jos55 instaslot88 Pusat Togel Online ผมให้“แฮร์ริส”ชนะขาดการโต้วาทีครั้งแรก - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ผมให้“แฮร์ริส”ชนะขาดการโต้วาทีครั้งแรก

สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
ผมให้“แฮร์ริส”ชนะขาดการโต้วาทีครั้งแรก
เมื่อเช้าวานนี้(๑๐ กย.๖๗)ตามเวลาในไทย ผมพยายามเข้าไปดูการถ่ายทอดสดจากโทรทัศน์เอบีซี(เจ้าภาพ)ในการจัดโต้วาทีสำแดงบุคลิกภาพและสติปัญญาระหว่าง”โดนัลด์ ทรัมพ์”อดีตประธานาธิบดีสหรัฐและ”กมลา แฮร์ริส”รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน อันเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ ๕ พย.๖๗ นี้ครับ
โดยมีผู้ดำเนินรายการเอบีซี ตั้งคำถามและควบคุมเกม
แม้ผมจะมีปัญหาติดขัดชมได้ไม่ต่อเนื่อง ด้วยสัญญานขาดๆ หายๆ ไปบ้าง แต่ก็พอจับใจความในประเด็นต่างๆ ได้มากพอ ที่จะนำเอาเขียนเล่าสู่กันอ่านได้ครับ
การโต้วาทีเที่ยวนี้ดีที่”เอบีซี”เขาไม่ปล่อยให้โต้เถียงกันชนิดที่ห้ามไม่ทัน เช่นที่”ทรัมพ์”เคยโต้กับ”ไบเดน”เมื่อครั้งกระโน้นที่”ไบเดน”ชนะเลือกตั้ง ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี
เพราะครั้งนี้“เอบีซี”ปิดไมโครโฟนของฝ่ายหนึ่ง ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งพูด แต่ก็ได้ยินเสียงฝ่ายที่พูดครับ
เมื่อเริ่มการโต้วาที ผมได้เห็น “แฮร์ริส”เดินเข้าไปจับมือกับ “ทรัมพ์”ก่อนที่จะเข้าประจำแท่นพูด แสดงมารยาทความเป็นผู้ที่มีอายุน้อย( ๕๙ ปี) เธอช่างเป็นสุภาพสตรีที่อ่อนน้อมเสียจริงๆ สะท้อนความเป็นคนเชื้อสายเอเชียชัดๆ
น่าประทับใจมากครับ สำหรับผม
แต่เวลาโต้วาที เธอไม่มีอาการตระหนกตกประหม่าอะไรให้เห็นเลย เป็นที่น่าแปลกใจแก่ผู้ชมมากทีเดียว ด้วยแต่แรกก็นึกว่าจะหวาดหวั่นในเดชะบารมีของ  “ทรัมพ์”(อายุ ๗๘ ปี) ในแง่ที่เขามีประสบการณ์ทางการเมืองมากกว่ามาก
แต่กลับแสดงความใจเย็น ด้วยการยิ้มเกือบตลอดรายการ แม้ “ทรัมพ์”จะตอบโต้แรงๆและดุเดือดคล้ายกับจะ “ท้าชน”
ที่ประทับใจผมมากก็คือ เธอรุกตลอดเวลา ในขณะที่  “ทรัมพ์”มักหยิบยกเรื่องเก่าๆ มาโจมตีเธอ เช่นเรื่องนโยบายทำแท้ง หรือนโยบายคนอพยพเข้าเมืองที่ ”“ทรัมพ์”ว่าการปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาเข้ามาแย่งงาน เข้ามาแสดงพฤติกรรมแปลกๆ เหมือนไม่ใช่คน เช่นกินหมา กินแมว กินสัตว์เลี้ยง ซึ่งเรียกเสียงฮาจากผมเลยละครับ
แต่ “แฮร์ริส”โต้ว่านั่นเป็นการเอาเรื่องเก่าๆ มาพูด  พูดชนิดไม่มองไปในอนาคตของชาติข้างหน้าข้าง
เธอต่างหากที่มองไปข้างหน้า ที่สำคัญไปกว่านั้นการโต้วาทีคราวนี้ ทรัมพ์ “ไม่ได้แข่งกับ”ไบเดน”แต่แข่งกับเธอต่างหาก
เล่นเอา”ทรัมพ์”หน้าเครียดไปเลยทีเดียวเชียวครับ
“ทรัมพ์”พยายามใช้ความเป็นมืออาชีพ ซึ่งเคยทำหน้าที่พิธีกรในรายการโทรทัศน์เอ็นบีซี หลีกเลี่ยงบางคำถาม ที่เขาหวาดหวั่น ไม่ตอบตรงๆ
เช่นเมื่อพิธีกร”เอบีซี “ถามว่า”เคยรู้สึกเสียใจหรือไม่ ที่ยุยงส่งเสริมให้ฝ่ายที่นิยมเขาก่อความวุ่นวาย เพื่อขัดขวางการประชุมวุฒิสภารับรองการขึ้นเป็นประธานาธิบดีของ  “ไบเดน”
ปรากฏว่า “ทรัมพ์”แถไปพูดว่าเขาไม่เคยยุยงใคร จนกระทั่งถูกถามย้ำว่า ขอให้ตอบเพียงว่าเคยเสียใจหรือไม่เท่านั้น
แต่ “ทรัมพ์”ก็เฉไฉ ไม่ยอมตอบว่าเสียใจหรือไม่
ในกรณีนี้ “แฮร์รี”ได้ที ก็ออกมาพูดว่า การทำเช่นนั้นคือการบ่อนทำลายชาติ บ่อนทำลายประชาธิปไตย
แต่เธอต่างหากที่พยายามธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยให้ยั่งยืน ไม่สร้างความแตกแยกในชาติ
หรือแม้แต่ที่ต่อคำถามที่ว่าทำไม”ทรัมพ์”พูดหาเสียงก่อนหน้านี้ว่า”แฮร์ริส”บังเอิญเป็นคนดำนั้น
ปรากฏว่าเขาก็หลีกเลี่ยงไม่ตอบตรงๆ แต่บอกว่าไม่แคร์ว่า”แฮร์ริสจะเชื้อสายอะไร เธออยากจะเป็นอะไร ก็เรื่องของเธอ ผมไม่เกี่ยว”
เสร็จเลยละครับที่กลุ่มคนอเมริกันสีผิว จะเกลียดเขาเพิ่มขึ้น จากคำพูดที่เยาะเย้ยถากถางนี้
ข้อเท็จจริงก็คือ “แฮร์ริส”มีเชื้อสายลูกครึ่ง “อินเดีย-จาไมกา”
“แฮร์ริส”ก็ถือโอกาสนี้ตอบโต้ว่า”เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากที่“ทรัมพ์”หยิบสีผิวมาหาเสียง พยายามใช้เรื่องนี้มาสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่คนอเมริกันด้วยกัน”
                                                                                     “ทรัมพ์”ยังใช้ความกะล่อนออกมาโดยอัตโนมัติ เช่นที่เคยปฏิบัติมาจนเคยชิน รวมทั้งการบิดเบือน แม้ไม่โกหกตรงๆ
ซึ่งคราวนี้เมื่อพูดถึงปัญหายูเครนที่สหรัฐให้การสนับสนุนการสู้รบต่อต้านการรุกของรัสเซียอยู่
โดย“ทรัมพ์”ก็กล่าวหาว่า”แฮร์ริส”เคยดอดไปพบ”ปูติน”ก่อนที่จะสั่งบุกยูเครนไม่กี่วัน ขอให้ระงับแผนบุก
“แต่กลับทำไม่สำเร็จ”
ซึ่งเป็นการพูดที่ไม่เป็นความจริง เป็นการบิดเบือนโดยแท้
ความจริงก็คือ “แฮร์ริสไปพบ”เซเลนสกี”ในที่ประชุมความมั่นคงมิวนิคในปี ๒๐๒๐ และ “ปูติน”ก็ไม่ได้ไปร่วมประชุมที่นั่นด้วย แล้วจะไปพบกัน เพื่อร้องขอได้อย่างไร
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้คะแนนนิยมในตัวเขาต้องตกอย่างแน่นอนครับ
ยกตัวอย่างความน่าเชื่อถือที่มีต่อ “ทรัมพ์”ที่ลดลงก็คือ
“ไมค์ เพนซ์”อดีตรองประธานาธิบดีของ“ทรัมพ์”ประกาศไม่ลงคะแนนให้เขาแล้วละครับ
แต่จะไปลงคะแนนให้“แฮร์ริส” เพราะเจ็บช้ำน้ำใจในกรณีที่การประชุมวุฒิสภารับรอง”ไบเดน”ขึ้นเป็นประธานาธิบดี (ซึ่ง “ไมค์ เพนซ์”เป็นประธานในที่ประชุม)ต้องล่ม ล้มลงกลางคัน  เพราะถูกก่อกวนไล่ล่าจาก”กลุ่มขวาตกขอบที่“ทรัมพ์”ยุยงส่งเสริม
พวกนี้ยังเข้าไปทำลายทรัพย์สินในที่ประชุม จนต้องเลื่อนการประชุมไปโดยปริยาย วุฒิสมาชิกพากันหลบหนีเอาตัวรอดไปชนิด“หูตูบ”(ขออภัยที่ไม่สุภาพ)เพราะกลัวถูก“สหบาทา”ครับ
เอาเป็นว่า การโต้วาทีเที่ยวนี้ ผมให้“แฮร์รี่”ชนะขาด”ทรัมพ์”
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ผลการหยั่งเสียงประชามติอย่างเป็นทางการจะปรากฏผลออกมาอย่างไร
ว่าระหว่าง”แฮร์รี”กับ”ทรัมพ์”นั้น ใครจะชนะจะแพ้กันด้วยคะแนนเท่าไหร่
Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *