การเดินทาง 10 ไมล์
Great by Choice : การเดินทาง 10 ไมล์
เราจะนำบริษัทให้บรรลุความสำเร็จภายในโลกที่มีความไม่แน่นอน ความวุ่นวาย แม้แต่ความสับสนได้อย่างไร ภายในหนังสือเล่มใหม่ของจิม คอลลินส์ และมอร์เท็น ฮานเซ็น Great by Choice พวกเขาได้พิจารณาปัญหาเหล่านี้ เพื่อที่จะได้คำตอบทางประสบการณ์ พวกเขาได้ศึกษาผู้นำของบริษัทที่ได้เจริญเติบโตกลายเป็นยิ่งใหญ่ภายในอุตสาหกรรมที่ไม่แน่นอนสูงคือ ไบโอเทคโนโลยี เซมิคอนดัคเตอร์ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และสายการบิน ซีอีโอของบริษัทเหล่านี้ได้เผชิญกับความวุ่นวายทางเทคโนโลยี การถดถอยทางอุตสาหกรรม และสงครามราคา แต่พวกเขาได้นำบริษัทไปสู่ผลการดำเนินงานทางการเงินระยะยาวที่ยิ่งใหญ่ได้ ประสบการณ์ของพวกเขาสามารถนำทางผู้นำที่ต้องนำภายในโลกที่วุ่นวายปัจจุบันได้
ภายในหนังสือของพวกขา Great by Choice จิม คอลลินส์ และมอร์เท็น ฮานเซ็น พวกเขาได้ศึกษาบริษัทเจ็ดบริษัทที่บรรลุความสำเร็จภายในสภาพแวดล้อมที่ยุ่งยากเปรียบเทียบกับบริษัทที่ล้มเหลวภายในสภาพแวดล้อมอย่่างเดียวกัน จิม คอลลินส์ ได้ถ่ายทอดการค้นพบผลลัพธ์เก้าปีของการวิจัย เราจะสร้างบริษัทที่บรรลุความสำเร็จภายในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนอย่างไร ความแตกต่างไม่ได้เกิดขึ้นจากบุคลิกภาพของผู้นำ ปัจจัย X ของความเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะไม่ใช่บุคลิกภาพ มันจะเป็นความถ่อมตัว เมื่อความถ่อมตัวได้ถูกรวมกับความทะเยอทะยาน มันสามารถมุ่งไปสู่ต้นเหตุที่ใหญ่กว่าและสำคัญกว่าบุคคล
พวกเขาจะเรียกบริษัทเหล่านี้ว่า บริษัท 10X บริษัท 10X คือ บริษัทที่ไม่เพียงแต่นำหน้าการแข่งขันเท่านั้น พวกเขาจะชนะดัชนีเฉลี่ยของอุตสาหกรรมของพวกเขาอย่างน้อยที่สุด 10 เท่า นานกว่าสิบห้าปีภายในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญและคาดคะเนไม่ได้ “ความสำเร็จ 10 เท่า”
หลักการนำทางของบริษัท 10X คืออะไร เมื่อ ค.ศ 1911 เราจะมีทีมนักสำรวจสองทีมแข่งขันที่จะเป็นบุคคลแรกไปสู่ขั้วโลกใต้
พวกเขาได้ใช้เหตุการณชีวิตนี้เป็นการเปรีบเที่ยบว่า บริษัทที่มีหลักการที่ดีสามารถเจริญเติบโต และบริษัทที่ขาดหลัการเหล่านี้จะพ่ายแพ้ พวกเขาได้อธิบายสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าพฤติกรรมแกนของบริษัท 10X คือ ความคลั่งไคล้ระเบียบวินัย ความคิดสร้างสรรค์เชิงประสบการณ์ และความระมัดระวังอย่างมีประสิทธิผล
และ ณ แกน “พลังขับเคลื่อนศูนย์กลาง ความเป็นผู้นำระดับ 5″ พฤติกรรม
แกนสามอย่างเหล่านี้จะถูกจูงใจด้วยความทะเยอทะยานของผู้นำระดับ 5
บริษัท 10X จะแสดงความสม่ำเสมอภายในการกระทำของพวกเขา ความสม่ำเสมอนี้จะมีชีวิตอยู่กับ ค่านิยม เป้าหมาย มาตฐานการปฏิบัติงาน และวิธีการตลอดเวลา 10Xers : อ่านออกเสียง ” Ten EX-ers” จะเป็นถ้อยคำของเราแก่บุคคลที่สร้างบริษัท 10X บริษัท 10X ได้เข้าใจว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง และพวกเขาจะไม่สามารถควบคุมได้ และไม่สามารถคาดคะเนอย่างถูกต้องได้ บริษัท 10X จะไม่ยอมรับความคิดว่าพลังภายนอกการควบคุมของพวกเขาจะกำหนดความสำเร็จของบริษัท บริษัท
10 X จะยอมรับความรับผิดชอบต่อโชคชะตาของพวกเขาเอง
ต่อจากนั้น บริษัท 10X จะทำให้ความคิดนี้มีชีวิตด้วยกลุ่มพฤติกรรมแกนสามอย่าง : คือความคลั่งไคล้วินัย การรักษาบริษัท 10X อยู่บนเส้นทาง ความคิดสร้างสรรค์เชิงประสบการณ์ การรักษาบริษัท 10X ให้ก้องกังวาล และความหวาดระแวงอย่างมีประสิทธิผล การรักษาบริษัท 10 ให้รอดพ้นอันตราย พฤติกรรมแกนสามอย่างเหล่านี้จะถูกจูงใจด้วยความทะเยอทะยานระดับ 5 ดูรูปความผู้นำ 10X คุณลักษณะทางพฤติกรรมเหล่านี้จะสัมพันธ์กับการบรรลุผลลัพธ์ 10X ภายในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนและวุ่นวาย เราสามารถมองเห็นพฤติกรรมเหล่านี้ภายในการ
กระทำ เมื่อได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวภายในหนังสือการแข่งขันผจญภัยที่จะเป็นมนุษย์คนแรกภายในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของการเดินทางไปสู่ขั้วโลกใต้ต้น ค.ศ 1900
บริษัท 10X เข้าใจว่าพวกเขาจะมีการคุกคามและการเปลี่ยนแปลงภายในสภาพแวดล้อม พวกเขาจะปรับตัวต่อการคุกคาม แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ภายในช่วงระยะเวลาที่ดีิ ผู้นำ 10X จะรับรู้ความกลัวและความกังวลของพวกเขา และนำลงไปสู่การกระทำ พวกเขาจะวางแผนตามสถานการณ์ และรักษาจำนวนที่เผื่อเพื่อความปลอดภัยไว้มาก จิม คอลลินส์ ได้ชี้ว่าบริษัท 10X จะตระเตรียมเพื่อเหตุการณ์ “หงษ์ดำ” หมายถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เนื่องจากบริษัท 10X ไม่สามารถคาดคะเนว่าเมื่อไรเหตุการณ์จะเกิดขึ้น พวกเขาชอบจะมีส่วนเผื่อความปลอดภัยไว้มาก และทางเลือกหลายทางก่อนที่ “หงษ์ดำ” จะเกิดขึ้น
พวกเขาจะสร้างกันชนและเครื่องกันกระแทก เพื่อที่จะจัดการเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดหวัง
ภายในหนังสือ Great by Choice จิม คอลลินส์ ได้อธิบายแนวคิดที่สำคัญหลายอย่างจากการวิจัยของพวกเขา และแนวคิดหนึ่งจากแนวคิดเหล่านี้คือ การเดินทาง 20 ไมล์ เราจะต้องไม่เคยอวดดีภายในช่วงเวลาที่ดี และไม่เคยจะลำบากภายในช่วงเวลาที่ไม่ดี การเดินทาง 20 ไมล์ จะอ้างถึงเรื่องราวของ
ทีมนักผจญภัยสองทีม แข่งขันที่จะไปสู่ขั้วโลกใต้ เมื่อ ค.ศ 1911 ผู้นำของทีมสำรวจทั้งสองทีมคือ โรอัลด์ อมุนด์เซน และโรเบิรต สก็อต พวกเขาจะมีภูมิหลังและทักษะอย่างเดียวกัน และทั้งสองทีมนักสำรวจจะเผชิญกับสภาวะทางสิ่งแวดล้อมอย่างเดียวกันระหว่างการเดินทางของพวกเขา ทีมแรกจะมีแผน ทุกวันพวกเขาจะเดินทาง 20 ไมล์ ไม่มากหรือไม่น้อยกว่านี้ เพื่อที่จะรักษาพลังไว้ ทีมที่สองจะไม่มีแผน พวกเขาต้องการจะไปสู่จุดหมายปลายทางให้รวดเร็วที่สุด ดังนั้นพวกเขาจะเดินทางอย่างบ้าคลั่ง เรื่องราวได้จบลงด้วยทีมแรกได้ชัยชนะไปสู่ขั้วโลกใต้เป็นครั้งแรก และเดินทางกลับมาด้วยความปลอดภัยทุกคน ทีมที่สองได้พ่ายแพ้ไปถึงขั้วโลกใต้ได้ช้ากว่า และได้เสียชีวิตจากการเดินทางกลับทุกคน
บริษัท 10X จะมีความคลั่งใคล้ระเบียบวินัยของการเดินทาง 20 ไมล์ แทนที่จะเปลี่ยนแปลงเส้นทางอย่างต่อเนื่อง การก้าวไปข้างหน้าอย่างรุกราน และการรับเอาความเสี่ยงภัยที่สูง พวกเขาจะคิดถึงความเป็นได้อยู่เสมอที่เหตุการณ์จะกลายเป็นต่่อต้านพวกเขาได้ทุกเวลา
บริษัท 10X จะคิดถึงแผน และระมัดระวัง และติดอยู่กับแผนนั้น พวกเขาจะมุ่งไปสู่เป้าหมายระยะยาว ไม่ใช่การหันเหไปสู่สิ่งล่อใจระยะสั้น ความหวาดกลัว และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง พวกเขาจะไม่ตกใจภายในช่วงเวลาที่ไม่ดีื หรือพวกเขาจะไม่ขยายตัวอย่างมากภายในช่วงเวลาที่ดี
