พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล : สบู่ไอวอรี่ลอยน้ำได้
พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล : สบู่ไอวอรี่ลอยน้ำได้
ทำไมนวัตกรรมการบริหารเป็นสิ่งสำคัญ เจ็นเนอรัล อีเล็คทริค ดูปองท์ พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล วีซ่า และลินุกซ์ อะไรทำให้พวกเขาโดดเด่น ผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่หรือ ใช่ บุคคลที่ยิ่งใหญหรือ ใช ผู้นำที่ยิ่งใหญ่หรือ ใช่ แต่ถ้าเราเจาะลึกลงไป เราจะพบอีกอย่างหนึ่ง เหตุผลรากฐานมากขึ้นต่อความสำเร็จของพวกเขา : นวัตกรรมการบริหาร
เมื่อต้น ค.ศ 1900 เจ็นเนอรัล อีเล็ตทริค ได้ทำให้การคิดค้นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโทมัส เอดิสัน สมบูรณ์ ห้องทดลองการวิจัยทางอุตสาหกรรม จีอีได้นำระเบียวินัยทางการบริหารมาใช้กับกระบวนการที่ยุ่งเหยิงของการคิดค้นทางวิทยาศาสตร์ และตลอด 50 ปีต่อมา ได้ชนะสิทธิบัตรมากกว่าทุกบริษัทภายในอเมริกา พลังทางการแข่งขันปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่สามารถย้อนรอยไปยังความสำเร็จที่ผิดธรรมดานั้น
ดูปองท์จะมีบทบาทการบุกเบิกภายในการพัฒนาเทคนิคการทำงบประมาณเงินทุน การริเริ่มการใช้การคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนเมื่อ ค.ศ 1903 ไม่กีปีต่อมาบริษัทได้พัฒนาวิถีทางมาตรฐานของการเปรียบเทียบการปฏิบัติงานของแผนกผลิตภัณฑ์มากมายของพวกเขา นวัตกรรมเหล่านี้ได้ช่วยให้ดูปองท์กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางอุตสาหกรรมของอเมริกา
พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล จะมีความดีเด่นภายในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์บริโภคที่มีรากเหง้าจากต้น ค.ศ 1930 เมื่อบริษัทได้เริ่มต้นทำให้วิถีทางการบริหารตราสินค้าเป็นระเบียบแบแผน ภายในทศรรษตั้งแต่นั้นมา พี แอนด์ จีได้สร้างบนความสำเร็จเริ่มแรกภายในการสร้างคุณค่าจากทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตน
กลุ่มผลิตภัณฑ์ของพี แอนด์ จี จะมี 16 ตราสินค้าที่ได้สร้างมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญภายในยอดขายของทุกปี
แกรี่ ฮาเมล ได้กล่าวว่านวัตกรรมการบริหารจะเป็นการปฎิบัติทางการบริหารใหม่ กระบวนการ และโครงสร้างที่แยกออกไปอย่างสำคัญจากบรรทัดฐานในขณะนี้ นวัตกรรมการบริหารได้ปฏิรูปอย่างน่าทึ่งตลอดเวลาวิถีทางที่หน้าที่หลายอย่างได้ปฏิบัติอยู่ภายในองค์การ การปฏิบัติ กระบวนการ และโครงสร้างหลายอย่าง ที่เราได้มองเห็นภายในองค์การสมัยใหม่ได้ถูกพัฒนาระหว่าง 150 ปีที่ผ่านมาด้วยความพยายามที่สร้างสรรค์ของนักนวัตกรรมการบริหาร นักนวัตกรรมการบริหารเหล่านี้จะมีชื่อที่รู้จักกันดีเหมือนเช่น อัลเฟรด สโลน และเฟรดเดอริค เทเลอร์
จงพิจารณาความสามารถของเราที่จะบริหารความสม่ำเสมอของกระบวนการผลิตได้วิวัฒนาการอย่างไร ตั้งแต่การแนะนำของการเคลื่อนไปตามสายพานประกอบของฟอร์ด มอเตอร์ เมื่อ ค.ศ 1913 และการคิดค้นของการควบคุมคุณภาพทางสถิติของเวสเทิรน อีเล็คทริคเมื่อ ค.ศ 1924 ผ่านไปถึงการปฏิรูปคุณภาพได้เริ่มต้นโดยโตโยต้า มอเตอร์และบริษัทญี่ปุ่นอื่นเมื่อ ค.ศ 1945 และไปสู่นวัตกรรมไม่นานนี้เหมือนเช่นมาตรฐานคุณภาพไอเอสโอ และวิธีการซิกซ์ ซิกม่าของโมโตโรล่าที่ทั้งสองได้ถูกแนะนำเมื่อ ค.ศ 1987
ทำนองเดียวกันความสามรถที่จะรักษาการควบคุมทางการเงินได้เปลี่ยนแปลงอย่างมากด้วยนวัตกรรมเหมือนเช่นการวิเคราะห์การคิดลดกระแสเงินสด การทำงบประมาณเงินทุน และการคิดต้นทุนบนพื้นฐานกิจกรรม แม้แต่ก้อนหินรากฐานขององค์การสมัยใหม่ ณ เวลาหนึ่งได้ถูกสร้างโดยบุคคลที่สร้างสรรค์ : การบันทึกบัญชีคู่ เมื่อ ค.ศ 1949
มุงมองทางประวัติศาสตร์จะมีประโยชน์ เพราะว่ามันได้เตือนใจเราเกี่ยวกับ
ไม่มีอะไรเกี่ยวกับวิถีทางของการทำงานในขณะนี้ของเราทำลายไม่ได้ หลายอย่างล้มเหลว และบางอย่างทำได้ และไม่กี่อย่างสร้างประวัติศาสตร์ ตลอดเวลานวัตกรรมที่มีคุณค่ามากที่สุดได้ถูกลอกเลียนแบบโดยองค์การอื่น และได้ถูกแพร่ไปทั่วอุตสาหกรรมและประเทศ นวัตกรรมการบริหารบางอย่างรวมทั้งระบบการผลิตแบบลีนของโตโยต้า มอเตอร์ และโมเดการบริหารตราสินค้าของพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ได้สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืนแก่บริษัทที่บุกเบิก
ทางซ้ายของแผนผังจะระบุบางสิ่งบางอย่างที่เราหลายคนจะรู้สึกโดยสัญชาติญาน การก้าวไปของการเปลี่ยนแปลงภายในโลกจะรวดเร็วมาก ดังที่แกรี่ ฮาเมลได้กล่าวว่า ปีต่อปี
ความไม่แน่นอนภายในรายได้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นทวีคูณ 40 ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะแสดงสิ่งที่เราทุกคนได้มีประสบการณ์ อะไรที่บริษัทได้ทำภายในอดีตในขณะนี้จะคาดคะเนอนาคตได้น้อย บิสซิเนส วีค 2004 ได้มีบทความที่แสดงการเพิ่มความเร็วของการเปลี่ยนแปลงด้วยจุดสำคัญเหล่านี้
* จำนวนซีอีโอ 300 คนของวารสารฟอร์จูนด้วยการดำรงตำแหน่งหกปีได้ลดลงจาก 57% เมื่อ ค.ศ 1980 เป็น 38% เมื่อ ค.ศ 2001
* ตั้งแต่ ค.ศ 1972 ถึง ค.ศ 1987 รัฐบาลอเมริกันได้ลบทิ้ง 50 อุตสาหกรรมจากการแยกประเภทอุตสาหกรรมมาตรฐาน จาก ค.ศ 1987 ถึง ค.ศ 1997 พวกเขาได้ลบทิ้ง 500 ในขณะเดียวกันรัฐบาลได้เพิ่มหรือระบุใหม่ 200 อุตสาหกรรมจาก ค.ศ 1972 ถึง ค.ศ 1987 และเกือบ 1,000 จาก ค.ศ 1987 ถึง ค.ศ 1997
* เมื่อ ค.ศ 1978 ประมาณ 10,000 บริษัท ได้ล้มเหลวต่อปี และจำนวนนี้ได้คงที่ตั้งแต่ ค.ศ 1950 เมื่อ ค.ศ 1986 60,000 บริษัทได้ล้มเหลวต่อปี และเมื่อ ค.ศ 1998 ตัวเลขได้เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 73,000
แผนผังทางขวาจะแสดงนวัตกรรมที่สำคัญภายในการบริหารบริษัทตลอด 150 ปีที่ผ่านมา ระบบการบริหารในขณะนี้จะสะท้อนปรัชญาที่ได้ถูกพัฒนาภายในยุคเริ่มต้นของเสถียรภาพมากขึ้น
เฟรดเดอร์ริค เทเล่อร์ ผู้บุกเบิกการบริหารแบบวิทยาศาสตร์ ได้สนับสนุนการการทำให้เป็นมาตรฐานของวิธีการ การบังคับใช้วิธีการที่ดีที่สุดและสภาวะการทำงาน และการบังคับความร่วมมือเท่านั้นสามารถทำให้งานมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น และหน้าที่ของการบังคับการใช้มาตรฐานและการบังคับความร่วมมือจะอยู่กับการบริหารอย่างเดียว
อัลเฟรด สโลน ซีอีโอของเจ็นเนอรัล มอเตอร์ ได้ปฏิรูปการบริหารบริษัทด้วยตัวเลข เขาได้ควบคุมการใช้เครื่องมือทางการเงินและสถิติ เพื่อที่จะบริหารการทำกำไรภายในอาณาจักรของจีเอ็ม
ดักกลาส แมคเกรเกอร์ นักวิชาการของเอ็มไอที ไดัพัฒนาทฤษฎี X และทฤษฎี Y การบริหารตามทฤษฎี X เชื่อว่าบุคคลจะเกียจคร้านโดยธรรมชาติ และจะหลีกเลี่ยงงานถ้าพวกเขาสามารถทำได้ การบริหารตามทฤษฎี Y เชื่อว่าบุคคลจะทะเยอทะยาน และจูงใจและควบคุมตัวเอง
เอ็ดเวิรด เด็มมิ่ง จะเป็นนักวิชาการและนักสถิติที่ได้ถูกยกย่องจากการปฏิรูปการผลิตของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้สอนว่าด้วยการใช้หลักการบริหารที่เหมาะสม องค์การสามารถเพิ่มคุณภาพและลดต้นทุนพร้อมกันได้ – ลดความสูญเสีย การแก้ไขงาน จุดสำคัญคือ การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและการคิดการผลิตเป็นระบบหนึ่ง
จุดสำคัญของแกรี่ ฮาเมลคือ ธุรกิจและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของเราได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความไม่แน่อนสูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก การแสดงถึงความต้องการเพื่อการปรับปรุงปรัชญาการบริหารให้เป็นปัจจุบัน
บางครั้งบริษัทสามารถสร้างข้อได้เปรียบทางการบริหารที่ใหญ่มากเพียงแต่ด้วยความมุ่งมั่น ไม่มีบริษัทไหนภายในโลกจะพัฒนาผู้บริหารที่ยิ่งใหญ่ได้ดีกว่าเจ็นเนอรัล อีเล็คทริค แม้ว่าหลายธุรกิจได้ลอกเลียนแบบการพัฒนาความเป็นผู้นำของบริษัท เหมือนเช่่นศูนย์การฝึกอบรมขของจีอีภายในครอทันวิลล์ นิวยอร์ค หรือกระบวนการป้อนกลับ 360 องศา ข้อได้เปรียบความเป็นผู้นำของจีอีไม่ได้เป็นผลผลิตของการพัฒนาอย่างเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของความผูกพันที่ยาวนานและไม่ท้อถอย เพื่อการปรับปรุงคุณภาพคลังผู้บริหารของบริษัท ความผูกพันที่จะคลอดวิถีทางการบริหารใหม่อยู่เสมอ
ณ แกน ขององค์การที่บรรลุความสำเร็จคือวิถีทางที่มันได้ระบุและพัฒนาผู้นำ และ ณ เจ็นเนอรัล อีเล็คทริค การพัฒนาความเป็นผู้นำจะเป็นจุดแข็งที่สำคัญ ปรัชญาความผู้นำของจีอี “เราทุกคนสูงขึ้น” ได้ระบุว่าบุคคลทุกคนภายในบริษัทคือผู้นำ ไม่มองถึงชื่อตำแหน่ง บุคคลทุกคนได้ถูกคาดหวังที่จะนำ และช่วยทีมของพวกเขาปรับปรุง เมื่อธุรกิจได้กลายเป็นทั่วโลกและดิจิตอลมากขึ้น การพัฒนาความเป็นผู้นำของจีอีจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร
– ทุกว้นบุคคลและลูกค้าของจีอีหลายพันคนทั่วโลกจะมีส่วนภายในการพัฒนาความเป็นผู้นำทางประสบการณ์ และโอกาสการเรียนรู้นำเสนอ ณ วิทยาเขตของเรา ณ ศูนย์การเรียนรู้ของจีอีและที่ตั้งท้องที่ของจีอี
ครอตันวิลล์จะเป็นมากกว่าสถานที่ มันจะเป็นจุดศูนย์กลางของวัฒนธรรมจีอีและอุดมการณ์ที่เชื่อมโยงมรดกและวิสัยทัศน์กับการปฏิบัติงาน
เราได้ปลดปล่อยจินตนาการและการเชื่อมโยงที่ลึกลงไป การสนับสนุนการค้นพบส่วนบุคคลที่จะเชื่อมโยง “เราคือใคร” “เราจะนำอย่างไร” ครอตัน
วิลล์จะระบุความเป็นผู้นำสมัยใหม่
