jos55 instaslot88 Pusat Togel Online เรามาจากธรรมชาติ - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

เรามาจากธรรมชาติ

เรามาจากธรรมชาติ

สิ่งมีชีวิตสืบลักษณะต่อๆไปในการขยายพันธุ์ได้ด้วย gene ใน chromosome ที่อยู่ใน cell ของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ การสืบลักษณะพันธุ์ จะมี ๒ ขั้นตอน ขั้นตอนที่ ๑ คือการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่นคนก็มีลูกออกมาเป็นคน มีอวัยวะทุกอย่างของคนหมด และขั้นตอนที่ ๒ คือ ลักษณะที่ไม่เหมือนกันของคน เช่นรูปร่างหน้าตา แต่บางครั้งสืบเนื่องกันได้ หมายถึงกรรมพันธุ์ เช่น พ่อแม่ตัวสูง ลูกออกมาก็สูงตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ ลักษณะภายนอกบางอย่างสามารถเสริมสร้าง เช่น การกินอาหาร การออกกำลังกาย หรือการทำงานอดิเรกอื่นๆ ก็อาจทำให้ตัวสูงได้

สำหรับคนที่อยู่เมืองหนาว แสงแดดน้อยมาหลายชั่วคน ลักษณะดินฟ้าอากาศและการกินอาหาร แถบนั้นทำให้คนมีผิวขาว ผมทอง ตัวใหญ่เพราะอาหารอุดมไปด้วยไขมันและโปรตีน ในขณะที่แถบร้อนชื้น คนอาจจะมีผิวคล้ำ ผมดำ เพราะแดดจัด ไม่จำเป็นต้องกินอาหารโปรตีนและไขมันมากก็อยู่ได้ ชอบแต่ของอร่อยๆ ทำให้ตัวเล็ก อย่างไรก็ตาม คนที่กินอาหารเยอะ ก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีแรงเยอะ ขณะที่คนเมืองร้อนตัวเล็กกว่า เพราะกินแป้ง (ข้าว ข้าวโพด มัน ) มากกว่าโปรตีน ไขมัน (เนื้อสัตว์ นม ) ด้วยเหตุนี้ การแข่งขันกีฬาระหว่างคนเมืองร้อน กับเมืองหนาว ประเภททีม คนเมืองร้อนอาจจะสู้ไม่ได้ เพราะคนตัวใหญ่แข็งแรงมากกว่า วิ่งเร็ว หรือหนักกว่า อย่างไรก็ตาม คนที่กินแป้งอาจจะแก่ช้า ทรวดทรงคงที่นาน ไม่หย่อนยาน ถ้าไม่ตามใจตัวเองมากเกินไป

เป็นวิวัฒนาการที่สิ่งมีชีวิต เมื่อเกิดออกมาแล้ว ต้องดำรงชีวิต กินอาหาร หายใจ ถ่ายของเสีย สร้างความเจริญเติบโต จนถึงวัยเจริญพันธุ์ ก็มีการผสมพันธุ์ระหว่างเพศผู้เพศเมีย เกิดเป็นอีกชีวิตหนึ่ง หรือหลายๆชีวิตสืบต่อไป ต่อจากนั้น ชีวิตก็เข้าสู่วัยชรา โรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า จากไปในที่สุด

ถึงจะเก็บร่างของผู้ที่จากไปไว้ในสุสาน แต่ถ้าเป็นคนธรรมดา เมื่อผ่านไปนานเข้า ไม่มีใครไปติดตามกราบไหว้ ก็ต้องมีการเอาร่างออกมาเผาไม่วันใดก็วันหนึ่ง สำหรับสังคมในแถบบ้านเรา คนตายก็เผาเลย แล้วเก็บอังคารไปลอยน้ำ ทั้งนี้ ในที่สุด ร่างกายคนเราก็กลับคืนไปสู่ธรรมชาติ (ดินน้ำลมไฟ) เพราะความจริงก็มาจากธรรมชาติ (เชื้อพันธุ์ อาหาร อากาศ น้ำ ฯลฯ) นั่นเอง

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผมไปหาดใหญ่ เพื่อไปส่งน้องชายญาติสนิทที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ได้เลือกการเดินทางโดยรถยนต์เพราะจะได้มียานพาหนะไว้ใช้ที่หาดใหญ่ ซึ่งคิดว่าน่าจะประหยัดกว่าวิธีอื่น และใช้รถยนต์ไม่ต้องแบกสัมภาระเคลื่อนที่ไปมา ใช้รถยนต์ค่อนข้างใหม่ ของครอบครัวน้องสาว ยี่ห้อ Toyota Cross ซึ่งสามีของน้องสาวที่ยังแข็งแรงเป็นคนขับ รถยนต์ชนิดนี้ เป็น hybrid ช่วงวิ่งในระยะแรกใช้แบตเตอรี่ จนถึงความเร็วที่กำหนด ก็เปลี่ยนใช้น้ำมันโดยอัตโนมัติ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

เมื่อสมัยก่อน ประมาณ ๓๐ กว่าปีมานี้ เคยเดินทางโดยรถไป-กลับ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ในตอนนั้น จำได้ว่า ผ่านสุราษฎร์ธานี ไปทางอำเภอกาญจนดิษฐ์ และนครศรีธรรมราช ซึ่งระยะทางจะไกลกว่าเส้นทางปัจจุบันเล็กน้อย สำหรับครั้งนี้ เมื่อถึงอำเภอพุนพิน ตรงไปทุ่งสง ถึงพัทลุงแล้วเข้าหาดใหญ่เลย ซึ่งถนนดีมาก แยกขาไปขากลับคนละเส้นทาง คงจะลดอุบัติเหตุได้บ้าง มีบางช่วงที่ใกล้จะถึงหาดใหญ่ มีซ่อมถนน และทางเบี่ยง ซึ่งเป็นธรรมดาสามัญในบ้านเรา ที่ต้องมีการทำถนน ไม่ว่าจะไปภาคไหน ทิศทางไหน ถนนลงใต้ที่ดีเส้นนี้ ดูในแผนที่ เหมือนกับยาวถึงนราธิวาสเลย

ระหว่างทาง แวะฝากท้องกับร้านข้าวแกงในปั๊ม ปตท. เช่น ปั๊มลุงเท่ง ใกล้ๆกับแยกหมู่บ้านสหกรณ์หุบกระพง เป็นลักษณะข้าวแกงปักษ์ใต้ มีผักสดและน้ำพริกกะปิตั้งอยู่ ตักเอาตามอัธยาศัย ตรงพัทลุง เห็นป้ายโฆษณาใหญ่ ว่า ร้านหลานตาชุบ แต่ไม่ได้แวะ ที่นั่น ยังมีหลายร้าน ที่เขียนทำนองว่า ลูกคนนั้น หลานคนนี้ น่าจะเป็นค่านิยม ที่ผู้คนในละแวกนี้ ติดใจรสฝีมืออาหารคนอายุมาก คงจะอร่อยพอสมควร

ตลอดเวลาที่อยู่หาดใหญ่ ไปร่วมงานสวดศพน้องผม ไม่ได้ไปกินอาหารข้างนอก เพราะมีอาหารเลี้ยงตลอดทั้งมื้อเที่ยงและเย็น เป็นข้าวและกับข้าวปักษ์ใต้ ปัจจุบันนี้ กินอาหารปักษ์ใต้จนเคยชิน ขนาดที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ก็ยังมีข้าวแกงปักษ์ใต้หลายร้าน คิดว่าเดี๋ยวนี้ ถ้าจะกินข้าวแกงแล้ว ต้องข้าวแกงปักษ์ใต้ถึงอร่อย ตอนขากลับ ได้แวะกินขนมจีนที่หลังสวน ซึ่งร้านนี้ ลูกค้าเยอะมาก พอดีเป็นวันออกพรรษาที่นั่นมีเทศกาลแข่งเรือ คนจึงคึกคักเป็นพิเศษ แล้วไปแวะกินข้าวเย็นที่หัวหินจึงกลับกรุงเทพฯ สรุปแล้ว ขาไป ออกจากบ้าน ๖ โมงเช้า ถึงหาดใหญ่ ประมาณ ทุ่มเศษ ตรงไปที่วัดที่จัดงานเลย แม้พิธีการจะเสร็จแล้ว ก็ยังได้กินข้าวเย็น สำหรับการเดินทางขากลับ ออกจากหาดใหญ่ ๖ โมงเช้า ถึงบ้านกรุงเทพฯ ๓ ทุ่มกว่า เพราะแวะหลังสวน และกินข้าวเย็นนานหน่อย

เมื่อ ๒-๓ วัน ที่ผ่านมานี้ เพื่อนที่อยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ยังเล็กๆ และติดต่อกันเสมอๆ เป็นเพื่อนสนิทจนกระทั่งปัจจุบัน ก็เสียชีวิตลงด้วยความอาลัย เขาเป็นคนที่มีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนๆที่เดือดร้อนมาโดยตลอด ไปร่วมงานเผา ส่งเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย มีเพื่อนๆ รวมทั้งแขกอื่นๆหลายคน ซึ่งเป็นอานิสงค์ของความดี มีน้ำใจของเพื่อนที่ทำไว้ นอกจากนั้น ยังมีรุ่นพี่ๆ ที่เคยทำงานด้วยกัน และแต่ละคน ผมสนิทกับเขามาก ก็ทะยอยจากไปอีกหลายคนในช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ ชีวิตก็แค่นี้ เสร็จแล้ว ทุกๆคนก็ต้องจากในวัยที่แตกต่างกัน เป็นความเศร้า และใจหาย เมื่อมาคิดถึงเรื่องเหล่านี้