การเดินทาง 20 ไมล์ จะไม่เป็นเพียงแต่แนวคิด มันจะเกี่ยวกับการมีกลไกที่มีตัวตน ชัดเจน และมุ่งการปฏิบัติงานที่รักษาเราให้อยู่บนเส้นทาง การเดินทาง
20 ไมล์ จะสร้างความไม่สบายที่บังคับตัวเราเองสองประเภท : ความไม่สบายของความผูกพันอย่างแน่วแน่ต่อการปฏิบัติงานที่สูงภายในสภาวะที่ยากลำบาก
และความไม่สบายของการยับยั้งการปฏิบัติงานที่ไม่สูงเกินไปภายในสภาวะที่ดี
การเดินทาง 20 ไมล์ : มาตรฐานการปฏิบัติงานที่ระบุไว้อย่างชดเจนที่มีทั้งขอบเขตล่าง – ความทะเยอทะยานที่จะบรรลุเป้าหมาย และขอบเขตบน – การควบคุมตัวเองที่จะยับยั้งแม้ว่าจะบรรลุสูงกว่าเป้าหมายได้ง่าย
ตัวอย่างเช่น เซ้าธ์เวสท์ แอร์ไลน์ ได้กำหนดเป้าหมายที่จะสร้างวัฒนธรรมบริษัทที่แตกต่างออกไป และได้ทำกำไรอยู่ทุกปี แม้ว่าอุตสาหกรรมสายการบินโดยส่วนรวมจะขาดทุน เนื่องจากการถดถอยทางทางเศรษฐกิจ สายการบินอื่นต้องปลดบุคคลออกจากงาน และขาดแคลนเงินสดจำนวนมาก เซ้าธ์เวสท์ แอร์ไลน์ ได้บรรลุเป้าหมายของพวกเขาสามสิบปีติดต่อกันมาโดยไม่ต้องปลดบุคคลออกจากงานแม้แต่คนเดียว ดังที่จิม คอลลินส์ ได้อธิบายภายในหนังสือที่เกิดขึ้นจากการวิจัยบริษัท 10X ของพวกเขาชื่อ Great by Choice เซ้าธ์เวสท์ แอร์ไลน์ ได้ เจริญเติบโตอย่างระมัดระวังและมั่นคง
เซ้าธ์เวสท์ แอร์ไลน์ จะมีระเบียบวินัยของการยับยั้งภายในช่วงเวลาที่ดี พวกเขาจะไม่ขยายตัวเลยพ้นไปจากความสามารถที่จะรักษาการทำกำไรและวัฒนธรรมของเซ้าธ์เวสท์ พวกเขาจะไม่ขยายตัวออกไปภายนอกเท็กซัส จนกระทั่งเกือบแปดปี เซ้าธ์เวสท์ ได้ก้าวออกไปจากเท็กซัสด้วยขั้นตอนที่รอบคอบ เมี่อ ค.ศ 1996 มากกว่าหนึ่งร้อยเมืองได้ครึกโครมจากการบริการของเซ้าธ์เวสท์ และจำนวนสี่เมืองที่เซ้าธ์เวสท์ ได้เปิดบริการสายการบินภายในปีนั้น สี่เมืองเท่านั้น
จิม คอลลินส์ ได้เรียกชื่อบริษัท 10X ที่ใช้แนวทางอย่างระมัดระวังและมั่นคงว่า ” การเดินทาง 20 ไมล์ ” การเดินทาง 20 ไมล์ จะเป็นการเปรียบเทียบที่ถูกใช้อธิบายความแตกต่างของกลยุทธ์ระหว่างนักสำรวจ โรอัลด์ อมุนด์เซน และ โรเบิรต สก็อต ภายในความพยายามนำทีมของพวกเขา ไปสู่ขั้วโลกใต้เป็นครั้งแรก
จิม คอลลินส์ ได้เล่าเรื่องราวของการค้นพบขั้วโลกใต้ที่มีชื่อเสียง การแข่งขันระหว่างโรอัลด์ อมุนด์เซน นักสำรวจชาวนอร์เวย์ และโรเบิรต สก็อต นักสำรวจชาวอ้งกฤษ พวกเขาทั้งสองได้แข่งขันกันเป็นนักสำรวจคนแรกที่จะปักธงของประเทศของพวกเขา ณ ขั้วโลกใต้ มันจะเป็นการเดินทางที่น่าทึ่งของทั้งสองทีม พวกเขาต้องเผชิญกับการเดินทางไปและกลับมากกว่า 1,400 ไมล์ ภายในสิ่งแวดล้อมที่อุณหภูมิอาจจะลดลงถึง 20 ต่ำกว่าศูนย์ แม้แต่ระหว่างภายในช่วงเวลาของฤดูร้อน การจบลงด้วยชัยชนะของโรอัลด์ อมุนด์เซน และความเศร้าสลดจากการเสียชีวิตของโรเบิรต สก็อต
โรอัลด์ อมุนด์เซน ได้ตระเตรียมงานอย่างมาก เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับอากาศที่หนาวจัด เขาได้อยู่กับชาวเอสกิโมดูว่าพวกเขาจัดการกับความหนาวจัดอย่างไร เขาได้วิจัยการเดินทาง เขาได้ซ่อนวัสดุไว้มากกว่าที่เขาต้องการ เผื่อไว้บางสิ่งบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างทาง
โรเบิรต สก็อต จะตรงกันข้าม แทนที่จะใช้สุนัขลากเลื่อนเหมือนกับโรอัลด์ อมุนด์เซน ที่ได้เรียนรู้จากชาวเอสกิโม โรเบิรต สก็อต ได้ใช้รถลากเลื่อนที่ล้มเหลวภายในไม่กี่วันของช่วงการเดินทาง ภายใต้การไม่ได้ตระเตรียม ความไว้วางใจสัญชาติญาณของเขา เขาได้นำวัสดุเพื่อทีมสิบเจ็ดคนของเขา น้อยกว่าที่โรอ้ลด์ อมุนด์เซน ได้นำไปกับทีมห้าคนของเขา โรอัลด์ อมุนด์เซน ได้วางแผนเดินทาง 20 ไมล์ต่อวัน ถ้ามากกว่านี้เขาจะเสี่ยงภัยจากทีมสุนัขของเขาจะเหนื่อยเกินไป และถ้าน้อยกว่านี้เขาจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของการเดินทางไปถึงขั้วโลกใต้ก่อนคริสต์มาสได้ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ทีมของโรอัลด์ อมุนด์เซน ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการพิชิตขั้วโลกใต้ได้เป็นครั้งแรก ผ่านไป 45 วัน ทีมของโรเบิรต สก็อต ได้เดินทางมาถึง และมองเห็นภาพที่เจ็บปวดคือ ธงชาติของนอร์เวย์ได้ปักอยู่ก่อนแล้ว ทีมของโรอัลด์ อมุนด์เซน ได้เดินทางกลับมาที่ค่ายพักฐานได้อย่างปลอดภัย แต่ทีมของโรเบิรต สก็อตไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้เลย พวกเขาได้เสียชีวิตระหว่างทางจากสภาพอากาศที่เลวร้าย
อะไรคือความแตกต่าง ทำไมทีมนักสำรวจของโรอัลด์ อมุนด์เซน บรรลุความสำเร็จ แต่ทีมของโรเบิรต สก็อต ล้มเหลว
นักสำรวจทั้งสองคนได้ใช้วิธีการที่แตกต่างกันมุ่งไปสู่เป้าหมายอย่างเดียวกัน โรอัลด์ อมุนด์เซน ได้ใช้วิธีการของการเดินทาง 20 ไมล์ ต่อวัน วางแผนทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร หรือภูเขาจะสูงชันแคไหน ทีมของพวกเขาจะต้องเดินทางได้วันละ 20 ไมล์
โรเบิรต สก็อต ได้ใช้วิธีการของความบุ่มบ่าม การผลักดันทีมของพวกเขาให้เดินทางไปไกลและรวดเร็วภายใต้สภาพอากาศที่ดี และหยุดพักภายในค่ายภายใต้สภาวะอากาศที่ไม่ดี
ความแตกต่างจะอยู่ที่ทางเลือกที่เรียบง่ายของความเป็นผู้นำ โรอัลด์ อมุนด์เซนด์ เขาได้กำหนดเป้าหมายของการเดินทาง 20 ไมล์ ทุกวัน
ตลอดการเดินทาง โรอัลด์ อมุนด์เซน จะยึดมั่นกับระเบียบวินัยของความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ พวกเขาจะเดินทางวันละประมาณ 10 – 15 ไมล์ อยู่เสมอภายในวันที่อากาศที่ดี เมื่อสมาขิกของทีมโรอัลด์ อมุนด์เซน ได้เสนอแนะว่าพวกเขาสามารถเดินทางไปไกลขึ้นถึง 25 ไมล์ต่อวัน โรอัลด์ อมุนด์เซน ได้กล่าวว่า ไม่ พวกเขาจะต้องพักผ่อนและนอน เพื่อที่จะเสริมพลังของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาสามารถเดินทางได้วันละ 30 ไมล์ แต่โรอัลด์ อมุนด์เซน ต้องการจะเดินทางวันละ 15 – 20 ไมล์ อยู่เสมอ แม้ว่าภายใต้สภาวะอากาศที่เลวร้าย โรอัลด์ อมุนด์เซน ยังจะต้องออกเดินทางวันละ 15 – 20 ไมล์
ครั้งหนึ่งภายในการเดินทางของโรอัลด์ อมุนด์เซน ภายใน 45 วันจะถึงขั้วโลกใต้ ภายใต้สภาวะอากาศที่ดี ทีมของเขารับรู้ว่าพวกเขาสามารถได้ชัยชนะด้วยการผลักดันการฟันฝ่าอุปสรรคครั้งสุดท้าย ไปสู่จุดหมายปลายทางของพวกเขา พวกเขาจะไม่รู้ว่าทีมของโรเบิรต สก็อตอยู่ที่ไหน ดังนั้นพวกเขาได้กระตุ้นโรอัลด์ อมุนด์เซน ไปสู่ขั้วโลกใต้ภายในครั้งเดียวสุดท้ายด้วยการผลักดันการเดินทาง 45 ไมล์ อย่างไม่ลดละ แต่โรอัลด์ อมุนด์เซน ไม่ยินยอม เขาจะเดินทาง 17 ไมล์และหยุด การให้เหตุผลว่าถ้าพวกเขาได้ไปถึงขั้วโลกใต้ภายในการผลักดันอย่างยาวนานครั้งเดียว และต่อจากนั้นถ้าพายุใหญ่ที่ไม่ได้คาดหมายไว้ได้เกิดขึ้น พวกเขาจะหมดแรงและไม่สามารถเดินทางกลับได้
ตรงกันข้ามกับโรเบิรต สก็อต จะผลักดันทีมของเขาให้เดินทางไปไกลที่สุดจนอ่อนเพลีย เมื่อวันที่อากาศดีพวกเขาจะเดินทางไปให้ไกลที่สุด เพื่อที่จะชดเชยกับวันที่ไม่เดินทาง ผลตามมาคือพวกเขาจะเกิดความเหนื่อยล้าเกินไป ผลลัพธ์จะสร้างคำถามว่าทีมนักสำรวจสองทีมที่คล้ายคลึงกันอย่างมากจะอยู่ภายในสภาวะที่เหมือน ได้เผชิญกับผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างไร
จิม คอลลินส์ ได้อธิบายถึงพฤติกรรมแกนสามอย่างของผู้นำภายในบริษัท 10X ไว้ต่อไปนี้
การคลั่งไคล้ระเบียบวินัย การคลั่งไคล้ระเบียบวินัยจะแสดงให้เห็นการกระทำที่สม่ำเสมอ ไม่ยอมรับแรงกดดันให้ทำตามด้วยวิถีทางที่ขัดแย้งกับค่านิยมขององค์การ มาตรฐานการปฏิบัติงาน และความทะเยอทะยานในระยะยาว การเดินทาง 20 ไมล์จะกำหนดทั้งขอบเขตล่างและขอบเขตบนของการเจริญเติบโตของบริษัท บริษัท 10X จะก้าวไปเหมือนเดิมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าสภาวะจะเป็นอย่างไร พวกเขาจะกำหนดเป้าหมายภายในด้านอะไรก็ตาม : การขาย นวัตกรรม การเจริญเติบโต และบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ทุกปีอย่างน้อยที่สุด 25 ปี โดยไม่มีข้อยกเว้น จิม คอลลินส์ จะเรียกวิธีการนี้ว่า การเดินทาง 20 ไมล์ การอ้างอิงเรื่องนักสำรวจขั้วโลกใต้ที่เดินทาง 20 ไมล์ทุกวัน ไม่ว่าสภาวะอากาศจะดีหรือไม่ดีแค่ไหน
ด้วยคำพูดอีกอย่างหนึ่ง เราไม่จำเป็นจะต้องรอให้สภาวะดีขึ้น และวางแผนชดเชยความสูญเสียทีหลัง ความผูกพันต่อการบรรลุผลลัพธ์ที่สม่ำเสมออย่างเดียวกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
ระเบียบวินับสามารถหมายถึงหลายสิ่งหลายอย่าง การทำงานหนัก การทำ
ตามกฏ การเชื่อฟัง และอย่างอื่น ผู้นำภายในการศึกษาของเราจะแสดงระเบียบวินัยด้วยความสม่ำเสมอของการกระทำ – ความสม่ำเสมอกับค่านิยม เปีาหมายระยะยาว และมาตรฐานการปฏิบัติงาน ความสม่ำเสมอกับวิธีการ และความสม่ำเสมอกับเวลา
ระเบียบวินัยจะไม่ใช่อย่างเดียวกับการทำตามระเบียบ ระเบียบวินัยจะไม่ใช่อย่างเดียวกับการวัด ระเบียบวินัยจะไม่ใช่อย่างเดียวกับการเชื่อฟังอำนาจหน้าที่ ระเบียบวินัยที่แท้จริงตัองการความเป็นอิสระของจิตใจที่จะไม่ยอมรับแรงกดดันให้ทำตามวิถีทางที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยม มาตรฐานการปฏิบัติงาน และความทะเยอทะยานระยะยาว
ความคิดสร้างสรรค์เชิงประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์เชิงประสบการณ์จะต้องดูที่หลักฐานของการทดลองไม่ใช่บุคคลอื่น การใช้การสังเกตุโดยตรงและการทดลองทางปฏิบัติ และการสร้างรากฐานทางประสบการณ์ที่ลึกลงไปเพื่อการตัดสินใจและการกระทำ บริษัท 10X จะมองที่หลักฐานเชิงประสบการณ์ ไม่ใช่ภูิมิปัญญาสมัยเดิมระหว่างช่วงเวลาของความไม่แน่นอน ความคิดสร้างสรรค์จะเป็นธรรมชาติ เราทุกคนจะเป็นนักคิดที่สร้างสรรค์ แต่ระเบียบวินัยจะต้องถูกเรียนรู้และปฏิบัติ ความคิดสร้างสรรค์เชิงประสบการณ์จะเป็นการผสมผสานกันของความคิดสร้างสรร์และระเบียบวินัย มันไม่ใช่ว่าบริษัท 10X จะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า ความสำเร็จของพวกเขาจะเกิดขึ้นจากวิถีทางที่พวกเขาได้คิดสร้างสรรค์ จิม คอลลินส์ ได้พบว่าบริษัทไบโอเทค ที่บรรลุความสำเร็จสูงจะมีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่าบริษัทที่เปรียบเทียบ ถ้าเราจะวัดด้วยจำนวนของสิทธิบัตร
บริษัท 10X จะไม่มองที่ภูมิปัญญาสมัยเดิมกำหนดเส้นทางของพวกเขา
ระหว่างช่วงเวลาของความไม่แน่นอน หรือการมองดูที่บุคคลอื่นได้กระทำ
อะไร หรือผู้เชี่ยวชาญได้พูดว่าพวกเขาจะกระทำอะไร บริษัท 10X จะมองดู
ที่หลักฐานทางประสบการณ์เท่านั้น หลักฐานทางประสบการณ์จะได้รับจาก
การสังเกตุและการทดลอง ด้วยคำพูดอีกอย่างหนึ่ง เราจะต้องดูมัน หรือทำมัน
ที่จะเชื่อมัน
ความหวาดระแวงอย่างมีประสิทธิผล ความหวาดระแวงอย่างมีประสิทธิผลจะเป็นความสามารถของการระมัดระวังอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่ไม่ดีที่อาจจะเกิดขึ้น และสามารถทำลายบริษัทของเราได้ ต่อจากนั้นเราจะเปลี่ยนแปลงความกลัวให้เป็นการตระเตรียมและการ
กระทำที่ไม่สับสน เราไม่สามารถนั่งรอด้วยความกลัว เราจะต้องกระทำบางสิ่งบางอย่าง เฮอร์เบิรต เคลลีเฮอร์ ซีอีโอ ของเซ้าธ์เวสท์ แอร์ไลน์ ได้ยืนยันต่อการลดต้นทุนและการดำเนินงานอย่างคล่องตัวภายในช่วงเวลาที่ดีื ดังนั้นพวกเขาได้ตระเตรียมต่อพายุุครั้งต่อไปไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง
บิลล์ เกตส์ ได้สร้างบริษัทที่เจริญเติบโตแต่ไม่เคยหยุดดมกลิ่นธนบัตรดอลล่าร์เลย เขาจะมีความระมัดระวังสูงมากเกี่ยวกับอะไรจะโจมตีและทำลายไมโครซอฟท์ เขาได้กล่าวเมื่อ ค.ศ 1994 ว่า ความกลัวควรจะนำทางเรา ผมจะพิจารณาความล้มเหลวอยู่เป็นประจำ
เขาจะกังวลใจเกี่ยวกับไมโครซอฟท์ภายในวิถีทางที่ดี การสร้างเครื่องกันกระแทกต่อพลังทางลบที่มองไม่เห็น และสามารถกระทบทางลบต่อบริษัท
ของเขา
บริษัท 10X เข้าใจว่าพวกเขาจะมีการคุกคามและการเปลี่ยนแปลงภายในสภาพแวดล้อม พวกเขาจะรับรู้ความกลัวและความกังวลของพวกเขา และนำลงไปสู่การกระทำ พวกเขาจะวางแผนตามสถานการณ์ และรักษาจำนวนที่เผื่อเพื่อความปลอดภัยไว้มาก จิม คอลลินส์ ได้ชี้ว่าบริษัท 10X จะตระเตรียมเพื่อเหตุการณ์ “หงษ์ดำ” หมายถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เนื่องจากบริษัท 10X ไม่สามารถคาดคะเนว่าเมื่อไรเหตุการณ์จะเกิดขึ้น พวกเขาชอบจะมีส่วนเผื่อความปลอดภัยไว้มากและทางเลือกหลายทางก่อนที่ “หงษ์ดำ” จะเกิดขึ้น
พวกเขาจะสร้างกันชนและเครื่องกันกระแทกเพื่อที่จะจัดการเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดหวัง
ผู้นำระดับ 5 คือบุคคลบางคนที่่ได้สร้างความยิ่งใหญ่อย่างยั่งยืนด้วยการรวมที่เหมือนจะขัดแย้งกันระหว่างความถ่อมตัวส่วนบุคคลและความมุ่งมั่นทางวิชาชีพ เราจะเรียกว่าหยินและหยางของระดับ 5 การมีทั้ง “ความถ่อมตัว” และ “ความมุ่งมั่น” ของผู้นำระดับ 5 จะอยู่ ณ แกนของเวทย์มนต์ของพวกเขา จิม คอลลินส์ จะเรียกว่า “เมล็ดพันธุ์” ภายใน
จิม คอลลินส์ ได้ระบุว่าคุณลักษณะที่แยกผู้นำระดับ 5 จากผู้นำอื่นคือ แรงขึบเคลื่อนที่เข้มข้นและความถ่อมตัวที่ดึงดูดใจ ในฐานะที่ส่วนหนึ่งของการ
วิเคราะห์ตวามเป็นผู้นำระดับ 5 เขาได้ใช้การเปรียบเทียบกระจกและหน้าต่างภายในหนังสือ Good toGreat ของเขา อธิบายว่าผู้นำควรจะตอบสนองต่ออะไรที่เป็นไปดี หรืออะไรที่เป็นไปไม่ดีอย่างไร
ผู้นำระดับ 5 จะเป็นโมเดลความเป็นผู้นำของ “หน้าต่าง” และ “กระจกส่อง” ของการนำ จิม คอลลินส์ ได้อธิบายว่า เมื่อการกระทำอะไรไม่ถูกต้อง ผู้นำระดับ 5 จะดูกระจกและตำหนิตัวพวกเขาเองต่อความผิดพลาด เมื่อการกระทำอะไรถูกต้อง ผู้นำระดับ 5 จะมองหน้าต่าง และยืนยันว่า “บุคคลทุกคนจะมีส่วนภายในความสำเร็จ”
