ฟื้นความสัมพันธ์ ซาอุฯ-อิหร่าน กับภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ในตะวันออกกลาง
ฟื้นความสัมพันธ์ ซาอุฯ-อิหร่าน กับภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ในตะวันออกกลาง
ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน
ศูนย์อิสลามและอิหร่านศึกษา วทส.
ข่าวการเจรจารอบที่ห้าระหว่างอิหร่านกับซาอุดิอาระเบีย ณ กรุงแบกแดดเดือนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความคืบหน้าของแผนการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯกับอิหร่านมากทีเดียว จึงทำให้สื่อทั่วโลกได้จับตาในเรื่องนี้อย่างไม่กระพริบตา อีกทั้งยังได้แพร่ภาพของการเจรจาโดยมีนายกรัฐมนตรีอิรักร่วมการพูดคุยในครั้งนี้ด้วย
นายมุสตอฟา กาซิมี นายกรัฐมนตรีอิรักได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ อัลมิศบาห์ ถือว่าเป็นสื่อสำคัญของรัฐบาลอิรักทันทีเมื่อการเจรจาได้จบลงโดยเขาได้พูดถึงกรณีของการเจรจาระหว่างซาอุฯกับอิหร่านในรอบที่ห้านี้ว่า ทั้งสองประเทศต่างยอมรับเงื่อนไขและมีความรับผิดชอบในข้อตกลงร่วมกันหลายประเด็น และคงเป็นความหวังในเร็ววันนี้ที่จะเห็นผลลัพธ์ที่เป็นบวก เราเชื่อมั่นต่อริยาฎและเตหร่านว่าความสัมพันธ์อันดีจะคืนกลับมาในอนาคตอันใกล้นี้ นายมุสตอฟา กาซิมี กล่าว
ถือเป็นความพยายามของอิรักในการฟื้นความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่านอย่างต่อเนื่องและต้องยกเครดิต ความดีความชอบของภารกิจสำคัญนี้ให้กับรัฐบาลของอิรักและปฎิเสธไม่ได้เลยว่าอิรักคือบทบาทสำคัญของการเจรจาฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯ-อิหร่านเลยทีเดียว
เริ่มการพูดคุยและพยายามให้อิหร่านกับซาอุฯใกล้ชิดอีกครั้ง เริ่มมาตั้งแต่ปี 2019 และผ่านการเจรจามาถึงห้าครั้ง และในครั้งล่าสุดนั้นถือว่าเป็นสัญญาบวกเมื่อ MBS ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า อิหร่านคือเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซียและอิหร่านถือว่าเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในตะวันออกกลาง
จุดเริ่มของการพูดคุยระหว่างอิหร่าน-ซาอุฯเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
เป็นคำถามที่น่าสนใจว่าจุดเริ่มต้นของการพูดคุยระหว่างซาอุฯกับอิหร่านได้เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่?และทำไมต้องอิรักเป็นคนกลางของการเจรจา? อิรักมีบทบาทอย่างไรต่อการเจรจาฟื้นความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่าน? และถ้าบรรลุความสัมพันธ์อีกครั้งภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางเปลี่ยนไปหรือไม่?ซาอุฯได้อะไรกับการฟื้นความสัมพันธ์ครั้งนี้?และอิหร่านได้อะไร? และอีกหลายๆคำถามเราคงค่อยๆมาแกะรอยและหาคำตอบกันไปพร้อมๆกัน
ถ้าจะดูการพัฒนาการฟื้นความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่านในวันนี้ คงต้องย้อนดูความขัดแย้งระหว่างซาอุฯกับอิหร่านสักนิด ขอเริ่มจากปีค.ศ.2016 เหตุการณ์บุกโจมตีประชาชนอิหร่านต่อสถานทูตซาอุฯในกรุงเตหรานและสถานกงสุลในเมืองมะชัด เนื่องจากประชาชนไม่พอใจการประหารชีวิตนักการศาสนาชาวชีอะฮ์ เชค นัมล์ อัลนัมล์ ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างซาอุฯและอิหร่านขาดลงทันที
ต่อมาในปีค.ศ.2019 กลุ่มการเมืองชีอะฮ์ฮูษีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธใส่กรุงริยาดเป็นการตอบโต้ซาอุฯที่ได้เข้ามาทำสงครามในเยเมน เป็นเหตุให้ซาอุฯประณามการโจมตีนั้นอย่างรุนแรงอีกทั้งได้กล่าวว่าอิหร่านได้สนับสนุนให้กลุ่มฮูษีและอยู่เบื้องหลังของการโจมตีซาอุฯ ในครั้งนั้น ขณะที่อิหร่านได้ปฏิเสธอย่างเสียงแข็งต่อเหตุการณ์วันนั้นและยังมีอีกหลายๆเหตุการณ์ที่ซาอุฯได้แสดงความเป็นศัตรูกับอิหร่าน ไม่ว่าประเด็นในเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านและการคว่ำบาตรอิหร่าน
ต่อมาหลายๆประเทศอาหรับ ไม่ว่าโอมานหรือคูเวตพยายามจะให้เจรจาระหว่างอิหร่านกับซาอุฯ แต่ไม่เป็นผล และปากีสถานถือว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งได้เสนอตัวเป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างซาอุฯ-อิหร่าน ถึงแม้ว่าการพูดคุยไม่ประสบความสำเร็จและไม่คืบหน้าเท่าไหร่นัก นักวิเคราะห์ด้านตะวันออกกลางศึกษามองว่า ปากีสถานถือว่าอิหร่านคือประเทศเพื่อนบ้านที่มีเขตแดนติดต่อกันมากถึง๘๓๐กิโลเมตรเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันปากีสถานยังมีความใกล้ชิดทางยุทธศาสตร์ต่อซาอุฯมากอีกด้วยจึงมองว่าถ้าความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน-ซาอุฯหมดไปและฟื้นความสัมพันธ์จะเป็นผลดีต่อนโยบายของปากีสถาน แต่ด้วยกับสถานะของปากีสถานไม่ได้เป็นประเทศที่เป็นกลางพอ อีกทั้งยังถูกกดดันจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะในสมัยอดีตประธานาธิบดี ทรัมป์ จึงทำให้แผนการฟื้นสัมพันธ์อิหร่าน-ซาอุฯที่ผ่านมาไปไม่ถึงไหนและล้มเลิกไปในที่สุด
ต่อมาด้วยความพยายามของอิรักในการฟื้นความสัมพันธ์ซาอุฯอิหร่านและได้เริ่มการพูดคุยอย่างลับๆและพยายามให้อิหร่านกับซาอุฯใกล้ชิดอีกครั้ง นับได้ว่าได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2019 และผ่านการเจรจามาถึงห้าครั้งวันนี้ และในครั้งล่าสุดนั้นถือว่าเป็นสัญญาบวกมากและได้ก้าวหน้าไปไกลมาก จนทำให้ MBS ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า อิหร่านคือเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซียและอิหร่านถือว่ามีบทบาทสำคัญในตะวันออกกลาง และถ้าวิเคราะห์แล้วสำหรับซาอุฯแล้วได้พยายามที่จะฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศที่ตนเองมีความขัดแย้ง โดยเริ่มแผนฟื้นความสัมพันธ์กับกาต้าในปี2021 และขยับความสัมพันธ์ในระยะที่ดีขึ้นกับตุรกีดั่งที่ได้ปรากฏเป็นข่าวใหญ่วันนี้การเยือนซาอุฯของประธานาธิบดีตุรกีและได้พบปะกับมุฮัมมัดบินซัลมาน และจากนั้นทำให้ซาอุฯทบทวนบทบาทตัวเองและผลได้ผลเสียต่อการตัดความสัมพันธ์กับอิหร่านจึงเริ่มการเจรจากับอิหร่านอย่างลับๆผ่านคนกลางคืออิรักและหลังจากนั้นเจ้าชาย ไฟซอล ฟาร์ฮาน อัลซาอูด รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุฯ กล่าววันที่19 ก.พ. 2022ในการประชุมความมั่นคงในนครมิวนิก ประเทศเยอรมนี ว่า หากการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 อิหร่านบรรลุอีกครั้ง ก็ควร “จะเป็นจุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดจบ” เพื่อแก้ปัญหาความกังวลในระดับภูมิภาคระหว่างเรากับอิหร่าน” ซึ่งนั่นคือสัญญาณที่ดีของการปรับความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับซาอุฯ
ผลสะท้อนการพูดคุยครั้งล่าสุดเป็นอย่างไร?
การเจราจาผ่านมาถึงห้ารอบแบบไม่เปิดเผยรายละเอียดสักเท่าไหร่นักและในครั้งก่อนๆเกือบจะไม่เป็นข่าวเลย จนกระทั่งได้มีการเจราจารอบที่ห้าที่ผ่านมา เราได้เห็นปฎิกิริยาบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงทิศทางการเมืองการต่างประเทศของซาอุฯและอิหร่านหลายประเด็นไม่ว่าการปรับท่าทีที่ไม่แข็งกร้าวของซาอุฯต่ออิหร่านหรือการส่งสัญญาณของอิหร่านต่อซาอุฯไม่ว่าในอดีตประธานาธิบดี โรฮานี และประธานาธิบดีรออีซี่ก็ตาม และเริ่มจากการสร้างความประหลาดใจต่อชาวโลกไม่น้อยเมื่อ มุฮัมมัดบินซัลมาน(MBS)ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อกระแสหลักและสื่อของซาอุฯเองถึงความพยายามจะฟื้นความสัมพันธ์กับอิหร่าน และกล่าวว่า อิหร่านคือประเทศเพื่อนบ้านซาอุฯและอิหร่านคือบทบาทสำคัญในตะวันตออกกลาง
ผลบวกของการฟื้นความสัมพันธ์อิหร่าน-ซาอุฯ ยังสะท้อนต่อประเด็นในเรื่องการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านและได้เห็นบทบาทของสหรัฐฯในภูมิภาคตะวันออกกลางลดลง หรือปัญาหเยเมนที่ได้ทำข้อตกลงหยุดยิงสองเดือนนักวิเคราะห์มองว่าเป็นผลของการเจราจาระหว่างซาอุฯ-อิหร่าน หรือแม้แต่กรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ได้เห็นบทบาทซาอุฯที่วางท่าทีไม่เอนเอียงไปข้างสหรัฐฯ
กระทรวงการต่างประเทศอิรักได้แถลงว่า การเจรจาระหว่างซาอุฯ-อิหร่านในกรุงแบกแดดรอบที่ห้าที่ผ่านมา จะเป็นการผลักดันให้มีการเปิดสถานกงสุลขึ้นอีกครั้งในสองประเทศ และจะฟื้นความสัมพันธ์ด้านอื่นๆตามมา
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิรักได้แถลงข่าวต่อความคืบหน้าการเจรจาซาอุฯ-อิหร่านอีกว่า ภายใต้ระเบียบและข้อตกลงทางการเมืองพูดคุยกันครั้งล่าสุด ได้ข้อตกลงร่วมกันว่าสองประเทศจะสร้างความสมดุลในภูมิภาคเพื่อลดความขัดแย้งและการตึงเคลียด
แหล่งข่าวได้เปิดเผยว่า การพูดคุยระหว่างซาอุฯ-อิหร่านมีหลายประเด็น ไม่ว่าด้านความมั่นคงและการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูต และร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งการแก้ปัญหาในเยเมน
คงปฎิเสธบทบาทอิรักต่อการฟื้นความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่านไม่ได้ในวันนี้ และถือว่าเป็นการเปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหม่ในตะวันออกกลางและจะเกิดฉากทัศน์ทางการเมืองโลกมุสลิมในอนาคตที่ต้องจับตาทีเดียว
หนังสือพิมพ์ อัศศิฮาบของอิรักได้กล่าวย้ำว่า การพูดคุยครั้งที่ห้าถือว่าเป็นความสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่ง และนั่นคือบทบาทของแบกแดด โดยที่อิรักปรารถนาจะเห็นความร่วมมือกันอย่างเอาจริงเอาจังในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข็มแข็งทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงและลดความขัดแย้งต่างๆ
ในขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิรัก นาย ฟุอาด ฮุเซน ได้กล่าวย้ำว่า การเจราจาครั้งที่ห้าระหว่างซาอุฯ-อิหร่านแบกแดดเป็นเจ้าภาพนั้น ถือว่าเป็นการเจรจาที่เป็นความคืบหน้าและผลลัพธ์เขิงบวกอย่างมาก และเขากล่าวอีกว่า ซาอุฯและอิหร่านได้ลงนามร่วมมือข้อตกลงระหว่างกันถึง 10ฉบับเลยทีเดียว และนายฟุอาด ฮุเซน กล่าวอีกว่า เรื่องสำคัญที่เจราจากัน คือปัญหาในเยเมน และยังได้กล่าวถึงปัญหาเพื่อนบ้านของอิรักต่ออิหร่าน ตุรกีในประเด็นคามมั่นคงอีกด้วย
นับว่าเป็นก้าวสำคัญของการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯ-อิหร่าน และนั่นเป็นการบ่งบอกว่าฉากทัศน์ทางการเมืองในตะวันออกกลางกำลังจะเปลี่ยนและภูมิรัฐศาสตร์ใหม่กำลังเกิดขึ้นในโลกการเมืองวันนี้ที่ต้องจับตากันต่อไป.