สำหรับผม ก็พยายามทำตัว ที่คิดว่าอะไรเป็นประโยชน์ต่อร่างกายก็ทำหมด ดื่มน้ำมะเขือเทศตอนเช้า กินไข่วันละ ๒ ฟอง yogurt วันละ ๒ ถ้วย รวมถึง วิตามิน ยาลดความดัน และยาลดไขมัน ตามที่หมอจัดให้ สืบเนื่องจากที่หลานๆมาเยี่ยมตากับยายเมื่อหลายเดือนก่อน พอหลานกลับไปแล้ว ทิ้งนม pasteurize ไว้ขวดใหญ่ในตู้เย็น ลองดื่มนมดังกล่าวแล้ว รู้สึกว่าดี จึงซื้อมาดื่มคู่กับ yogurt ทุกคืน และเมื่อ ๒ สัปดาห์ก่อน มีมะพร้าวอ่อนมาที่บ้าน ๑ ทะลาย ซึ่งเคยอ่านมาว่าน้ำมะพร้าวก็มีประโยชน์มาก พอดีหลังอาหารเย็น ได้ดื่มน้ำมะพร้าว พร้อมกับนม และ yogurt พอเข้านอน ประมาณ ตี ๒ ฝันว่ากำลังปัสสาวะ ตกใจตื่น ใจหายวาบ กลัวว่าจะฉี่รดที่นอน แต่ก็โล่งใจที่ได้แตฝัน จึงไปเข้าห้องน้ำเพราะอั้นไว้นานในชณะที่หลับ พอคืนต่อไป ได้ดื่มน้ำมะพร้าวที่ยังเหลืออยู่ด้วยเสียดาย ก็ฝันว่าปัสสาวะอีกครั้งหนึ่ง ตกใจตื่น และปวดปัสสาวะเหมือนเมื่อคืนก่อน นับว่าโชคดีที่ไม่ได้ฉี่รดที่นอนทั้ง ๒ คืน เพราะเคยได้ยินเกี่ยวกับฝันว่าปัสสาวะแล้วฉี่รดที่นอนเลย ไม่ได้ฝันอย่างเดียว

ก่อนที่จะจบบทความนี้ ขอเล่าอีกเรื่องหนึ่ง คือไปสังสรรค์กับพี่ๆ เพื่อนๆและน้อง ที่เรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ซึ่งเริ่มเปิดเรียนพบปะกันครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ถึงปัจจุบัน ครบ ๒๕ ปีพอดี ซึ่งหลายคนอายุเกิน ๗๕ หรือส่วนใหญ่ อายุเกือบๆ ๘๐ แล้ว เริ่มต้นจากการทำบุญเลี้ยงพระที่วัดเครือวัลย์วรวิหาร แล้วไปรับประทานอาหารกันที่หอประชุมกองทัพเรือ โดยจัดรายการให้มี cocktail ยืนคุยกันก่อน จนการคุยชักจะเลอะเทอะนอกเรื่องแล้ว ก็ไปนั่งโต๊ะดีกว่า มีกลุ่มคนที่เคยสาวยืน cocktail ไม่ไหว ถือโอกาสไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนเลย จัดอาหารแบบฝรั่ง เริ่มต้นด้วย soup เรียกน้ำย่อยคนละถ้วย แล้วต่อด้วย steak ปลา รายการของหวานคือข้าวเหนียวมะม่วง และกาแฟ ทั้งนี้ ตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มต้น มีการเสริพไวน์เพื่อความกระชุ่มกระชวย ให้กับทุกๆคนที่ยังดื่มได้ ระหว่างรับประทานอาหาร ก็มีการเชิญเพื่อนๆเป็นกลุ่มๆ ขึ้นเวที ถ่ายรูปร้องเพลง สำหรับแม่บ้าน (spouse) ได้ขึ้นเวทีและร่วมกันร้องเพลงสนุกสนาน หลายๆคน ดูแล้วยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เห็นแล้วก็ดีใจกับทุกๆคน นี่ยังดีว่า ครบ ๒๕ ปีมากันแค่นี้ (ประมาณ ๙๐ คน) พอครบ ๓๕ ปี จะมาแค่ไหน ไม่สามารถคาดเดาได้ ทั้งนี้ นับเป็นกิจกรรมที่ประทับใจอันหนึ่งเลยนะครับ
บู๊ คนเคยหนุ่ม กรุงเทพฯ
๑๑ พย. ๒๕๖๖

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *