของบริษัท พวกเขาจะเป็นผู้ดูแล ผู้บริหารประเภทที่สองจะขาดความผูกพันและไม่ร่วมค่านิยมของบริษัท พวกเขาจะต้องออกไปผู้บริหารประเภทที่สามจะขาดความผูกพันแต่ร่วมค่านิยมของบริษัท ผู้บริหารประเภทนี้จะยุ่งยากมากขึ้น โดยทั่วไปเราจะให้โอกาสครั้งที่สองแก่พวกเขาภายในแผนกงานหรือสภาพแวดล้อมอื่นผู้บริหารประเภทที่สี่จะมีความผูกพันแต่ไม่ได้ร่วมค่านิยมขงบริษัท ผู้บริหารที่บังคับการปฏิบัติงานแก่บุคคลไม่ใช่บันดาลใจ พวกเขาจะเป็นเผด็จการ แม้ว่าการปฏิบัติงานจะดี พวกเขาจะยังคงถูกออกไปจากบริษัทตามมุมมองของแจ็ค เวลซ์ เกณฑ์ของความเป็นผู้นำอุดมคติจะเป็นไปดังต่อไปนี้การสร้าววิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เรียบง่าย บนความเป็นจริง และมุ่งลูกค้่า และสามารถสื่อสารได้ตรงไปตรงมาแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกคนความเข้าใจความรับผิดชอบและความผูกพันและความกล้าตัดสินใจ การกำหนดและการบรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน ด้วยความซื่อสัตย์ที่ยึดมั่นอยู่เสมอการมีความเชื่อมั่นตัวเองที่จะให้อำนาจแก่บุคคลอื่นและปฏิบัติด้วยวิถีทางที่ไร้พรมแดน เชื่อมั่นและผูกพันต่อเวิรค เอ้าท์ เป็นวิธีการของการให้อำนาจ การเปิดรับความคิดจากทุกที่การมีความลุ่มหลงต่อความเป็นเลิศ ชิงชังระบบราชการและการไร้สาระทุกอย่างที่มากับมัน บุคคลกลัวที่จะพูดภายในระบบราชการที่สร้างสภาพแวดล้อมทำให้เราช้าลงการมีความสามารถที่จะพัฒนา รู้สึกไวต่อโลกและสมองโลก และพอใจต่อการสร้างทีมโลกที่หลากหลายการกระตุ้นและชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ตกใจหรืออัมพาตกับการเปลี่ยนแปลง การมองการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาส ไม่ใช่เพียงแต่การคุกคามการมีพลังอย่างมากมาย และความสามารถที่จะกระตุ้นและเพิ่มพลังแก่บุคคลอื่น เข้าใจความรวดเร็วว่าเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน และมองผลประโยชน์ขององค์การที่สามารถได้มาจากการมุ่งความความรวดเร็วแจ็ค เวลซ์ ได้กล่าวว่า เมื่อทรัพยากรมนุษย์ได้ถูกใช้อย่างเหมาะสม แผนกทรัพยากรมนุษย์จะเป็นแผนกงานสำคัญที่สุดของบริษัท ถ้าแผนกทรัพยากรมนุษยไ้ด้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องและถูกใช้ด้วยวิถีทางที่ถูกต้อง ทรัพยากรมนุษย์จะเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังสิ่งที่สร้างทีมที่ชนะขอวเรา
การเปลี่ยนแปลงจะดี อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง แจ็ค เวลซ์ ได้ยืนยันว่าผู้บริหารของเขาตั้งแต่ระดับอาวุโสถึงระดับล่างจะต้องยึดการเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ – สภาวะทางตลาด สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ นิสัยการใช้จ่ายของลูกค้า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ใหม่และแม้แต่คู่แข่งขันของเรา ซีอีโอและผู้บริหารทุกระดับต้องเปิดรับที่จะปฎิรูปตัวพวกเขาเองและทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำ นี่จะเป็นวิถีทางเดียวนั้นที่จะตามให้ทันกับปัจจัยทุกอย่างที่กระทบต่อธุรกิจ การนำบริษัืท อย่าบริหารเกินไป ณ เวลาหนึ่ง ผู้บริหารอาวุโสจะทำหน้าที่อย่างจำกัดเท่านั้น พวกเขาจะคอยดู ควบคุม และออกคำสั่งแก่บุคคลของพวกเขา การแยกออกมาจากบุคคลของพวกเขา ผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ไม่สามารถบันดาลใจหรือยอมให้บุคคลริเริ่มการกระทำที่ไม่ได้สั่งการลงมา แจ็ค เวลซ์ จะเกลียดชังวิถีทางเหล่านี้ เขามักจะกล่าวว่าเขาต้องการให้ผู้บริหารระดับสูงของเขานำไม่ใช่บริหาร ผู้บริหารควบคุม พวกเขาจะไม่สนับสนุน ผู้บริหารทำให้งานซับซ้อนแทนที่จะเรียบง่าย ผู้บริหารวางเท้าบนเบรคของพวกเขาการว่าจ้างและการพัฒนาผู้บริหารที่สามารถกระตุ้นและตื่นเต้น ตามมุมมองของแจ็ค เวลซ์ ผู้บริหารอุดมคติจะเป็นบุคคลที่ร่วมวิสัยทัศน์ พวกเขาจะมีพลังไม่สิ้นสุด และความสามารถที่จะแผ่ความกระตือรือร้นและจุดเปลวไฟภายในบุคคลอื่นได้ ผู้บริหารที่ดีที่สุดจะมีพรสวรรค์ของการสร้าง การพัฒนา และการปรับปรุงวิสัยทัศน์ และนำไปกระทำด้วยวิถีทางที่ปฏิบัติได้ เพื่อที่จะบันดาลใจความกระตือรือร้นและความตื่นเต้นแก่บุคคล ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหนของบริษัท พวกเขาจะต้องมอบหมายความรับผิดชอบมากขึ้นแก่บุคคล การให้ความเป็นอิสระและการกระตุ้นให้กระทำตามคิดริเริ่มของพวกเขาเองการยอมรับข้อเท็จจริง และใช้ประโยชน์มันเพื่อข้อได้เปรียบหรือกำจัดผลกระทบทางลบของมัน ซีอีโอและผู้บริหารทุกคนที่ละเลยข้อเท็จจริงของธุรกิจ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และสภาวะทางเศรษษฐกิจโดยทั่วไป จะเสี่ยงภัยต่อความล้มเหลว ตามมุมมองของแจ็ค เวลซ์
Cr : รศ สมยศ นาวีการ