jos55 instaslot88 Pusat Togel Online ชีวิตที่เชียงใหม่ - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ชีวิตที่เชียงใหม่

ชีวิตที่เชียงใหม่

เสียงดังโล้งเล้งของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่เข้าครอบครองศูนย์อาหารชั้นล่างสุด ตรงข้ามกับ Central Food Hall ที่ Central Festival เชียงใหม่ ที่นั่น มีนักท่องเที่ยวจีนเป็นประจำทุกเช้าเย็น รู้สึกว่าจะมากกว่าที่อื่น แต่ไปที่ไหนๆ ก็เห็นนักท่องเที่ยวจีนอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะที่ตลาดขายส่งผลไม้เมืองใหม่ ตรงแผงขายทุเรียน มีนักท่องเที่ยวยืนถ่ายรูป และคนขายจะช่วยเลือกและแกะทุเรียนให้ เป็นบริการพิเศษ

แต่ละวัน ผู้อาวุโสแบบผม โดยเฉพาะตอนที่อยู่คนเดียว ไม่มีกิจกรรมอะไรที่ทำให้เครียดมากนัก ตื่นแต่เช้า ก็พยายามออกกำลังกาย เสร็จแล้วก็ประกอบอาหารเช้าแบบง่ายๆ ทำกิจวัตรประจำวัน จนเที่ยงหรือบ่ายนิดๆ ก็เริ่มที่จะออกไปข้างนอก หาอาหารเที่ยง หรือไปศูนย์การค้า หรือตลาดรวมโชค ซึ่งเป็นตลาดสด เพื่อซื้อของกลับบ้าน แล้วตอนเย็นก็ออกไปอีกครั้งหนึ่ง เพื่อกินอาหารเย็น ซึ่งถ้าเป็นที่กรุงเทพฯ ถ้าจะออกไปเวลาเลิกงานหรือในช่วงวันหยุดนั้น รถติดมากๆ ต้องวางแผนให้ดีว่าจะไปไหน อาจจะต้องออกก่อนเวลา ไปรอ ณ สถานที่เป้าหมายนานๆดีกว่า เพราะหลายๆครั้งไปไม่ถึงที่หมาย บนถนนไม่ได้เคลื่อนที่เลย มักจะวกกลับมาตั้งหลักที่บ้าน แล้วรอเวลา ค่อยออกตอนที่ การจราจรเบาบางลง ที่เชียงใหม่นี้ ปลอดโปร่งกว่ามาก

อยู่ว่างๆ ได้เดินสำรวจดูกิจการ แผงขายผลไม้ในตลาดสด เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่มากันเป็นกลุ่มๆ ไม่แพ้ พวกที่ไปตลาด super market ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า นักท่องเที่ยว ไป super market กันทำไม เขาซื้ออะไรกัน และซื้อไปที่ไหน หรือเขาอาจจะอยู่หลายวัน ก็เป็นได้ เห็นหิ้วของ จาก super market กันคนละถุงใหญ่ๆ ทุกๆวัน

ที่จริงแล้ว การท่องเที่ยว ให้คนต่างถิ่นมาใช้จ่ายเงิน จะดีกับเศรษฐกิจท้องถิ่น เป็นการหารายได้เข้าประเทศโดยไม่ต้องลงทุน ที่ใครๆว่าเศรษฐกิจของเราตกต่ำลง ผมไม่เห็นแบบนั้น เพราะยังมีนักท่องเที่ยวมาจับจ่ายใช้สอย คนที่ขายไม่ค่อยได้ น่าจะเป็นคนที่ขายของเดิมๆ เช่นขายเนื้อหรือ หมูในตลาดสด ซึ่งตอนนี้ คนหลายคนเปลี่ยนไปซื้อ เนื้อ หรือหมู ในตลาด super market กัน เช่นเดียวกับร้านโชห่วย ขายของชำ ย่อมสู้ Seven Eleven หรือ Big C ไม่ได้ สรุปแล้ว คือสถานการณ์ตลาดของเราเปลี่ยนไป คนที่ได้ประโยชน์ คือ คนรวยไม่กี่ราย ที่ทำให้คนจนหรือคนที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงปรับปรุงกิจกรรมของตัวเอง ต้องพับฐานทางธุรกิจไป

ความจริง ผมอยากจะเขียนซ้ำอีกครั้งว่าอยากจะหยุดเชียงใหม่ไว้เพียงแค่นี้ ไม่ให้สร้างคอนโดหรือหอพักหรือโรงแรม ไม่ให้มีการจดทะเบียนธุรกิจ ไม่ให้มีศูนย์การค้า ไม่สร้างถนน นอกจากจะปรับปรุงของเดิม กู่เรียกคนพื้นเมืองกลับมา ให้ทั้งเมืองเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยคำเมือง แต่งกายกันแบบชาวล้านนา ทั้งหญิงและชาย สำหรับผู้ชาย ให้นำ ม่อฮ่อม คาดเอวด้วยผ้าขาวม้า แต่งกันเป็นพื้น เกลื่อนถนน ผมคิดถึง เมืองเชียงใหม่ที่ผมได้มีโอกาสมาเที่ยว ตั้งแต่ ปี ๒๕๐๘ เป็นต้นมา และได้มาอาศัยอยู่บ่อยๆ เพราะรับผิดชอบถั่วเหลือง และพืชน้ำมัน ซึ่งที่เชียงใหม่เป็นพื้นที่ปลูกหลักของประเทศในสมัยนั้น แต่สภาพของเชียงใหม่ตอนนี้ คงจะกลับไปแบบนั้นอีกไม่ได้ มันเป็นความประทับใจของเราที่ไม่รู้ลืม

เมื่อ ๒-๓ วันก่อน ตอนค่ำๆ ไปกินข้าวที่ศูนย์อาหารชั้น ๔ ของห้าง Central ซึ่งไปเป็นประจำ ร้านข้าวแกงที่ผมไปยืนคอย มีนักท่องเที่ยวจีน ชายหญิง น่าจะเป็นสามีภรรยากันกำลังจ่ายเงินค่าอาหารอยู่ เห็นเขามีปัญหากับคนขายที่เป็นเด็กลูกจ้าง ว่าทอนเงินให้เขาผิด เขาชี้ไปที่ป้ายข้างบนที่บอกราคา ว่าตักกับ ๒ อย่าง หรือ ๓ อย่างราคาเท่าไหร่ ซึ่งเห็นเขาสั่ง ๓ อย่าง ๒ ชุด พูดกันไม่รู้เรื่อง จนต้องไปตามเจ้าของที่อยู่ข้างในออกมา สรุปได้ว่าให้ทอนเงินให้เขาตามที่ต้องการ ความคิดของผมตอนนั้น รู้สึกดีใจ และภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย เพราะคนขายซึ่งเป็นคนไทยเหมือนผมโอนอ่อนให้ลูกค้า ไม่ทำให้มีเรื่องราวใหญ่โต น่ารักมากๆ

ทำให้คิดถึงอดีต นานมาแล้ว ที่ไปนั่งกินไอศกรีม Yogurt ที่ศูนย์การค้า Maya ชั้นล่างสุด มีนักท่องเที่ยวจีน แม่ และลูกอีก ๒ คนมาเปิดก๊อกไอศกรีมใส่ถ้วย (ไอศกรีมบรรจุเป็นถังๆ มีก๊อก ๒-๓ ก๊อก ให้เปิด เป็นไอศกรีมต่างชนิดกัน) แล้วคนขายก็ชั่งน้ำหนัก คิดเงิน ซึ่งปกติ ไอศกรีมนี้ มีราคาสูง ประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ กว่าบาทต่อถ้วย แล้วแต่ปริมาณที่ลูกค้าเปิดก๊อกเอง ที่เขาขายได้เพราะอร่อยดี ปัญหาที่เกิดคือ แม่ไม่ยอมจ่ายเงิน บอกว่ามันแพง แต่ขณะที่ลูก ๒ คนตักไอศกรีมใส่ปากจนหมดถ้วย ถามคนขายดู ปรากฏว่าไม่จ่ายเงิน ไอศกรีมหมด เขาก็พากันไปเลย เป็นการกินฟรี สนุกดี เหตุการณ์แบบนี้ ที่เมืองไทย สำหรับคนต่างชาติ น่าจะโอ เค แต่ถ้าเป็นเหตุการณ์เดียวกัน ที่เมืองจีน ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป

กล่าวถึงนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งปัจจุบันรู้สึกว่าจะมีเพียงจีนเพียงอย่างเดียวที่มาเป็นกลุ่ม เกาหลี ญี่ปุ่น หรือชาติอื่นๆไม่ค่อยเห็น หรือ หน้าตาจะคล้ายกันเลยเห็นเป็นจีนหมด เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มทัวร์ของฝรั่งไม่มี หรือไม่ค่อยเห็นเลย มีแต่ฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทยเป็นคนๆไป หรือทั้งครอบครัว ที่เห็นในที่สาธารณะคือ ฝรั่งผู้ชายที่เดินเคียงคู่กับสุภาพสตรีไทย ซึ่งคิดว่าส่วนใหญ่ จะเป็นสามีภรรยากัน ที่รู้สึกว่าเราขาดสมดุล คือ ไม่มีฝรั่งผู้หญิงที่ควงคู่ผู้ชายไทยมาเดินให้เห็นบ่อยนัก เลยเห็นว่าเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่คงเนื่องมาจากที่เราตัวเล็ก ฝรั่งตัวใหญ่ และฐานะความเป็นอยู่ส่วนใหญ่ของผู้ชายเรา ไม่สามารถเลี้ยงดูฝรั่งผู้หญิงเขาได้นั่นเอง

ตกเวลาเย็น กิจวัตรประจำวันของผม คือไปเดินที่ห้วยตึงเฒ่า ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ ๖ กม. ระยะทางเท่านี้ ที่เชียงใหม่ใช้เวลาเดินทางแค่ ๑๐ นาทีนิดๆก็ถึง ขณะที่กรุงเทพฯ อาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ แล้วแต่สภาพการจราจรแต่ละช่วงเวลา มีหลายครั้งที่ฝนกำลังตกและหนักพอสมควร แต่ผมก็ไปเดินกางร่ม รู้สึกชอบเดินตอนที่ฝนตกมากๆ เพราะไม่มีทั้งคนเดิน วิ่งหรือจักรยาน เราครองสถานที่นั้นแต่เพียงคนเดียว หายใจได้สะดวกมากๆ แต่พอฝนเริ่มซาเม็ด หรือหยุดตก นักเดิน วิ่งและจักรยานเริ่มเข้ามามากขึ้น แต่ก็ยังเบาบางกว่าตอนที่อากาศแห้ง ซึ่งยังไงก็ยังดีกว่าที่กรุงเทพฯ ตรงที่มีสถานที่เดิน ไปไม่ยาก และคนไม่มากนัก

วันเวลาเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อีกไม่นาน ก็คงต้องกลับกรุงเทพฯ ซึ่งมีภารกิจรอคอยอยู่หลายอย่าง ไม่อยากให้ถึงวันกลับเร็วๆ เพราะอยู่ที่นี่ ชีวิตสะดวกสบาย จะมีความรู้สึกว่า วันเดินทางไปเชียงใหม่เป็นวันที่มีความสุข กระตือรือร้น และวันกลับ เป็นวันที่อาลัย อยากอยู่ต่อนานๆ

บู๊ คนเคยหนุ่ม
เชียงใหม่ ๑๔ กย. ๒๕๖๒

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *