jos55 instaslot88 Pusat Togel Online ชายตาบอดและช้าง : บทเรียนการกำหนดกลยุทธ์ - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ชายตาบอดและช้าง : บทเรียนการกำหนดกลยุทธ์

ชายตาบอดและช้าง : บทเรียนการกำหนดกลยุทธ์

คำนิยามของกลยุทธ์ประมาณคล้ายกับชายตาบอดอธิบายช้าง มันหมายถึงสิ่งที่แตกต่างกันต่อบุคคลที่แตกต่างกัน ตามผู้เชี่ยวชาญกลยุทธ์ เฮนรี่
มิงท์เบิรก
“เราคือชายตาบอดและการกำหนดกลยุทธ์คือช้างของเรา เนื่องจากไม่มีใครเลยมีสายตาที่จะเห็นช้างทั้งตัว บุคคลทุกคนยึดกับบางส่วน และกั้นรั้วภายในความไม่รู้เกี่ยวกับส่วนที่เหลืออยู่ เราแน่นอนไม่ได้เข้าใจช้างด้วยการรวมส่วนของมัน ช้างเป็นมากกว่านี้ แต่กระนั้นที่จะเข้าใจทั้งหมด เราต้องเข้าใจส่วนด้วย”
ผู้ประกอบกามักจะมองธุรกิจของพวกเขาคล้ายกับการถือฆ้อน เรามีคำกล่าวว่า ถ้าฉันมีเพียงแคฆ้อน ทุกสิ่งทุกอย่างดูคล้ายตะปูู มันสำคัญที่จะเข้าใจธุรกิจทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนเดียวที่ชื่นชอบของธุรกิจของเราที่เราทำอยู่
คณะบริหารธุรกิจวันนี้มุ่งหน้าที่ธุรกิจไม่ใช่การบริหาร แน่นอนผู้บริหารต้องเข้าใจหน้าที่ธุรกิจ – การตลาด การบัญชี การเงิน เป็นต้น แต่การปฏิบัติของธุรกิจไม่เหมือนกับการปฏิบัติของการบริหาร
การผสมหน้าที่เหล่านี้ทุกอย่างเข้าด้วยกันภายในบุคคลไม่ได้สร้างผู้บริหารที่ดี ความยุ่งยากกับการเน้นการวิเคราะห์ของคณะบริหารธุรกิจคือ การนำไปสู่การมุ่งเทคนิคหรือการคิดสูตร ผมระบุเทคนิคเป็นบางสิ่งบางอย่างสามารถถูกใช้ภายในสมอง ผมไม่ได้กล่าวว่าเทคนิคไม่ได้มีพื้นที่ภายในการบริหาร แต่มันต้องถูกใช้อย่างระมัดระวัง และบุคคลบนลู่เร็วต้องไม่มองเป็นการชดเชยเพื่อการขาดประสบการณ์ เราเคยได้ยินกฏของเครื่องมือ การใหฆ้อนแก่บุคคลบางคน และทุกสิ่งทุกอย่างดูคล้ายกับตะปู เอ็มบีเอให้บัณฑิตของพวกเขาฆ้อนหลายอันเหลือเกิน
เมื่อ ค.ศ 1998 เฮนรี่ มิงท์เบิรก บรูซ อัลสแดรนด์ และโจเซฟ แลมเพล ได้เปิดตัวหนังสือ Strategy Safari : The Complete Guide Through the Wilds of Strategic Management หนังสือเล่มนี้ได้ใช้วิถีทางสนุกสนานเเนะนำวิถีทางที่แตกต่างกันของการบริหารเชิงกลยุทธ์ สิบบทได้แนะนำสำนักความคิดแตกต่างกันต่อวิถีทางของการบริหารเชิงกลยุทธ์ ภายในการแนะนำ ผู้เขียนได้แนะนำวิถีทางที่แตกต่างกันเป็นชายตาบอดสิบคนแต่ละคนวิเคราะห์และพยายามอธิบายช้าง
หนังสือเล่มนี้ได้นำเสนอสาขาวิชาที่แตกต่างกันสนับสนุนการวางแผนธุกิจ การวางตำแหน่ง และการออกแบบที่มีประสิทธิภาพ ภายในระยะของการกำหนดกลยุทธ์ การดำเนินการ และการควบคุม เผชิญกับการสภาพเเวดล้อมธุรกิจที่แข่งขัน บริษัทไม่สามารถคาดคะเนต่อไปอีกแล้วด้วยเทคนิคและหลัการ
กลยุทธ์ธรรมดา เพราะว่ามันกลายเป็นความซับซ้อนอย่างมากและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่บริษัทต้องทำคือ เจริญเติบโตการเรียนรู้ของพวกเขา ด้วยการรวมมุมมองที่แตกต่างกันของการกำหนดกลยุทธ์ มุมมองเชิงกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นบรรลุได้ที่สุด เมื่อบุคคลภายในองค์การแก้ปัญหาของพวกเขาร่วมกัน และทำให้ความเข้าใจของพวกเขากว้างขึ้นเลยพ้นจาก
ความคิดเฉพาะอย่างหนึ่ง
Strategy Safari นำเสนอสิบสำนักความคิดนำทางความเข้าใจสไตล์แตกต่างกันของการคิดเชิงกลยุทธ์ และการช่วยให้เราวิเคราะห์ปัญหาของ “ซาฟารี”
ตัวมันเอง เฮนรี่ มิงท์เบิรก ได้กล่าวว่า
“สาขาวิชาของการบริหารเชิงกลยุทธ์ได้เดินทางมายาวนาน นับตั้งแต่ต้น ค.ศ
1960 เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ธุรกิจจะต้องฉลาดมากขึ้นที่จะเเข่งขัน และกลยุทธ์จะกลายเป็นซับซ้อนมากขึ้น ผู้บริหารจะต้องมองที่สัตว์ทั้งหมดของการกำหนดกลยุทธ์ ไม่ใช่รักษามันให้มีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ต้องช่วยรักษาพลังชีวิตจริงของมันให้ยั่งยืนด้วย”
พารต่อสู้ดิ้นรนภายในโลกซาฟารีไม่ได้จบลงด้วยการรู้เป้าหมายอะไรที่จะบรรลุ และบรรลุเป้าหมายอย่างไร เมื่อโลกเจริญเติบโตขึ้น ทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลง พัฒนา และกลายเป็นซับซ้อนมากด้วย กระบวนการของการกำหนดและการดำเนินการของกลยุทธ์ไม่สม่าเสมอ
ิ ภายในหน้าแรก ผู้เขียนได้เริ่มต้นด้วยบทกวีคลาสสิค The Blind Men and The Elephant โดย จอห์น กอดฟรี่ย์ เเซกซ์ ฉบับที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของศตวรรษที่ 19 ชายตาบอดและช้าง เป็นนิยายเปรียบเทียบจากอินเดียโบราณที่ได้ถูกปรับโดยหลายศาสนา และพิมพ์ภายในเรื่องราวแตกต่างกันเพื่อผู้ใหญ่เเละเด็ก มันเกี่ยวกับกลุ่มของชายตาบอดที่จะเรียนรู้ช้างคืออะไร แต่ละคนสัมผัสส่วนที่แตกต่างกันของช้าง และไม่เห็นด้วยกันต่อการพรรณว่าช้างคืออะไร
การให้ความคิดว่าเราทุกคนเป็นชายตาบอด และการกำหนดกลยุทธ์เป็นช้างของเรา ต่อไปการกำหนดกลยุทธ์ได้ถูกแบ่งเป็นสิบสำนักความคิดเป็นสัญลักษณ์สิบมุมมองที่แตกต่างกันสะท้อนภายในกลยุทธ์ คำอธิบายและข้อวิจารณ์ของผู้เขียนต่อสำนักความคิดอยู่บนพื้นฐานของมุมมองที่จำกัดของแต่ละสำนักความคิด นักกลยุทธ์มีแนวโน้มที่จะมองกลยุทธ์คล้ายกับชายตาบอดหกคนมองเห็นช้าง
ไม่มีชายตาบอดคนใดเลยผิดภายในการอธิบายช้างของพวกเขา แต่ละคนของพวกเขาได้อธิบายอย่างสมบูรณ์ต่อส่วนร่างกายของช้างที่เขาสัมผัสและรู้สึก
ปัญหาอย่างเดียวเท่านั้นคือพวกเขาอธิยายส่วนหนึ่งของภาพที่ใหญ่ ผู้เขียนได้สรุปว่า “เราเป็นชายตาบอด และการกำหนดกลยุทธ์เป็นช้างของเรา”
เฮนรี่ มิงท์เบิรกได้เปรียบเปรยสำนักทางความคิดเหล่านี้เหมือนกับเรื่องราวของคนตาบอดคลำช้าง
กาลครั้งหนึ่งเรามีชายตาบอดหกคนภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง วันหนึ่งชาวบ้านได้บอกพวกเขาว่า เฮ้ เรามีช้างตัวหนึ่งภายในหมู่บ้านวันนี้ ชายตาบอดหกคนไดัถูกขอให้อธิบายช้างโดยความรู้สึกและการสัมผัส ชายตาบอดคนแรกได้คลำที่ท้องและบอกว่าช้างคือกำแพง ชายตาบอดคนที่สองได้คลำที่งวงและคิดว่าช้างคืองู หรือชายตาบอดคนที่สามได้คลำที่งาและคิดว่าช้างคือหอก
พวกเขาได้เริ่มต้นโต้เถียงกันเกี่ยวกับช้าง และยืนยันว่าเขาถูกต้อง ดูแล้วคล้ายกับว่าพวกเขากำลังหงุดหงิด
ชายฉลาดคนหนึ่งได้เดินผ่านมาและได้มองเห็น เขาหยุดและถามพวกเขาว่า เรื่องอะไรกัน ชายตาบอดหกคนได้กล่าวว่า พวกเขาไม่สามารถตกลงกันว่าช้างคล้ายกับอะไร ชายตาบอดแต่ละคนได้บอกว่าช้างคืออะไรตามที่เขาคิด ชายฉลาดได้อธิบายอย่างใจเย็นแก่พวกเขาว่า พวกเราทุกคนถูกต้อง เหตุผลที่พวกเราบอกว่าช้างแตกต่างกัน เพราะว่าพวกเราแต่ละคนสัมผ้สส่วนที่แตกต่างกันของช้าง ที่จริงแล้วช้างมีคุุณลักษณะทุกอย่างตามที่พวกเราได้บอก โอ้ ชายตาบอดหกคนพูดว่า เราจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว พวกเขารู้สึกมีความสุขที่พวกเขาทุกคนถูกต้อง

ภายในหนังสือ Strategy Safari เฮนรี่ มิงท์เบิรก ได้กล่าวว่าถ้อยคำกลยุทธ์มีมาอย่างยาวนาน ในขณะนี้ผู้บริหารใช้มันทั้งเสรีและงมงาย กลยุทธ์ถูกมองเป็นจุดสูงสุดของการบริหาร วิชาการได้ศึกษากลยุทธ์อย่างกว้างขวางประมาณสองทศวรรษ ในขณะนี้คณะบริหารธุรกิจได้กำหนดการบริหารเชิงกลยุทธ์เป็น
วิชาแกนของหลักสูตร ถ้อยคำกลยุทธ์มีอิทธิพลเหลือเกิน แต่กลยุทธ์หมายถึงอะไรอย่างแท้จริง ลักษณะของมนุษย์มักจะค้นหาคำนิยามเพื่อทุกแนวคิด ตำรามาตรฐานส่วนใหญ่ของกลยุทธ์นำเสนอคำนิยามนั้น โดยปรกติเรานำเสนอภายในบทนำ ไม่น่าสงสัยคำนิยามได้ถูกจดจำตามหน้าที่โดยรุ่นของนักศึกษา
ต่อมาพวกเขาได้ใช้มันภายในรายงานของบริษัท เราไม่ได้นำเสนอ
คำนิยามที่ง่ายเหล่านี้ เรายืนยันว่ากลยุทธ์ – ไม่ได้กล่าวถึงสิบสำนักความคิดที่แตกต่างกัน – ต้องการคำนิยามจำนวนหนึ่งคือห้า ดังนั้นก่อนที่เราจะสรุปความคิดของสิบสำนักความคิด ผมพบว่ามันง่ายขึ้นด้วยการแสดง 5Ps ของการระบุกลยุทธ์ก่อนภายในหนังสือเล่มนี้
กลยุทธ์เป็นแผนอย่างหนึ่งที่ถูกถ่ายทอดเป็นทิศทางหรือนำทาง หรือทางเลือกการกระทำในอนาคต แต่เฮนรี มิงท์เบิรก มองคำนิยามนี้อาจจะไม่เป็นจริงและประยุกต์ใช้ภายในกรณีบางอย่าง เพราะว่ากลยุทธ์ที่เป็นจริงขึ้นมาบางอย่างเพียงแค่แตกต่างจากอะไรที่มุ่งหมายไว้ภายในการปฏิยัติจริง แต่เขารับรู้ว่าในระยะยาว ความมุ่งหมายก่อนหน้านี้บางอย่างสามารถเป็นจริงได้ – กลยุทธ์ที่มุ่งหมาย แต่ความมุ่งหมายบางอย่างอาจจะถูกขัดขวางโดยการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ – กลยุทธ์ที่ปรากฏขึ้น ดังนั้นมันเป็นความยืดหยุ่นและหลงทางจากความมุ่งหมายจริง แต่กระนั้นในแง่ของผลลัพธ์ที่มีประสิทธภาพและดีขึ้น ผู้เขียนได้เสนอแนะว่าดีที่สุดเราต้องผสมกันของกลยุทธ์ที่มุ่งหมายและปรากฏขึ้น เพราะว่ามันได้สอนเราที่จะคาดคะเนเเละจัดการเหตุการณ์ที่ไม่คาดหวัง แต่เวลาเดียวกันให้ความสำคัญต่ออะไรที่ได้วางแผนแล้วภายในตอนแรก
เมื่อกลยุทธ์ที่เป็นจริงกลายเป็นการปฏิบัติที่สม่ำเสมอตลอดเวลา กลยุทธ์ได้ถูกพัฒนาเป็นแบบแผน บุคคลจะกลายเป็นคุ้นเคยทำอะไรที่พวกเขาเชื่อว่ามีประสิทธิภาพ พฤติกรรมองค์การที่ผ่านมามักจะสร้างความสม่ำเสมอของการตัดสินใจ และความผูกพันต่อการกระทำบางอย่าง ข้อสามกลยุทธ์เป็นตำแหน่ง หมายถึงการพัฒนาข้อได้เปรียบทางการแข่งขันภายในสภาพแวดล้อมธุรกิจ เนื่องจากการเเข่งขันถูกมองอยู่เสมอเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังตลาด ทุกองค์การต้องสามารถค้นหาความสอดคล้องที่เหมาะสม การได้มาสภาวะที่ดีและอยู่รอดภายในสภาพแวดล้อมการแข่งขัน
ภายหลังจากการเลือกตำแหน่งที่ต้องการแล้ว กลยุทธฺ์ต่อไปคือ การพัฒนามันด้วยมุมมองที่ถูกต้อง ผลลัพธ์ของทุกแผนขึ้นอยู่กับมุมมองของบริษัทเสมอ
ภายใต้ถ้อยคำของบุคคลธรรมดา มุมมองดุจดังกลยุทธ์สามารถถูกเรียกว่าเป็นบุคลิกภาพขององค์การ ดังนั้นเราต้องมีการพัฒนาของวัฒนธรรมองค์การ
กำหนดความมุ่งหมายที่ต้องการเพื่อที่จะบรรลุ ยิ่งกว่านั้นมุมมองถูกมองเป็นกลยุทธ์เพราะว่าผลลัพธ์ที่ดีขึ้นถูกสร้างเมื่อบุคคลภายในบริษัทร่วมแรงจูงใจ ความมุ่งหมาย และพฤติกรรม ข้อสุดท้ายกลยุทธ์เป็นยุทธวิธี หมายถึงการทำให้เกิดความสนใจของคู่แข่งขันโดยการสร้างการคุกคาม การลบล้าง อิทธิพล หรืออาจจะขัดขวางพวกเขา จากการดำเนินยุทธวิธีใหม่ที่อันตรายต่อตำแหน่งของบริษัท มันเป็นเพียงแค่รูปแบบของยุทธวิธีที่จะชนะคู่แข่งขัน
เฮนรี มิงท์เบิรกคิดดังกล่าวข้างต้น 5Ps ของกลยุทธ์ ทำให้ทุกองค์การค้นพบลักษณะที่สำคัญ – ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก สามารถกระทบการดำเนินงานของพวกเขาไปสู่การบรรลุเป้าหมาย
ภายใน Strategy Safari ผู้เขียน ได้นิยามใหม่ของการวิเคราะห์การกำหนดกลยุทธ์โดยการนำเสนอวิถีทางแตกต่างกันผ่านทางสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า
“สิบสำนักของความคิด” แต่ละสิบสำนักของความคิดเหล่านี้นำเสนอมุมมองที่แคบและจำกัดโดยเป็นวิธีการและการปฏิบัติภายในการสร้างกลยุทธ์ แต่กระนั้นแต่ละสำนักสำคัญอย่างมากต่อความเข้าใจที่ดีของกระบวนการกลยุทธ์ทั้งหมด
เมื่อ ค.ศ 1987 เฮนรี่ มิงท์เบิรก กูรูการบริหารชาวคานาดา ได้พัฒนา 5Ps ของกลยุทธ์ของเขา – คำนิยามที่แตกต่างกันห้าอย่างของการพัฒนากลยุทธ์
การไม่ยอมรับคำนิยามเดียวของกลยุทธ์ และการให้มุมมองที่แตกต่างกันห้าอย่างของกลยุทธ์ การสะท้อนเนื้อหาโดยส่วนรวมของกลยุทธ์
กลยุทธ์คืออะไร กลยุทธ์คือ แผนของการกระทำที่ถูกกำหนดขึ้นมา เพื่อที่จะสร้างตำแหน่งข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัทที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน P แต่ละตัวของกลยุทธ์คือ คำนิยามที่แตกต่างกันของกลยุทธ์
บทสุดท้ายของ Strategy Safari ได้พยายามนำ 10 สำนักความคิดรวมเข้าด้วยกันเป็นมุมมองรวมของการบริหารเชิงกลยุทธ์ ดังที่พวกเขาได้กล่าวว่า งวงช้างบวกงาช้างบวกหูช้างบวกหน้าท้องช้างบวกหางช้าง ไม่ได้สร้างช้าง
เป้าหมายไม่ได้ระบุลักษณะไหนของกลยุทธ์เป็นการนำแสดงดีที่สุดโดยส่วนรวม แต่เราต้องเข้าใจมันทั้งหมดมีส่วนช่วยต่อโดยส่วนรวมของสาขาวิชาอย่างไร
ชายตาบอดสิบคนอยู่ที่ซาฟารีและเผชิญกับช้าง ชายตาบอดแต่ละคนวางมือของเขาลงบนช้าง บนส่วนที่แตกต่างกัน และชาบตาบอดแต่ละคนคิดว่าเขาได้เผชิญบางสิ่งบางอย่างแตกต่างจากชายตาบอดคนอื่น ชายตาบอดคนหนึ่งคิดว่าเขาได้เผชิญกำแพง ชายตาบอดอีกคนหนึ่งคิดว่ามันคืองู และชายตาบอดคนที่สามคิดว่ามันเป็นต้นไม้ เป็นต้น เรามีสิบสำนักความคิดของกลยุทธ์ และเเต่ละสำนักความคิดแสดงสิ่งที่แต่ละชายตาบอดคิดว่าพวกเขารู้สึกเมื่อสัมผัสช้าง ซาฟารีกลยุทธ์ ชายตาบอดคลำช้างเป็นถ้อยคำพูดเปรียบเทียบที่มีชื่อเสียงภายในโลกของกลยุทธ์ เป็นวิถีทางพยายามและเข้าใจกลยุทธ์ที่สามารถมองเห็นภายในหลายวิถีทาง แต่ทุกมุมมองเป็นส่วนหนึ่งของภาพทั้งหมด สิบสำนักความคิดสามารถถูกแบ่งเป็นสองประเภท ด้วยวิถีทางวางเงื่อนไขที่พยายามระบุทิศทางของการกระทำ โดยการมองสถานการณ์และสภาพแวดล้อมขณะนี้ และวิถีทางพรรณาที่มองด้านประวัติทำไมบริษัทอยู่ภายในสถานการณ์ในขณะนี้ของพวกเขา 5Ps เป็นประโยชน์ต่อสิ่งเหล่านี้ เนื่องจากมันเป็นวิถีทางห้าอย่างของการมองที่การวางแผนกลยุทธ์
เฮนี่ มิงค์เบิรก ได้อธิบายวิถีทางที่แตกต่างกันต่อการวางแผนกลยุทธ์ พวกเขาได้ระบุ 10 สำนักความคิดที่แตกต่างกันภายในแต่ละบทของ Strategy Safari
ประวัติและต้นกำเนิดของมัน แนวคิดพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ ข้อดีและข้อเสีย
และสถานการณ์ที่วิถีทางต่อการวางแผนกลยุทธ์อาจจะเหมาะสม
1 แผน
กลยุทธ์คือแผนอย่างหนึ่ง กลยุทธ์ได้ถูกกำหนดขึ้นมาจากการวางแผนของบริษัท การวางแผนเป็นส่วนที่สำคัญของกลยุทธ์ การวางแผนและกลยุทธ์ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวกัน การวางแผนอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อความสำเร็จ ถ้อยคำกลยุทธ์และแผนมักจะถูกใช้แทนกัน แต่มันสำคัญที่จะถอยหลังและประเมินกลยุทธ์ของเราพิจารณาระดับการวางแผนที่เหมาะสมได้เกิดขึ้นหรือไม่ เป้าหมายกลยุทธ์ของเรามีแผนที่แท้จริงข้างใต้มัน การยืนยันเราที่จะบรรลุเป้าหมายกลยุทธ์ของเราหรือไม่
2 ยุทธวิธี
กลยุทธ์คือยุทธวิธีอย่างหนึ่งของบริษัท วิธีการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน เพื่อที่จะชนะคู่แข่งขัน ยุทธวิธีเกี่ยวกับการกระทำที่เฉพาะภายในกลยุทธ์ของเราที่เกี่ยวพันกับการแข่งขัน มันอาจจะลบล้างการแข่งขัน
เเย่งส่วนแบ่งตลาดจากการแข่งขัน ความมุ่งหมายของยุทธวิธีคือ รับรองว่าเราได้พิจารณากลยุทธ์การแข่งขันของเรา เพื่อที่จะชนะการแข่งขัน เพื่อยุทธวิธีที่มีประสิทธิภาพ เราต้องมีความเข้าใจที่ดีต่อสภาพแวดล้อมการแข่งขันของเรา การประเมินกลยุทธ์ของเราด้วยการยืนยันว่าเรามีลักษณะที่สัมพันธ์โดยเฉพาะต่อการแข่งขัน
3 แบบแผน
กลยุทธ์คือแบบแผนอย่างหนึ่งของบริษัท กลยุทธ์ไม่ได้เป็นแผนเท่านั้น แต่ต้องเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอของบริษัทด้วย กลยุทธ์ปรากฏขึ้นจากพฤติกรรมองค์การในอดีต ไม่ใช่การเลือกโดยมุ่งหมาย วิถีทางของการทำธุรกิจที่สม่ำเสมอและบรรลุความสำเร็จสามารถพัฒนาเป็นกลยุทธ์ได้ ในขณะที่แผนและยุทธวิธีทั้งสองเป็นการกระทำทางกลยุทธ์ที่มุ่งหมาย แบบแผนเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของพฤติกรรมที่มีส่วนช่วยต่อความสำเร็จทางกลยุทธ์ มันเกี่ยวกับการตอบสนองต่อโอกาส อุปสรรค และผลลัพธ์ที่ไม่คาดหวัง ภายในวิถีทางที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ
4 ตำแหน่ง
กลยุทธ์คือการวางตำแหน่ง การสร้างความสอดคล้องระหว่างสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกของบริษัท ตำแหน่งเป็นวิถีทางอย่างหนึ่งของการระบุกลยุทธ์ นั่นคือเราตัดสินใจที่จะวางตำแหน่งตัวเราเองภายในตลาดอย่างไร
ภายในวิถีทางนี้ กลยุทธ์ให้เราสำรวจความสอดคล้องระหว่างองค์การของเราและสภาพแวดล้อมของเรา และมันช่วยให้เราสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืน ตำแหน่งเป็นส่วนที่สำคัญอย่างแท้จริงของกลยุทธ์ เราวางตำแหน่งตัวเราเองภายในตลาดกระทบต่อตราสินค้า การกำหนดราคา และในที่สุดสามารถกำหนดโอกาสความสำเร็จของเราได้
5 มุมมอง
กลยุทธ์คือมุมมอง กลยุทธ์คือวิสัยทัศน์และทิศทางในอนาคตของบริษัท การมองสภาพแวดล้อมภายน กลยุทธ์ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของพวกเขา – เป็นเพียงแค่พฤติกรรมสามารถปรากฏขึ้นเป็นกลยุทธ์ แบบแผนของการคิดจะสร้างมุมมองขององค์การ และสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ดี มุมมองเกี่ยวกับภาพใหญ่ต่อบริษัท มันได้รวมเอาความเห็นของบุคคล ลูกค้า ซัพพลายเออร์
คู่แข่งขันของบริษัท และใช้สร้างบริษัทถูกรับรู้อย่างไร มุมมองเกี่ยวกับความเข้าใจภาพลักษณ์ของธุรกิจของเรา ความจริงเกี่ยวกับประเภทขององค์การของเรา รับรองว่ากลยุทธ์ของเราสอดคล้องกับความสามารถของเรา และเหมาะสมต่อสถานการณ์ของเรา

เฮนรี่ มิงท์เบิรก กล่าวว่า สาขาวิชาการบริหารเชิงกลยุทธ์ไม่อาจจะรับเอา
คำนิยามเดียวของกลยุทธ์ไว้ได้ เรามีสำนักกลยุทธ์สิบสำนักที่เกิดขึ้นภายในสี่ทศวรรษที่ผ่านมา สำนักกลยุทธ์แต่ละสำนักมีมุมมองภาพของกลยุทธ์เพียงบางส่วนเท่านั้น ผู้เขียนยืนยันว่าเรามีสิบสำนักของกลยุทธ์ แม้ว่าบทความและหนังสือได้พิมพ์หัวข้อนี้ ส่วนใหญ่มุ่งที่สามสำนัก สำนักการออกแบบ สำนักการวางแผน และสำนักตำแหน่ง เเละละเลยเจ็ดสำนักอื่น เช่น ผู้ประกอบการ การเรียนรู้ อำนาจ ความคิด สภาพเเวดล้อม วัฒนธรรม และการเปลี่ยนแปลง
ยิ่งกว่านั้นเฮนรี มิงท์เบิรก ได้ยืนยันว่าเรามีวิถีทางพื้นฐานสี่อย่างของการกำหนดกลยุทธ์ด้วย แต่ละวิถีทางใช้สองหรือมากกว่าของสำนักความคิด
*การวางแผนเชิงกลยุทธ์ – สำนักการวางแผน การออกแบบ และการวางตำแหน่ง
*วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ – สำนักผู้ประกอบการ การออกแบบ วัฒนธรรม และความเชื่อ
*ความเสี่ยงภัยเชิงกลยุทธ์ – สำนักการเรียนรู้ อำนาจ และความคิด
*การเรียนรู้เชิงกลยุทธ์ – สำนักการเรียนรู้ และผู้ประกอบการ
1 สำนักการวางแผน
การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการที่เป็นทางการ สำนักความคิดนี้เชื่อว่ากลยุทธ์เป็นกระบวนการอย่างหนึ่ง การวางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นทางการ และการใช้สวอทวิเคราะห์สถานการณ์ การวางแผนกลยุทธ์ไปข้างหน้าภายในวิถีทางที่เข้มงวด กระบวนการทั้งหมดและแผนทำเป็นเอกสารตั้งแต่เริ่มต้น ตามสำนักการวางแผน แผนถูกให้ความสำคัญมากขึ้นทุกครั้งที่ผู้บริหารต้องการใช้ทิศทางใหม่ ด้วยแผนภายในมือ ผู้บริหารมีทิศทางที่ชัดเจนที่จะ
ก้าวไปข้างหน้า ช่วยให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง วิกฤติเกิดขึ้นเมื่อบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นนอกเหนือแผน เแผนได้ถูกวางไว้ล่วงหน้าหลายปี เมื่อปัจจัยภายในหรือภายนอกเปลี่ยนแปลง แผนที่สมบูรณ์จะถูกกระทบทันที ดังนั้นการคาดคะเนที่ถูกต้องสำคัญที่สุดเมื่อใช้สำนักการวางแผน
2 สำนักสภาพแวดล้อม
การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการของการตอบสนอง สำนักความคิดนี้เชื่อว่ากลยุทธ์คือ การตอบสนองขององค์การต่อการเปลี่ยนแปลงภายในสภาพแวดล้อม การมุ่งที่พลังรายรอบองค์การ กลยุทธ์ขององค์การขึ้นอยู่กับการเกิดขึ้นภายในสภาพแวดล้อม และการตอบสนองขององค์การต่อสภาพแวดล้อม
การตอบสนองต่อความท้าทายกำหนดโดยสภาพแวดล้อมภายนอก สำนักนี้ให้ความสำคัญสภาพแวดล้อมมากที่สุด ดังนั้นการวิเคราะห์สถานการณ์เป็น
เครื่องมือใช้มากที่สุดภายในสำนักสภาพแวดล้อม กระบวนการคิดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ มันยุ่งยากต่องค์การที่จะรักษาการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ
3 สำนักการวางตำแหน่ง
การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการของการวิเคราะห์ สำนักความคิดนี้เชื่อว่ากลยุทธ์เป็นกระบวนการวิเคราะห์อย่างหนึ่ง การกำหนดกลยุทธ์ขึ้นอยู่กับการวางตำแหน่งขององค์การภายในอุตสาหกรรม สำนักนี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากโดยความคิดของไมเคิล พอร์เตอร์ เขาย้ำว่ากลยุทธ์ขึ้นอยู่กับวิถีทางที่บริษัทวางตำแหน่งภายในอุตสาหกรรม มองการพัฒนากลยุทธ์เป็นกระบวนการวิเคราะห์ ตรงที่เราต้องเลือกกลยุทธ์ที่ถูกต้องท่ามกลางของกลยุทธ์ที่จำกัด ตามสำนักการวางตำแหน่ง กลยุทธ์สมมุติฐานว่าตลาดยังคงเป็นเช่นเดิม และไม่ได้พิจารณาผู้เข้ามาใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงภายในสภาพแสดล้อมธุรกิจ สำนักความคิดนี้สามารถล้มเหลวได้ ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญภายในสภาพแวดล้อมธุรกิจ
4 สำนักการเรียนรู้
การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการของการปรากฏขึ้น สำนักความคิดนี้เชื่อว่ากลยุทธ์เป็นกระบวนการที่ปรากฏขึ้น กลยุทธ์ได้ปรากฏขึ้นเมื่อเราได้เรียนรู้สถานการณ์ และความสามารถจัดการสถานการณ์ขององค์การ การมองกลยุทธ์เป็นกระบวนการปรากฏขึ้น หมายความว่ากลยุทธ์เกิดขึ้นเมื่อบุคคลได้ความรู้ของสถานการณ์มากขึ้น และความสามารถขององค์การที่จะจัดการมัน ด้วยวิถีทางนี้ การกำหนดและการดำเนินการเกี่ยวพันระหว่างกัน องค์การขึ้นอยู่อย่างมากกับประสบการณ์ของพวกเขา และการเกิดขึ้นของตลาด ตามสำนักนี้องค์การสร้างกลยุทธ์ดูที่อตีด ไม่จำต้องเป็นอดีตของพวกเขาเอง
พวกเขาใช้สัญญานจากกลยุทธ์ภายในตลาด
5 สำนักผู้ประกอบการ
การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการของวิสัยทัศน์ สำนักความคิดนี้เชื่อว่า กลยุทธ์เป็นกระบวนการของวิสัยทัศน์ การกำหนดกลยุทธ์เกิดขึ้นจาก
วิสัยทัศน์ภายในใจของผู้ก่อตั้ง การใช้สัญชาติญาน ดุลยพินิจ ประสบการณ์ และการหยั่งรู้ ผู้บริหารหรือผู้นำมีบทบาทศูนย์กลางที่สร้างกลยุทธ์และดำเนินการวิสัยทัศน์ หมายความว่ากลยุทธ์ยืดหยุ่นได้และปรับตัวตามประสบการณ์ของผู้นำ วิถีทางนี้มองการกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการวิสัยทัศน์ เกิดขึ้นภายในใจของผู้ก่อตั้งที่มีบารมีขององค์การ กระบวนการกำหนดกลยุทธ์ถูกจำกัดด้วยวิสัยทัศน์อนาคตขององค์การของผู้นำ วิสัยทัศน์กำหนดโดยผู้นำ
จะเป็นแรงจูงใจต่อบุคคลรายรอบเขา
6 สำนักอำนาจ
การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการของการเจรจาต่อรอง สำนักความคิดนี้เชื่อว่ากลยุทธ์กลยุทธ์เป็นกระบวนการของการเจรจาต่อรอง การกำหนดกลยุทธ์ปรากฏขึ้นจากเกมอำนาจภายในและภายนอกองค์การ
กลยุทธ์เป็นผลลัพธ์ของเกมอำนาจที่แตกต่างกันทั้งภายในและภายนอกองค์การ การเจรจาต่อรองเป็นองค์ประกอบศูนย์กลางของสำนักอำนาจ
บุคคลที่มีอำนาจทำการตัดสินใจ การเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถือครองอำนาจภายในองค์การ และระหว่างองค์การและผู้มีส่วนได้เสียภายนอก ศูนย์กลางอำนาจสามารถเป็นลูกค้า ซัพพลายเออร์ สหภาพคนงาน หรือผู้นำภายในองค์การ ใครก็ตามมีอำนาจเหนือบริษัทขับเคลื่อนบริษัทไปข้างหน้า ศูนย์อำนาจมั่นใจว่าการต่อต้านการดำเนินกลยุทธ์จะน้อยลง
7 สำนักการเปลี่ยนแปลง
การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการของการเปลี่ยนแปลง สำนักความคิดนี้เชื่อว่ากลยุทธ์เป็นกระบวนการของการปฏิรูปองค์การ การเปลี่ยนแปลงองค์การอย่างสำคัญ สองด้านที่สำคัญของสำนักนี้คือ หนึ่งอธิบายสภาวะขององค์การและสภาพแวดล้อมของมัน สองอธิบายกระบวนการสร้างกลยุทธ์เป็นการปฏิรูป การเปลี่ยนแปลงเป็นผลตามมาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การกำหนดกลยุทธ์ต้องถูกปรับแต่ง กลยุทธ์ทำให้องค์การก้าวจากตำแหน่งหนึ่งไปสู่อีกตำแหน่งหนึ่ง ตามสำนักการเปลี่ยนแปลง กลยุทธ์ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงหลายอย่าง และไม่สามารถได้มาจากข้อมูลสถิติและค่านิยมธรรมดา สำนักนี้พยายามที่จะค้นหาการรวมกันของทุกลักษณะของเก้าสำนักอื่น
8 สำนักวัฒนธรรม
การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการของการร่วมกัน สำนักความคิดนี้เชื่อว่ากลยุทธ์เป็นกระบวนการทางสังคมที่มีรากฐานมาจากวัฒนธรรม การกำหนดกลยุทธ์สะท้อนวัฒนธรรมขององค์การ การสร้างกลยุทธ์ถูกมองเป็นกระบวนการรากฐานอยู่ภายในอำนาจทางสังคมของวัฒนธรรม การมุ่งที่ผลประโยชน์ร่วมกันและการผสมผสาน การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการของการ
เกี่ยวพันระหว่างกันทางสังคมอยู่บนพื้นฐานความเชื่อและความเข้าใจร่วมกันโดยบุคคลขององค์การ บุคคลได้รับความเชื่อเหล่านี้ผ่านทางกระบวนการของการขัดเกลาทางสังคมภายในองค์การ
9 สำนักความคิด
การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการของความคิด สำนักความคิดนี้เชื่อว่า
กลยุทธเป็นกระบวนการความคิดภายในใจของนักกลยุทธ์ กลยุทธ์จะปรากฏขึ้นจากแนวคิด แบบจำลอง และกรอบข่าย การพิจารณาอะไรเกิดขึ้นภายในใจของนักกลยุทธ์ และมองกลยุทธ์เป็นกระบวนการความคิด ตรงที่เรามีโอกาส
เพี่อการตีความอย่างสร้างสรรค์ นักกลยุทธ์มีสไตล์ความคิดแตกต่างกัน เช่น การคิดหรือความรู้สึกสนใจภายนอกหรือชอบอยู่คนเดียว ภายใต้สำนักความคิดนี้ องค์การให้ความสำคัญต่อการรับรู้ของบุคคลและพฤติกรรมของพวกเขา องค์การสามารถทำธุรกิจได้ดีขึ้นโดยความเข้าใจบุคคล ซัพพลายเออร์ และลูกค้าของพวกเขา
10 สำนักการออกแบบ
การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการของการสร้างแนวคิด สำนักความคิดนี้เชื่อว่า กลยุทธ์เป็นกระบวนการคิดของการบรรลุความสอดคล้องระหว่างความสามารถภายในและโอกาสภายนอกขององค์การ ดังนั้นกลยุทธ์ขององค์การถูกออกแบบที่จะเเสดงความสอดคล้องเป็นไปได้ดีที่สุด การวิเคราะห์
สวอทมักจะถูกใช้ที่นี่ การระบุจุดเเข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคขององค์การ จุดแข็งและจุดอ่อนขององค์การจะถูกเชื่อมโยงกับโอกาสและอุปสรรค การกำหนดกลยุทธ์เป็นกระบวนการที่เจตนาของการคิดอย่างรู้สึก
ซีอีโอเป็นนักกลยุทธ์ที่สำคัญพัฒนากลยุทธ์และควบคุมการดำเนินการ
คณะบริหารธุรกิจแรกและเก่าแก่ที่สุดเป็นสำนักการออกแบบ สำนักการออกแบบเป็นกลยุทธ์ที่ดีเพื่อการบริหาร เพราะว่ามันมุ่งที่การค้นพบความคิด
และโมเดลสวอทช่วยให้บรรลุสิ่งนี้ การออกแบบกลยุทธ์ล่วงหน้าไกลเกินไป
หรือด้วยระยะห่างมากเกินไปจากการดำเนินการจริงสามารถนำไปสู่ความ
ล้มเหลวได้ นี่เป็นความจริงของกลยุทธ์ทางทหารของอเมริการะหว่างสงคราม
เวียตนาม การกำหนดกลยุทธ์จากอีกด้านหนึ่งของโลก และล้มเหลวเพราะว่าพวกเขาไม่ได้พิจารณาสภาวะบนพื้นดิน
สำนักการวางแผนยิ่งใหญ่เพื่อการสร้างแผนและเป้าหมาย สำนัการออกแบบเริ่มแรกพิจารณากลยุทธ์โดยส่วนรวม ก่อนการนำมันลงสู่การปฏิบัติ นี่เป็นกลยุทธ์แบบกำหนด เพราะว่ามันระบุการกระทำที่ต้องทำ สำนักการวางแผน
มุ่งหมายที่จะแบ่งโมเดลสวอทเป็นขั้นตอน มันเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์ และจบลงด้วยการดำเนินการกลยุทธ์ สำนักการวางแผนเชื่อภายในการสร้างแผนที่จะบรรลุเป้าหมาย ข้อเเรก การวิเคราะห์สถานการณ์ ข้อสองการสร้างแผนรับมือสถานการณ์และบรรลุเป้าหมาย ข้อสาม การพัฒนาขั้นตอนที่จะนำบุคคลดำเนินการตามแผน
สำนักการวางตำแหน่งมองกลยุทธ์เป็นการวิเคราะห์ บุคคลส่วนใหญ่ไม่ต้องการภาระด้วยทางเลือกมากเกินไป พวกเขาควรจะมีการตัดสินใจที่ชัดเจน ไม่ใช่ต้องเลือกจากหลายทางเลือก สิ่งนี้บรรลุโดยสำนักการวางตำแหน่ง การระบุว่าบริษัทควรจะเดินตามเส้นทางเดียวและยึดมั่น เพื่อที่ภาพพจน์ตราสินค้าของพวกเขาได้กลายเป็นรับรู้

เฮนรี มิงท์เบิรก ได้กล่าวว่า ผู้ประกอบการมักจะจัดการธุรกิจของพวกเขาคล้ายกับการถือฆ้อน เรามีคำพูดว่า ถ้าทั้งหมดที่เรามีคือฆ้อน ทุกสิ่งทุกอย่างจะเหมือนตะปู สิ่งสำคัญคือเราจะต้องเข้าใจธุรกิจทั้งหมด ไมใช่เพียงส่วนหนึ่งที่ชอบของเราของธุรกิจที่เราทำอยู่
เครื่องมือที่เราสามารถประยุกต์ใช้กับปัญหาจะเปลี่ยนแปลงการรับรู้ความท้าทายและข้อแก้ปัญหาที่เหมาะสมของเรา สุภาษิตที่นิยมแพร่หลายจะแสดงความคิดนี้ด้วยการเปรียบเทียบที่ดึงดูด
* ต่อบุคคลที่มีฆ้อน ทุกสิ่งทุกอย่างจะดูคล้ายกับตะปู
* ถ้าเรามีเครื่องมืออย่าเดียวเท่านี้นคือฆ้อน จากนั้นปัญหาทุกอย่างจะดูคล้าย
กับตะปู
* การให้ฆ้อนแก่เด็ก และเขาจะปฏิบัติต่อทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับตะปู
คำพูดอ้างอิงนี้มักจะอ้างถึงมาร์ค ทเวน แต่เราจะไม่พบหลักฐานที่ยืนยันว่าเขาได้พูดหรือเขียนมัน แต่คำพูดอ้างอิงที่เราได้พบปัจจุบันนี้จะมาจากอับราฮัม มาสโลว์ นักจิตวิทยาอเมริกัน ย้อนหลังไปเมื่อ ค.ศ 1966 มันจะเป็นขุมสมบัติทางปัญญาด้วยถ้อยคำไม่ถึง 25 คำ
เราจะมีคำพูดเก่าแก่ว่า ถ้าเครื่องมือที่เรามีคือฆ้อนเท่านั้น เราจะเริ่มต้นปฏิบัติต่อปัญหาทุกอย่างของเราเหมือนกับตะปู” คำพูดอ้างอิงนี้จะย้อนหลังกลับไปยังค.ศ 1964 และอับราฮัม แคปแลน ได้สร้างถ้อยคำครั้งแรกว่า จงให้ฆ้อนแก่
เด็็กชายตัวเล็กคนหนึ่ง และเขาจะพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้เผชิญต้องการการตีกระหน่ำ อับราฮัม มาสโลว์ ได้ปรับปรุงมันเมื่อ ค.ศ – 1962 เป็น ถ้าทั้งหมดเรามีคือฆ้อน ทุกสิ่งทุกอย่างจะเหมือนกับตะปู ดังนั้นทำไมเรากล่าวถึงแนวคิดเป็น
ฆ้อนของมาสโลว์ ภายในการอ้างอิงถึงความเชื่อถือเกินไปต่อเครื่องมือที่คุ้นเคย กฎของเครื่องมือจะรู้จักกันเป็นกฏของฆ้อน ฆ้อนของมาสโลว์ หรือฆ้อน
ทองเป็นความลำเอียงทางการคิดที่เกี่ยวพันกับความเชื่อถือมากเกินไปกับเครื่องมือที่คุ้นเคย
ดังที่อับราฮัม มาสโลว์ ได้กล่าวไว้เมื่อ ค.ศ 1962 ผมคิดว่ามันจะเป็นการยั่วยวน
ถ้าเครื่องมืออย่างเดียวเท่านั้นที่เรามีอยู่คือฆ้อน การปฏิบัติต่อทุกสิ่งทุอย่างราวกับว่ามันเป็นตะปู กฏของเครื่องมือได้ถูกระบุเริ่มแรกโดยอีบราฮัม แคปแลนเมื่อ ค.ศ 1964 และพิมพ์โดยอับราฮัม มาสโลว์เมื่อ ค.ศ1966
ฆ้อนไม่ได้เป็นเครื่องมือหมาะสมที่สุดต่อความมุ่งหมายทุกอย่าง แต่กระนั้นบุคคลด้วยฆ้อนเท่านั้นชอบที่จะพยายามและซ่อมแซมทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการใช้ฆ้อนของพวกเขา บ่อยครั้งโดยไม่ได้พิจารณาทางเลือกอื่น เราชอบที่จะทำ
ด้วยสิ่งที่เรามีอยู่ ไม่ได้มองหาทางเลือกที่ดีกว่า
กฎของเครื่องมือจะแพร่หลายภายในการปฏิรูปองค์การ การปฏิรูปอย่างแท้จริงของอะไรก็ตามต้องถูกกระทำผ่านทางการรวมกันของเครื่องมือที่เหมาะสมและความเชื่อที่เหมาะสม
แต่กระนั้นเราจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจได้ โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงโมเดลความคิดก่อน การแก้ปัญหาและหรือสถานการณ์จะต้องใช้เครื่องมือที่แตกต่างกัน การเปรียบกับฆ้อน เครื่องมือ จะอ้างถึงวิธีการอย่างเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหา ตะปูจะเป็นการเปรียบเทียบกับปัญหา
จุดสำคัญคือของถ้อยคำอ้างอิดูเหมือนกับว่าด้วยเครื่องมือที่จำกัด เรามีทางเลือกที่จำกัด และมุมมองที่จำกัดด้วย ถ้อยคำอ้างอิงหมายความว่าเมื่อการรับรู้ของเราได้ขยายออกไป ความสามารถของเราเพื่อการแก้ปัญหาจะขยายไปด้วย การรับรู้ที่ขยายออกไปเทียบเท่ากับเครื่องมือที่จะเลือกจะมากขึ้น
และเมื่อเรามีเครื่องมือมากขึ้นที่จะเลือก เรามีความสามารถมากขึ้นที่จะแก้ปัญหา ตรงกันข้ามถ้าเครื่องมือของเราน้อยหรือเพียงอย่างเดียว เรามีแนวโน้มที่จะมองทุกปัญหาเป็นปัญหาที่เครืองมืออย่างเดียวของเราสามารถแก้ได้ ฆ้อนจะเป็นเครื่องมือก่อสร้างที่มีประโยชน์ แต่ถ้าฆ้อนเป็นเครื่องมืออย่างเดียวเท่านั้นที่เรามี ความสามารถของเราเพื่อการก่อสร้างจะถูกจำกัดอย่างมาก

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *