สอนหนังสือ ดูหาเสียงและนักศึกษาไทยในตุรกี (1)
สอนหนังสือ ดูหาเสียงและนักศึกษาไทยในตุรกี (1)
จรัญ มะลูลีม
ผมเดินทางไปสอนหนังสือที่ตุรกีตามโครงการ Erasmus + Programme Bilateral Inter Institutional Agreement ตามโครงการ Mobile Teaching ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กับมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์แห่งกรุงอังการา ซึ่งในภาษาตุรกี (Turkish) มีชื่อว่า Ankara Sasyal Bilinsler Universitesi (ASBU) ระหว่างวันที่ 15 – 23 พฤษภาคม 2023
วัตถุประสงค์โดยรวมของการสอนแลกเปลี่ยน (Mobile Teaching) ระหว่างอาจารย์ของไทยกับอาจารย์ของตุรกีเป็นการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในด้านการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาระหว่างประเทศ รวมทั้งการอภิปรายและการแลกเปลี่ยนความรู้ที่มีความทันสมัยและความเป็นสากล รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กับมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์แห่งอังการา ตุรกี
ทั้งนี้หากมองในบริบทของความทันสมัยและกลยุทธ์ความเป็นสากลของสถาบันที่เกี่ยวข้องในการสอนแลกเปลี่ยนก็จะเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2022 – 2027 ว่าด้วยกำลังคนในอนาคต ชีวิตและสังคมในอนาคตและความร่วมมือในอนาคต
เป็นการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างอาจารย์ของธรรมศาสตร์กับอาจารย์ผู้สอนที่สถาบันพันธมิตร เชื่อมโยงเพื่อการสัมมนา การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยที่เกี่ยวข้องและส่งเสริมโครงการวิชาการของคณาจารย์ บุคลากร และโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษานานาชาติ
ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับ ได้แก่ การพัฒนาวิชาชีพของเจ้าหน้าที่ผู้สอนและความสามารถของนักศึกษาของทั้งสองมหาวิทยาลัย เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างนักวิจัยและนักวิชาการทั้งสองฝ่าย ตลอดไปจนถึงประสบการณ์ในการสอนแบบแลกเปลี่ยนเคลื่อนที่ในสถาบันอุดมศึกษาระดับนานาชาติ นักศึกษาจะได้รับประโยชน์จากความรู้และความเชี่ยวชาญของคณาจารย์ที่ได้รับเชิญเป็นด้านหลัก ทั้งนี้อาจารย์ส่วนใหญ่ของตุรกีมากกว่าร้อยละ 80 โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์ในกรุงอังการาของตุรกีจะจบการศึกษามาจากอังกฤษ เยอรมนี และสหรัฐ ส่วนที่เหลือจะจบจากมหาวิทยาลัยในตุรกีเอง ปัจจุบันมีคนตุรกีที่ทำงานอยู่ในเยอรมนีไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ทั้งนี้จะพบว่าในทีมฟุตบอลของเยอรมนีจะมีนักฟุตบอลเชื้อสายตุรกีอยู่เสมอไม่มากก็น้อย
ที่ผ่านมาอาจารย์ของคณะรัฐศาสตร์ ส่วนใหญ่ก็ต้องสอนนักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว นักศึกษาเหล่านี้จะมาจากสหรัฐ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศสเป็นด้านหลัก
ขณะที่เป็นหัวหน้าสาขาอินเดียศึกษาวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ผมมีโอกาสได้สอนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ (California Berkeley) ที่มาเรียนไทยศึกษาวิชาศาสนาอิสลามในประเทศไทย (Islam in Thailand) อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้มหาวิทยาลัยที่ส่งนักศึกษามาเรียนที่ประเทศไทยมาโดยตลอดก็คือมหาวิทยาลัยอาโอยามะของญี่ปุ่นที่มาแลกเปลี่ยนเป็นช่วงๆ ส่วนมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่มาเรียนกับคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นช่วงๆ ก็มีมหาวิทยาลัย City Hongkong จากฮ่องกง นอกจากนั้นก็จะมีนักศึกษาจากแต่ละประเทศมากบ้างน้อยบ้างมาเรียนทั้งวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์และคณะรัฐศาสตร์เช่นกัน เช่น นักศึกษาจากลิธัวเนีย เม็กซิโก สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว พม่า ปากีสถาน บรูไน อินเดีย และจากเอเชียตะวันตกอย่างอิรัก การ์ตา ตุรกี แต่จากประสบการณ์ในการสอนที่คณะรัฐศาสตร์และวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ยังไม่เคยมีนักศึกษาจากมาเลเซียมาเรียนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยจากสวิตเซอร์แลนด์เชิญผมสอนวิชาอินเดียศึกษาให้กับคณาอาจารย์ และนักศึกษา โดยมาจัดการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในบางปีอีกด้วย อาจารย์ไทยบางคนจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ ของไทย และอาจารย์ไทยและอาจารย์ชาวจีนที่สอนอยู่ที่วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์จะไปสอนให้นักศึกษาและคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยสวิตเซอร์แลนด์สามหัวข้อด้วยกันคือการเมืองไทย การเมืองจีน และการเมืองอินเดีย ผมจึงคุ้นเคยกับการสอนนักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนในเมืองไทยในระดับหนึ่ง