ผลตอบแทนจากโชค จะเป็นแนวคิดหนึ่งที่่่ได้ถูกพัฒนาภายในหนังสือ Great by Choice ของจิม คอลลินส์ ตามมุมมองของจิม คอลลินส์ แล้ว ความแตกต่างระหว่างบริษัทที่ดีและบริษัทที่ยิ่งใหญ่มักจะเป็นว่าพวกเขาได้ใช้โชคอย่างไร โชคดีหรือโชคไม่ดีจะเกิดขึ้นกับบริษัททุกบริษัท บริษัทที่ยิ่งใหญ่จะไม่โชคดีกว่าบริษัทที่เปรียบเทียบ – พวกเขาไม่ได้โชคดีกว่า โชคไม่ดีน้อยกว่า แต่พวกเขาจะมีผลตอบแทนจากโชคสูงกว่า การสร้างผลตอบแทนจากโชคของพวกเขาได้มากว่าบริษัทอื่น คำถามที่สำคัญจะไม่ใช่ เราจะมีโชคหรือไม่ แต่เราจะทำอะไรกับโชคที่เรามี
เหตุการณ์ที่ได้ถูกพิจารณาว่าโชคดีหรือโชคไม่ดีไม่ได้แตกต่างกันอย่างแท้จริงใช่หรือไม่ จุดที่สำคัญคือเหตุการณ์อาจจะกลายเป็นดีขึ้นหรือเลวลง โอกาสที่ถูกจัดการไม่ดีจะกลายเป็นโชคไม่ดี และวิกกฤติที่ถูกจัดการ
ดีจะกลายเป็นโชคดี ปัจจัยสำคัญที่สุดคือเราจะรับรู้และจัดการมัยอย่างไร
แฮร์รี่ ทรูแมน อดีตประธานาธิบดีอเมริกา ได้เคยกล่าวว่า “เราสามารถบรรลุความสำเร็จอะไรก็ตามภายในชีวิต หากว่าเราไม่สนใจว่าใครจะได้การยกย่อง”
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะอ้างความสำเร็จของพวกเขาจะเกิดขึ้นจากโชค แต่มันไม่เป็นความจริง แต่มันจะเป็นความถ่อมตัว เมื่อความสำเร็จได้เกิดขึ้น ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะมองหน้าต่างที่จะยกย่องปัจจัยอื่น ถ้าไม่มีบุคคลหรือเหตุการณ์ทีี่่จะยกย่องได้ พวกเขาจะเพียงแต่ยกย่องโชค พวกเขาจะพยายามมองหน้าต่างและยกย่องอะไรก็ตามทีไม่ใช่ตัวพวกเขาเอง นั่นคือความถ่อมตัวเหลือเกิน และในขณะเดียวกันผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะมองกระจกที่พวกเขาเองจะยอมรับความรับผิดชอบ ไม่เคยกล่าวหาว่าโชไม่ดี เมื่ออะไรเป็นไปไม่ดี ดังนั้นเมื่อบางสิ่งบางอย่างได้ล้มเหลว แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ความผิดของพวกเขา พวกเขาจะยอมรับการการตำหนิื พวกเขาจะมองที่กระจก ไม่ต่องการจะชี้นิ้วไปที่หน้าต่าง จิม คอลลินส์ ได้ระบุว่าบริษัที่เปรียบเทียบจะมีผู้นำที่ตรงกันข้าม
กับแนวคิดของกระจกและหน้าต่าง เมื่ออะไรเป็นไปไม่ดี ผู้นำจะมองที่หน้าต่างว่าใครควรจะกล่าวโทษ แต่เมื่ออะไรเป็นไปดี ผู้นำจะมองที่กระจกว่าพวกเขาได้สร้างความสำเร็จ
เขาเชื่อว่าบริษัทที่สร้างผลตอบแทนจากโชคได้ดีที่สุดจะเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ได้ จิม คอลลินส์ ได้ระบุว่าโชคจะเป็นเหตุการณ์อย่างหนึ่ง เราจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าบุคคลที่โชคดี แต่เราจะมีบุคคลที่รู้ว่าจะใช้ “เหตุการณ์ของโชค” อย่างไรที่เกิดขึ้นภายในชีวิตของพวกเขาเท่านั้น
เมื่อเราได้สัมภาษณ์ ผู้นำระดับ 5 ด้วยการขอให้พวกเขาระบุห้าปัจจับลำดับสูงสุดภายในการปฏิรูปบริษัทพวกเขารียงลำดับตามความสำคัญ พวกเขาส่วนใหญ่จะระบุปัจจัยหมายเลขหนึ่งของพวกเขาคือ โชค ทุกครั้งที่ทีมวิจัยถามย้ำ คำตอบจะเป็นโชคอยู่เสมอ เราจอยู่ภายในสถานที่ที่เหมาะสม ณ เวลาที่เหมาะสม เราโชคดีที่มีบุคคลที่เหมาะสมภายในบริษัท หรือเราโชคดีที่ได้ค้นพบผู้สืบทอดที่เหมาะสม โชคดูแล้วจะผิดธรรมดาที่ได้เกิดขึ้นเกือบทุกครั้งของการสัมภาษณ์
เมื่อเราเปรียบเทียบระหว่างเบธลีแฮม สตีล และนูคอร์ สตีล บริษัทเหล็กทั้งสองจะผลิตผลิตภัณฑ์ที่สร้างความแตกต่างได้ยาก และพวกเขาจะต้องเผชิญกับความท้าทายทางการแข่งขันจากเหล็กนำเข้าราคาถูกกว่า ทั้งสองบริษัทจะต้องจ่ายค่าจ้างที่สูงกว่าคู่แข่งขันต่างประเทศ และซีอีโอ ณ สองบริษัทจะมีมุมมองที่แตกต่างกันต่อสภาพแวดล้อมอย่างเดียวกัน
ซีอีโอของเบธลีแฮม สตีล ได้สรุปปํญหาของบริษัทภายใน ค.ศ 1983
ด้วยการกล่าวหาการนำเข้า ปัญหาอย่างแรก อย่างที่สอง และอย่างที่สามของเราคือ การนำเข้า ในขณะเดียวกัน เค็นเนธ ไอเวอร์สัน ซีอีโอ ของนูคอร์ สตีลจะมองการนำเข้าว่าเป็นการให้พร เราโชคดีใช่ไหม เหล็กจะหนัก และเหล็กจะถูกขนส่งข้ามมหาสมุทร การสร้างข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่แก่เรา ที่จริงแล้วเค็นเนธ ไอเวอร์สัน ได้มองปัญหาอย่างแรก อย่างที่สอง และอย่างที่สามที่อุตสาหกรรมเหล็กของอเมริกาได้เผชิญอยู่ ไม่ใช่การนำเข้าแต่จะเป็นการบริหาร เขาได้พูดต่อสาธารณะด้วยการคัดค้านการคุ้มครองการนำเข้า การบอกแก่บริษัทเหล็กว่าปัญหาที่แท้จริงที่อุตสาหกรรมเหล็กได้เผชิญอยู่จะเป็นข้อเท็จจริงที่ผู้บริหารไม่สามารถตามให้ทันกับเทคโนโลยี
เค็นเนธ ไอเวอร์สัน ได้กล่าวว่ารากเหง้าของปัญหาที่่บริษัทเหล็กภายในประเทศได้เผชิญอยู่คือ ความไม่สามารถเปลี่ยนแปลงของผู้บริหาร เขารู้สึกว่าบริษัทเหล็กบริหารไม่ดี เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
เค็นเนธ ไอเวอร์สัน ได้ทำการปฏิรูปนูคอร์จากบริษัทที่ใกล้จะล้มละลาย
ให่กลายเป็นบริษัทเหล็กที่บรรลุความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่งภายในโลก
นูคอร์ ได้สร้างวัฒนธรรมที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนของบริษัทใหญ่ ณ เวลานั้น พวกเขาจะกำจัดระดับการบริหารเท่าที่จะ
เป็นไปได้ บริษัทได้เจริญเติบโต
เป็นบริษัทฟอร์จูน 500 3.5 พันล้านเหรียญ ด้วยสี่ระดับการบริหารเท่านั้น สำนักงานใหญ่ของบริษัทจะมีบุคคลไม่ถึง
ยี่สิบห้าคน พวกเขาได้ยัดเยียดกัน สำนักงานบริษัทเช่าขนาดร้านทำฟันขนาดเล็ก
เค็นเนธ ไอเวอร์สัน ได้กล่าวว่า เกือบ 100% ของความสำเร็จของพวกเขาจะเกิดขึ้นจากความสามรถถ่ายทอดแนวคิดที่เรียบง่ายของธุรกิจให้เป็นการกระทำที่มีระเบียบวินัยสอดคล้องกับแนวคิดนั้น นูคอร์ ได้พยายามสร้างความเสมอภาคทั่วทั้งบริษัท เค็นเนธ ไอเวอร์สันจะเป็นบุคคลที่เรียบง่าย ถ่อมตัว และอ่อนน้อมมาก
หยินและหยางของความเป็นผู้นำระดัย 5
ความมุ่งมั่นทางวิชาชีพ
สร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ตัวเร่งที่ชัดเจนของการเปลี่ยนผ่านจากดีไปสู่ยิ่งใหญ่
แสดงการตัดสินใจที่ไม่เปลี่ยนแปลงที่จะกระทำอะไรอะไรก็ตาม เพื่อการสร้างผลลัพธ์ระยะยาวที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน
กำหนดมาตรฐานของการสร้างบริษัทที่ยิ่งใหญ่อย่างยั่งยืน
มองออกไปนอกหน้าต่างไม่มองที่กระจก การแบ่งปันการยกย่องความสำเร็จของบริษัท – แก่บุคคลอื่น ปัจจัยภายนอก และโชคดี
ความถ่อมตัวส่วนบุคคล
แสดงความอ่อนน้อมที่่ดึงดูดใจ หลีกเลี่ยงการยกยอจากสาธารณะ ไม่เคยโอ้อวดกระทำอย่างเงียบสงบ ตัดสินใจอย่างกล้าหาญ ใช้มาตรฐานที่บันดาลใจ
ไม่บันดาลใจด้วยบารมีที่จะจูงใจ มุ่งความทะเยอทะยานไปที่บริษัท ไม่ใช่ตัวเอง
สร้างผู้สืบทอดเพื่อความยิ่งใหญ่มากขึ้นภายในรุ่นต่อไป
มองดูที่กระจก ไม่มองที่หน้าต่าง เพื่อที่จะแบ่งปันความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ไม่ดี
ไม่เคยกล่าวโทษบุคคลอื่น ปัจจัยภายนอก หรือโชคไม่ดี
Cr : รศ สมยศ นาวีการ