เมื่อเจ็นเนอรัล อีเล็คทริค ได้สร้างวิทยาเขตครอตันวิลล์ของพวกเขาเมื่อ ค.ศ 1956 จีอีต้องการจะสร้างตัวเองเป็น “บริษัทบริหารดีที่สุด” ภายในโลก หลักสูตรของผู้บริหารที่ก้าวหน้าจะเป็น 12 สัปดาห์ การฝึกสอนนายหัวโบราณจะนำอย่างไรเพื่อความมุ่งหมายเหมือนเช่นการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต หกศตวรรษต่อมา ครอตันวิลล์ได้มีการยกเครื่องทางปรัชญาอย่างสมบูรณ์ ภารกิจสมัยใหม่ของพวกเขาคือการบันดาลใจ การเชื่อมโยง และการพัฒนาผู้นำของวันนี้และอนาคต และไม่ใช่เพียงแต่ภายใน
เมื่อ ค.ศ 1950 ราล์ฟ คอร์ดิเนอร์ ซีอีโอ ได้ตััดสินใจข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดต่อการเจริญเติบโตของบริษัทของเขาคือบีญชีรายชื่อผู้บริหารของพวกเขา จีอีได้ขยายตัวอย่่งรวดเร็วมาก การเพิ่มอาคารและโรงงานใหม่ภายในหลายที่ตั้ง
และการจัดหาผู้บริหารทั่วไปจะเจริญเติบโตน้อย ราล์ฟ คอร์ดิเนอร์ ต้องการจะเลี้ยงดูบุคคลที่เขาไว้วางใจบริหารด่านหน้าที่ห่างไกลเหล่านี้ – บุคคลที่ได้ถูกปลูกฝังวัฒนธรรมของบริษัทอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นเมื่อ ค.ศ 1956 จีอี ได้ซื้อที่ดินทางทิศเหนือของนิวยอร์ค และสร้างศูนย์การฝึกอบรมการบริหารครอตันวิลล์ ครอตันวิลล์ จะเป็นวิทยาเขตพื้นที่ 59 เอเคอร์ จีอีอ้างว่ามันจะเป็นมหาวิทยาลัยบริษัทเก่าแก่ที่สุดภายในประเทศ
เจ็นเนอรัล อีเล็คทริค ได้สร้างแนวคิดและการปฏิบัติทางการบริหารอย่างต่อเนื่องที่บริษัทอื่นได้ดำเนินตาม จนบริษัทได้ถูกยกย่องว่าเป็นฮาร์วาร์ดของบริษัท บุคคลทุกคนภายในธุรกิจได้รับรู้สิ่งเหล่านี้ ประวัติของจีอีของการนำหน้าการแข่งขันจะไม่ธรรมดา ภายใต้ความผู้นำของชาร์ล คอฟฟิน จาก ค.ศ 1892 ถึง 1912 จีอีได้กำหนดหลักการของการออกแบบองค์การที่ได้นำทางบริษัทใหญ่ เหนือสิ่งอื่นใด ความคิดที่เป็นผลผลิตสำคัญที่สุดของบริษัทไม่ใช่หลอดไฟฟ้าหรือหม้อแปลงไฟฟ้าแต่จะเป็นบุคคลที่มีความสามารถทางการบริหาร เมื่อ ค.ศ 1990 บริษัทได้เริ่มต้นห้องทดลองอาร์ แอน ดี ของบริษัทครั้งแรก และเมื่อ ค.ศ 1930 บริษัทได้มุ่งที่แรงงานสัมพันธ์ การใช้แผนเงินบำนาญ และโบนัสการแบ่งกำไร
เพื่อที่จะนำบุคคลออกมาจากสหภาพ เมื่อ ค.ศ 1950 เจ็นเนอรัล อีเล็คทริค ได้สร้าง “หนังสือปกสีน้ำเงิน” ที่มีชื่อเสียง – ห้าเล่มของแนวทางรายละเอียดมากเป็นพิเศษเพื่อผู้บริหารจีอี – ที่ได้กำหนดการบริหารภายในทุกที่ เมื่อ ค.ศ 1960 จีอีได้้ก้าวไปสู่การวางแผนกลยุทธ์ เมื่อ ค.ศ 1980 และ 1990 บริษัทได้ใช้แนวคิดการพัฒนาความเป็นผู้นำ เวิรค เอ้าท์ และซิกซ์ ซิกม่า และได้สร้างมันเป็นวัตถุวัฒนธรรมการบริหารของโลก องค์การส่วนใหญ่จะไม่เคยสร้างความเป็นผู้นำทางปัญญาใดเลย การรักษาบริษัทเพื่อ 100 ปีภายในความสำเร็จที่ไม่เหมือนใคร แต่ความคิดเหล่านี้หลายอย่างได้ตายไปแล้ว เช่น การดูหมิ่นการวางแผนกลยุทธ์ในขณะนี้หรือไม่ หรือหนังสือปกสีน้ำเงินและสังคมการรวมอำนาจเบื้องหลังมันนานมาแล้วได้ถูกยกเลิกไปแล้วหรือไม่ ใช่ และจีอีได้นำหน้าการดูหมิ่นและการยกเลิก มันจะเป็นคุณลักษณะอย่างหนึ่งของจีอีที่นักธุรกิจได้ชื่นชม ความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ละอาย เจฟฟ์ อิมเมลท์ ซีอีโอ ได้กล่าวว่า บุคคลส่วนใหญ่ภายในจีอีเรียนรู้จากอดีต พวกเขามีความสามารถที่จะอยู่ภายในเวลาหนึ่ง และไม่รับภาระอดีต
เรายากที่จะพบองค์การอื่นที่ได้ทำลายการสร้างของพวกเขาเองอย่างกระตือรือร้น คอฟฟิน ได้สร้างองค์การบนพื้นฐานของหน้าที่ ราล์ฟ คอร์ดิเนอร์ – ซีอีโอ ค.ศ 1950 -1963 ได้ทำลายมันเป็นชิ้น เขาได้นำจีอีไปสู่คอมพิวเตอร์ และจากนั้น เฟรด บอร์ช – ซีอีโอ ค.ศ1963 -1972 ได้ทิ้งไป รีจินัลด์ โจนส์ – ซีอีโอ ค.ศ 1972 – 1981 ได้สร้างลำดับชั้นของผู้บริหารอาวุโส และซื้อเหมืองถ่านหิน แจ็ค เวลซ์ – ค.ศ 1981 – 2001 ได้ยกเลิกลำดับชั้นและขายเหมืองถ่านหิน แจ็ค เวลซ์ ได้สร้างธุรกิจการประกันภัย เจฟฟ์ อิมเมลท์ ได้กำจัดมันออกไป เจฟฟ์ อิมเมลท์ ได้ประทับตราของเขาเองบนบริษัทด้วยการมุ่งเน้นใหม่ ห้องทดลองการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และหน้าที่การตลาดที่อยู่เฉยมายาวนาน
ผลลัพธ์ของการไร้รอยต่อของจีอี การคิดค้นใหม่ตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่บริษัทอื่นได้ลอกเลียนแบบจีอีอยู่เสมอ พวกเขาจะล้าหลังก้าวหนึ่งหรือมากกว่า และพวกเขาจะรู้สิ่งเหล่านี้ดี นี่คือเหตุผลที่ทำไมพวกเขาได้ชื่นชมจีอี