การแลกเปลี่ยนการสอนระหว่างมหาวิทยาลัย สังคมศาสตร์ของอังการากับคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในครั้งนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และตามแนวคิด Erasmus + Enriching lives, opening minds ของสหภาพยุโรป (European Union) อันเป็นโครงการเรียนรู้และการเคลื่อนไหวแลกเปลี่ยนเพื่อการศึกษาของนักศึกษาและอาจารย์ผู้สอนในหมู่สมาชิกของสหภาพยุโรปและประเทศที่สามที่มีความผูกพันอยู่กับ Program นี้
การเลือกตั้งในตุรกี
แม้ว่าผมจะเข้าสอนหลังการเลือกตั้งรอบแรกในตุรกีผ่านไปแล้วแด่บรรยากาศการหาเสียงเพื่อการเลือกตั้งรอบสองทั้งในกรุงอังการาและอิสตันบูลก็ดูจะคึกคักอยู่ไม่น้อย
ทั้งนี้หลังมีการเลือกตั้งในประเทศไทยแล้ว ผมก็เดินทางไปตุรกีในวันรุ่งขึ้น (15 พฤษภาคม 2023) แม้จะไม่ทันได้เห็นการเลือกตั้งรอบแรกแต่เนื่องจากได้อยู่ตุรกีต่อมาอีกหลายวัน จึงได้เห็นการรณรงค์หาเสียงของตุรกี ที่ประชาชนมีความตื่นตัวกับการเลือกตั้งครั้งที่สองไม่ต่างไปจากการเลือกตั้งครั้งแรก ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งแรกในวันที่ 14 พฤษภาคมที่ตรงกับการเลือกตั้งในประเทศไทยไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 50 จึงต้องมีการเลือกตั้งกันใหม่ในรอบที่สอง
ผู้สนับสนุนผู้นำพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างมารวมตัวกันในจัตุรัสต่างๆ ของประเทศ พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนพร้อมโบกสะบัดธงของผู้สมัครโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งประธานาธิบดีที่ตนสนับสนุนกันอย่างคึกคัก เต็มไปด้วยสีสัน แต่ไม่มีการปะทะกันให้เห็นแต่อย่างใด
ทุกคนมุ่งมั่นอยู่กับธงของตัวเอง มีรูปผู้นำทั้งของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลให้เห็นอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะในพื้นที่สำคัญของประเทศ
Bekir Ozcelik เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในกรุงอังการาเมืองหลวงของตุรกีซึ่งลงคะแนนให้เออร์โดอัน (Recep Tayyip Erdogan) กล่าวว่า “ไม่มีผู้นำคนใดในโลกที่จะทัดเทียมเออร์โดอันได้” แม้ว่าเขาจะอยู่ในอำนาจมาแล้วกว่า 20 ปี (รวมทั้งการเป็นนายกรัฐมนตรี 9 ปี) สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2023
มุมมองนี้มีมาจากคนส่วนใหญ่ของชาวเติร์กที่มีส่วนสำคัญในการทำให้เออร์โดอันกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตุรกีอีกครั้ง เป็นเวลา 5 ปี ด้วยคะแนนเสียงอย่างเป็นทางการที่ร้อยละ 52 ต่อร้อยละ 48 (คะแนนการเลือกตั้งคิดเป็นร้อยละจะอยู่ที่ร้อยละ 52.16 กับร้อยละ 47.84) อันเป็นคะแนนเสียงที่มีขึ้นในรอบที่สองจากการลงคะแนนเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2023 ทำให้ประธานาธิบดีคนเดิมเอาชนะ เคมาล กิลิดาโรกลู (Kemal Kilicdaroglu) คู่ต่อสู้ที่นิยมตะวันตกและมีวัยใกล้เคียงกันไปได้
พรรค AK (พรรคความยุติธรรมและการพัฒนา) และพันธมิตรได้ที่นั่ง 323 ที่นั่งจาก 600 ที่นั่ง ประธานาธิบดีเออร์โดอันยังสามารถรับประกันได้ถึงเสถียรภาพที่เขาจะได้รับทั้งจากสภานิติบัญญัติและรัฐบาล
ในจำนวนชาวเติร์ก 85 ล้านคน มี 64 ล้านคนที่มีสิทธิ์ลงคะแนน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ลงคะแนนประมาณร้อยละ 75 ถึงร้อยละ 80 ในรอบที่สอง ซึ่งมีความจำเป็นต้องออกมาลงคะแนนให้ผู้ที่ตนชื่นชอบอีกครั้ง เพราะในการลงคะแนนรอบแรกเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ไม่มีผู้สมัครจากพรรคใดได้เสียงข้างมาก
ทั้งนี้เออร์โดอันกับกิลิกดาโรกลู มีคะแนนในรอบแรกสูสีกันมาก โดยในการเลือกตั้งครั้งแรก เขาได้ร้อยละ 49.5 เทียบกับร้อยละ 44.8 จากผู้ท้าชิงของเขา แม้ว่าการสำรวจก่อนการเลือกตั้งเออร์โดอันจะมีคะแนนนำถึงร้อยละ 15 หรือมากกว่านั้นก็ตาม