จีอี ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นอย่างหนึ่ง การพัฒนาบุคคล และการประเมินพวกเขา และการกระทำตามผลลัพธ์ บริษัทได้ทำให้ร้อนอย่างมากด้วยการกำจัด 10% ล่างของบุคคลทุกปี แต่นั่นคือจุดจบของกระบวนการประเมินอย่างสม่ำเสมอ บุคคลที่ให้ออกไปจะไม่ประหลาดใจเมื่อขวานได้ฟันลงมา และผลลัพธ์คือองค์การที่มีการปฏิบัติงานสูงผิดธรรมดา ความสามารถที่จะเรียกร้องการปฏิบัติงานที่สูงโดยไม่ใจร้ายจะเป็นส่วนหนึ่งของจีอีมายาวนาน เจฟฟ์ อิมเมลท์ กล่าว
เราจะมีไม่กี่บทความที่กล่าวเกี่ยวกับหนังสือปกสีน้ำเงินของจีอี – หลักสูตรการบริหารได้ถูกรวมกันเมื่อ ค.ศ 1950 โดยไม่มีใครอีกแล้วนอกจากบิดาของกูรูทางการบริหาร ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ ในนามของราล์ฟ คอร์ดิเนอร์ ซีอีโอของจีอี สมุดปกสีน้ำเงิน ได้ปรากฏเมื่อพูดเกี่ยวกับแจ็ค เวลซ์ ทำงานอยู ณ จีอี ได้มุ่งทำลายวัฒนธรรมหนังสือปกสีน้ำเงิน และระบบราชการหัวโบราณเกี่ยวเนื่องกับมัน
แม้ว่าแจ็ค เวลซ์ ได้ทำหลายสิ่งที่แตกต่างกันที่จะทำการปฏิรูปความเป็นจริง สิ่งหนึ่งที่เล่ากันมากที่สุดคือ การยึดครองศูนย์การฝึกอบรมของจีอี นิวยอร์ค
เมื่อเขาได้รับรู้ว่าการออกแบบวัฒนธรรมใหม่จะอย่างหนึ่ง แต่การพูดกับบุคคลและทำให้พวกเขายึดติดจะเป็นอีกอย่างหนึ่งพร้อมกัน ภายใต้การกำกับการหมุนเวียนของห้องเรียนแก่บุคคล และด้วยส่วนบุคคลมาเยี่ยมเยียนศูนย์ฝึกอบรมทุกสองสัปดาห์ที่จะพบกับนักศึกษา แจ็ค เวลซ์ สามารถไม่เพียงแต่จะพิจารณาข้อมูลอะไรที่ควรจะสื่อสารแก่บุคคลของจีอีื แต่มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะได้รับข้อมูลที่ดังและชัดเจนด้วย ถ้าบุคคลเกิดความสับสนแล้ว พวกเขาจะมีโอกาสถามเขาเพื่อความชัดเจนได้
ภายในการแสดงท่าทางที่เป็นสัญลักษณ์และตัวตนทันที แจ็ค เวลซ์ ได้สั่งการพิธีการผาหนังสือปกสีสำน้ำเงินโบราณของจีอี หนังสือปกสีน้ำเงินจะเป็นคู่มือการฝึกอบรมผู้บริหารที่ได้กำหนดผู้บริหารจีอีจะทำงานอย่างไรภายในองค์การ ทั้งที่ข้อเท็จจริงการใช้หนังสือปกสีน้ำเงินเหล่านี้เพื่อการฝึกอบรมได้ถูกเก็บไว้ใช้ 15 ปีมาแล้ว มันยังคงมีอิทธิพลอย่างมากต่อการกระทำของผู้บริหารจีอี แจ็ค เวลซ์ ต้องการให้ผู้บริหารเขียนคำตอบของพวกเขาเองต่อความท้าทายของการทำงานประจำวัน เขาได้กวาดทิ้งคำสั่งเก่าด้วยการเอาหนังสือปกสีน้ำเงินออกไปจากวัฒนธรรมองค์การอย่างเด็ดขาด ผู้บริหารจีอีได้ถูกสอนที่จะค้นหาคำตอบของพวกเขาเอง ไม่ใช่ดูมันภายในหนังสือเก่าที่ฝุนจับ
เมื่อต้น ค.ศ 1981 แจ็ค เวลซ์ ยังไม่ถูกรู้จักว่าเป็น “นิวตรอน แจ็ค” หรือ “ซีอีโอที่ถูกชื่นชอบมากที่สุดภายในโลก” ณ อายุ 45 ปี ภายหลังจากการขึ้นไปตามบันไดของบริษัท เขาเพียงแต่เริ่มต้นเป็นซีอีโอที่หนุ่มที่สุดของเจ็นเนอรัล อีเล็คทริค เขาได้้โดดเด่นขึ้นมาทันที ภายในการตัดสินใจปลดบุคคลหลายพันคนและปรับปรุงโครงสร้างบริษัทภายในสไตล์ของการเผชิญหน้า แจ็ค เวลซ์ ได้ทำการปฏิรูปจีอี
แต่กระนั้นแจ็ค เวลซ์ ได้ทำการตัดสินใจอย่างหนึ่งที่เห็นกันน้อย ณ ยุคที่เขามีอิทธิพลต่อแผ่นดิน 20 ปีของเขา เขาได้ตัดสินใจที่จะสร้างโรงเรียนธุรกิจระดับโลกแก่ผู้บริหารของจีอี เราจะรู้จักกันดีที่สุดว่าเป็นครอตันวิลล์ เนื่องจากที่ตั้งของมันอยู่ภายในหมู่บ้านเล็กชื่อเดียวกัน นิวยอร์ค โรงเรียนธุรกิจในขณะนี้จะเป็นส่วนที่สำคัญของมรดกของแจ็ค เวลซ์
โรงเรียนธุรกิจของเขาไม่ได้เริ่มต้นตามวิถีทางนั้น ครอตันวิลล์ ได้ถูกก่อตั้งโดยซีอีโอก่่อนหน้านี้ ราล์ฟ คอรดิเนอร์ เมื่อ ค.ศ 1956 ภายในออสซินิ่ง นิวยอร์ค ดังที่แจ็ค เวลซ์ ได้อธิบายภายในความทรงจำของเขา Jack : Straight from the Gut ผู้บริหารจีอีหลายพันคนได้ถูกสอนที่จะทำการควบคุมการดำเนินงานของพวกเขาเองด้วยความรับผิดชอบกำไรและขาดทุน มันใช้การได้ดีมายาวนาน ผู้บรรยาย ณ ครอตันวิลล์ ได้สอนหลักสูตรบนพื้นฐานของสมุดปกสีน้ำเงิน พันกว่าหน้าของสิ่งต้องทำและไม่ต้องทำ หลักการ : การวางแผน การจัดองค์การ การประสานงาน และการวัดผล ได้ถูกระบุไว้ภายในหนังสือปกสีน้ำเงินคล้ายกับบทบัญญัติ
ตลอดสองทศวรรษของเขาจากการเป็นผู้ถือหางเสือจน แจ็ค เวลซ์ได้คิดถึงตัวเขาเองว่าเป็นครูคนหนึ่ง การกระทำเริ่มแรกอย่างหนึ่งของเขาคือการสร้างใหม่ครอตันวิลล์ ศูนย์การฝึกอบรมทางการบริหาร ณ ครอตัน ออน ฮัดสัน นิวยอร์ค ให้เป็นเวสท์ พอยต์ ของการปฏิรูปกลยุทธ์และการบริหาร แจ็ค เวลซ์ ได้กลายเป็นอุปกรณ์ติดตั้งอย่างหนึ่ง ณ ครอตันวิลล์ การเกี่ยวพันกันกับผู้บริหารของเจ็นเนอรัล อีเล็คทริค หลายร้อยคนทุกปี
แม้ว่าพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ได้ครอบงำชีวิตของเราในขณะนี้ พวกเขา ได้ใช้เวลาที่ยาวนานที่จะกลายเป็นตราสินค้าที่น่าประหลาดใจปัจจุบันนี้ เส้นทางไปสู่ความสำเร็จจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมอย่างมาก ร้านสบู่และเทียนไขขนาดเล็กได้ปฏิรูปตัวมันเองเป็นยักษ์ใหญ่ของโลกได้อย่างไร
เรารู้หรือไม่พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ได้คิดค้นการบริหารตราสินค้าขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนานหลายปี พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ได้บุกเบิกกลยุทธ์ทางธุรกิจของการบริหารตราสินค้า การบริหารตราสินค้าจะมุ่งความสนใจที่ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่หน้าที่ทางธุรกิจ ด้วยการสร้างความแตกต่างทางคุณภาพของแต่ละตราสินค้าของพี แอนด์ จีจากตราสินค้าอื่น
แต่ละตราสินค้าได้หลีกเลี่ยงการแข่งขันระหว่างกัน โดยการมุ่งเป้าหมายตลาดของลูกค้าที่แตกต่างกันด้วยประโยชน์ที่แตกต่างกัน นานหลายปีพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ที่ได้ใช้แนวคิดของการบริหารตราสินค้า ได้กลายเป็นบรรลุความสำเร็จอย่างมาก
ผลิตภัณฑ์เริ่มแรกสองอย่างของพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล จะเป็นสบู่ไอวอรีและน้ำมันคริสโก ที่จริงแล้ว
เราสามารถกล่าวได้ว่าสบู่ไอวอรี่จะเป็นทางลาดชันลื่นที่การบริหารตราสินค้า
ได้เริ่มต้น การบริหารตราสินค้าจะเป็นความคิดของนิล แมคเอิลรอย บุคคลของพี แอนด์ จี ที่ทำการรณรงสบูคาเมย์ เขาจบจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดเมื่อ ค.ศ 1925 และได้มาอยู่กับพี แอนด์ จี สบูคาเมย์ได้กลายเป็นจุดมุ่งของเขา ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของพี แอนด์ จี สบูไอวอรี กำลังตอสู้กับสบู่ที่แข่งขันจากพลามโอลีฟ และลีเวอร บราเธอร์ นีล แมคเอิลรอย ได้พบว่าการรณรงค์คาเมย์ของเขากำลังแข่งขันโดยตรงกับไอวอรีภายในตลาด
นีล แมคเอิลรอย ได้เขียนบันทึกอธิบายความคิดของเขาเกี่ยวกับตราสินค้าของพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล สามารถถูกสร้างได้มีประสิทธภาพมากขึ้นอย่างไร เขาได้ยืนยันระบบที่ควรจะมุ่งทรัพยากรมากขึ้นและให้ความสนใจคาเมย์และผลิตภัณฑอื่นของพี แอนด์ จี ด้วย จุดสำคัญของแผนของเขาคือบุคคลหนึ่งควรจะรับผิดชอบตราสินค้าแต่ละอย่่าง เขาได้เสนอแนะทีมที่ควรจะมีผู้บริหารตราสินค้า ผู้ช่วยตราสินค้า บุคคลที่ติดตามตราสินค้า เป็นต้น ทีมควรจะยุ่งเกี่ยวกับภายในทุกด้านของของการส่งเสริมการขายของแต่ละตราสินค้า และทีมควรจะมุ่งที่ตรสินค้าของพวกเขาเท่านั้น ในที่สุดความคิดของภายในบันทึกได้ถูกยอมรับโดยซีอีโอ ริชาร์ด ดูพรี ภายใต้การใช้ความคิดของนีล แมคเอิลรอย เป็นแพลทฟอร์ม และความร้อนแรงของความสำเร็จของสบู่ไอวอรีและคริสโก พี แอนด์ จี ได้พัฒนาวิถีทางใหม่ของการบริหารตราสินค้า เทคนิคธุรกิจใหม่จะมุ่งที่ผลิตภัณฑ์และไม่ใช่หน้าที่ธุรกิจ
ิโครงสร้างที่สร้างโดยวิถีทางการมุ่งตราสินค้าจะทำให้เกิดการตัดสินใจที่กระจายอำนาจ จนเกือบถึงระดับที่ตราสินค้าได้ถูกบริหารเป็นธุรกิจที่แยกจากกัน การตลาดแบบแยกออกจากกันนี้ได้สร้างบุคลิกภาพของตราสินค้าแตกต่างจากตราสินค้าอื่นภายในกลุ่มตราสินค้าของบริษัท ปัจจุบันนี้กระบวนการนี้จะถูกอ้างเป็นการแบ่งส่วนตลาด การมุ่งกลุ่มลูกค้าที่มองเห็นแตกต่างกันได้ ตามมุมมองของพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล นี่หมายความว่าสบู่ไอวอรี่และสบู่คาเมย์ ไม่ควรจะแข่งขันกันมากภายในตลาด เพราะว่าแต่ละตราสินค้าจะมุ่งเป้าหมายตลาดที่แตกต่างกัน ลูกค้าจะมองสบู่ไอวอรีและสบู่คาเมย์แตกต่างกัน การชอบสบู่อะไรจะอยู่บนพื้นฐานคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์หรือการเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตที่ต้องการของพวกเขา การสร้างแตกต่างของผลิตภัณฑ์ ได้กลายเป็นวิถีทางที่สำคัญต่อความสำเร็จของการตลาด โดยทั่วไปม้นจะต้องใช้การวิจัยตลาดค้นหาเพียงแต่คุณลักษณะอะไรที่ดึงดูดตลาดไหน แผนของนีล แมคเอิลรอย เพื่อการบริหารตราสินค้าได้ถูกลอกเลียนแบบอย่างกว้างขวาง และเราสามารถพบได้ภายในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์บริโภคปัจจุบันนี้ นีล แมค เอิลรอยได้เป็นซีอีโอสืบเมื่อริชาร์ด ดูพรี ได้ปลดเกษียณ์เมื่อ ค.ศ 1948 และต่อมาเขาได้กลายเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของประธานาธิบดี ดไวต์ ไอเซนฮาวด์
รากฐานวัฒนธรรมของพี แอนด์ จี จะถูกแบ่งเป็น ความมุ่งหมาย ค่านิยม และหลักการ
ความคิดเหล่านี้ได้อยู่กับบริษัทตลอดมา ตลอดประวัติของเรานานกว่า 181 ปี
ธุรกิจของเราได้เจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลง ในขณะที่องค์ประกอบเหล่านี้จะยั่งยืน และได้ถ่ายทอดอย่างต่อเนื่องไปยังรุ่นบุคคลของพี แอนด์ จี ที่เข้ามา ความมุ่งหมายของเราได้รวมเราเข้าด้วยกันภายในความมุ่งหมายร่วมกันและกลยุทธ์การเจริญเติบโตของการปรับปรุงชีวิตของลูกค้าภายในวิถีทางที่มีความหมายและเล็กน้อยทุกวัน มันได้บันดาลใจให้บุคคลของพี แอนด์ จี สร้างการมีส่วนช่วยทางบวกทุกวัน ค่านิยมของเราจะสะท้อนพฤติกรรมที่กำหนดลักษณะเราจะทำงานระหว่างกันและกับหุ้นส่วนของเราอย่างไร และหลักการของเราจะแสดงวิถีทางเฉพาะของเราที่จะจัดการงานทุกวัน
ความมุ่งหมาย : การจัดหาคุณภาพตราสินค้าที่มีบทบาทเอกลักษณ์ภายในโลก
ค่านิยม : ค่านิยมของพี แอนด์ จี จะมีทั้งความซื่อสัตย์ ความเป็นผู้นำ ความเป็นเจ้าของ ความลุ่มหลง และความไว้วางใจ
หลักการ : พี แอนด์ จี จะมีหลักการแกนแปดข้อคือ ความเคารพ ความสำเร็จร่วมกัน จุดมุ่งเชิงกลยุทธ์ นวัตกรรม การเรียนรู้ ดีที่สุด การทำงานเป็นทีม และการมุ่งภายนอก
พี แอนด์ จี ได้ถูกขับเคลื่อนที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น ไมใช่เพียงแต่ภายในบริษัท
แต่ภายในโลกที่กว้างด้วย ตั้งแต่วันแรกเราได้ผูกพันทำให้ดีที่สุดโดยกันและกัน – บุคคลของเรา ลูกค้าของเรา และบุคคลทุกคนภายในโลก พี แอนด์ จี ต้องการจะเป็นโมเดลพลเมืองบริษัทโลก เราจะถูกรู้จักเป็นบริษัทที่ถูกควบคุมด้วยความรับผิดชอบและประพฤติอย่างมีจริยธรรม นั่นคือความโปร่งใสภายในความเกี่ยวพันทางธุรกิจ การสนับสนุนการกุศลและการรักษา
สิ่งแวดล้อม และการจัดหาสถานที่การทำงานที่ดึงดูด บุคคลของเราจะถูกปฏิบัติอย่างดีและได้รับความผิดชอบที่พวกเขาสามารถทำได้
เมื่อต้น ค.ศ 1970 แนวคิดของตราสินค้า ได้เริ่มต้นรับเอาความหมายใหม่ที่ได้รวมแนวคิดที่กว้างขึ้นของภาพพจน์และค่านิยม อัล รีส และแจ็ค เทราต์ ได้ยึดวิวัฒนาการนี้ภายในบทความของฮาร์วาร์ด บิสซิเนส รีวิว และต่อมาได้เขียนหนังสือ Positioning แนวคิดของพวกเขาได้ระบุว่ามันไม่ได้เป็นความเหนือกว่าของผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ แต่จะเป็นการรับรู้ของลูกค้าของตราสินค้าที่ปูทางไปสู่ความสำเร็จ แนวคิดนี้ได้ถูกเรียกว่า การวางตำแหน่งตราสินค้า และจนถึงวันนี้มันยังคงเป็นมาตรฐานเพื่อการพัฒนาตราสินค้าที่บรรลุความสำเร็จ
การบริหารตราสินค้าของพี แอนด์ จี จะยังคงเป็นพลังทางอำนาจของการคิดไปข้างหน้าเบื้องหลังการสร้างตราสินค้าที่มีอิทธิพลมากที่สุดและใหญ่ที่สุดไปทั่วโลก เรากำลังมองหาข้อดีการตลาดที่ดีที่สุดของโลกที่เดินตามแนวคิดที่เรียบง่าย “ลูกค้าคือนาย” การบริหารตราสินค้า ณ พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล หมายความไม่ได้เป็นเพียงแต่นักการตลาด มันหมายความถึงการเป็นเจ้าของธุรกิจทั้งหมด งานแกนของเราได้ข้ามเส้นหน้าที่ที่จะระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และดำเนินการยุทธวิธีการตลาดที่แตกต่างกัน การลงลึกวิถีทางที่พี แอนด์ จีเชื่อมโยงกับลูกค้า ด้วยกลยุทธ์การขับเคลื่อนข้อมูล
พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ 1837 ณ ซินซินแนติ โอไฮโอ โดยวิลเลียม พรอคเตอร์ ชาวอังกฤษ ช่างทำเทียนไข และเจมส์ แกมเบิ้ล ชาวไอร์แลนด์ ช่างทำสบู่ บุคทั้งสองได้อพยพมาจากอังกฤษและไอร์แลนด์ พวกเขาได้ตั้งรกรากอยู่ภายในซินซินแนติ โอไฮโอ เริ่มแรก และได้พบกันเมื่อพวกเขาได้แต่งงานกับน้องสาวโอลิเวียและอลิซาเบธ นอร์รีส อเล็กซานเดอร์ นอร์รีส พ่อตาของพวกเขา ได้ชักจูงพวกเขาที่จะกลายเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ด้วยเหตุนี้เมื่อ ค.ศ 1837 ธุรกิจใหม่ที่กล้าหาญได้กำเนิด พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล
บริษัทได้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วระหว่างศตวรรษที่สิบเก้า
เมื่อ ค.ศ 1858 – 1859 ยอดขายได้สูงถึง 1 ล้านเหรียญ ณ เวลานั้นบุคคลประมาณ 80 คนทำงานอยู่ที่พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ระหว่างสงครามกลางเมือง บริษัทได้ชนะสัญญาจัดหาสบู่และเทียนไขแก่กองทัพสหภาพ นอกจากการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นระหว่างสงครามกลางเมือง สัญญาของทหารได้แนะนำทหารจากทั่วประเทศต่อผลิตภัณฑ์ของพรอคเตอร แอนด์ แกมเบิ้ล
เมื่อ ค.ศ 1880 พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ได้เริ่มต้นที่จะวางตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ สบู่ราคาไม่แพงลอยน้ำได้ บริษัทได้เรียกว่าสบู่ไอวอรี่ ภายในทศวรรษที่ตามมา บริษัทได้กลายเป็นที่รู้จักกันว่าสถานที่การทำงานที่ก้าวหน้าภายในปลายศตวรรษที่สิบเก้า
วิลเลียม คูเปอร์ พรอคเตอร์ หลานของวิลเลียม พรอคเตอร์ ได้เริ่มต้นการแบ่งกำไรแก่กำลังงานของบริษัทเมื่อ ค.ศ 1887 ด้วยการให้คนงานมีส่วนได้เสียภายในบริษัท เขาเชื่อว่าคนงานน่าจะนัดหยุดงานน้อยลง เมื่อเวลาผ่านไปบริษัทได้มุ่งความสนใจส่วนใหญที่สบู่ การผลิตสบู่มากกว่าสิบสามชนิด เมื่อไฟฟ้าได้กลายเป็นธรรมดามากขึ้นและมากขึ้น ความต้องการเทียนไขได้น้อยลงที่พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้บ ได้ผลิตตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ในที่สุดบริษัทได้หยุดการผลิตเทียนไขมื่อ ค.ศ 1920
บริษัทได้เริ่มต้นสร้างโรงงาน ณ ทำเลที่ตั้งอื่นภายในอเมริกา เพราะว่าอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ได้เจริญเติบโตสูงกว่ากำลังผลิตของโรงงานซินซินแนติ ผู้นำบริษัทได้เริ่มต้นกระจายผลิตภัณฑ์เมื่อ ค.ศ 1911 การเริ่มต้นผลิตคริสโก้ ผลิตจากน้ำม้นผักไม่ใช่ไขมันสัตว์ เมื่อวิทยุได้กลายเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้นเมื่อ ค.ศ 1920 และ 1930 บริัษัทได้ทำการสนับสนุนรายการวิทยุ
พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ได้ซื้อบริษัทจำนวนหนึ่งที่ได้กระจายสายผลิตภัณฑ์ของพวกเขา
และทำกำไรเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อ ค.ศ 2005 พี แอนด์ จี ได้ประกาศการซื้อยิลเลตต์ การกลายเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์บริโภคที่ใหญ่ที่สุด และทำให้ยูนิลีเวอร์กลายเป็นอยู่ลำดับสอง
ปัจจุบันพี แอนด์ จี ยูนิลีเวอร์ และคอลเกต ปาล์ม โอลีฟ คือ ยักษ์ใหญ่สามรายของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์บริโภคของโลก และได้สร้างความจงรักภักดีต่อตราสินค้าแก่ลูกค้าอย่างเข้มแข็ง จนกลายเป็นอุปสรรคการเข้ามาภายในอุตสาหกรรมต่อคู่แข่งขันรายใหม่อย่างมาก บริษัทสบู่และเทียนไขได้กลายเป็นมรดกของ
พี แอนด์ จี นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทขึ้นมา พี แอนด์ จี ผลิตและขายผลิตภัณฑ์ครัวเรือนเป็นรากฐาน เช่น ยาสีฟันเครสท์ ผ้าอ้อมแพมเพอร์ ยาสระผมเฮด แอนด์ โชเดอร์ หรือสบู่ไอวอรี่ พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล จะมีวัฒนธรรมองค์การที่เข้มแข็งมากบนรากฐานของลัทธิผู้บริโภค การตอบสนองต่อสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ภายหลังจากการวิจัยตลาดอย่างกว้างขวางแล้ว ไปจนถึงการทดลองใช้สบู่คาเมย์ตามบ้านอย่างแพร่หลายเมื่อ ค.ศ 1920 พี แอนด์ จี ได้เคยใช้โทรศัพท์สัมภาษณ์มากกว่า 1.5 ล้านครั้งต่อปี และเป็นนักโฆษณายิ่งใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่ง พี แอนด์ จี จะเป็นบริษัทดีเด่นท่ามกลางบริษัทดีเด่น 43 บริษัทของอเมริกา จากหนังสือธุรกิจคลาสสิคของโลกชื่อ In Search of Excellence ผู้เขียนคือโทมัส ปีเตอร์ และโรเบิรต วอเตอร์แมน บริษัทได้เริ่มต้นบรรจุภัณฑ์เทียนไขโดยใช้ชื่อตราสินค้าว่าสตาร์ นายวิลเลียม พรอคเตอร์ ได้สังเกตเห็นว่า คนงานท่าเรือคนหนึ่ง ณ แม่น้ำโอไฮโอ ได้กากบาทสีดำบนกล่องเทียนไขของพี แอนด์ จี กากบาททำให้คนงานที่ไม่รู้หนังสือแยกกล่องเทียนไขออกจากกล่องสบู่ได้ ในไม่ช้าคนงานท่าเรือคนหนึ่งที่เป็นช่างศิลปได้เปลี่ยนกากบาทสีดำเป็นกลุ่มดาว ต่อมาเป็นพระจันทร์หยักหน้าผู้ชาย และได้กลายเป็นโลโก้พระจันทร์และดาวของพี แอนด์ จี นับตั้งแต่นั้นมา ผู้ชายบนพระจันทร์กำลังดูดาวสิบสามดวง ดาวสิบสามดวงหมายถึงอาณานิคมดั้งเดิมสิบสามแห่งของอเมริกา
ต่อมาพี แอนด จี ได้ตัดสินใจว่า มนุษย์บนดวงจันทร์ ไม่จำเป็น ดังนั้นบริษัทได้ลบออกมันออกไปจากกล่อง
พี แอนด์ จี ได้รับข่าวสารว่าผู้จัดจำหน่ายไม่ยอมรับกล่องเทียนไขของพี แอนด์ จีที่ถูกส่งออกไปทั้งหมด เนื่องจากกล่องเทียนไขเหล่านี้ไม่มี “พระจันทร์และดาว” ผู้จัดจำหน่ายคิดว่าม้นเป็นของปลอม
ดังนั้นพี แอนด์ จี ได้ตระหนักถึงคุณค่าพระจันทร์และดาวอย่างรวดเร็ว และได้นำกลับมาใช้โดยจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้า นี่คืิอการเริ่มต้นของการระบุชื่อตราสินค้าของพี แอนด์ จี พี แอนด์ จี จะรับฟังลูกค้าของพวกเขา
เมื่อปลาย ค.ศ 1970 พี แอนด์ จี ได้ถูกโจมตีจากข่าวลือว่าเครื่องหมายการค้าของบริษัทเป็นสัญลักษณ์ของซาตานและการบูชาภูตผีปีศาจ และกำไรของบริษัทได้ถูกใช้สนับสนุนการบูชาซาตาน พวกซาตานคือเจ้าของบริษัท พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวหน้าผู้ชายคือปีศาจร้าย หนวดเคราคือเขาสองเขา หยักผมสามหยักคือ 666 กลับหัว เลขของซาตาน ใบปลิวข่าวลือได้แพร่กระจายว่า จอห์น สเมล ซีอีโอ ได้ปรากฏตัวที่รายการโทรทัศน์ฟิลโดนาฮู โชว์ และพูดว่าเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งและได้บริจาคเงินแก่ศาสนจักรซาตาน ไม่มีชาวคริสเตียนภายในโลกเพียงพอจะหยุดยั้งซาตานได้ ที่จริงแล้วเขาไม่เคยปรากฎตัวภายในรายการนี้เลย แต่ข่าวลือได้กระตุ้นการคว่ำบาตรสินค้าของพี แอนด์ จี อย่างรุนแรง โทรฟรีจากผู้ค้าปลีกได้หลั่งไหลเข้ามาถามข้อเท็จจริงกับพี แอนด์ จี ผู้ค้าปลีกได้รายงานแก่บริษัทว่าลูกค้าบางคนได้คืนสินค้า หรือถามว่าทำไมไม่นำสินค้าของพี แอนด์ จี ออกจากชั้นวาง บุคคลของบริษัทได้ถูกคุกคาม และต้องรับโทรศัพท์มากกว่า 15,000 ครั้งต่อเดือน พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ได้ต่อสู้กับข่าวลือด้วยการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ การส่งเอกสารข้อเท็จจริงไปยังโบสถ์ทางตอนใต้ 48,000 แห่ง ข่าวลือได้เกิดขึ้นจากกลุ่มศาสนาเหล่านี้ บริษัทได้ส่งทีมงานไปค้นหาต้นตอและเครือข่ายของข่าวลือ และบริษัทจะฟ้องร้องบุคคลทุกคนที่ได้แพร่กระจายข่าวลือ ในที่สุด พี แอนด์ จี ได้ถูกกดดันให้เปลี่ยนแปลงเครื่องหมายการค้าที่มีอายุยาวนานถึง 103 ปี บริษัทต้องสูญเสียสัญลักษณ์ที่เลื่องลือไป สัญลักษณ์ของสินค้าที่ซื่อสัตย์และไว้วางใจได้แก่ลูกค้า
พี แอนด จี จะให้ความสนใจแก่สูกค้า เพราะว่าตลอดเวลาหลายสิบปีบริษัทได้เรียนรู้ว่าพวกเขาให้ความสนใจแก่ลูกค้ามากเท่าไร สินค้าของบริษีทยิ่งขายดีมากขึ้นเท่านั้น ในไม่ช้าภายหลังจากการแนะนำ พี แอนด์ จี ได้เรียนรู้จากลูกค้าของพวกเขา สบู่ไอวอรี่ลอยน้ำได้ เริ่มแรกผู้บริหารพี แอนด์ จี จะประหลาดใจ พวกเขาสันนิษฐานว่ามันเป็นความบังเอิญจากการผสมสบู่ แต่ลูกค้ายังคงร้องหา “สบู่ลอยน้ำ” อยู่ ดังนั้นบริษัทได้รวมเอา “ความผิดพลาด” นี้ไว้ภายในการผลิตตามปรกติของพวกเขา
พี แอนด์ จี ได้คิดค้นการสร้างตราสินค้าภายในศตวรรษที่สิบเก้า นับจากนั้นมา
ได้ซื้อผลิตภัณฑ์และบริษัทราวกับไฟไหม้ป่า ร้านสบู่และเขียนไขขนาดเล็กได้ปฏิรูปตัวเองให้เป็นยักษ์ใหญ่ของโลกได้อย่างไร วิลเลียม พรอคเตอร์ และเจมส์ แกมเบิ้ล น้องเขยจากซินซินแนติ ได้กลายเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วยการแนะนำจากพ่อของภรรยาของพวกเขา ผู้ผลิตเทียนไขและสบู่ตามลำดับ
บุตคลที่ได้ตัดสินใจรวมงานฝีมือของพวกเขาที่ะสร้างบริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้บ
พี แอนด์ จี ได้สร้างตราสินค้ากับผลิตภัณฑที่สำคัญย่างแรกของพวกเขา
– สบู่ไอวอรี่ ภายหลังจากการออกแบบสบู่แท่งบริสุทธ์ที่สุดของยุค และการใช้เครื่องหมายการค้าด้วยถ้อยคำว่า “ไอวอรี่” บริษัทได้เริ่มดำเนินการรณรงค์การตลาดมวลชนที่จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์ เกือบหนึ่งทษวรรษต่อมา สบู่ไอวอรี่ จะมีสโลแกนของมันเอง “มันลอยน้ำได้”
เมื่อ ค.ศ 1940 วิลเลียม คอมพานี ได้ผลิตสบู่ภายใต้ชื่ิอไอวอรีน และมุ่งที่สบู่การโกนและได้ขายแก่ไอวอรีนแก่พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่าไอวอรี่
เมื่อ ค.ศ 1879 คนงานภายในโรงงานสบู่ของฮาร์เลย์ พรอคเตอร์ ได้ลืมปิดเครื่องผสมสบู่ตอนออกไปทานอาหารเที่ยง ปล่อยให้ส่วนผสมอยู่ภายในเครื่องผสมสบู่นานเกินไป จนกลายเป็นส่วนผสมที่พิเศษกว่าเดิมและลอยน้ำได้ นายฮาร์เลย์ พรอคเตอร์ ได้หารือกับเจมส์ แกมเบิ้ล นักเคมี ญาติพี่น้อง ผลิตสบู่ที่อ่อนนุ่ม เบา และลอยน้ำได้ และใช้ชื่อว่าสบู่ไอวอรี่ ชื่อนี้เป็นความคิดของนายฮาร์เลย์ พรอคเตอร์ ที่เกิดขึ้นภายในโบสถ์ จุดเริ่มต้นของสบู่ไอวอรี่ของพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ที่นิยมแพร่หลายมากที่สุดภายในโลก จุดขายที่สำคัญของสบู่ไอวอรี่คือ บริสุทธ์ 99.44% และลอยน้ำได้ ทำให้สบู่ไอวอรี่เหนือกว่าทุกสบู่ เนื่องจากเราไม่ต้องควานหาจากท้องอ่างอาบน้ำเลย
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ได้เจริญเติบโตอย่างมากมาย
การขอบคุณต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขา ไทด์ “ความอัศจรรย์ของวันซักเสื้อผ้า” ได้ปฏิรูปครัวเรือนด้วยการซักเสื้อผ้าที่ง่ายและรวดเร็ว เมื่อ ค.ศ 1946 ไทด์ ไม่ได้เป็นเพียงสบู่ซักผ้าอีกอย่างหนึ่ง มันไม่ได้เป็นสบู่เลย ไทด์จะเป็นผงซักฟอกที่ทนทาน ก่อนหน้าผลิตภัณฑ์นี้ สบู่ซักผ้าสมัยเดิมจะทำให้เสื้อผ้าแข็ง ไม่สดใส และสกปรก เรื่องราวได้เริ่มต้นเมื่อ ค.ศ 1930 เดวิด บีเยอร์ลี่ นักวิทยาศาสตร์ของพี แอนด์ จี ได้ตัดสินใจที่จะพัฒนาผงซักฟอกทนทานครั้งแรกของโลกที่ทำให้สะอาดได้ดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยูทุกอย่าง ภายหลังจากเจ็ดปีของการทดลองโครงการได้ถูกยกเลิก แต่เขาได้รักษาการทดลองไว้ภายในเวลาว่างของเขา ภายหลังสิบสี่ปีในที่สุดเขาได้สร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ใช้ชื่อว่าไทด์ได้อย่างรวดเร็ว ไทด์ ได้วางตลาดเมื่อ ค.ศ 1946 และได้ถูกเรียกว่า “ความอัศจรรย์แห่งวันซักเสื้อผ้า” นับตั้งแต่ ค.ศ 1949 ไทด์ จะเป็นผงซ้กฟอกแนวหน้าภายในไทด์ต้นกำเนิดของอเมริกา
Cr : รศ สมยศ นาวีการ